Mark Zuckerberg ประกาศโครงการใหม่เพื่อการกุศลในชื่อ Internet.org มุ่งดำเนินงานเพื่อให้ผู้คนที่ยากไร้ได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันได้ง่ายขึ้น และทั่วถึงยิ่งขึ้น
นอกจาก Facebook ภายใต้การนำของ Zuckerberg ผู้ผลักดันโครงการนี้แล้ว ยังมีบริษัทไอทีอีก 6 รายที่ร่วมให้การสนับสนุนโครงการ Internet.org นี้ด้วย ได้แก่ Samsung, Nokia, Qualcomm, Ericsson, Opera และ Mediatek โดยทั้ง 7 บริษัทจะร่วมกันวางแผนและดำเนินงานในการขยายโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้แก่ประชากรโลกอีกราว 5 พันล้านคน (หรือ 2 ใน 3 ของประชากรโลกทั้งหมด) จากที่ในปัจจุบันนี้มีผู้ที่สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตได้ราว 2.7 พันล้านคนเท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจากปาเลสไตน์ชื่อ Khalil ค้นพบช่องโหว่ของ Facebook ที่ทำให้เราโพสต์ข้อมูลบนหน้าวอลล์ของผู้ใช้คนใดก็ได้ เขาแจ้งข้อมูลช่องโหว่นี้ไปยังทีมความปลอดภัยของ Facebook แต่ทางทีมกลับบอกว่า "นี่ไม่ใช่บั๊ก" แม้ Khalil ยินดีจะสาธิตการทำงานของบั๊กก็ตาม
Khalil ไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงใช้ช่องโหว่ที่ค้นพบนี้โพสต์ข้อมูลบนหน้าวอลล์ของ Mark Zuckerberg มันเสียเลย ในโพสต์ของ Khalil เริ่มจากการขอโทษ Zuckerberg ที่บุกรุกความเป็นส่วนตัว ก่อนจะรายงานปัญหาและอธิบายว่าเขาแจ้งผ่านทีมความปลอดภัยแล้วไม่ได้รับการตอบสนอง
มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ The Korea Herald ของเกาหลีใต้ว่า Mark Zuckerberg บินตรงไปยังเกาหลีใต้ เพื่อพบกับ Lee Jay-yong ผู้บริหารใหญ่ของซัมซุง และ Shin Jong-kyun ผู้บริหารผลิตภัณฑ์สายโทรศัพท์มือถือของซัมซุง โดยมีจุดประสงค์หลักของการพบกันในครั้งนี้คือ การหาแนวทางและวางแผนความร่วมมือในการการทำ Facebook Phone ตัวใหม่ครับ
ถ้าจำได้ Facebook Phone อย่างเป็นทางการตัวแรกอย่าง HTC First ที่ผลิตโดยเอชทีซีนั้น ล้มเหลวไม่เป็นท่าจน AT&T ต้องประกาศลอยแพ และยกเลิกการขายในเวลาต่อมา และแผนการเปิดตัว HTC First ที่อังกฤษต้องถูกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งก็ตามรอยรุ่นพี่อย่าง HTC ChaCha และ HTC Salsa ไปนั่นเอง
จากข่าว คุณอาจกำลังถูกองค์กรของสหรัฐเข้าถึงเฟซบุ๊ค, จีเมล, ฮอตเมล์, สไกป์ ที่พูดถึงโครงการลับ PRISM ของรัฐบาลสหรัฐ (NSA และ FBI) ที่เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บนบริการออนไลน์จำนวนมาก
หลังข่าวนี้เผยแพร่ออกมาทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเกี่ยวกับสิทธิของพลเมือง (ของสหรัฐ) และล่าสุดผู้นำของสองบริษัทใหญ่บนโลกออนไลน์คือ Larry Page และ Mark Zuckerberg ก็ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับ PRISM แล้ว
Mark Zuckerberg กลายเป็นซีอีโอของบริษัทไอทีคนล่าสุดที่เลือกรับค่าจ้างเพียง 1 ดอลลาร์ต่อปี และปฏิเสธไม่รับโบนัสใดๆ
ธรรมเนียมการรับค่าจ้างเพียง 1 ดอลลาร์ต่อปีเริ่มโดยสตีฟ จ็อบส์ ช่วงกลับเข้ามาแอปเปิลในปี 1998 ส่วนซีอีโอคนอื่นๆ ที่ใช้แนวทางนี้ก็มีทั้งผู้บริหารทั้ง 3 คนของกูเกิล, Larry Ellison แห่งออราเคิล, Meg Whitman แห่ง HP รวมถึงซีอีโอนอกสายไอทีอีกจำนวนหนึ่ง
ผู้บริหารส่วนใหญ่ที่รับค่าจ้าง 1 ดอลลาร์ (ต้องรับค่าจ้างเพราะเหตุผลทางบัญชี) มักมีรายได้จากหุ้นของบริษัทอยู่แล้ว และหลายคนเลือกลดค่าจ้างตัวเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสถานะทางการเงินของบริษัท (ที่อาจย่ำแย่ในช่วงนั้น) หรือแสดงเป็นสัญลักษณ์ของความทุ่มเทต่อบริษัท
การจัดอันดับผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกของ Forbes ประจำปี 2013 มาแล้ว (อันดับของปี 2012) โดยอันดับ 1 ยังเป็น Carlos Slim Helu และครอบครัว ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 69 พันล้านดอลลาร์ มาเป็น 73 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Bill Gates ยังคงอันดับ 2 ไว้ได้ด้วยทรัพย์สิน 67 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Mark Zuckerberg ที่เคยได้อันดับ 35 ด
ถึงแม้ว่ากูเกิลและเฟซบุ๊กเป็นคู่แข่งกันโดยตรง และแต่ละฝ่ายก็โจมตีฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ
แต่เมื่อ Mark Zuckerberg ไปร่วมงานแถลงข่าวการประกวดความคืบหน้าด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Life Sciences) งานเดียวกับ Sergey Brin ผู้ก่อตั้งกูเกิลและหัวหน้าโครงการ Google Glass เราเลยได้เห็นข่าว (เพราะไม่มีภาพ) ว่า Sergey Brin ถอดแว่น Glass แล้วนำไปใส่เข้ากับหัวของ Zuckerberg จนได้
ตามข่าวบอกว่าสองคนนี้แอบไปนั่งคุยกันด้านหลังห้องประชุม และเมื่อ Zuckerberg ร่วมแถลงข่าวเสร็จ เขาก็ตรงมาหา Brin ทันที
Zuckerberg บอกกับผู้สื่อข่าวว่าอยากได้ Glass ของตัวเองแล้ว และตอนนี้เฟซบุ๊กก็ตั้งทีมวิศวกรจำนวน 3 คน เตรียมพัฒนาแอพสำหรับ Google Glass ทันทีที่ได้รับของ
ประกาศจาก Facebook กล่าวว่าผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Mark Zuckerberg ในตอนนี้ถือหุ้น Facebook 29.3% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ถืออยู่ 28.2% ด้วยมูลค่าการซื้อขายของหุ้น Facebook อยู่ที่ 28.50 เหรียญ จาก 637.2 ล้านหุ้นในตลาดหุ้นปัจจุบัน ก็เท่ากับว่าตอนนี้ Zuckerberg ถือหุ้นมูลค่าราวๆ 18 พันล้านเหรียญ
การเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของ Zuckerberg นั้น นอกจากจะเป็นความสำเร็จส่วนตัวแล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อถืออำนาจในการลงคะแนนเสียงใน Facebook เช่นกัน
Poke แอพตัวล่าสุดที่ Facebook เปิดตัวไปเมื่อวันก่อน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ Snapchat นั้นถูกเปิดเผยโดย Blake Ross ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Facebook ว่า แอพนี้ใช้เวลาพัฒนาแค่เพียง 12 วันเท่านั้น
TechCrunch รายงานเพิ่มเติมว่าเดิมที Facebook ได้ติดต่อขอซื้อกิจการ Snapchat แต่ถูกปฏิเสธ จึงทำให้ซีอีโอ Mark Zuckerberg ตั้งทีมขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อทำแอพนี้แบบด่วนที่สุด เนื่องจาก App Store จะปิดรับแอพใหม่ตั้งแต่วันคริสต์มาส ซึ่งด้วยวัฒนธรรมองค์กรแบบแฮกเกอร์ของ Facebook จึงทำให้โครงการนี้เสร็จสิ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว
Poke แอพตัวล่าสุดที่ Facebook เปิดตัวไปเมื่อวันก่อน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ Snapchat นั้นถูกเปิดเผยโดย Blake Ross ผู้อำนวยฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Facebook ว่า แอพนี้ใช้เวลาพัฒนาแค่เพียง 12 วันเท่านั้น
TechCrunch รายงานเพิ่มเติมว่าเดิมที Facebook ได้ติดต่อขอซื้อกิจการ Snapchat แต่ถูกปฏิเสธ จึงทำให้ซีอีโอ Mark Zuckerberg ตั้งทีมขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อทำแอพนี้แบบด่วนที่สุด เนื่องจาก App Store จะปิดรับแอพใหม่ตั้งแต่วันคริสต์มาส ซึ่งด้วยวัฒนธรรมองค์กรแบบแฮกเกอร์ของ Facebook จึงทำให้โครงการนี้เสร็จสิ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว
Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดระหว่างพูดที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดว่าถ้าหาก Facebook ไปไม่รอดขึ้นมา น่าจะได้เห็นเขาทำงานที่ Microsoft ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้น เพราะหลังจากใช้เวลากว่าหนึ่งปีในการปลุกปั้น Facebook ให้มีผู้ใช้เกินล้านรายได้ ก็เป็นช่วงที่ Facebook อยู่ในขาขึ้นทันที แต่ถึงกระนั้น Zuckerberg ก็ยังบอกว่าเขายังคงนับถือ Microsoft อยู่เสมอ (และอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมสองบริษัทนี้ถึงมีอะไรร่วมกันบ่อยๆ)
Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ TODAY ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ Facebook เข้าตลาดหุ้น โดยเขาได้เผยข้อมูลส่วนตัวเรื่องการแต่งตัว ว่าตู้เสื้อผ้าของเขานั้นมีเสื้อยืดสีเทาอยู่ราว 20 ตัว และพื้นที่ส่วนใหญ่ในตู้เสื้อผ้าก็เป็นของภรรยาเขาเสียมากกว่า
เมื่อถามถึงยุทธศาสตร์ของ Facebook บนอุปกรณ์พกพา Mark เริ่มต้นเล่าว่าตอนนี้เขามี iPhone 5 แล้ว เพราะทิม คุกส่งมาให้ใช้งาน เขายอมรับว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ดีมาก แต่ก็ยอมรับว่าวันนี้มีคนใช้แอพ Facebook บน Android มากกว่า เพราะว่าอัตราส่วนผู้ใช้งาน Android สูงกว่า iOS หากแต่ตัวเลขแท้จริงนั้นคนใช้งาน Facebook ผ่านเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์พกพามากที่สุด สูงกว่าตัวเลขผู้ใช้งานแอพบน iOS กับ Android รวมกันเสียอีก นี่จึงเป็นปัญหาที่น่าสนใจมาก
Mark Zuckerberg ขึ้นเวที TechCrunch Disrupt (ข่าวเก่า) ให้ข้อมูลว่า Instagram (ที่เพิ่งซื้อกิจการเสร็จหมาดๆ) มีผู้ใช้ครบ 100 ล้านคนแล้ว
เมื่อเดือนกรกฎาคม Instagram เพิ่งประกาศความสำเร็จ 80 ล้านคน สรุปคือใช้เวลาอีกประมาณเดือนครึ่งกับผู้ใช้จำนวน 20 ล้านคนที่เพิ่มขึ้น
Zuckerberg บอกว่าต้องการให้ Instagram มีผู้ใช้อีกหลายร้อยล้านคน ตอนนี้ยังไม่มีแผนย้ายระบบของ Instagram มารวมกับระบบของ Facebook แต่หลังการควบกิจการเสร็จ ทีมงานของ Instagram มีสิทธิ์เข้าถึงโค้ดของ Facebook ได้ทั้งหมด และน่าจะทำอะไรมากกว่านี้ได้อีกมาก
Mark Zuckerberg ไปขึ้นเวทีงานสัมมนา Disrupt ที่จัดโดยเว็บไซต์ TechCrunch มีประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ขอแยกเป็นข่าวๆ ไปเพื่อไม่ให้ปนกันครับ
เรื่องที่หลายคนสนใจคงเป็นแอพมือถือของ Facebook ที่บริษัทเองยอมรับว่ามีประสิทธิภาพต่ำ และแก้เกมโดยพัฒนาแอพใหม่บน iOS ที่เขียนด้วย Objective-C ซึ่งพัฒนาขึ้นจากเดิมมากในแง่ความเร็ว
Arielle Zuckerberg น้องสาวของ Mark Zuckerberg เคยทำงานอยู่บริษัท Wildfire Interactive แต่กูเกิลก็เพิ่งประกาศเข้าซื้อบริษัทนี้ไปเมื่อวานนี้ ทำให้ตอนนี้ Arielle กลายเป็นพนักงานของกูเกิลไปแล้ว
พี่สาวของ Mark คือ Randi Zuckerberg เคยทำงานอยู่เฟชบุ๊กในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แต่ก็ลาออกไปเมื่อปีที่แล้วเพื่อหาโครงการใหม่ๆ ครอบครัวสี่พี่น้องนี้ยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่งคือ Donna ที่ยังไม่มีข้อมูลว่าทำงานที่ไหน
ที่มา - Mashable
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นการรายงานครั้งแรกตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดหุ้น มีรายได้ 1.184 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยขาดทุนสุทธิ 157 ล้านดอลลาร์ แต่มาจากการบันทึกค่าใช้จ่ายหุ้นสวัสดิการสำหรับพนักงานแบบครั้งเดียว ซึ่งถ้าหักรายการนี้ไปก็ยังมีกำไรอยู่ เมื่อจำแนกโครงสร้างรายได้แล้ว คิดเป็นรายได้จากโฆษณา 992 ล้านดอลลาร์ (84%) ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินในระบบ Facebook
ข่าวนี้เก่าไปนิด (14 ก.ค.) แต่ยังไม่มีคนนำมาลงก็ขอเขียนถึงหน่อยครับ
ผู้ที่ไม่พอใจกับ Facebook App เวอร์ชันต่างๆ คงหายคาใจ เพราะ Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์เองว่าตอนนี้งานที่เขาพบว่ายากที่สุดคือจะนำ Facebook ปรับตัวไปสู่โลกของอุปกรณ์พกพาได้อย่างไร
Zuckerberg บอกว่าวิธีการใช้งานของอุปกรณ์พกพานั้นต่างไปจากคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปมาก อย่างไรก็ตามเขากลับปฏิเสธว่าการที่ Facebook กลายเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ กลับไม่ต่างอะไรไปจากสมัยที่เขาเริ่มสร้างมันขึ้นมาในหอพักมากนัก เพราะเขาโฟกัสไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์อย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ที่มา - Bloomberg
เรื่องมีอยู่ว่าเว็บข่าว Gizmodo ประกาศจัดแคมเปญ Summer of Zuck โดยกติกาคือ Gizmodo ชวนผู้อ่านเว็บให้ถ่ายภาพ Mark Zuckerberg ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตามตลอดช่วงฤดูร้อนนี้ (ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 กันยายน) โดยมีค่าตอบแทนคือภาพละ 20 ดอลลาร์ถ้าได้รับการเผยแพร่
Gizmodo กำหนดเงื่อนไขว่า ภาพที่ส่งมาต้องเป็นภาพใหม่ที่ถ่ายด้วยตนเอง, มีข้อมูล EXIF, เห็นได้ชัดเจนว่าเป็น Mark Zuckerberg, ไม่ใช่ภาพในการประชุมสัมมนาที่มีการประกาศล่วงหน้าว่าจะเข้าร่วม และวิธีการถ่ายภาพนั้นต้องไม่ละเมิดสิทธิตามกฎหมาย เช่นแอบถ่ายในที่รโหฐานหรือซ่อนกล้อง ทั้งนี้ Gizmodo สัญญาว่าจะปกปิดข้อมูลผู้ถ่ายภาพและส่งเข้ามาในระดับสูงสุด
Eduardo Saverin คือผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook อีกคนหนึ่ง ที่ภายหลังมีปัญหาขัดแย้งกับ Mark Zuckerberg จนต้องลาออกจากบริษัทไป (แต่ยังมีหุ้นเหลืออยู่ในบริษัท) และประเด็นนี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Social Network เมื่อปี 2010
ปัจจุบัน Saverin ประกอบอาชีพเป็นนักลงทุนในบริษัทหน้าใหม่ด้านไอทีที่ประเทศสิงคโปร์ เขาเพิ่งเป็นข่าวเมื่อเร็วๆ นี้เมื่อประกาศสละสัญชาติสหรัฐและหันไปถือสัญชาติสิงคโปร์แทน (เขาเกิดในบราซิล แต่ภายหลังครอบครัวย้ายมาอยู่สหรัฐ)
ตัวของ Saverin ไม่เคยให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ขัดแย้งกับ Mark Zuckerberg มาก่อน แต่หลังจาก Facebook ขายหุ้น IPO แล้ว เขาก็ยอมให้สัมภาษณ์กับนิตยสารข่าว Veja ของบราซิลแล้ว
Mark Zuckerberg Founder และ CEO ของ Facebook ลั่นระฆังวิวาห์กับเพื่อนสาวของเขา Priscilla Chan แล้วหลังจากคบหาดูใจกันมากว่า 9 ปี
ในส่วนของแหวนแต่งงานนั้น โฆษกของ Mark ออกมาบอกกับสื่อว่า มันเป็นแหวนทับทิมที่ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายตามสไตล์ของเขาเอง พิธีถูกจัดขึ้นภายในสวนหลังบ้านของ Mark โดยมีการเชิญแขกเฉพาะญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้น
สำหรับรูปในงานแต่งงานนั้นมีเพียงรูปเดียวที่ Mark อัพโหลดขึ้นบน Timeline ครับสามารถเข้าดูได้ที่นี่ และสุดท้ายขอแสดงความยินดีด้วยครับ
และแล้ว การขายหุ้น IPO ครั้งประวัติศาสตร์ก็เริ่มขึ้น โดย Mark Zuckerberg ทำพิธี "เคาะระฆัง" เปิดตลาดหุ้นตามธรรมเนียมปฏิบัติของหุ้นใหม่ที่เข้าตลาด NASDAQ ในวันนั้น
เพียงแต่กรณีของ Facebook จะต่างไปจากปกติที่ผู้ก่อตั้งหรือซีอีโอต้องเดินทางไปเคาะระฆังที่ห้องค้าหุ้นของ NASDAQ อยู่บ้าง เพราะวิศวกรของ Facebook ทำระบบเชื่อมต่อทางไกล ให้ Mark Zuckerberg สามารถกดปุ่มหน้าสำนักงานใหญ่ของ Facebook ในเมือง Menlo Park ใกล้ San Francisco ข้ามทวีปอเมริกาไปยังห้องค้าหุ้นของ NASDAQ ในนิวยอร์กได้ (เบื้องหลังการออกแบบระบบอ่านได้จาก TechCrunch)
นอกจากนี้ ระบบกดปุ่มของ Facebook ยังโพสต์สถานะบน Timeline ของ Zuckerberg ว่าเขานำบริษัทเข้าตลาดหุ้น (listed company) เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการโฆษณาระบบ Timeline ไปในตัว
การขายหุ้น IPO ของ Facebook ใกล้เข้ามาทุกที และกิจการใหญ่บวกความเป็นที่จับตา ย่อมทำให้ Facebook ต้องแบกรับความคาดหวังสูงมาก
บุคคลหนึ่งที่ Mark Zuckerberg ไปขอคำแนะนำจึงไม่มีใครเหมาะไปกว่า Warren Buffet เศรษฐีหุ้นชาวอเมริกันและผู้ชายที่รวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
Buffet ยืนยันเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าวของ CNBC ว่าเขามีโอกาสนั่งคุยกับ Zuckerberg เรื่องการขายหุ้นของ Facebook เป็นเวลาหลายชั่วโมง แถมยังให้คำแนะนำกับ Zuckerberg ไปบ้างพอสมควรด้วย เพียงแต่เขาไม่ได้เปิดเผยว่าแนะนำอะไรไปบ้าง
Buffet พูดในที่สาธารณะหลายครั้งว่าเขาและบริษัทของเขาไม่สนใจซื้อหุ้นของ Facebook แต่ไม่แน่ว่าเขาอาจเปลี่ยนใจในภายหลังก็ได้
Viddy แอพสำหรับแชร์วิดีโอสั้นๆ (ประมาณสิบห้าวินาที) พร้อมฟีเจอร์สำหรับแต่งวิดีโออย่างง่าย มีโซเชียลเน็ตเวิร์คของตัวเอง และรองรับการแชร์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่น และเมื่อครั้งแรกเปิดตัวถูกขนานนามว่าเป็น Twitter แห่งโลกวิดีโอ แต่หลังจากเหตุการณ์ Facebook ซื้อ Instagram ถูกคาดหมายว่าจะเป็น Instagram สำหรับวิดีโอแข่งกับอีกเจ้าอย่าง Socialcam ที่คนแถวนี้น่าจะรู้จักกันดี
ยังคงมีเรื่องราวออกมาต่อเนื่องจากดีล Facebook ซื้อ Instagram มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนอกเหนือจากข่าวก่อนหน้านี้ว่า Mark Zuckerberg ใช้เวลาเพียง 2 วันในการซื้อกิจการ ทาง WSJ อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องซึ่งเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่าดีลนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 5 เมษายนโดย Zuckerberg ได้ปรึกษาซีโอโอ Sheryl Sandberg เรื่องการซื้อ Instagram จากนั้นก็ตัดสินใจโทรศัพท์หา Kevin Systrom ซีอีโอ Instagram โดยตรงเลยเพราะเกรงว่าถ้าเปิดการเจรจาผ่านทนายแบบการซื้อกิจการขนาดใหญ่ทั่วไป Systrom จะปฏิเสธ
หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานข้อมูลวงในของการซื้อกิจการ Instagram ว่ามีเบื้องหลังอย่างไร
แหล่งข่าวของ The New York Times ให้ข้อมูลว่างานนี้ Mark Zuckerberg คิดเองทำเองทั้งหมด ซึ่งผิดไปจากการซื้อกิจการครั้งอื่นๆ ของ Facebook ที่เขาไม่ค่อยเข้ามายุ่งเท่าไรนัก
เหตุการณ์เริ่มขึ้นในวันศุกร์ก่อนหน้าข่าวการซื้อกิจการ โดย Zuckerberg เป็นคนโทรไปหา Kevin Systrom ซีอีโอของ Instagram ด้วยตัวเองว่าอยากซื้อบริษัท และภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากนั้น สองบริษัทก็ตกลงเงื่อนไขการเจรจากันเรียบร้อย
โดยปกติแล้ว หน้าที่การซื้อกิจการของ Facebook เป็นของ Amin Zoufonoun ผู้บริหารอีกคนที่ย้ายข้ามวิกมาจากกูเกิล