หลังจากที่ Windows 7 รุ่น Beta 1 ได้หลุดออกมาตามเว็บต่างๆ มากมาย วันนี้ที่งาน CES 2009 สตีฟ บัลเมอร์ก็ได้ประกาศว่า Windows 7 Beta 1 นั้นสามารถที่จะดาวน์โหลดได้จากไมโครซอฟท์แล้วสำหรับสมาชิก MSDN, TechBeta และ TechNet

และสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่สนใจจะเข้าร่วมการทดสอบ สามารถที่จะลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ โดยเริ่มเปิดลงทะเบียนวันที่ 9 มกราคมนี้

มีข่าวลือจากเว็บไซต์ TechARP กล่าวว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แถม Vista ที่ถูกซื้อหลังจากวันที่ 1 กค. 2552 จนถึงวันที่ Windows 7 ออกนั้นจะสามารถเข้าร่วมโปรแกรมอัพเกรดของไมโครซอฟท์ได้ โดย

• Vista Home Premium สามารถอัพเกรดเป็น Windows 7 Home Premium
• Vista Business สามารถอัพเกรดเป็น Windows 7 Professional และ
• Vista Ultimate สามารถอัพเกรดเป็น Windows 7 Ultimate

(ตารางและรายละเอียดสามารถดูได้จากที่มาครับ)

การอัพเกรดวินโดวส์นี้เป็นโปรแกรมที่คล้ายกันกับที่ไมโครซอฟท์ทำเมื่อตอนเปลี่ยนจาก Windows XP เป็น Vista โดยเมื่อดูจากเวลาแล้วคาดว่า Windows 7 น่าจะออกภายในช่วงเดือนกันยายน

จากการที่ผมได้ทดลองติดตั้ง Windows 7 ลงบนเครื่อง Netbook Acer Aspire One รุ่น A110 SSD 8GB โดยการลดทอนฟังก์ชั่นบางอย่าง เช่น Windows Media Center , Games , etc. เพื่อให้ตัว Windows มีขนาดเล็กลง และใช้งานได้ดีในแบบฉบับคอมพิวเตอร์พกพา

Hardware ที่ใช้ในการทดสอบ

• Acer Aspire One A110
• Solid-state drive 8 GB
• Ram DDR2 1.5 GB
• Integrated Graphic Intel GMA950

Software ที่ใช้ในการทดสอบ

• Microsoft Windows 7 Pre-beta build 6956

สรุปประเด็นคร่าวๆ จากการติดตั้งและใช้งาน

Adrian Kingsley นักเขียนของ ZDNet ได้รายงานถึงผลการวัดประสิทธิภาพวินโดวส์สี่รุ่นคือ Windows Vista SP1, Windows Vista RTM, Windows 7 และ Windows XP SP3 ผลปรากฏว่า Windows 7 นั้นดีกว่า Windows XP แทบทุกด้าน

วิสต้านั้นถูกต่อว่าอย่างหนักนับแต่เปิดจำหน่ายมาว่ากินทรัพยากรสูง และทำงานได้ช้าเมื่อเทียบกับ XP การเปิดตัว Windows 7 จึงอาจจะเป็นการแก้ตัวของไมโครซอฟท์คล้ายๆ สมัย ME ที่มีปัญหาคล้ายๆ กันแล้วถูกแก้ปัญหาใน XP ได้อย่างสวยงาม

จนวันนี้ใครมาถามผมเรื่องซื้อของแท้ ผมยังคงยืนยันว่า Windows XP Home เป็นซอฟต์แวร์ที่คุ้มราคาที่สุดตัวหนึ่งในตลาด

ที่มา - ZDNet

ลูกเล่น 3 มิติใน Vista นั้นจำเป็นต้องใช้ GPU ที่มีประสิทธิภาพพอสมควร ทำให้เครื่องระดับล่างๆ จำนวนหนึ่ง (โดยเฉพาะที่ใช้การ์ดจอออนบอร์ดของอินเทล) ไม่สามารถเปิดใช้เอฟเฟคต์ Aero Glass ได้ (และไมโครซอฟท์ดันไปแปะตรา Vista Capable ให้เข้าใจผิดว่ารัน Vista แบบเต็มๆ ได้ เลยยุ่งสองต่อ)

ปัญหานี้ถูกแก้ไขใน Windows 7 แล้ว ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่เรียกว่า WARP (ย่อมาจาก Windows Advanced Rasterization Platform) ซึ่งช่วยให้ CPU สามารถประมวลผลเอฟเฟคต์ 3 มิติ ที่สร้างด้วย Direct3D 10 หรือ 10.1 ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ GPU

ผู้พัฒนาโปรแกรมหลาย ๆ คนอาจจะไม่เห็นความแตกต่างระหว่าง Windows Vista และ Windows 7 มากนักจากตอนที่ไมโครซอฟท์ได้ทำการแจกจ่าย Windows 7 ให้กับผู้พัฒนาโปรแกรมบางส่วน แต่แท้จริงแล้ว ไมโครซอฟท์ได้ทำการพัฒนา UI ใหม่ ๆ ให้กับ Windows 7 แต่ตัดสินใจที่จะไม่ใส่มันลงไปใน Build ต่าง ๆ ของ Windows 7 เนื่องจากต้องการที่จะ Surprise คนในงาน Conference ...

Windows Vista กับ netbook นั้นเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เข็นกันไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่เนื่องจาก Vista ต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพสูงในขณะที่ netbook ส่วนใหญ่ไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงขนาดนั้น แต่ตอนนี้หลังจาก Windows 7 เปิดตัวในงาน PDC 2008 ที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้ก็อาจเปลี่ยนไป

Laptop Mag ได้ทำการทดสอบลง Windows 7 Ultimate รุ่น Pre-Beta บน Asus Eee PC 100H (1.6Ghz Atom, แรม 1GB) โดยไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมอื่นเพิ่มเติม พบว่ามันใช้เวลาบูตเพียง 58 วินาที และสามารถใช้งานพื้นฐานเช่นเขียนบล็อก แก้ไขรูปภาพ อัพโหลดวิดีโอ และดูวิดีโอผ่าน hulu.com (480p: 640x480) ได้สบายๆ อย่างไรก็ดีหากเป็นการรับชมวิดีโอความละเอียดสูง (720p) ยังคงมีอาการกระตุกอยู่

สืบเนื่องจากข่าวที่ซีอีโอของไมโครซอฟท์ สตีฟ บัลเมอร์ได้ให้สัมภาษณ์ต่อนักวิเคราะห์จากบริษัทการ์ตเนอร์ในงาน Gartner Symposium/ITxpo โดยบัลเมอร์ได้โน้มน้าวให้คนเปลี่ยนไปใช้ Vista ก่อนที่ Windows 7 จะวางขาย นอกจากนี้ บัลเมอร์ยังอ้างว่า ตอนที่ Vista เปิดตัวมานั้น มีบุคคลและบริษัทเปลี่ยนไปใช้ Vista เร็วกว่าตอนที่ Windows XP เปิดตัววางขายซะอีก แต่ทางนักวิเคราะห์จากการ์ตเนอร์กลับเปิดเผยสถิติว่ามีจำนวนบริษัทเพียง 10% เท่านั้นที่เปลี่ยนไปใช้ Vista

สตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอของไมโครซอฟท์ตอบคำถามในงานสัมมนา Symposium ITxpo เกี่ยวกับ Windows 7 ว่า "Windows 7 คือ Vista ที่ปรับแต่งด้านส่วนติดต่อผู้ใช้ให้ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพดีขึ้นมาก"

เขายังยืนยันว่า Windows 7 ถือเป็นวินโดวส์รุ่นเต็มตัวถัดไป ไม่ใช่รุ่นปรับปรุงจาก Vista เพราะฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามานั้นมีเยอะเกินกว่าจะเป็นรุ่นปรับปรุง

แต่สุดท้ายเขายังบอกว่า การที่พูดแบบนี้ไม่ได้ต้องการให้คนรอ Windows 7 องค์กรสามารถเริ่มใช้ Vista ได้เลย เพราะโปรแกรมบน Windows 7 จะทำงานบน Vista ได้อย่างไม่มีปัญหา

ที่มา - InfoWorld

จากข่าว และแล้วชื่อจริงของ Windows 7 คือ Windows 7 ประเด็นเรื่องชื่อ Windows 7 เป็นที่สงสัยกันมาก จนทีมงานของไมโครซอฟท์ต้องออกมาตอบคำถามผ่านบล็อก Windows Vista Team Blog ว่าเลข 7 มาจากไหน ซึ่งไล่เลขเวอร์ชัน (ของระบบ อิงตามใน System) ได้ดังนี้

ไมโครซอฟท์เตรียมส่ง Vista Service Pack 2 รุ่นทดสอบ (Beta) ให้กับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เลือกไว้ และตั้งใจออก Windows Vista SP2 ก่อนการเปิดตัว Windows 7 เพื่อไม่ทำให้ผู้ใช้สับสนว่าควรเปลี่ยนไปใช้ Windows 7 หรือไม่

ตามแผนของไมโครซอฟท์นั้นจะมีเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปทดลอง Windows 7 รุ่นทดสอบในกลางเดือนเดือนธันวาคม และหวังว่า SP2 ของ Windows Vista จะออกก่อนหน้านั้น

ที่มา - ZDnet Technology News

ปกติ Microsoft จะไม่ค่อยใช้ codename เป็นชื่อผลิตภัณฑ์จริงเท่าไหร่นัก แต่กรณีของ Windows 7 นั้นมาแปลก คือชื่อผลิตภัณฑ์จริงที่จะขายก็จะใช้ชื่อ Windows 7 ด้วยเช่นกัน

CNET รายงานว่าไมโครซอฟท์ตัดสินใจถอดโปรแกรม 3 ตัว คือ Windows Photo Gallery, Windows Mail และ Windows Movie Maker ออกจาก Windows 7

เหตุผลก็คือทั้ง 3 ตัวนี้มาพร้อมกับ Vista แต่ว่าไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาโปรแกรมแบบเดียวกันในตระกูล Windows Live (ไม่ใช่ Windows เฉยๆ) ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแยกเอง ซึ่งผลก็คือมีโปรแกรมซ้ำซ้อนกันจำนวน 2 ชุด ซึ่งเมื่อถึงเวลาต้องเลือกข้างแล้ว ไมโครซอฟท์ตัดสินใจยืนอยู่ข้าง Windows Live ที่ใหม่กว่า

หลังจากข่าวเก่าเรื่อง Paint/Wordpad ใน Windows 7 จะมี Ribbon แล้วตอนนี้เริ่มมีข่าวลือพร้อมภาพหลุดมาจาก Windows 7 ออกมาอีกแล้วครับ

แหล่งข่าวนี้ออกมาจาก Thinknext.net มีการเผยแพร่ภาพที่อ้างว่าเป็น Windows 7 M3 Build 6780 โดยจากภาพสังเกตได้ว่าไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างไปจาก Windows Vista เสียเท่าไหร่

Paint กับ WordPad ก็เป็นโปรแกรมที่อยู่คู่กับวินโดวส์มานานมาก (แถมแทบไม่เปลี่ยนแปลง) แต่ใน Windows 7 Milestone 3 ทั้งสองโปรแกรมได้ถูกปรับให้ใช้ทูลบาร์แบบ Ribbon เหมือนกับ Office 2007 แล้ว

• screenshot ของ Paint
• screenshot ของ WordPad

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนัก เพราะว่า Steven Sinofsky หัวหน้าทีมวินโดวส์คนปัจจุบันก็คุม Office 2007 มาก่อน และยกลูกทีมเดิมตามมาอีกหลายคน

ทีมงานของไมโครซอฟท์เขียนบล็อกลงใน Engineering Windows 7 ถึงประเด็นเรื่องความเร็วในการบูตเครื่อง สำหรับ Windows 7 นั้นไมโครซอฟท์มีทีมเฉพาะมาเพื่อการบูตเครื่องโดยตรง ข้อมูลที่ไมโครซอฟท์บอกคือ ตอนนี้มีเครื่องในห้องทดสอบสามารถบูตขึ้นภายใน 15 วินาที (ไม่ได้บอกละเอียดว่านับจากตอนไหนนะครับ)

ความเร็วการบูตเครื่องต่างกันมากตามแต่ละฮาร์ดแวร์ ตัวเลขของ Windows Vista SP1 ที่มีคนเก็บสถิติ บอกว่า 35% ของเครื่องที่ทดสอบสามารถบูตเสร็จภายใน 30 วินาที และ 75% ของเครื่องทั้งหมดบูตเสร็จภายใน 50 วินาที ซึ่งไมโครซอฟท์บอกว่ายังไม่พอใจ

บิล เกตส์​และสตีฟ บัลเมอร์ พูดถึงและโชว์เดโมอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Windows 7 ในงาน All Things D ของ Walt Mossberg (ถ้าใครจำได้ ปีที่แล้วบิล เกตส์ขึ้นเวทีพร้อมสตีฟ จ็อบส์)

รายละเอียดของ Windows 7 ที่เปิดเผย ซึ่งบัลเมอร์บอกว่านี่เป็นแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น

ข่าวกำหนดวางตลาดของ "Windows 7" รหัสเรียกขานของวินโดวส์รุ่นถัดไปยังออกมาเรื่อยๆ เริ่มจากข่าวลือว่าออกปี 2009 (ข่าวเก่า) จากนั้นไมโครซอฟท์ออกมาแก้ข่าวว่าใช้เวลาพัฒนาอีก 3 ปี (ข่าวเก่า) แต่ปัญหาคือไม่บอกว่า 3 ปีนี้เริ่มนับเมื่อไร

ตอนนี้ไมโครซอฟท์ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มแล้วว่านับจากวันวางจำหน่าย Vista (30 มกราคม 2007) ถ้าวัดกันเป๊ะๆ ก็คือ 30 มกราคม 2010 แต่ไมโครซอฟท์ยังบอกอีกว่า Windows 7 นั้นวางแผนจะออกในปี 2010 ชัดเจน

Windows 7 ได้ออกรุ่น Milestone 1 มาทดสอบเป็นการภายในแล้ว แต่บริษัทยังไม่ให้ข่าวของ M2 แต่อย่างใด

ดูเหมือนจะกลายเป็นข่าวลือจริง ๆ สำหรับเรื่องที่ วินโดวส์ 7 จะออกปี 2009 ซึ่งทางไมโครซอฟท์ได้ส่งอีเมลไปยัง WinVistaClub โดยกล่าวในเนื้อหาอีเมลว่า วินโดวส์ 7 ยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผน และการพัฒนาจำเป็นต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3 ปี

ทางไมโครซอฟท์ไม่มีความคิดเห็นต่อข่าวลือที่ผ่านมาแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม Vista SP1 จะต้องออกเร็ว ๆ นี้แน่นอน

ที่มา - Engadget Via The Inquirer

เว็บไซต์ TG Daily รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวลึกลับว่าไมโครซอฟท์ได้ส่งวินโดวส์รุ่นหน้า "Windows 7" รุ่นทดสอบให้กับคู่ค้ารายสำคัญๆ แล้ว และได้ปรับกำหนดออกเป็นครึ่งหลังของปี 2009 จากเดิมที่เชื่อกันว่าเป็นปี 2010

เวอร์ชันทดสอบแรกถูกเรียกว่า Milestone 1 (M1) โดยมีทั้งเวอร์ชัน x86 และ x86-64 ฟีเจอร์ที่ระบุในข่าวคือสามารถใช้งานการ์ดจอหลายตัวแถมคนละยี่ห้อพร้อมกันได้ (เข้าใจว่าเหมือนต่อ SLI แต่ไม่จำเป็นต้องยี่ห้อเดียวกัน) และรวมฟีเจอร์ของ Media Center เข้ามาในตัว

M2 มีกำหนดจะออกเดือนเมษายน/พฤษภาคมนี้ ส่วน M3 เป็นเดือนกันยา Beta 1 ยังไม่มีกำหนด แต่ไม่น่าจะออกได้ทันปีนี้

ที่มา - TG Daily

จากข่าวเก่าว่า โค้ดเนมของวินโดวส์รุ่นถัดไปคือ Windows 7 เราก็ยังรู้สึกว่าไกลตัวมากๆ แต่ตอนนี้เริ่มมีรายละเอียดออกมาบ้างแล้ว

Eric Traut วิศวกรของไมโครซอฟท์ได้ไปพูดที่มหาวิทยาลัยอิลินอยส์ โดยเขาได้เดโมโครงการ MinWin ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเคอร์เนลตัวใหม่ ที่คาดว่าจะใช้กับ Windows 7 ในอนาคต ในวิดีโอ MinWin ยังไม่มีอะไรมาก แค่บูตขึ้นมาเป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ง่ายๆ ได้เท่านั้น โหมดกราฟฟิกก็ยังไม่มีแต่ฉากบูตโลโก้วินโดวส์แบบ ASCII นี่เท่มากมาย

นอกจากนี้ยังมีของแถมเป็นวินโดวส์เวอร์ชันแรกๆ อย่าง 1.0 หรือ 2.0 ซึ่ง Traut โชว์ให้ดูทาง Virtual PC เป็นของแถมด้วย

ไมโครซอฟท์ล่าสุดได้ออกมาแถลงการณ์หลังจากการประชุมของบริษัทในออร์แลนโดว่าในขณะนี้จะขอเรียกวินโดวส์ตัวนี้ว่า Windows 7

ก่อนหน้านี้วินโดวส์ตัวนี้มีโค้ดเนมว่า Vienna แต่ตัวแทนจากไมโครซอฟท์ได้ออกมายืนยันแน่นอนว่าต่อไปนี้จะใช้โค้ดเนม 7 แทน โดยคาดว่าวินโดวส์ตัวต่อไปน่าจะออกวางขายได้ในช่วงเวลาประมาณ 3 ปีหลังจากนี้ โดยเจ้า "เจ็ด" นี้จะมีออกมาหลายเวอร์ชั่นทั้งสำหรับกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคลและสำหรับองค์กร และแน่นอนจะมีให้เลือกทั้งเวอร์ชั่น 32 และ 64 บิต

ไมโครซอฟท์ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มลูกค้าองค์กรจากการล่าช้าในการออกวิสต้า เนื่องจากหลาย ๆ บริษัทเป็นลูกค้าที่ต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทตามระยะเวลาการใช้งานซอฟต์แวร์ภายใต้ License Agreement ที่เรียกว่า Software Assurance