Apple ประกาศว่าทางบริษัทได้เปิดสำนักงานแห่งใหม่ในเมือง Hyderabad ประเทศอินเดีย ซึ่งสำนักงานแห่งนี้จะเน้นการพัฒนาแผนที่ Apple Maps ซึ่งจะมีการสร้างงานกว่า 4 พันตำแหน่งในท้องถิ่น

ออฟฟิศแห่งใหม่ของ Apple นี้ จะช่วยเร่งการพัฒนาแผนที่ Apple Maps ของ Apple เพื่อป้อนให้เป็นผลิตภัณฑ์บริษัท โดยก่อนหน้านี้ Apple ก็เพิ่งเปิดศูนย์บ่มเพาะนักพัฒนา iOS ในอินเดีย

สำนักงานแห่งใหม่ของ Apple นี้จอยู่ใน Waverock campus โดยจะเป็นอาคารระดับโลกและได้รับมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงาน LEED ด้วย

ที่มา - Apple Press

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ Tim Cook ซีอีโอของแอปเปิลกำลังเดินทางไปเยือนประเทศอินเดีย และล่าสุดบริษัทก้ได้ประกาศจัดตั้ง Design and Development Accelerator ในเมืองบังกะลอร์ เมืองที่เปรียบเสมือน Silicon Valley ของอินเดีย และจะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2017

ศูนย์แห่งนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญจากแอปเปิล คอยช่วยเหลือและสนับสนุนนักพัฒนาในอินเดีย ทั้งการเขียนโปรแกรมภาษา Swift การเขียนและดีไซน์แอพ บนแพลตฟอร์มต่างๆ ของแอปเปิลทั้ง iOS, Mac, Apple TV และ Apple Watch

ที่มา - The Next Web

เมื่อวานนี้ที่อินเดีย MediaTek บริษัทผู้ผลิตชิปจากไต้หวัน ประกาศความร่วมมือกับ Intex บริษัทผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของอินเดีย เปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะสองรุ่นคือ iRist Junior และ iRist Pro

ทั้งสองตัวใช้หน่วยประมวลผลจากทาง MediaTek โดยรุ่น Junior ใช้หน่วยประมวลผลเป็น MT6261 ที่มี GPS ซึ่งทำให้ผู้ปกครองติดตามได้ว่าบุตรหลานกำลังอยู่ที่ใด, ผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP65, หน้าจอขนาด 0.96 นิ้ว แบตเตอรี่ความจุ 580 mAh และหนัก 48.5 กรัม รองรับทั้ง Android และ iOS ส่วนรุ่น Pro ใช้หน่วยประมวลผล MT2502 เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth 4.0 และกันน้ำ โดยรองรับเฉพาะ Android ตั้งแต่รุ่น KitKat เป็นต้นไปเท่านั้น ไม่ระบุระบบปฏิบัติการทั้งสองรุ่น

Mike Hayes ผู้บริหารของกูเกิล ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Economic Times ของอินเดีย ถึงโครงการมือถือราคาถูก Android One ว่ากูเกิลปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่ ให้ Android One เป็นส่วนหนึ่งของ "ยุทธศาสตร์ด้านฮาร์ดแวร์" ของบริษัท

Hayes ระบุในบทสัมภาษณ์ว่าพาร์ทเนอร์ OEM จะมีความยืดหยุ่นในการเลือกสเปกฮาร์ดแวร์ การสั่งซื้อชิ้นส่วน การตั้งราคาและช่วงเวลาวางขายมากขึ้น (เทียบกับ Android One ช่วงแรกๆ ที่สเปกฮาร์ดแวร์ของทุกยี่ห้อเกือบเหมือนกัน เพราะกูเกิลสั่งซื้อชิ้นส่วนล็อตใหญ่ให้) ในขณะที่กูเกิลจะปรับบทบาทของตัวเองไปเน้นที่ซอฟต์แวร์เพียงอย่างเดียว

อินเดียนับเป็นตลาดใหญ่ตลาดหนึ่ง โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนระดับล่าง ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายเจ้าทั้งระดับโลกและท้องถิ่น พยายามทำตลาดสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่า 5,000 บาทในประเทศที่มีประชากรเป็นอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้ ซึ่งแน่นอนตลาดอันเย้ายวนเช่นนี้ แอปเปิลที่เน้นไปที่ตลาดไฮเอนด์มีส่วนแบ่งเค้กเพียง 2% เท่านั้น

เหตุนี้แอปเปิลยื่นเรื่องต่อรัฐบาลอินเดีย ในการนำ iPhone ที่ผ่านการซ่อม (refurbish) และมีอยู่จำนวนมากเข้าไปขาย ซึ่งทางกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดียปฏิเสธคำขอนี้ โดยให้เหตุผลเพียงว่าเป็นนโยบายของรัฐ ขณะที่เมื่อปีที่แล้วแอปเปิลเคยยื่นเรื่องในลักษณะนี้และโดนกระทรวงสิ่งแวดล้อมปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่ง

นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว ต้นปีที่ผ่านมาแอปเปิลยังได้ยื่นเรื่องขอเปิด Apple Store แห่งแรกในประเทศอินเดียและยังอยู่ระหว่างกระบวนการตัดสินใจของภาครัฐอีกด้วย

ที่มา - Bloomberg

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียประกาศให้มือถือทุกเครื่องที่วางขายในประเทศตั้งแต่ 1 ม.ค. ปีหน้าเป็นต้นไป ต้องมีปุ่มที่ผู้ใช้กดครั้งเดียวสามารถโทรขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ (authority) ได้ทันที

สำหรับสมาร์ทโฟนที่ไม่สามารถเพิ่มปุ่มข้างต้นได้ ผู้ผลิตต้องเพิ่มฟังก์ชันดังกล่าวในปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง โดยให้กดติดต่อกันสามครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือ ส่วนฟีเจอร์โฟนนั้นให้เพิ่มลงปุ่ม 5 หรือ 9 แทน

การประกาศนี้มีขึ้นหลังรัฐบาลตั้งเบอร์ 112 เพื่อการติดต่อขอความช่วยเหลือเร่งด่วน ทั้งตำรวจ รถฉุกเฉิน และหน่วยดับเพลิง ได้จากที่เดียว

นอกจากนั้น รัฐบาลอินเดียยังบังคับให้มือถือทุกเครื่องที่วางขายตั้งแต่ 1 ม.ค. 2018 เป็นต้นไป ต้องมากับ GPS

ที่มา: Windows Central

โมโตโรลาได้ร่อนบัตรเชิญสื่อมวลชนให้ไปร่วมงานแถลงข่าวในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดียในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ โดยไม่ได้บอกรายละเอียด ซึ่งหลายฝ่ายก็คาดกันว่าน่าจะเป็น Moto G รุ่นใหม่หลังจากที่โมโตโรลาเปิดตัว Moto G (2015) ที่อินเดียเมื่อปีที่แล้ว

ก่อนหน้านี้มีภาพหลุดของ Moto G รุ่นใหม่ออกมาซึ่งคาดว่าจะออกมาเป็น 2 รุ่นย่อยคือ Moto G4 และ Moto G4 Plus โดย ณ ตอนนี้ความแตกต่างของสองรุ่นนี้คาดกันว่าเป็นกล้อง ที่รุ่น G4 จะใช้กล้องความละเอียด 13 เมกะพิกเซล ขณะที่ G4 Plus จะใช้กล้องความละเอียด 16 เมกะพิกเซล

ที่มา - FoneArena, ภาพจาก @evleaks

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่ารัฐบาลอินเดียได้เปิดตัวระบบรับชำระและส่งเงินแบบใหม่ที่เรียกว่า Unified Payment Interface (UPI) โดยสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้หลายประเภท ขอแค่เพียงเข้าถึงการสื่อสารที่กำหนดเอาไว้ได้เท่านั้น ระบบดังกล่าวนี้พัฒนาต่อมาจากระบบฐานข้อมูลประชาชนและข้อมูลทางชีวภาพ (biometrics) ของประเทศที่เรียกว่า Aadhaar (ภาษาฮินดีแปลว่าพื้นฐาน, รากฐาน) ซึ่งมีประชาชนอยู่ในฐานข้อมูลนี้แล้วกว่าร้อยละ 80 ของประชากร

Apple ใช้คำว่า Split View เพื่อเรียกฟีเจอร์ใหม่ที่แบ่งหน้าจอ iPad ออกเป็น 2 ฝั่งและใช้งาน 2 แอพพร้อมกัน แต่ตอนนี้ศาลในอินเดียได้ออกคำสั่งห้าม Apple ใช้คำนี้ เพราะไปพ้องกับสิทธิบัตรของบริษัทท้องถิ่น

ศาลสูงประจำกรุงเดลีได้ออกคำสั่งให้ Apple ห้ามใช้คำว่า Split View ในประเทศอินเดีย เนื่องจากคำเรียกฟีเจอร์ใหม่ของ Apple ไปพ้องกับเครื่องหมายการค้า SplitView (ไม่มีเว้นวรรค) ของบริษัทซอฟต์แวร์ท้องถิ่นชื่อว่า Vyooh ที่พัฒนาซอฟต์แวร์และใช้เครื่องหมายการค้า SplitView มาตั้งแต่ปี 2006

ตัวแทนจากบริษัท Vyooh ออกมายืนยันว่าได้ยื่นคำร้องไปยังศาลจริง และปฏิเสธที่จะกล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องนี้

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal (WSJ) รายงานว่า Samsung กำลังกลับมาแย่งส่วนแบ่งตลาดในจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ได้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ต้องเสียตำแหน่งเจ้าตลาดไปในปี 2014 และ 2015 ซึ่งกลยุทธ์ของ Samsung ก็คือการตัดราคาและผลิตโทรศัพท์มือถือในราคาที่ถูกลง ผู้คนเข้าถึงได้มากขึ้น

WSJ ได้ไปสัมภาษณ์ผู้ใช้รายหนึ่ง ซึ่งเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์อย่าง Galaxy J2 ที่เป็นโทรศัพท์ตอบโจทย์ตลาดล่าง ซึ่งผู้ใช้ระบุว่ามีคุณภาพที่ดีกว่าแบรนด์ของท้องถิ่นมาก และได้รับความนิยมจากทั้งในอินเดียและอินโดนีเซีย ส่วนในจีน Galaxy A ก็ถือว่าทำให้ Samsung ที่ตอนนี้เป็นอันดับ 6 ของตลาด มีที่ยืนได้ดีขึ้น แสดงให้เห็นว่า Samsung เองมุ่งไปสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือในระดับกลางและล่างมากขึ้น สอดคล้องไปกับแนวทางของการลดต้นทุนที่บริษัทกำลังทำอยู่

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ที่ให้สัมภาษณ์กับทาง WSJ ระบุว่า Samsung เองมีความเสี่ยงในการลงมาเล่นตลาดล่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนต่างกำไรที่จะลดลงมาก นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องของการลดมูลค่าของแบรนด์ลงไปด้วย

ที่มา - The Wall Street Journal

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า Micromax หนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของอินเดีย กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อบริษัทประสบปัญหาทั้งภายในและภายนอกที่รุมเร้า จนต้องสูญเสียส่วนแบ่งจากปีที่ผ่านมาไปเกินครึ่งหนึ่ง

Reuters ระบุว่า ปัจจัยส่วนหนึ่งเกิดจากการที่สภาพตลาดเปลี่ยนไปจากเดิม ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Samsung เริ่มปล่อยโทรศัพท์ที่มีราคาถูกมากขึ้น ผู้ผลิตจากจีนที่แต่เดิมรับจ้าง Micromax ก็ลงมาทำตลาดภายใต้แบรนด์ของตัวเอง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเกิดความขัดแย้งในหมู่ผู้บริหารยุคที่เติบโต จนกระทั่งทำให้ Alibaba ที่เป็นหนึ่งในคนร่วมทุน ตัดสินใจถอนตัวออกไปโดยระบุว่าแผนงานไม่ชัดเจนพอ และผู้บริหารจำนวนหนึ่งก็ลาออกไป

Ola บริษัทบริการรถแท็กซี่ที่ใหญ่ทีสุดในอินเดีย มีรถในสังกัดกว่า 1 แสนคัน และให้บริการกว่า 67 เมือง เป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองของ Uber

ปีที่แล้ว Ola สร้างความท้าทายต่อ Uber มากขึ้นอีก ด้วยการเปิดบริการ delivery อาหาร และวัตถุดิบต่างๆ ในนาม Ola café และ Ola Store อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา บริษัทกลับแถลงปิดบริการส่วนนี้ผ่านทางเว็บไซต์แล้ว

ความพยายามในการเจาะตลาดอินเดียด้วยการขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้ประชาชนจำนวนกว่า 1,200 ล้านคนยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากจับมือกับการรถไฟอินเดียเพื่อให้บริการ Wi-Fi ฟรีตามสถานี ล่าสุดโครงการอินเทอร์เน็ตผ่านบอลลูน Project Loon ก็กำลังจะถูกส่งไปยังอินเดียแล้ว

Lava ผู้ผลิตโทรศัพท์สัญชาติอินเดีย ที่เราน่าจะคุ้นชื่อจากการที่จับมือกับ AIS ทำโปรโมชั่นโทรศัพท์พร้อมแพ็กเกจการใช้งาน เปิดตัว Twinpad แท็บเล็ตแบบ 2-in-1 ที่สามารถใช้งานแบบแท็บเล็ตเดี่ยวๆ ก็ได้ หรือจะต่อกับคีย์บอร์ดเพื่อการทำงานก็สามารถทำได้เช่นกัน

สเปคของ Lava Twinpad

- หน่วยประมวลผล: Intel Atom Z3735F ควอดคอร์ ความเร็วสูงสุด 1.83 GHz
- หน้าจอ: 10.1 นิ้ว ความละเอียด HD จอแบบ IPS
- แรม: 2 GB DDR3
- กล้องหลัง: 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า: 2 ล้านพิกเซล
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 32 GB รองรับ Micro SD
- แบตเตอรี่: 7400 mAh
- น้ำหนัก: 570 กรัม
- รองรับ 3G และสไตลัส

ประเด็นร้อนของสมาร์ทโฟนราคาถูกสุดในโลก Freedom 251 จากค่าย Ringing Bells ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากถูกผู้สื่อข่าวค้นพบว่าไม่ได้ผลิตเอง แต่ใช้ Adcom Ikon 4 ของจีนมาเปิดตัวแบบปิดโลโก้ ล่าสุดทางการอินเดียเข้าสอบสวนทาง Ringing Bells แล้ว

เรื่องราวก่อนถูกทางการสอบสวนเริ่มมาจากทาง Ringing Bells ให้ข้อมูลเพิ่มเติมผ่านสัมภาษณ์สื่อรอบล่าสุดว่ามีผู้สั่งจอง Freedom 251 เข้ามามากถึง 2.5 ล้านเครื่อง ซึ่งมากเกินกว่าที่ Ringing Bells จะส่งมอบได้หมดในครั้งเดียว จึงออกมาประกาศว่าล็อตแรกจะมีเพียง 30,000 เครื่องเท่านั้น ซึ่งผู้ที่จองในกลุ่มนี้ได้ถูกเก็บเงินไปเรียบร้อยแล้ว

บริการคลาวด์ราคาถูกเริ่มต้นเดือนละ 5 ดอลลาร์อย่าง DigitalOcean ประกาศเปิดศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติมที่เมืองบังกาลอร์ อินเดีย เป็นศูนย์ข้อมูลที่ 6 ถัดจาก อัมสเตอร์ดัม, สิงคโปร์, ลอนดอน, แฟรงเฟิร์ต, และโตรอนโต

บริการคลาวด์นอกจากจะแข่งขันกันในแง่ของจำนวนศูนย์ข้อมูลเพื่อใ้หบริการต่างๆ สามารถตั้งเซิร์ฟเวอร์ได้ใกล้กับผู้ใช้ที่สุดแล้ว ยังแข่งขันกันในแง่ของความครบถ้วนของบริการ ทาง DigitalOcean ระบุว่าบริษัทกำลังเพิ่มโซลูชั่นด้านสตอเรจ และระบบมอนิเตอร์เซิร์ฟเวอร์

หลังจาก Ringing Bells ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากอินเดียเปิดตัว Freedom 251 ที่อาจจะถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนซึ่งมีราคาถูกที่สุดในโลก ณ เวลานี้ ก็มีคนเริ่มได้สินค้ามารีวิวบ้างแล้ว แต่ก็พบความไม่ชอบมาพากลของเครื่องที่ตนเองได้รับ

ตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียยังคงแข่งขันกันอย่างหนัก ราคาเครื่องที่ว่าถูกแล้ว ก็ถูกกดให้ถูกลงเรื่อยๆ ล่าสุด Ringing Bells ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนท้องถิ่นเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Freedom 251 ที่เรียกได้ว่าถูกที่สุดในโลก

แม้ว่าราคาจะถูกจนฟีเจอร์โฟนอาย แต่สเปคของ Freedom 251 ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายคนคิด ตัวเครื่องใช้หน้าจอขนาด 4" ความละเอียด 960x540 พิกเซล, ใช้ชิป MediaTek ควอดคอร์ความถี่ 1.3GHz, รัน Android 5.1 Lollipop, หน่วยความจำภายใน 8GB (ใส่ microSD เพิ่มได้) แรม 1GB, กล้องหลังความละเอียด 3.2 เมกะพิกเซล และกล้องหน้า VGA, แบตเตอรี่จุ 1450 mAh

TRAI (Telecom Regulatory Authority of India/กสทช.ของอินเดีย) ออกประกาศห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในอินเดียคิดค่าบริการต่างกันโดยเลือกจากเนื้อหา, บริการ, แอปพลิเคชั่น, หรือเงื่อนไขอื่น จากบริการที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต

กฎนี้ไม่ได้เจาะจงกับ Free Basics ของเฟซบุ๊กโดยตรงแต่ก็มีผลกระทบชัดเจน เพราะ Free Basics เปิดช่องทางให้บริการเว็บบางเว็บและบางแอปพลิเคชั่น (เฟซบุ๊กและพันธมิตร) สามารถให้บริการต่างจากบริการและเว็บอื่น

India Times รายงานถึงสามองค์กรขนาดใหญ่ถูกโจมตีด้วยมัลแวร์เข้ารหัสข้อมูลเรียกค่าไถ่ (ransomware) โดยยังไม่สามารถยืนยันรายชื่อของบริษัทที่ถูกโจมตีครั้งนี้ได้

Mukul Shrivastava เจ้าหน้าที่สอบสวนของ Ernst & Young ระบุถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าบางบริษัทต้องยอมจ่ายเงินเพื่อปลดล็อกคอมพิวเตอร์ของผู้บริหาร บางกรณีต้องปลดทีละ 15 เครื่อง

มัลแวร์ที่ระบาดในอินเดียครั้งนี้คือ Lechiffre มันเรียกค่าไถ่ข้อมูล 1 BTC หรือประมาณ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา - India Times

เราคงทราบกันดีว่าคนอินเดียเดินทางด้วยรถไฟกันเยอะมาก (สถิติบอกว่าวันละ 23 ล้านคน) ล่าสุดกูเกิลไปจับมือกับการรถไฟอินเดีย เปิดบริการ Wi-Fi ฟรีในสถานีรถไฟแล้ว โดยเริ่มจาก Mumbai Central Station ที่เมืองมุมไบ ซึ่งมีผู้โดยสารเข้าออกวันละ 1 แสนคน

สถานีมุมไบเป็นสถานีแรกตามเป้าหมาย 100 สถานีในปีนี้ และในอนาคตกูเกิลจะขยายให้ถึง 400 สถานีทั่วประเทศอินเดีย การใช้งานคือต่อเข้าเครือข่ายชื่อ 'RailWire Wi-Fi' และลงทะเบียนด้วยหมายเลขโทรศัพท์ของอินเดีย จากนั้นจะได้ access code เพื่อใช้ต่ออินเทอร์เน็ตส่งมาทาง SMS (หนึ่งเบอร์สามารถขอได้ 3 อุปกรณ์)

โครงการ Internet.org ของ Facebook ประสบปัญหาในอินเดีย หลัง TRAI (กสทช.อินเดีย) สั่งให้โอเปอเรเตอร์ Reliance Communications หยุดให้บริการเน็ตขั้นพื้นฐานฟรี Free Basics ที่ร่วมมือกับ Facebook

เหตุผลที่ TRAI สั่งหยุดบริการ Free Basics เป็นเรื่อง net neutrality เพราะยังไม่ชัดเจนว่าโอเปอเรเตอร์สามารถ "เลือกปฏิบัติ" ด้านราคาของเนื้อหาแต่ละแบบได้หรือไม่ (การให้บริการบางเว็บฟรี อาจถือเป็นการกีดกันคู่แข่งที่ไม่เข้าร่วมโครงการ) ดังนั้น TRAI จึงขอให้ Reliance หยุดพักไปก่อนจนกว่าจะได้ข้อยุติในเรื่องนี้

รอบปีที่ผ่านมาเราเห็นยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล กูเกิล ซัมซุง เปิดตัวระบบจ่ายเงินผ่านอุปกรณ์พกพาของตัวเอง ระบบเหล่านี้ต้องให้บริการคนทั้งโลก แต่ล่าสุดเริ่มมีระบบจ่ายเงินบนมือถือที่เจาะเฉพาะบางประเทศเกิดขึ้นแล้ว

Micromax ยักษ์ใหญ่ของวงการมือถืออินเดีย ประกาศความร่วมมือกับ TranServ บริษัทด้านการจ่ายเงินออนไลน์ของอินเดีย พัฒนาระบบจ่ายเงินบนอุปกรณ์พกพาสำหรับคนอินเดียโดยเฉพาะ ระบบจะเริ่มใช้งานได้ในเดือนหน้า (มกราคม 2016)

เงียบหายไปพักใหญ่ วันนี้ Micromax ออกมาเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงในซีรีส์ Yu อย่างเป็นทางการในชื่อ Yu Yutopia ที่ลือกันมาได้หลายเดือน โดย Yutopia จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับสเปคสูงทัดเทียมเรือธงของคู่แข่งเป็นครั้งแรกของซีรีส์ YU อีกด้วย

ตัวเครื่องของ Yutopia ออกแบบมาเรียบๆ ใช้โลหะทั้งเครื่อง และมีที่สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหลังตามกระแสรุ่นเรือธงในปัจจุบัน ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งปลดล็อกตัวเครื่อง และเป็นชัตเตอร์กล้องได้ในตัว ส่วนสเปคอื่นๆ มีดังนี้

นอกจากการจัดการเรื่องความปลอดภัย และระบบจ่ายค่าบริการด้วยเงินสดในอินเดียแล้ว เพื่อให้เข้าถึงความเป็นท้องถิ่นของอินเดียมากขึ้น Uber ได้เปิดบริการเรียกรถลาก (หน้าตาเหมือนตุ๊กๆ) ในชื่อ UberAUTO มาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

แม้ว่าการใช้บริการรถลากในอินเดียจะได้รับความนิยมมากแต่ทว่าตอนนี้ Uber ออกมาประกาศว่าจะยุติบริการ UberAUTO เป็นการชั่วคราวหลังจากพบกับปัญหาที่ทำให้ตัวบริการไม่สามารถขยายตัวเพิ่มได้

แม้จะไม่มีรายละเอียดว่า Uber เจอปัญหาอะไรจริงๆ กันแน่ แต่หลายฝ่ายคาดว่าน่าจะมาจากการแข่งขันสูง ที่นอกจากจะชนกับ Ola ซึ่งเป็นบริการเรียกรถลากสัญชาติอินเดียหลากรายแล้ว ยังต้องแข่งกับบริการของทางการอินเดียเองในชื่อ PoochO อีกด้วย