ยังอยู่ในประเด็นแอปเปิลประกาศรองรับ RCS ใน iPhone ในปี 2024 ซึ่งมีคำถามตามมาว่า แล้วข้อความที่ส่งด้วย RCS เวลาแสดงผลใน iPhone กล่องข้อความจะเป็นสีอะไร?
แอปเปิลตอบคำถามนี้ว่า RCS จะแสดงผลเหมือนกับ SMS นั่นคือเป็นกล่องข้อความสีเขียวเหมือนเดิม ขณะที่ข้อความที่ส่งระหว่าง iMessage ด้วยกันยังคงเป็นสีฟ้า เพื่อเป็นการยืนยันและให้ความมั่นใจว่านี่เป็นข้อความที่ส่งหากันด้วย iMessage ระหว่าง iPhone ที่แอปเปิลมองว่ามีความปลอดภัยมากกว่า
เรื่องที่เคยคิดว่าเกิดขึ้นยาก บทจะมาก็มากันไม่ทันตั้งตัว เมื่อแอปเปิลออกแถลงการณ์ว่า บริษัทเตรียมรองรับมาตรฐาน RCS (Rich Communication Services) สำหรับบริการรับส่งข้อความ ซึ่งจะเริ่มเปิดใช้ผ่านการอัพเดตซอฟต์แวร์ภายในปีหน้า ทำให้การส่งข้อความในหลายฟอร์แมตผ่านแอปส่งข้อความพื้นฐานของ iPhone และ Android ทำได้แล้ว
แถลงการณ์ของแอปเปิลซึ่ง 9to5Mac ได้รับ บอกว่าในปีหน้าแอปเปิลจะรองรับ RCS Universal Profile ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับส่งข้อความของ GSM แอปเปิลเชื่อว่า RCS จะให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีมากขึ้นเมื่อเทียบกับ SMS และ MMS รวมทั้งจะทำงานร่วมกับ iMessage ที่เป็นแพลตฟอร์มรับส่งข้อความที่ดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้งานแอปเปิล
Nothing เปิดตัวแอป Nothing Chats เป็นแอปแชทที่ใช้งานได้เฉพาะ Nothing Phone 2 และนำ iMessage มาใช้งานรวมถึงฟีเจอร์บางอย่างของ iMessage เปิดให้ใช้งานได้ 17 พฤศจิกายนนี้สำหรับผู้ใช้งานในอเมริกาเหนือ และยุโรป โดยสามารถโหลดได้ผ่านทาง Google Play Store
Financial Times รายงานข่าวว่า กูเกิลกับโอเปอเรเตอร์ยักษ์ใหญ่ในยุโรปบางราย เช่น Vodafone, Deutsche Telekom, Telefónica, Orange ยื่นจดหมายให้คณะกรรมการยุโรป (European Commission) พิจารณาว่าบริการ iMessage ของแอปเปิลเข้าข่ายเป็นบริการดิจิทัลที่มีคนใช้เป็นจำนวนมาก (gatekeeper) ตามกฎหมาย Digital Markets Act ฉบับใหม่ เพื่อบีบให้แอปเปิลต้องเปิด iMessage ให้เชื่อมต่อกับบริการคู่แข่งรายอื่นได้ด้วย
มีรายงานจาก Financial Times เกี่ยวกับกฎหมายดูแลการแข่งขันในตลาดดิจิทัล ของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เรียกย่อว่ากฎหมาย DMA ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว รายละเอียดหนึ่งคือการประกาศรายชื่อบริการ ที่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตาม DMA เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก และสามารถกีดกันคู่แข่งได้ (gatekeeper)
เงื่อนไขของบริการที่เข้าเกณฑ์ DMA คือบริการนั้นต้องมีผู้ใช้งานในประเทศกลุ่ม EU มากกว่า 45 ล้านคนต่อเดือน หากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ จะมีค่าปรับปีละ 7.5 พันล้านยูโร ซึ่งข้อกำหนดหนึ่งคือการออกแบบระบบ ให้รองรับการใช้งานหรือเชื่อมต่อบริการของผู้พัฒนารายอื่นได้
สหราชอาณาจักรมีแผนปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจในการสอบสวน โดยการเปลี่ยนแปลงหนึ่งคือ หากมีอัพเดตในบริการรับส่งข้อความออนไลน์ ต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องก่อน ตลอดจนต้องมีช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบข้อความที่เข้ารหัส end-to-end หากมีการร้องขอ
อย่างไรก็ตามในระหว่างการเปิดรับความคิดเห็นจากฝั่งผู้ให้บริการ แอปเปิลเป็นหนึ่งในบริษัทที่คัดค้านร่างกฎหมายนี้ โดยบอกว่าหากต้องทำฟีเจอร์นี้ตามที่สหราชอาณาจักรร้องขอ จะทำให้เกิดช่องโหว่ที่กระทบกับผู้ใช้งานประเทศอื่นทั่วโลก การอัพเดตซอฟต์แวร์เป็นเรื่องเปิดเผย ไม่สามารถทำเป็นความลับได้ จึงไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และหากกฎหมายนี้มีผลจริง แอปเปิลอาจเลือกปิดบริการ iMessage และ FaceTime ในประเทศไปเลย
หมดปัญหาข้อความรหัสยืนยันล้นแอป เมื่อล่าสุด iOS 17 ได้เพิ่มฟีเจอร์ "ล้างข้อมูลโดยอัตโนมัติ" (Clean up automatically )ที่จะลบรหัส OTPใน Messages และ Mail ให้อัตโนมัติหลังจากที่ใช้รหัสเหล่านั้นผ่าน AutoFill เรียบร้อยแล้ว โดยสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวจากตัวเลือกรหัสผ่าน (Password options) ในการตั้งค่า
แอปเปิลประกาศขยายความสามารถในการดูแลความปลอดภัยของบริการบนอุปกรณของแอปเปิลพร้อมกัน 3 รายการครอบคลุมบริการหลักๆ ได้แก่
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta โพสต์ภาพใน Instagram ชูคุณสมบัติเด่นของ WhatsApp โดยเปรียบเทียบกับบริการส่งข้อความ iMessage ของแอปเปิล
ในโพสต์ เป็นภาพบิลบอร์ดโฆษณา WhatsApp ที่ชูเรื่องความเป็นส่วนตัว ซึ่ง Mark เขียนคำอธิบายว่า WhatsApp มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยกว่า iMessage อยู่มาก ทั้งการเข้ารหัส end-to-end ที่ทำงานได้ทั้งบน iPhone และ Android รวมถึงห้องคุยแบบกลุ่ม ผู้ใช้งานยังกำหนดให้ข้อความหายไปได้ในปุ่มเดียว ปีที่แล้วเรายังเพิ่มการแบ็กอัพแบบ end-to-end อีกด้วย ที่ว่ามาทั้งหมดนั้น iMessage ยังไม่มี
ที่มา: MacRumors
ปัจจุบัน Google กำลังผลักดัน RCS ให้เป็นโปรโตคอลระบบส่งข้อความแบบใหม่ แต่ปัญหาคือ iPhone ไม่รองรับ RCS จนทำให้ Google สร้างแคมเปญ #GetTheMessage เพื่อเรียกร้องให้ Apple ซัพพอร์ต RCS บน iPhone เสียที
ล่าสุด ในงาน Code 2022 ของ Vox Media ที่มี Kara Swisher เป็นพิธีการ และมีแขกรับเชิญคือ Jony Ive, Laurene Powell Jobs และ Tim Cook ทางซีอีโอ Tim Cook ได้ตอบคำถามเรื่องนี้ ซึ่งลักษณะการตอบคำถามของ Cook เป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า Apple ยังไม่สนใจนำ RCS มาลง iPhone
กูเกิลสร้างแคมเปญ #GetTheMessage โดยชี้ไปยังแอปเปิลว่าไม่ยอมรองรับโปรโตคอล RCS ทำให้แชตระหว่าง Android และ iOS ต้องใช้โปรโตคอลรุ่นเก่าอย่าง SMS/MMS ซึ่งมีปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่ความปลอดภัย, ฟีเจอร์แชตต่างๆ, และการส่งแชตผ่าน Wi-Fi ในพื้นที่อับสัญญาณ
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวใน Wall Street Journal ระบุว่า การที่ iOS รองรับเฉพาะ iMessage กดดันให้วัยรุ่นในสหรัฐฯ ต้องซื้อไอโฟนเพราะไม่เช่นนั้นแชตก็จะไม่เหมือนกันคนอื่นๆ
แคมเปญ #GetTheMessage มีลิงก์ให้แชร์ข้อความต่างๆ ผ่านทวิตเตอร์เพื่อเรียกร้องไปยังแอปเปิลโดยตรง แม้ท้ายแคมเปญจะพูดถึงแชตอื่นๆ เช่น Signal หรือ WhatsApp ว่าสามารถใช้งานได้เหมือนกันเช่นกัน
สหภาพยุโรปออกแถลงการณ์ รายงานความคืบหน้ารายละเอียดของกฎหมายดิจิทัล Digital Markets Act (เรียกย่อว่า DMA) ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือ แอพแชตส่งข้อความรายใหญ่ จะต้องรองรับการรับ-ส่งข้อความ กับแพลตฟอร์มขนาดเล็กรายอื่นด้วย
กฎหมายนี้มีเป้าหมายกำกับดูแลแพลตฟอร์มแชตขนาดใหญ่ นิยามว่ามีผู้ใช้งาน MAUs อย่างน้อย 45 ล้านคน เฉพาะในยุโรป หรือหากเป็นแอปแชตระดับองค์กรต้องมีลูกค้ามากกว่า 10,000 รายเฉพาะยุโรปเช่นกัน
แนวทางของ DMA เพื่อให้แพลตฟอร์มรายใหญ่เปิดให้แอปแชตรายเล็ก เข้าถึงผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มได้ โดยในแถลงการณ์ได้ยกตัวอย่างเช่น iMessage, Facebook Messenger หรือ WhatsApp ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากในยุโรป จะต้องเปิดให้แอปอื่นส่งข้อความไปหาหรือรับข้อความได้
เมื่อคืนนี้ iMessage บริการรับส่งข้อความของแอปเปิล มีปัญหาไม่สามารถส่งข้อความออกไปได้ โดยในหน้า System Status แอปเปิลระบุว่ามีปัญหาตั้งแต่เวลา 3:27-5:55น. ตามเวลาในไทย กระทบกับผู้ใช้บางส่วน โดยไม่สามารถส่งไฟล์แนบได้
ในหน้า System Status นี้ยังรายงานปัญหาของบริการอื่นแอปเปิลอีกด้วย โดย iWork for iCloud มีปัญหากับผู้ใช้บางส่วนช่วง 4:50-6:06น. และ iCloud Keychain ระหว่างเวลา 3:27-3:59น.
สัปดาห์นี้บริการออนไลน์ของแอปเปิลมีปัญหาใช้งานไม่ได้มาแล้ว 2 ครั้ง ในคืนวันที่ 21 และ 22 มีนาคม
Hiroshi Lockheimer หัวหน้าทีม Android และ Chrome ออกมาเรียกร้องให้แอปเปิลรองรับมาตรฐานส่งข้อความ RCS (Rich Communication Services) เพื่อความเข้ากันได้ระหว่าง iOS และ Android
เรื่องเริ่มมาจากบทความของ Wall Street Journal ที่ระบุว่าฟีเจอร์ iMessage เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นในสหรัฐต้องซื้อ iPhone เพราะถ้าใช้โทรศัพท์ที่ไม่รองรับ iMessage จะหลุดจากกลุ่มเพื่อนๆ (ถ้า iMessage ด้วยกันจะเห็นกล่องข้อความสีฟ้า ถ้าไม่ใช้จะเห็นสีเขียว) ซึ่งในบางกรณี วัยรุ่นถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งหรือล้อเลียนจากการไม่ใช้ iMessage เลยด้วยซ้ำ
บทความนี้ทำให้ Lockheimer ออกมาแสดงความเห็นว่า iMessage เป็นกลยุทธ์ "ล็อค" ผู้ใช้ให้อยู่กับแพลตฟอร์มผ่านแรงกดดันในกลุ่มเพื่อน (peer pressure)
แอปเปิลเพิ่มฟีเจอร์ในแอป Message โดยเพิ่มปัญญาประดิษฐ์สำหรับวิเคราะห์หาภาพโป๊ (sexually explicit) ในแชต
เมื่อปัญญาประดิษฐ์ตรวจพบภาพที่เข้าข่าย ในกรณีได้รับภาพตัวแอป Message จะเบลอภาพออก หากเด็กกดขอดูภาพจะขึ้นหน้าจอเตือน หากยืนยันดูภาพจะส่งข้อความแจ้งผู้ปกครอง ส่วนในกรณีส่งภาพหน้าจอจะขึ้นคำเตือนทันที และจะส่งข้อความแจ้งผู้ปกครองหากเด็กยืนยันส่งภาพ
ฟีเจอร์นี้ใช้กับบัญชี iCloud แบบ Family เท่านั้น และจะใช้งานได้ทั้งบน iPhone, iPad, และ Mac
ทื่มา - Apple
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ ให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal (WSJ) หลังงานเปิดตัว Windows 11 โดยพูดถึงคุณสมบัติใหม่ต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาสำหรับผู้ใช้งาน
ในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ Joanna Stern นักข่าวของ WSJ ถามว่าแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ มีแนวทางที่ต่างจากแอปเปิลอย่างไร ซึ่ง Nadella บอกว่า สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการให้ผู้พัฒนารายอื่น สร้างมาร์เกตเพลสขึ้นมาได้ ไมโครซอฟท์เองก็มีมาร์เกตเพลสที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ต้อนรับรายอื่นเช่นกัน เหมือนที่เรามี Teams แต่ก็เปิดให้มี Zoom หรือ Slack ได้
ข้อพิพาทระหว่าง Epic Games กับ Apple ทำให้เกิดการฟ้องร้องกันไปมาในหลายศาลทั่วโลก และล่าสุด เอกสารในชั้นศาลของ Epic Games (หน้า 21) ที่เตรียมนำมาใช้โต้แย้งเรื่องการผูกขาดบน App Store จากกรณีที่ Fortnite ของ Epic Games ทำระบบจ่ายเงินเองบน iOS จนถูก App Store แบน
Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble สมาร์ทวอทช์ที่ขายกิจการให้ Fitbit ไป และปัจจุบันเป็นพาร์ทเนอร์ของ Y Combinator เปิดตัวโครงการใหม่เป็นแอปชื่อว่า Beeper โดยมีจุดเด่น เป็นแอปแชทที่รองรับการเชื่อมต่อกับ 15 แพลตฟอร์ม ทำให้สามารถพูดคุยได้ 15 แอป ภายใต้แอปตัวเดียว
Beeper พัฒนาขึ้นจากโปรโตคอล Matrix ที่เป็นโอเพนซอร์สสำหรับการส่งข้อความแบบเข้ารหัส โดยผู้ใช้งานต้องสร้าง Bridge มาเชื่อมต่อกับ api ของ Matrix ซึ่ง Beeper ก็ได้สร้าง Bridge ขึ้นมารองรับทั้ง 15 แอปแชท โดย Migicovsky ได้เผยแพร่โค้ดไว้ที่ GitLab ด้วย (ลิงก์ชื่อ Nova ซึ่งเป็นชื่อเดิมของโครงการ)
ข่าวนี้เป็นเรื่องที่เฉพาะตัวในอเมริกาสักหน่อย ก็ต้องท้าวความก่อนว่า iMessage แอปส่งข้อความภายในระบบปฏิบัติการของแอปเปิล กลายเป็นแอปแชทที่ได้รับความนิยมในตลาดอเมริกาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามเนื่องจากพื้นฐานของ iMessage ก็คือโปรแกรมส่งข้อความ SMS, MMS พื้นฐานโทรศัพท์มือถือ การส่งข้อความจึงทำได้ไม่จำกัดแค่เฉพาะอุปกรณ์ iOS กันเอง
คนที่ใช้ iMessage คงคุ้นเคยว่าหากข้อความที่ส่งไป ฝั่งผู้รับใช้ iOS ซึ่งเป็น iMessage เหมือนกัน ลูกโป่งข้อความจะขึ้นเป็นสีฟ้า แปลว่าข้อความนี้ส่งผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าผู้รับไม่ได้ใช้ iOS ลูกโป่งข้อความจะเป็นสีเขียว แสดงว่าเป็นการส่งด้วย SMS หรือ MMS ซึ่งอาจมีค่าบริการเพิ่มเติมเข้ามา
Delta Air Lines ประกาศเตรียมให้บริการอินเทอร์เน็ตในเที่ยวบินสำหรับลูกค้า เพื่อให้เข้าถึงบริการส่งข้อความอย่าง iMessage, WhatsApp และ Facebook Messenger ด้วย Gogo Wi-Fi ฟรีในทุกเที่ยวบินที่ให้บริการ เริ่มต้น 1 ตุลาคมนี้
สำหรับบริการอินเทอร์เน็ตบนเที่ยวบินของ Delta นี้ จะให้บริการเฉพาะข้อความเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่าผู้ใช้จะส่งได้เฉพาะข้อความ ไม่สามารถส่งภาพถ่าย, วิดีโอ, คลิปเสียง หรืออื่น ๆ ได้
ปัจจุบัน Delta มีบริการส่งข้อความให้ลูกค้าบนเครื่องบิน โดยคิดราคาเริ่มต้นที่ 2.95 ดอลลาร์ต่อเที่ยวบิน (ขึ้นกับว่าบินไปที่ไหน) โดยการให้บริการส่งข้อความฟรีนี้ เป็นหนึ่งในการลงทุนนับหลายพันล้านดอลลาร์ของ Delta เพื่อประสบการณ์ของลูกค้า
ที่ผ่านมาเรามักคุ้นเคยว่าวัยรุ่นอเมริกาไม่เล่น Facebook พวกเขาใช้ Snapchat แต่ข้อมูลนี้ดูแตกต่างไปสักหน่อย โดย Giuseppe Stuto ซีอีโอของ Fam ได้เผยผลการศึกษาพบว่า วัยรุ่นเฉพาะในอเมริกา มีแอพแชทหลักยอดนิยมคือ iMessage ที่เป็นแอพพื้นฐานบน iOS
Stuto ให้ข้อมูลเสริมสำหรับทุกคนที่เริ่มส่ายหัวว่า ถ้าดูเฉพาะวัยรุ่นในอเมริกา สมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งมากที่สุดคือ iPhone ซึ่งมีถึง 75% ฉะนั้น iMessage จึงได้เปรียบมากในฐานะที่เป็นแอพพื้นฐานมีในไอโฟนทุกเรื่อง และลักษณะของแอพก็ต่อยอดจาก SMS
ปัจจุบัน บริษัทที่พัฒนา social network ต่างก็มีระบบแชทสำหรับการบริการลูกค้าให้บริษัทแทบทั้งนั้น เช่น Facebook ที่มีระบบ Messenger และ Twitter ที่มีระบบ DM
ล่าสุด Apple ก็เตรียมลงเล่นสนามนี้แล้วเช่นกัน โดยใน WWDC 2017 มีเซสชั่น Business Chat ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับการให้บริการติดต่อสื่อสารระหว่างองค์กรธุรกิจ โต้ตอบกับผู้ใช้ได้โดยตรงได้ผ่านแอพ Messages บน iOS และ watchOS โดยผู้ใช้สามารถหาข้อมูลร้านค้าหรือบริษัทจาก Safari, Maps, Spotlight หรือ Siri แล้วคุยโดยตรงผ่าน iMessage ได้เลย
สำหรับฟีเจอร์ดังกล่าว Apple ยังไม่ได้เผยรายละเอียดออกมามากนัก แต่จะเริ่มมีพรีวิวให้นักพัฒนาใช้ในช่วงงาน WWDC 2017 นี้ โดยคาดว่าฟีเจอร์นี้น่าจะเปิดตัวจริงพร้อมกับ iOS 11 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
iMessage แพลตฟอร์มส่งข้อความของ Apple ที่แม้ว่าบน iOS 10 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์มากมาย แต่ว่ากลับไร้วี่แววเวอร์ชัน Android ตามที่เคยมีข่าวลือ และเก็บให้ iMessage เป็นแพลตฟอร์มเฉพาะอุปกรณ์ Apple เท่านั้น
ล่าสุด John Gruber จากเว็บ Daring Fireball กล่าวว่า ตอนนี้ Apple ได้ทำมอคอัพสำหรับ iMessage for Android แล้ว ซึ่งมี UI หลากหลายแบบตั้งแต่ UI แบบเดียวกับแอพบน iOS ไปจนถึง Material Design
ทั้งนี้แอพ iMessage for Android จะยังคงไม่สามารถเห็นได้ในช่วงเวลาอันสั้น แต่การทำมอคอัพนั้นก็เป็นการบ่งบอกว่า Apple ยังไม่ได้ปิดประตูตายที่จะทำแอพ iMessage for Android เสียทีเดียว
ถึงแม้แอปเปิลจะบอกว่าแอพ message (iMessage) เป็นการส่งข้อความแบบเข้ารหัส แต่ทว่าเว็บไซต์ The Intercept รายงานอ้างอิงเอกสารทีได้รับมาว่า แอปเปิลจะเก็บล็อก (log) ซึ่งประกอบไปด้วยเบอร์โทรศัพท์คู่สนทนา และข้อมูลที่เป็น metadata อื่นๆ อาทิ วันและเวลาที่ผู้ใช้กรอกเบอร์ลงไปใน iMessage และหมายเลข IP ของผู้ใช้
โดยปกติแล้ว เวลาผู้ใช้ใส่เบอร์โทรศัพท์ลงไปใน iMessage ตัวแอพจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิลเพื่อตรวจสอบว่า เบอร์ปลายทางนั้นรองรับการส่งข้อความผ่านทาง SMS หรือ iMessage ซึ่งข้อมูลที่ส่งไปจะมีข้อมูลที่กล่าวไปข้างต้นด้วย ซึ่งเท่ากับว่าทางการสามารถใช้หมายศาล ขอข้อมูลผู้ใช้ตรงนี้ ซึ่งมีหมายเลข IP และที่อยู่ของผู้ใช้จากแอปเปิลได้
วิถีการปัดซ้าย-ขวา ไม่ได้ถูกนำไว้ใช้เลือกคู่สัมพันธ์เฉพาะในแอพหาคู่เท่านั้น ล่าสุด Tinder ส่ง Tinder Stacks ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมแอพแชท iMessage ที่ให้ผู้ใช้สร้างชุดภาพ (เรียกว่า Stack) ให้คู่สนทนาช่วยเลือกภาพที่ดีที่สุดด้วยการปัดซ้าย-ขวา เอาไว้ใช้ในกรณีให้เพื่อนช่วยเลือกเสื้อผ้า สิ่งของ (...หรือเลือกคู่ ก็แล้วแต่การใช้งาน) และสามารถนับจำนวนปัดซ้ายและปัดขวาในแต่ละภาพได้ด้วย แค่ผู้ใช้มีแอพ Tinder เพิ่มเติมบน iPhone ที่มี iMessage อยู่ในเครื่องแล้ว