เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Qualcomm นาย Anand Chandrasekher ได้ออกมาบอกว่าชิป Apple A7 ที่ใช้สถาปัตยกรรม 64 บิตเป็นแค่กลเม็ดทางการตลาดของแอปเปิลเท่านั้น ล่าสุดวันนี้ Qualcomm ได้เผยอย่างเป็นทางการผ่านทาง Macworld แล้วว่าที่หัวหน้าฝ่ายการตลาดได้กล่าวออกมานั้นเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อวานนี้หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Qualcomm ผู้ผลิตชิปตระกูล Snapdragon ได้ออกมาบอกว่าชิป 64 บิตบน iPhone 5s นั้นแทบไม่มีประโยชน์ใดๆ แก่ผู้ใช้เลย (zero benefit) เป็นเพียงกลเม็ดทางการตลาดของ Apple เท่านั้น เขากล่าวต่อไปอีกว่าชิป 64 บิตนั้นมีประโยชน์เพียงแค่การอ้างอิงแรมได้มากกว่า 4 GB และเหมาะกับงานเฉพาะทางบางอย่างที่รันบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งยังห่างไกลจาก iPhone 5s ที่มีแรมเพียง 1 GB

นอกจากนี้เขายังเสริมว่า Qualcomm กำลังพัฒนาชิป 64 บิตที่เหมาะกว่าและมีประโยชน์ที่แท้จริงกับการทำงานบนมือถือ มากกว่าที่จะใช้เป็นประโยชน์ทางการตลาดเหมือนอย่างที่ Apple กำลังทำอยู่

Qualcomm เป็นสมาชิกร่วมก่อตั้งกลุ่มมาตรฐานชาร์จไร้สาย Alliance for Wireless Power (A4WP)

เมื่อเร็วๆ นี้ เราเห็นข่าว Qualcomm เข้าเป็นสมาชิกกลุ่มมาตรฐานชาร์จไร้สายอีกกลุ่มหนึ่งคือ Wireless Power Consortium (WPC) หรือรู้จักกันในชื่อ Qi

วันนี้ Qualcomm ประกาศร่วมกลุ่มมาตรฐานชาร์จไร้สายกลุ่มที่สาม Power Matters Alliance (PMA) หรือ Powermat

ตามข่าววงในของ Engadget ระบุว่า Qualcomm กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จไร้สายที่ทำงานได้ทั้งความถี่ต่ำ-สูง ซึ่งถ้าพัฒนาได้สำเร็จก็จะช่วยให้อุปกรณ์ชาร์จไร้สายเหล่านี้ใช้งานข้ามค่ายกันได้ครับ

กลุ่ม Wireless Power Consortium (WPC) เจ้าของมาตรฐานชาร์จไร้สายที่เรารู้จักในชื่อ Qi ประกาศสมาชิกใหม่อีกสองรายคือ Qualcomm และ Verizon Wireless

ความเคลื่อนไหวนี้น่าสนใจมากสำหรับสงครามมาตรฐานชาร์จไร้สาย (ที่มีอยู่ 3-4 กลุ่ม) เพราะ Qualcomm เป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกมือถือ แถมยังเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งกลุ่ม Alliance for Wireless Power (A4WP) ที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญของ WPC อีกด้วย

ตอนนี้ WPC มีสมาชิกระดับกรรมการ (Steering Group) จำนวน 24 บริษัท (ในจำนวนนี้มีบริษัทมือถือรายใหญ่ทั้ง LG, HTC, Sony, Nokia ด้วย) และมีสมาชิกทั้งหมด 172 บริษัท (Huawei, Samsung อยู่ในกลุ่มนี้) ส่วนกลุ่ม A4WP มีสมาชิกน้อยกว่าคือ 63 บริษัท

ต่อจากข่าวเก่า เผย Galaxy Note 3 แบตอึดเพราะชิป Envelope Tracker จาก Qualcomm ล่าสุดทางต้นสังกัดผู้ผลิตชิปก็ออกมาอธิบายข้อมูลเพิ่มอีกนิดหน่อย

ชิปตัวนี้ชื่อว่า QFE1100 ส่วนหลักการทำงานก็เหมือนในข่าวเก่า นั่นคือปรับกำลังส่งสัญญาณตามลักษณะของลูกคลื่นสัญญาณ ตัวเลขของ Qualcomm เองระบุว่าช่วยลดความร้อนลงได้ 30%, ลดพลังงานที่ใช้ได้ 20%, ช่วยให้การส่งสัญญาณรวดเร็วขึ้น แถมยังมีประโยชน์ทางอ้อมให้แผงวงจรรวมมีขนาดเล็กลงเพราะสามารถออกแบบชิปส่งสัญญาณได้เล็กลง

ชิป Envelope Tracking (ET) ลักษณะนี้จะเริ่มใช้ใน Galaxy Note 3 เป็นรุ่นแรก และจะทยอยใช้งานในมือถือ LTE รุ่นต่อๆ ไปอีกมาก

คุณสมบัติเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Galaxy Note 3 คืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่คุยว่าเยอะกว่า Note II อีกพอสมควร

เหตุผลของอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น นอกจากเรื่องแบตความจุเยอะขึ้นแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องฮาร์ดแวร์เข้ามาเพิ่มเติม โดย Note 3 มีชิปพิเศษที่ชื่อว่า envelope tracker ที่พัฒนาโดย Qualcomm ใส่เข้ามาด้วย

ชิปตัวนี้จะทำหน้าที่ปรับลดกำลังส่งสัญญาณมือถือให้เหมาะสมกับ "ขนาดของลูกคลื่น" (envelope) ที่ใช้งานจริง (ดูภาพประกอบน่าจะเข้าใจง่ายกว่าครับ กำลังส่งคือสีแดง อันบนคือของเก่า อันล่างคือของใหม่) ช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการส่งสัญญาณได้มากที่สุดถึง 30%

กระแสนาฬิกาฉลาดตอนนี้มีผู้ผลิตอีกรายที่ร่วมด้วย คือ Qualcomm ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ที่เปิดตัวนาฬิกา Toq ออกมา จุดเด่นสำคัญคือมันใช้จอ Mirasol ที่เป็นจอในตระกูล e-ink แบบมีสี ขณะที่แบตเตอรี่น่าจะอยู่ได้ 3 ถึง 5 วัน

ช่วงแรก Toq จะทำงานร่วมกับแอนดรอยด์ได้เท่านั้น และจะรองรับ iOS ในภายหลัง

ราคายังไม่แจ้ง แต่จะขายในไตรมาสสี่ของปีนี้ สำหรับใครที่มองหานาฬิกาแนวนี้อยู่ Toq น่าจะเทียบกับ Pebble ที่เทคโนโลยีคล้ายกันมากกว่าแนวทางเน้นใส่ทุกอย่างแทนโทรศัพท์เหมือน Galaxy Gear

ที่มา - ArsTechnica

Qualcomm ประกาศข่าวการขายกิจการส่วน Omnitracs ธุรกิจทำฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ด้านการจัดการระบบขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมของบริษัท

Omnitracs เป็นระบบธุรกิจที่ Qualcomm เริ่มพัฒนาขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 80 ผลิตอุปกรณ์พร้อมซอฟต์แวร์สำหรับติดตั้งในรถขนส่งสินค้าเพื่อเก็บข้อมูลการเดินทางส่งกลับไปยังศูนย์การจัดการขนส่งผ่านสัญญาณดาวเทียม โดยตลอดระยะเวลาดำเนินการที่ผ่านมามีลูกค้าผู้ใช้บริการรวบรวมข้อมูลนี้กว่า 10,000 ราย ทั้งในอเมริกาเหนือและยุโรป

จากกรณี Jean-Baptiste Quéru นักพัฒนาลาออกจากโครงการ AOSP เพราะปัญหาไดรเวอร์กับ Qualcomm ความคืบหน้าล่าสุดของเรื่องนี้คือกูเกิลปล่อยไฟล์อิมเมจและไดรเวอร์ (ไบนารี) ของ Nexus 7 2013 ให้ดาวน์โหลดแล้ว

ไฟล์ไบนารีที่เปิดให้โหลดประกอบด้วยไดรเวอร์ของ Qualcomm, Broadcom และ ASUS ซึ่งกรณีของ Qualcomm ประกอบด้วยไดรเวอร์ของกล้อง, GPS, Wi-Fi, Bluetooth, เซ็นเซอร์, media playback, DRM, DSP, USB

การปล่อยไฟล์คราวนี้น่าจะทำให้ปัญหาเรื่องไดรเวอร์คลี่คลาย ที่เหลือก็ต้องดูว่าเส้นทางของ Jean-Baptiste Quéru จะไปทางไหนต่อครับ

Jean-Baptiste Quéru (รู้จักกันในชื่อ JBQ) พนักงานของกูเกิลที่ดูแลเรื่อง build image ของ Android Open Source Project (AOSP) ประกาศว่าเขาออกจากโครงการ AOSP แล้ว แต่ยังทำงานอื่นในกูเกิลต่อไป

JBQ โพสต์ข้อความใน Google+ ของเขาอธิบายเหตุผลว่าไม่มีประโยชน์ที่จะดูแลระบบปฏิบัติการที่ใช้กับ "อุปกรณ์เด่นตัวใหม่" ไม่ได้ เพราะ GPU ไม่รองรับ แถมเขารู้ปัญหานี้ล่วงหน้ามา 6 เดือนแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจแก้ไขเรื่องนี้

หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Moto X ที่เหนือกว่าคู่แข่งตอนนี้คงหนีไม่พ้นการรอรับคำสั่งด้วยเสียงตลอดเวลา (always listening) อันเป็นผลมาจากหน่วยประมวลผลภาษาธรรมชาติที่รวมมาในชิป X8

ดูเหมือนว่าในอนาคตนี้ฟีเจอร์รับฟังที่ว่านี้คงจะได้ไปอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปๆ หลังจาก Qualcomm ออกมาเผยข้อมูลว่าชิปรุ่นท็อปของตัวเองอย่าง Snapdragon 800 จะมาพร้อมกับชิปกินไฟต่ำที่สามารถรับคำสั่งด้วยเสียงตลอดเวลาได้เช่นกัน โดยเจ้าชิปตัวนี้ชื่อว่า Hexagon Qualcomm Digital Signal Processor 6 (Hexagon QDSP6)

Anand Chandrasekher ผู้บริหารของ Qualcomm ไปพูดที่ไต้หวัน เขาคอมเมนต์ถึงซีพียู 8 คอร์ของคู่แข่ง (ในที่นี้หมายถึงซัมซุงและ MediaTek) ว่า "เราจะไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น" (we don't do dumb things)

เขาบอกว่าบางบริษัทอาจสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าไม่ได้มากพอ จึงแก้ปัญหาโดยการนำคอร์เยอะๆ มาต่อเข้าด้วยกันแล้วหวังว่ามันจะเวิร์ค ซึ่งเขาเชื่อว่าวิศวกรของ Qualcomm ไม่ได้โง่ขนาดนั้น เพราะบริษัทเชื่อว่าประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดไม่ได้ขึ้นกับจำนวนคอร์

เขายังเจาะจงถึงชิป 8 คอร์ของ MediaTek ว่าไม่เห็นด้วยกับมันเท่าไรนัก และเชื่อว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จในตลาด โดยเปรียบเทียบว่าเราไม่สามารถเอามอเตอร์เครื่องตัดหญ้า 8 อันมาต่อกันแล้วมันจะกลายเป็นเฟอร์รารี 8 เครื่องยนต์ได้

Nokia ประกาศความร่วมมือกับ Qualcomm ในการพัฒนาบริการเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งภายในอาคารใหม่ (indoor location-based service) โดยบริการนี้จะใช้เทคโนโลยีด้านการหาพิกัด IZat ของ Qualcomm ช่วยระบุตำแหน่งในอาคาร ซึ่งแม่นยำกว่าการระบุตำแหน่งด้วยสัญญาณไวไฟหรือเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

โนเกียกล่าวว่าบริการใหม่นี้จะเพิ่มทางเลือกให้นักพัฒนาแอพและร้านค้าสามารถเข้าถึงและนำเสนอข้อมูลแก่ผู้คนอย่างเจาะจงและในบริบทที่เราต้องการได้มากยิ่งขึ้น อาทิ การโฆษณาของแต่ละร้านค้า เป็นต้น

จากเรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่จนได้ เท้าความข่าวเก่ากันเล็กน้อยเผื่อใครยังไม่ทราบประเด็นนี้นะครับ เรื่องของเรื่องก็คือเอชทีซีโพสต์บอกในเฟซบุ๊กว่า One S จะได้ Sense 5 และ Android 4.2 แต่ต่อมามีข่าวจากผู้บริหารสาขารัสเซียว่าปลดลงจากแผน หลังจากนั้นไม่นานเอชทีซีก็ออกมายืนยันจริงๆ ว่า HTC One S ไม่ได้อัพเดต Android 4.2 และก็เกิดเหตุการณ์ที่ผู้ใช้งานล่ารายชื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในเวลาต่อมา

LG ออกมาประกาศตัวแล้วว่ามือถือตระกูลเรือธง Optimus G รุ่นถัดไปจะใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 อย่างแน่นอน โดย LG ให้เหตุผลที่เลือก Snapdragon 800 ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพ และการออกแบบของ Qualcomm ด้านการส่งข้อมูลผ่านเทคโนโลยี LTE ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมจากการบริหารแบนด์วิธีที่ดีขึ้น

ตัวเลขของ Qualcomm ระบุว่า Snapdragon 800 มีประสิทธิภาพดีกว่า Snapdragon S4 Pro ถึง 75% และรองรับเครือข่าย LTE Advanced ด้วย

LG ยังไม่บอกอะไรเกี่ยวกับ Optimus G ตัวต่อไปมากกว่านี้ แต่เราคงเห็นทิศทางตลาดมือถือครึ่งปีหลังว่าตลาดบนคงเต็มไปด้วย Snapdragon 800 ออกมาต่อสู้กันอย่างดุเดือดแน่ (Qualcomm รวย!)

Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 200 รุ่นใหม่ถึง 6 รุ่นในงาน Qualcomm Summit 2013 ที่เมืองเสินเจิ้นประเทศจีน โดยมีตั้งแต่รุ่นที่เป็น dual-core และรุ่นที่เป็น quad-core ภายใต้รหัส 8x10 และ 8x12 โดยใช้เทคโนโลยีการผลิด 28 นาโนเมตร ทำให้ประหยัดไฟมากขึ้น รวมทั้งสามารถรองรับ HSPA+ ความเร็วสูงสุด 21 Mbps และ TD-SCDMA ของจีน

สำหรับคุณสมบัติเด่น ๆ ของมันมีดังนี้ครับ

เว็บไซต์แห่งหนึ่งเผยว่า พบ schema สำหรับนักพัฒนาบนเว็บไซต์โนเกียหลายหน้า อาทิ Definition of the Forum Nokia Device Profile ได้มีการอ้างอิงซีพียูควอดคอร์ Snapdragon 800 (MSM8974) และจีพียู Adreno 330 แต่ก็ไม่พบการอ้างอิงหน้าจอความละเอียด 1080p แต่อย่างใด (การสนับสนุนหน้าจอ 1080p ของระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 นั้นจะมาในอัพเดต GDR3)

เว็บไซต์ดังกล่าวยังระบุว่า โนเกียจะเพิ่มข้อมูลฮาร์ดแวร์ลงเว็บของตนก็ต่อเมื่อมีการใช้งานฮาร์ดแวร์นั้นจริงเท่านั้น

เราอาจได้เห็นวินโดวส์โฟนสเปคแรงๆ ในอนาคตอันไม่ไกลนัก

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Surface RT รุ่นปรับปรุง (refreshed version) จะใช้ชิปจาก Qualcomm แต่ Surface RT บางรุ่นจะยังใช้ชิปจาก NVIDIA ต่อไป คาดว่า Surface RT ที่ใช้ชิป Qualcomm จะเข้าสู่ตลาดในปลายปีนี้

เว็บไซต์ Engadget คาดว่า Surface RT รุ่นปรับปรุงอย่างน้อยหนึ่งรุ่นย่อยจะใช้ Tegra 4 ของ NVIDIA และตั้งข้อสังเกตว่า เราอาจได้เห็น Surface RT หลายรุ่นย่อยที่มีราคาแตกต่างกันหรือที่เหมาะกับตลาดที่ไมโครซอฟท์วางจำหน่าย (อาทิ ประเทศที่รองรับและไม่รองรับ LTE) แต่ก็เป็นไปได้ว่า ที่แหล่งข่าวบอกว่า Surface RT บางรุ่นจะยังใช้ชิปจาก NVIDIA นั้นจะหมายถึงว่าไมโครซอฟท์จะวางขาย Surface RT รุ่นปัจจุบันต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง

Qualcomm เปิดเผยว่า บริษัทกำลังทำงานร่วมกับ Microsoft เพื่อให้ Snapdragon 800 ซัพพอร์ต Windows RT 8.1 และคาดว่าอุปกรณ์ที่ใช้ชิปรุ่นใหม่และมากับ Windows RT 8.1 จะออกสู่ตลาดในปลายปีนี้

Snapdragon 800 มาพร้อมกับซีพียูที่ประมวลผลได้เร็วสูงสุดถึง 2.2 กิกะเฮิรตซ์ต่อคอร์ รองรับ 3G/4G LTE รวมถึง USB 3.0

Windows RT คงยังมีลมหายใจอยู่ต่ออีกสักพัก

ที่มา: Engadget

หลังจากเริ่มมีอุปกรณ์ใช้ชิปซีรีส์ Snapdragon 400 ออกมาบ้างแล้ว ทั้ง HTC First และ Galaxy S4 Mini วันนี้ Qualcomm ได้ออกมาเผยข้อมูลของชิปซีรีส์ดังกล่าว พร้อมทั้งเพิ่มชิปรุ่นใหม่เข้าไปอีกหนึ่งรุ่น

ชิปตัวที่เพิ่มเข้ามาใน Snapdragon 400 ตัวใหม่เป็นรหัส MSM8926 ที่ใช้ซีพียูควอดคอร์ Cortex-A7 จีพียูเป็น Adreno 305 (เหมือนกับสองรุ่นที่ออกมาก่อนอย่าง MSM8626 และ MSM8226) จุดที่เพิ่มเข้ามาคือชิปตัวนี้มาพร้อมกับโมเด็มตัวใหม่ที่รองรับ Cat 4 LTE ความเร็วสูงสุด 150Mbps แล้ว

Qualcomm บอกว่าชิปตัวใหม่นี้น่าจะพร้อมส่งในช่วงปลายปี 2013 นี้ครับ

หลังจากที่ Qualcomm เผยโฉมหน้าค่าตาของ Snapdragon 800 มาได้หลายเดือน ล่าสุดมีภาพหลุดผลทดสอบประสิทธิภาพหน่วยประมวลผลรุ่นดังกล่าวบนสมาร์ทโฟน Pantech หลุดออกมาให้เห็นกันแล้ว ซึ่งเผยตัวเลขผลการทดสอบที่เหนือกว่าชิป 8 คอร์ของ Samsung อย่าง Exynos 5 Octa เสียด้วย

ผลการทดสอบที่ว่านี้เป็นของสมาร์ทโฟน 2 รุ่น ใช้รหัสว่า IM-A880S และ IM-A880K ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นต่อของ Pantech Vega No 6 (IM-A860) ที่ใช้ชิปของ Qualcomm รุ่น Snapdragon S4 Pro

ผลการทดสอบบน Antutu ที่ดีที่สุดเป็นสมาร์ทโฟน IM-A880S เมื่อปรับสัญญาณนาฬิกาที่ 2.1GHz สามารถทำคะแนนได้สูงถึง 30,133 คะแนน ซึ่งเหนือกว่าผลทดสอบที่ Snapdragon 600 และ Exynos 5 Octa ทำไว้ที่ 25,900 คะแนน และ 27,417 คะแนน ตามลำดับ

แม้ว่า Qualcomm ได้ประกาศเลิกผลิตจอ Mirasol ไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยจะเน้นไปที่การขายสิทธิให้เจ้าอื่นไปผลิตแทน และในงาน SID ของปีนี้ Qualcomm ก็หยิบหน้าจอรุ่นใหม่ๆ ของ Mirasol มาแสดงในงานด้วย

เริ่มต้นกันที่ตัวแรกเป็นพาเนลจอขนาด 1.5" สำหรับใช้งานบน Smart Watch แม้จะไม่บอกความละเอียดมา (แต่ดูด้วยตาก็ละเอียดพอสมควร) หน้าจอตัวนี้ Qualcomm บอกว่ากำลังจะมีผู้ผลิตบางรายนำไปใช้กับอุปกรณ์ของตัวเองด้วย

Kaspersky ประกาศว่าได้ทำข้อตกลงกับ Qualcomm เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยให้แก่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon ของ Qualcomm โดยจะเป็นการล้วงลึกลงไปทำงานตั้งแต่ "ส่วนล่างของระบบปฏิบัติการ"

แน่นอนว่าระบบปฏิบัติการที่ถูกกล่าวถึงนี้ก็คือ Android โดยแนวทางหนึ่งที่ Kaspersky เล็งไว้คือการใช้บางส่วนของระบบปฏิบัติการเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัย และสามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลบนกลุ่มเมฆที่มีความปลอดภัยได้

Qualcomm จัดงานแถลงข่าวที่ปักกิ่ง และให้ข้อมูลสำคัญว่าจะเริ่มสายการผลิต Snapdragon 800 หน่วยประมวลผลตัวท็อปสุดของบริษัทช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้

Snapdragon 800 นั้นต่างจาก Snapdragon 600 ในปัจจุบันอยู่มาก เพราะเปลี่ยนสถาปัตยกรรมซีพียูจาก Krait 300 ใน Snapdragon S4 Pro/600 มาเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุด Krait 400 ส่วนจีพียูก็ใช้ Adreno 330 ที่ดีกว่า Adreno 320 ในปัจจุบันอีกเท่าตัว

ตอนนี้ยังไม่มีใครได้ลองทดสอบประสิทธิภาพของ Snapdragon 800 ซึ่งทาง Qualcomm ระบุว่าจะเปิดให้ทดสอบในเดือนมิถุนายน และกว่ามือถือที่ใช้ Snapdragon 800 จะวางจำหน่ายจริงก็คงต้องรอไปถึงครึ่งหลังของปีนี้

Qualcomm Technologies บริษัทลูกของ Qualcomm ออกมาประกาศว่ากำลังร่วมมือกับ Facebook เพื่อรีดประสิทธิภาพให้แอพ Facebook Home และ Facebook for Android สามารถทำงานบนอุปกรณ์ที่ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon ได้อย่างเต็มที่

Qualcomm ระบุว่าความร่วมมือครั้งนี้ลงลึกไปถึงระดับเทคโนโลยีพื้นฐานอย่างการทำงานของซีพียู จีพียู และโมเด็ม 3G/4G ด้วยซ้ำ ส่วนเป้าหมายก็ชัดเจนว่าให้ประสบการณ์การใช้งาน Facebook ดีขึ้น ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ การใช้พลังงาน และปริมาณข้อมูลที่จำเป็นต้องดาวน์โหลด

อ่านข่าวนี้แล้วก็ได้แต่หวังให้ Facebook จับมือกับผู้ผลิตชิปรายอื่นๆ ด้วย