มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซื้อที่ดิน 700 เอเคอร์ในฮาวายในราคากว่า 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังยื่นฟ้องคดีเจ้าของที่ดินเดิมที่ได้รับสืบทอดที่ดินจากรุ่นสู่รุ่นให้ขายที่ดินทอดตลาด โดยยกเหตุผลทางกฎหมายเรื่องความเป็นส่วนตัวและความสงบเข้ามาเป็นเหตุผลหลักในการยื่นฟ้อง
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ท้องภิ่นในเขต Kauai ของฮาวายระบุว่า ที่ดินนี้ส่วนหนึ่งเป็นของ Manuel Rapozo ซื้อที่ดินแถบนี้มาตั้งแต่ปี 1894 หลังจากนั้นก็ปล่อยเช่าให้บริษัทเกษตรกรรมทำน้ำตาล จนถึงตอนนี้ผ่านมาเป็นร้อยปี ที่ดินก็ตกเป็นของผู้ก่อตั้ง Facebook ไปแล้ว
ปัญหาคือผู้ครอบครองที่ดินไม่ได้มีเพียง Manuel Rapozo แต่ยังรวมถึงลูกหลานเขาอีกหลายชีวิต และตามกฎหมายที่ดินฮาวาย ลูกหลานของ Rapozo ยังเป็นเจ้าของที่ดินโดยชอบธรรม ณ ตอนนี้ Carlos Andrade หลานของ Rapozo อยู่ระหว่างติดต่อลูกหลานคนอื่นๆ ให้มารับทราบการฟ้องร้องและมารับส่วนแบ่งจากการขายที่ดินให้ถูกต้อง
นับจากปี 2004 ที่ Facebook เพิ่งก่อตั้งใหม่ๆ ภาพลักษณ์ของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ยังเป็นแค่คนรุ่นใหม่ เศรษฐีอายุน้อยพันล้าน แต่พอกระโดดมาที่ปี 2017 ภาพลักษณ์เก่าๆ ของเขาหายไปหมดแล้ว กลายเป็นผู้นำองค์กรใหญ่ของโลก เป็นเศรษฐีรวยอันดับต้นๆ ของโลก และที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ภาพลักษณ์ดูดีขึ้นผิดหูผิดตา (และมีความคล้ายนักการเมืองด้วย)
สาเหตุที่ทำให้ภาพลักษณ์ของมาร์คดูมีพัฒนาการคือ เขามีทีมทำโซเชียลมีเดียของตนเอง ไม่ว่าจะโพสต์อะไร รูปภ่ายมุมไหน คำแถลงการณ์ผ่านการตั้งสเตตัสล้วนแล้วแต่ผ่านมือทีมงานทั้งสิ้น
Mark Zuckerberg ตั้งเป้าปี 2017 ว่าจะลงพื้นที่ให้ครบ 50 รัฐของสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนนี้เขาก็ลงพื้นที่รัฐแรกที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เพื่อดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนแล้ว
Zuckerberg เล่าว่าเขาไปดัลลัสเรื่องงาน แต่ไหนๆ ไปแล้วก็ถือโอกาสพบปะผู้คนในท้องที่ด้วย เริ่มจากไปยังชุมชน Oak Cliff ช่วยปลูกต้นไม้ในวันอาสาสมัคร Day of Service จากนั้นเขาก็พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจดัลลัส เพื่อรับฟังความเห็นว่าตำรวจในปัจจุบันที่ใช้โซเชียลช่วยทำงาน และจะนำความเห็นจากตำรวจกลับไปเล่าให้ทีม Facebook ฟังอีกด้วย
ที่มา - Mark Zuckerberg (1), (2)
ต่อจากข่าว Morgan Freeman ตอบรับให้เสียงประกอบ Jarvis ระบบ AI ของ Mark Zuckerberg วันนี้ Mark Zuckerberg โพสต์ภาพการพบปะกันของทั้งคู่ โดย Morgan Freeman เดินทางมาเยี่ยมเขาที่สำนักงานของ Facebook และชมวิดีโอสาธิตการทำงานของ Jarvis แล้ว
Jarvis เป็นชื่อเรียกของระบบ AI ควบคุมบ้านที่ Mark Zuckerberg สร้างขึ้นเอง และเขาเคยโพสต์ถามแฟนๆ ว่าควรให้ใครมาพากย์เสียงของ Jarvis ดี ซึ่งผลโหวตอันดับหนึ่งตกเป็นของดาราดัง Morgan Freeman ที่มาแรงแซงหน้า Paul Bettany ที่พากย์เสียง Jarvis ในภาพยนตร์ชุด Iron Man
ในทุกปี Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook จะประกาศเป้าหมายประจำปี (ปีก่อนคือวิ่งวันละ 1 ไมล์ และสร้าง AI ในบ้าน) และสำหรับปี 2017 นี้ เป้าหมายของเขาคือเดินทางไปพบปะผู้คนให้ครบทั้ง 50 รัฐในอเมริกา
Zuckerberg อธิบายว่าช่วงราวสิบปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตผู้คนไปมาก หลายคนได้ประโยชน์และมีชีวิตที่ดีขึ้น ขณะที่หลายคนไม่เป็นอย่างนั้น เขาจึงต้องการลงไปศึกษาทำความเข้าใจสิ่งที่เป็นอยู่จริงๆ เพราะเป้าหมายของเขาคือการเชื่อมต่อผู้คนทั้งโลก และทำให้ชีวิตทุกคนดีขึ้น
ในภารกิจนี้ Mark จะเดินทางไปกับภรรยา Priscilla ตามเมืองต่างๆ, ไปมหาวิทยาลัยแต่ละเมือง, เยี่ยมสำนักงาน Facebook แต่ละแห่ง รวมทั้งพูดคุยกับบุคคลหลากหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม Mark บอกว่าเขาได้เดินทางเจาะลึกข้อมูลไปหลายรัฐแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้เป้าหมายนี้เขามีรัฐที่ต้องตามเก็บอีกทั้งหมด 30 รัฐ
ที่มา: Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg ผู้ออกตัวว่าตนเองไม่นับถือศาสนาใด (athiest) มานาน ล่าสุดเมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา มีสัญญาณบอกว่าเขาอาจกลับมานับถือศาสนาอีกครั้ง
Mark Zuckerberg โพสต์อวยพร Merry Christmas และ Happy Hanukkah (เทศกาลปีใหม่ของชาวยิว) ลงใน Facebook ของตัวเอง จึงผู้ใช้คนหนึ่งถามในคอมเมนท์ว่า "คุณไม่นับถือศาสนาไม่ใช่หรือ"
Mark ตอบกลับว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผมถูกเลี้ยงมาแบบคนยิว ผมเคยผ่านช่วงเวลาที่ตั้งคำถามกับหลายสิ่งรอบตัว แต่ตอนนี้ผมมีมุมมองว่าศาสนาเป็นสิ่งสำคัญ (อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้บอกตรงๆ ว่านับถือศาสนาใด)
Mark Zuckerberg ตั้งเป้าหมายของปีนี้ไว้ว่า จะต้องพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ดูแลบ้านเหมือน Jarvis ใน Iron Man ก่อนที่ล่าสุดจะเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นออกมา
ทั้งนี้ทั้งนั้นในช่วงเดือนตุลาคม ซีอีโอเฟซบุ๊กได้โพสต์สเตตัสถามความเห็นผู้ใช้เฟซบุ๊กว่า จะให้ใครเป็นคนให้เสียงของ Jarvis ดี ซึ่ง Robert Downey Jr. โพสต์ตอบอาสาทำให้ด้วย หาก Paul Bettany (คนให้เสียง Jarvis ในภาพยนตร์) ได้ค่าจ้างและบริจาคให้กับองค์กรที่ Benedict Cumberbatch เลือก
เป็นที่ทราบกันดีว่า Mark Zuckerberg กำลังสร้างระบบ AI ควบคุมบ้านของตัวเองที่เขาเรียกว่า Jarvis (เหมือนใน Iron Man) ล่าสุดเขาออกมาเผยความคืบหน้าและเบื้องหลังโครงสร้างของ Jarvis ให้ทราบกันแล้ว
ประเด็นเรื่องข่าวปลอมบน Facebook ยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก จนล่าสุด Mark Zuckerberg ต้องออกโรงมาชี้แจงอีกรอบ
เดิมที Zuckerberg มองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เมื่อเสียงวิจารณ์หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ท่าทีล่าสุดของเขาจึงเปลี่ยนไป รอบนี้เขาบอกว่า Facebook ต้องการแก้ปัญหาข้อมูลผิด (misinformation) อย่างจริงจัง บริษัทมีโครงการหลายอย่าง มีความคืบหน้าบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก
ที่ผ่านมา บริษัทใช้วิธีให้ชุมชนผู้ใช้ช่วยกันแจ้งว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนปลอม และนำข้อมูลเหล่านี้ไปประมวลผลร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อแสดงข่าวปลอมเหล่านี้ให้น้อยลงบน News Feed แต่ปัญหาเรื่องข่าวปลอมมีความซับซ้อนสูง ทั้งในเชิงแนวคิด (อาจปิดกั้นแสดงความเห็น) และในเชิงเทคนิค (ตรวจสอบได้แม่นยำแค่ไหน)
สถานการณ์ยังไม่ผ่านพ้นสำหรับ Facebook ที่ต้องรับแรงวิจารณ์เรื่องข่าวปลอมที่ Facebook ปล่อยให้มีที่ยืนบนหน้าฟีด นำมาสู่ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์
แม้ Mark Zuckerberg ออกมายืนยันว่าพื้นที่เนื้อหาข่าวบนฟีด 99% เป็นเนื้อหาจริง-ข่าวจริง ส่วนข่าวปลอมนั้นมี ไม่ปฏิเสธ แต่ไม่มีพลังพอที่จะพลิกโผการเลือกตั้ง
ล่าสุดมีข่าวว่าบรรดาพนักงานใน Facebook ตั้งทีมทำงานต่อต้านข่าวปลอมอย่างลับๆ รวมถึงทบทวนบทบาทหน้าที่ของ Facebook เองว่าควรทำอย่างไร และ Facebook มีเครื่องมือกำจัดข่าวปลอมที่เพียงพอจริงหรือไม่
Mark Zuckerberg ได้โพสต์ว่านับตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป เจ้าตัวจะเริ่มโพสต์ภาพเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ทางเฟซบุ๊กกำลังพัฒนาอยู่ทั่วโลก โดยภาพชุดแรกเป็นภาพของศูนย์ข้อมูลในเมือง Luleå ทางตอนเหนือขอสวีเดน ซึ่งอยู่ห่างจากขั้วโลกเหนือราว 112 กิโลเมตร
ศูนย์ข้อมูลที่เมือง Luleå มีขนาดเทียบเท่าสนามฟุตบอล 6 สนาม เปิดใช้งานครั้งแรกในปี 2013 และเป็นศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของเฟซบุ๊กนอกสหรัฐ โดยซีอีโอเฟซบุ๊กระบุว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้ใช้พลังงานจากแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ติดตั้งอยู่ใกล้ๆ และใช้ความเย็นตามธรรมชาติในการช่วยลดอุณหภูมิเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ศูนย์ข้อมูลในเมือง Luleå ใช้พลังงานน้อยกว่าศูนย์ข้อมูลทั่วไปถึง 40%
Chan Zuckerberg Initiative หน่วยงานการกุศลของ Mark Zuckerberg และ ภรรยา Priscilla Chan เตรียมลงทุน 3 พันล้านดอลลาร์ภายนระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นทุนส่งเสริมให้นักวิทยาศาสตร์ควบคุมและป้องกัน 4 โรคร้ายที่เป็นสาเหตุการตายของมนุษย์ส่วนใหญ่ ให้เด็กๆ มีโอกาสมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น
โดย 4 โรคที่ว่าคือ โรคหัวใจ (สถิติการตาย 10.8 ล้านคน) มะเร็ง (สถิติการตาย 8.2 ล้านคน) โรคติดเชื้อ(infectious disease สถิติการตาย 8.5 ล้านคน) และ โรคระบบประสาททางสมอง (สถิติการตาย 6.8 ล้านคน)
เว็บไซต์ข่าว Business Insider รายงานข่าวโดยอ้างถึงจดหมายเปิดผนึกของ Aftenposten หนังสือพิมพ์รายใหญ่ของนอร์เวย์ ที่ตีพิมพ์เมื่อวานนี้และเป็นข่าวหน้าแรก หลังจากที่ทางหนังสือพิมพ์และเจ้าหน้าที่กองบรรณาธิการ ได้รับผลกระทบจากการเซ็นเซอร์เนื้อหาและรูปภาพบน Facebook
Mark Zuckerberg ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กได้แชร์ภาพและหลักไมล์เมื่อฟีเจอร์ News Feed เริ่มถูกนำมาใช้งานบนเฟซบุ๊กเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พร้อมเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของการสร้างฟีเจอร์ ที่เป็นเหมือนฟีเจอร์หลักของเฟซบุ๊กนี้
ซีอีโอเฟซบุ๊กเล่าให้ฟังว่าในช่วง 2 ปี เฟซบุ๊กเป็นเพียแหล่งรวมโปรไฟล์ของแต่ละคนเท่านั้น ซึ่งผู้ใช้ได้แค่เข้าไปดูโปรไฟล์และข้อมูลพื้นฐานของเพื่อน แต่ไม่สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเพื่อนได้
เมื่อวานนี้ Mark Zuckerberg ไปอิตาลีและร่วมงาน Q&A ที่ Town Hall ในกรุงโรม เปิดให้นักศึกษาเข้าร่วมพูดคุย ถามตอบกับ Mark โดยตรง ซึ่งภรรยาของเขา Priscilla Chan ก็เข้าร่วมงานด้วย นั่งอยู่แถวหน้าสุด
ในงานนี้ เขาเปิดเผยข้อมูลของระบบสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เขาทำขึ้นมาเอง เขาบอกว่าที่บ้านเขาสามารถเปิดประตู ปิดประตู หรือเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ด้วยคำสั่งเสียง แต่เป็นเสียงของเขาคนเดียวเท่านั้น ไม่รวมเสียงของภรรยา Priscilla ด้วย เขาบอกว่านี่เป็นหนึ่งในประโยชน์ของการเป็นวิศวกร และเขาจะให้ภรรยาเข้าถึงการใช้งานได้ ต่อเมื่อเขาสร้างมันเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เมื่อปลายปีที่แล้ว Mark Zuckerberg ประกาศยกหุ้นส่วนใหญ่ของเขาให้องค์กรการกุศล Chan Zuckerberg Initiative
ล่าสุดเมื่อวานนี้ ในเอกสารที่เปิดเผยต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SEC) ระบุว่า Zuckerberg ขายหุ้น Facebook ชุดแรกออกมาแล้ว 760,000 หุ้น คิดเป็นเงินเกือบ 95 ล้านดอลลาร์ โดยทยอยขายระหว่างเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อนำเงินสดที่ได้ไปใช้ในงานขององค์กรการกุศล แต่ Zuckerberg ก็ยังไม่ได้ออกมาแถลงข้อมูลว่าเงินก้อนนี้จะนำไปใช้อย่างไรบ้าง
ที่มา - USA Today
สร้างกระแสได้พอสมควรสำหรับการเปิดตัวหนังสือ Chaos Monkeys: Obscene Fortune and Random Failure in Silicon Valley เขียนโดย Antonia Garcia Martinez อดีตพนักงาน Facebook เนื้อหาออกแนวเปิดเผยสิ่งที่ไม่มีใครรู้จากบริษัท Facebook และตัว Mark Zuckerberg เอง และนี่คือ 6 สิ่งในหนังสือที่จะทำให้คนอ่านประหลาดใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมการทำงานใน Facebook ขอย้ำแรงๆว่า เป็นเนื้อหาที่ Martinez เขียนนะ ไม่เกี่ยวกับเรา (ฮา)
เข้าใจได้ว่าความลับของบริษัทเป็นเรื่องสำคัญ แต่ใครจะคิดว่าซีอีโอของสื่อโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ของโลก จะอาศัยการปกป้องข้อมูลด้วยวิธีทางกายภาพแบบบ้านๆ อย่างการใช้เทปกาวปิดที่กล้องเว็บแคมและช่องไมค์บนเครื่อง MacBook
Mark Zuckerberg ได้โพสต์ภาพแสดงความยินดีที่ Instagram มีผู้ใช้รายเดือนเกิน 500 ล้านคน แต่ก็มีคนตาดีไปเห็นเครื่อง MacBook ที่ถูกปิดไว้ด้วยเทป ซึ่งต่อให้แฮกเกอร์จะสามารถฝังมัลแวร์เข้ามาเก็บข้อมูลผ่านทางกล้องและไมค์โดยตรวจจับไม่ได้ แต่ก็คงไม่น่าจะเก็บข้อมูลอะไรออกไปได้
เมื่อวานนี้ Mark Zuckerberg โพสต์ Facebook ประกาศว่ามูลนิธิใหม่ที่ก่อตั้งโดยเขาและ Priscilla Chan ภรรยา ลงทุนในสตาร์ทอัพจากแอฟริการายหนึ่งชื่อว่า Andela ที่สร้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์ สร้างโปรแกรมเมอร์ชาวแอฟริกาให้มีโอกาสทางการงานในบริษัทไอทีรายใหญ่ ส่วนเม็ดเงินลงทุนมีรายงานข่าวว่าสูงถึง 24 ล้านดอลล่าร์
Mark Zuckerberg โพสต์วิดีโอบนหน้าเพจเฟซบุ๊กของตัวเองว่าจะจัดเซสชัน Q&A ผ่านทาง Facebook Live ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ เวลา 11.30 ตามเวลามาตรฐานแปซิฟิก (Pacific Time) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 มิถุนายน เวลา 01.30 ในประเทศไทย (เราเร็วกว่า 14 ชั่วโมง)
โดยซีอีโอของเฟซบุ๊ก เปิดให้ผู้ที่มีคำถามโพสต์คำถามลงในคอมเมนท์ของวิดีโอดังกล่าว โดย Mark ระบุว่าจะพยายามตอบคำถามที่มีคนไลค์เยอะๆ ให้ได้มากที่สุด
ที่มา - Mark Zuckerberg
เมื่อคืนนี้ บัญชี Twitter และ Pinterest ของคนดังอย่าง Mark Zuckerberg โดนแฮ็ก แต่หลังจากเป็นข่าว ทั้งสองบริการก็แก้ปัญหาและนำข้อมูลกลับคืนมาปกติแล้ว
กลุ่มแฮ็กเกอร์ OurMine โพสต์ข้อความลงบัญชีของ Zuckerberg ระบุว่าได้รหัสผ่านของเขามาจากบัญชี LinkedIn ที่ถูกเจาะในปี 2012 และเพิ่งถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นปัญหาของการใช้รหัสผ่านซ้ำกันระหว่างบริการหลายตัว (ซึ่งหลายคนก็ทราบเรื่องนี้ดี แต่ความสะดวกในการจดจำก็เป็นปัจจัยหนึ่ง)
สำนักข่าว NBC ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า Mark Zuckerberg ได้ทำการเข้าซื้อบ้านที่อยู่รอบบ้านหลังใหม่ที่เมือง Palo Alto จำนวน 4 หลัง เป็นเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่เตรียมจะปลูกบ้านหลังใหม่มูลค่ากว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การซื้อบ้านดังกล่าวนี้เกิดขึ้น หลังจากที่มีคนทราบว่า Zuckerberg ได้ซื้อบ้านที่เมืองดังกล่าวในปี 2011 และมีหนึ่งในนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่าเตรียมจะสร้างบ้านขนาดใหญ่ในที่ดินซึ่งติดกับบ้านหลังใหม่ของเขา โดยระบุว่าจะขายให้กับคนที่อยากอยู่หลังบ้านของ Zuckerberg ซึ่งทำให้เขาลงทุนซื้อบ้านรอบๆ ทั้งหมด 4 หลัง พร้อมยื่นคำขอกับทางเมืองว่าจะทุบบ้านทั้งหมดทิ้ง (รวมถึงบ้านที่เขาซื้อ) และสร้างบ้านใหม่ที่มีขนาดเล็กลง เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากที่สุด
จากที่มีกระแสว่า Facebook มีหน่วยคัดกรองคุมเนื้อหาที่จะขึ้นในหน้า feed หรือมีบรรณารักษ์ข่าวนั้น Mark Zuckerberg โพสต์เฟสบุคย้ำจุดยืนของ Facebook ว่าเป็นพื้นที่ให้ทุกความคิด และในบ่ายวันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) ตัวเขาจะเป็นเจ้าภาพในการพูดคุยกับผู้นำทางการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม (conservative) จำนวนหนึ่ง เพื่อทำให้แน่ใจว่า Facebook ยังคงเป็นพื้นที่สำหรับทุกความคิดทางการเมือง
Yuri Milner มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เจ้าของบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ Mail.ru Group และบริษัทลงทุน DST Global ที่ลงทุนในสตาร์ตอัพทั่วโลกจำนวนมาก (ซื้อหุ้น Facebook ตั้งแต่ปี 2009) ประกาศความร่วมมือกับ Stephen Hawking นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง และ Mark Zuckerberg แห่ง Facebook เปิดตัวโครงการวิจัยชื่อ Breakthrough Starshot มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนายานอวกาศที่มีความเร็ว 20% ของความเร็วแสง
Breakthrough Starshot จะพัฒนายานอวกาศอัตโนมัติขนาดเล็กเรียกว่า nanocraft ข้างในมีแผงวงจรขนาดเล็ก มีกล้องถ่ายภาพ ใช้วัสดุแขนงใหม่ที่มีน้ำหนักเบามากๆ (น้ำหนักวัดเป็นกรัม) และราคาถูกประมาณ iPhone หนึ่งเครื่องเมื่อผลิตในปริมาณมากๆ มันจะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเรียกว่า Light Beamer หรือใช้พลังงานแสง (โฟตอน) รวมกันเป็นเลเซอร์ ขับเคลื่อนยานที่มีน้ำหนักเบาไปอย่างรวดเร็ว (เรียกว่า Light Sail หรือ Solar Sail)
เราเพิ่งเห็นข่าว ผู้คนแชร์เรื่องราวผ่าน Facebook น้อยลง แต่ดูเหมือนว่า Facebook เองก็รับทราบปัญหานี้ และพยายามหาวิธีชักชวนให้คนแชร์กันมากขึ้น
ในการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook Live เมื่อไม่กี่วันมานี้ Mark Zuckerberg ลงทุนมาถ่ายวิดีโอ live ด้วยตัวเอง และในคลิป เขาก็โชว์แอพ Facebook เวอร์ชันใหม่ที่หน้าตาต่างไปจากปัจจุบัน ตอนที่เราแตะช่อง What's on your mind? ด้านบนสุดของแอพเพื่อโพสต์เนื้อหา จะเห็นเมนูสำหรับแชร์เนื้อหาประเภทใหม่ๆ เช่น Slideshow, Live Video, GIF, Music เพิ่มเข้ามาด้วย