Blue Gene เป็นชื่อโครงการพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ IBM ซึ่งที่ผ่านมาก็มี "สถาปัตยกรรม" ซูเปอร์คอมออกมาแล้วหลายรุ่น เช่น รุ่นแรก Blue Gene/L ที่เคยโค่น Earth Simulator เป็นคอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก, รุ่นสอง Blue Gene/P ที่ใช้กับซูเปอร์คอมที่เร็วที่สุดในยุโรป
AMD ออก "APU" ตระกูล Fusion ใหม่อีกสามตัว โดยเป็นรุ่นย่อยของ E-Series (Zacate) และ C-Series (Ontario) ที่จับตลาดกลางและล่างตามลำดับ
Fusion ตัวใหม่มี 3 รุ่นได้แก่
Intel เปิดตัว CPU ในตระกูล Itanium รุ่นใหม่ ในชื่อรหัส Poulson โดยเป็นการอัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Tukwila ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2008
Poulson ถูกผลิตด้วยวิธีการผลิตแบบ 32nm โดยจะมีจำนวนทรานซิสเตอร์สูงถึงสามพันล้านตัว และมีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 8 คอร์ นอกจากนี้ Poulson มีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Intel Instruction Replay Technology ซึ่งเป็นการเพิ่มบัฟเฟอร์สำหรับชุดคำสั่ง ทำให้เมื่อการคาดเดาคำสั่งผิดพลาด ซีพียูจะสามารถเลือกเอาชุดคำสั่งที่ถูกต้องอันล่าสุดจากบัฟเฟอร์แทนที่จะต้องฟลัชคำสั่้งทั้งหมดที่อยู่ในไปป์ไลน์ทิ้ง
ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเอา Poulson แทนที่ Tukwila บนเมนบอร์ดเดิมได้เลย เพราะว่า Poulson ใช้ซ๊อคเก็ตเดียวกับ Tukwila ครับ
Atom สำหรับเน็ตบุ๊กรุ่นถัดไปคือ Cedar Trail ต้องเลื่อนกำหนดการจากเดือนกันยายนออกไปเดือนพฤศจิกายนนี้เพราะปัญหาไดรเวอร์ใน Windows 7
Cedar Trail ยังคงสถาปัตยกรรมภายในเช่นเดิมแต่เปลี่ยน GPU ภายในเพื่อให้รองรับ DirectX 10.1 ทำให้รองรับการถอดรหัสวิดีโอได้ดีขึ้น ซึ่งแม้จะอัพเกรดแล้วก็ยังตาม AMD C-50 ที่รองรับ DirectX 11 อยู่อีกขั้น
แหล่งข่าวของ DigiTimes ระบุว่าตลาดเน็ตบุ๊กค่อนข้างตึงตัวในช่วงหลัง การออกชิปรุ่นใหม่จึงไม่น่าทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนชิปเซ็ตก็ยังเป็น NM10 เช่นเดิม
ที่มา - DigiTimes
เราเห็นข่าวการอัพเกรดความสามารถของซีพียูผ่านทางซอฟต์แวร์ (เพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์บางอย่างที่อาจจะปิดไว้ตั้งแต่โรงงาน) อยู่เรื่อยๆ รอบนี้อินเทลใจดี ออกซอฟต์แวร์อัพเกรด เพิ่มความถี่ให้กับซีพียูสาย Sandy Bridge จำนวน 3 รุ่น ได้แก่
ประสิทธิภาพที่ได้จะดีขึ้นประมาณ 10-20% ขึ้นกับชนิดการทดสอบ ใครที่โชคดีมีซีพียูตัวใดตัวหนึ่งไว้ในครอบครอง ก็เข้าไปดูรายละเอียดกันได้ตามลิงก์
ที่มา - Intel Upgrade Service
หนังสือพิมพ์ China Econimic News รายงานอ้างแหล่งข่าวภายในว่า TSMC กำลังเริ่มสายการผลิตชิป Apple A6 รุ่นทดสอบด้วยเทคโนโลยี 28 นาโนเมตรและ 3D stacking โดยระบุว่าที่จริงแล้ว TSMC มีเทคโนโลยีที่เหมาะจะผลิตชิปสำหรับแอปเปิลแต่ที่ผ่านมาแอปเปิลเลือกใช้ซัมซุงเพราะฝั่ง TSMC นั้นกำลังผลิตเต็มตลอดเวลาเพราะมีคำสั่งผลิตจาก NVIDIA และ Qualcomm อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่วิกฤติเศรษฐกิจในตอนนี้ทำให้ยอดสั่งซื้อไปยัง TSMC ลดลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีช่องว่างให้กับแอปเปิล
บริษัท Qualcomm เจ้าของหน่วยประมวลผลตระกูล Snapdragon ที่ใช้กับมือถือหลายรุ่น ออกมาประกาศการจัดระบบชื่อรุ่นใหม่ เพื่อลดความสับสนของผู้ใช้ และช่วยให้บริษัททำการตลาดได้ง่ายขึ้นด้วย
ผมอธิบายง่ายๆ ว่าการจัดรุ่นของ Qualcomm จะคล้ายๆ กับที่อินเทลจัดชุด Centrino ในอดีต นั่นคือนำซีพียู หน่วยประมวลผลกราฟิก และชิปไร้สายของตัวเอง (ที่เรียกด้วยรหัสยาวๆ) มาจัดชุด แล้วตั้งชื่อชุดให้เข้าใจง่ายๆ
Qualcomm จัดชุดฮาร์ดแวร์ของตัวเองออกมา 4 ชุด (S1-S4) ดังนี้
ชุดพื้นฐานสำหรับมือถือตลาดล่าง
แม้ว่าผลการทดสอบ AMD Llano จะไม่ค่อยน่าประทับใจแฟนๆ ที่รอกันมานานนัก แต่ผลสำรวจจากบริษัท Mercury Research ก็แสดงให้เห็นว่า Llano ช่วยให้เอเอ็มดีสามารถกินส่วนแบ่งตลาดไตรมาสที่สองขึ้นมาได้เป็นร้อยละ 19.4 เทียบกับร้อยละ 17.8 ในปีที่แล้ว
ทาง Mercury Research ระบุว่าที่ส่วนแบ่งของเอเอ็มดีกลับขึ้นมาได้นั้นมีปัจจัยหลักคือ AMD Ontario ที่ใช้ในเน็ตบุ๊กและโน้ตบุ๊กราคาประหยัด, และ AMD Llano ที่ใช้ในโน้ตบุ๊กกระแสหลัก
หลังจากขลุกขลักมานานดูเหมือนตอนนี้เอเอ็มดีจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอินเทลจะเปิดตัวชิป Ivy Bridge ซึ่งมี GPU ในตัวที่รองรับ DirectX11 เต็มรูปแบบ ซึ่งหากผลการทดสอบออกมามีประสิทธิภาพที่ดี ข้อได้เปรียบของ Fusion ก็จะลดลงไปมาก
แม้ Android จะรองรับทั้ง ARM และ x86 ควบคู่กันมาเสมอ แต่จุดต่างสำคัญคือ Android NDK ซึ่งเป็นชุดพัฒนาสำหรับการคอมไพล์โค้ดแบบ native นั้นยังจำกัดอยู่เฉพาะสถาปัตยกรรม ARM เท่านั้นมาตลอด ทำให้อุปกรณ์ที่เป็น x86 นั้นไม่สามารถใช้แอพพลิเคชั่นที่ต้องการโค้ดแบบ native ได้ แต่ใน Android NDK, Revision 6 ที่เพิ่งปล่อยออกมาก็รองรับ x86 อย่างเป็นทางการแล้ว
การรองรับ x86 ให้เป็นประชากรชั้นหนึ่งเช่นเดียวกับ ARM ทำให้ NDK ตอนนี้รองรับสามสถาปัตยกรมคือ ARM, ARMv7 (ตระกูล Cortex), และ x86
ดูเหมือน AMD กำลังบุกกินส่วนแบ่งตลาดเกมคอนโซลของ NVIDIA อย่างหนัก จากก่อนหน้าที่บริษัทประกาศว่า Wii U จะใช้ชิปกราฟิก Radeon จนถึงข่าวลือล่าสุดที่ว่าเกมคอนโซลรุ่นถัดไปจาก Sony และ Microsoft ก็จะใช้ GPU จาก AMD เช่นกัน ซึ่งแต่เดิมนั้น PlayStation 3 นั้นใช้ชิปที่พัฒนาโดย NVIDIA (Xbox 360 และ Wii นั้นใช้ชิปของ AMD อยู่แล้ว)
ยังมีข่าวลือต่ออีกว่า เกมคอนโซลรุ่นถัดไปของ Microsoft จะใช้ CPU จาก IBM (แนวทางเดียวกับที่ Wii U ที่ใช้ซีพียูตระกูล Power รุ่นพิเศษ) และ Microsoft จะเลื่อนการปล่อยเกมคอนโซลรุ่นใหม่ออกไปเนื่องจากการประสบความสำเร็จอย่างสูงของ Kinect สำหรับ Xbox 360
ปีนี้แม้อินเทลจะเปิดตัวไม่สวยนักจากปัญหา Sandy Bridge ที่สร้างความเสียหายมหาศาล แต่ผลสำรวจยอดขายจาก iSuppli กลับแสดงว่าปัญหานี้ไม่กระทบในระยะยาวมากนัก โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา อินเทลก็ยังเดินหน้ากินส่วนแบ่งตลาดจากเอเอ็มดี จนส่วนแบ่งขึ้นมาอยู่ที่ 82.6% แล้ว เพิ่มขึ้น 1.6% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 2% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
ทางฝั่งเอเอ็มดีนั่น ดูเหมือน Fusion จะฉุดส่วนแบ่งเอาไว้ไม่ได้ เพราะส่วนแบ่งตลาดเหลือเพียง 10.1% ลดลง 0.8% จากไตรมาสที่แล้ว และ 1.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แ้ลว
ข่าวดีสำหรับทั้งสองบริษัทคือมูลค่าตลาดรวมนั้นเพิ่มขึ้น 20% น่าจะทำให้รายได้ของทั้งสองบริษัทเพิ่มขึ้นตามๆ กันไป
วันนี้ทางอินเทลจัดกิจกรรมตอบคำถามสดในทวิตเตอร์ให้ทุกคนสามารถส่งคำถามเข้าไปได้ โดยผู้ตอบคือคุณสนธิญา หนูจีนเส้ง ผู้จัดการฝ่ายขายอินเทลประเทศไทย โดยตอบคำถามหลายเรื่องด้วยกัน
ประเด็นแรกที่ตอบคำถามคือเรื่อง Ultrabook ที่อินเทลเพิ่งเปิดตัวมาโดยตอนนี้อินเทลคาดว่าปีหน้าตลาดโน้ตบุ๊กถึง 40% จะเทมาที่ Ultrabook [1] โดยในคอมมาร์ตปีนี้ในเมืองไทยก็น่าจะได้เห็นบางแบรนด์กันแล้ว [2] แต่ราคาอาจจะสูง ซึ่งก็น่าจะเป็น Asus UX21 ที่เปิดตัวพร้อมๆ กับแนวคิด Ultrabook ตั้งแต่แรก
ชิปตระกูล MIC (Many Integrated Core) ของอินเทลคือผลจากการพัฒนา GPU ของตัวเองในชื่อ Larabee ที่แม้ตอนแรกอินเทลจะตั้งใจให้เป็นสถาปัตยกรรมชิปกราฟิก แต่สุดท้ายมันกลับถูกพัฒนามาเป็นชิปสำหรับเร่งความเร็วประมวลผลแทน และตอนนี้อินเทลก็เปิดเผยแผนการวางตลาด "การ์ด" MIC ตัวแรกคือ Knights Corner แล้วโดยมันจะวางตลาดภายในปี 2012 นี้
โดย Knights Corner ตัวแรกจะวางตลาดในรูปแบบการ์ด PCI-Express เช่นเดียวกับ Knights Ferry ที่อินเทลส่งให้ห้องวิจัยจำนวนหนึ่งไปทดลองก่อนหน้านี้ ต่างจากข่าวก่อนหน้านี้ที่อินเทลเคยระบุว่า MIC ในรูปแบบการ์ดจะเป็นเพียงชุดทดสอบเท่านั้นและจะวางตลาด Knights Corner ในรูปแบบชิป
เว็บไซต์ Qualcomm เปิดเผยว่าระบบปฏิบัติการที่รองรับชิปเซ็ต MSM8x60 ที่มาพร้อมกับซีพียูแบบสองแกน (dual core) จะรวมถึง Windows Phone ด้วย
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับ Windows Phone 7 เนื่องจากแต่เดิมนั้นไมโครซอฟท์ระบุสเปกขั้นต่ำไว้เพียงใช้ซีพียูแบบแกนเดียว คือ Snapdragon รหัส MSM7x30, MSM8x50, MSM8x55 แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กล่าวถึงซีพียูแบบสองแกนบนแพลตฟอร์ม Windows Phone 7
ชิปเซ็ต MSM8x60 ที่ปัจจุบันถูกใช้อยู่ในเอชทีซี EVO 3D มีสเปกดังนี้ (สเปกฉบับเต็มดูได้จากที่มาของข่าว)
การรอคอยกำลังสิ้นสุดเมื่อทางเอเอ็มดีเปิดตัว Llano อย่างเป็นทางการแบบมีชิปวางให้เห็นและมีสินค้าวางจำหน่าย โดยในเดือนนี้จะมี Acer, Asus, และ HP เปิดขายโน้ตบุ๊กที่ใช้ Llano เป็นชุดแรก และเดือนหน้าจะมี Lenovo, Samsung, Sony, และ Toshiba ตามมา
HP เปิดรับคำสั่งซื้อเป็นแบรนด์แรกในวันนี้ทำให้เรารู้ว่าชิปเซ็ต AMD A70M FCH สำหรับโน้ตบุ๊กนั้นจะมี USB 3.0 เพียงพอร์ตเดียว และอีก 3 พอร์ตเป็น USB 2.0 อีกทั้งเครื่องบางรุ่นที่ HP ขายนั้นจะใช้ชิปเซ็ต AMD A60M FCH ทำให้ไม่มี USB 3.0 เลย ตรงนี้อาจจะต้องดูดีๆ ว่าเครื่องที่เราเลือกนั้นจะใช้ชิปเซ็ตรุ่นใดบ้าง
สำหรับเมืองไทยข่าวประกาศของไทยยืนยันว่าเมืองไทยจะได้เห็น Llano วางตลาดภายในเดือนนี้เช่นเดียวกับสหรัฐฯ และการรอคอยคงจะสิ้นสุดลงแล้วจริงๆ
แม้จะมีข่าวแต่ไม่มีของขายจนผมเริ่มหงุดหงิดเอง แต่ก็เชื่อว่าแฟนเอเอ็มดียังรอคอย Llano กันอยู่อย่างจดจ่อ ล่าสุด Godfrey Cheng ผู้อำนวยการหน่วย Client Technology Unit ก็ออกมาเปิดเผยสเปคเพิ่มเติมของชิปเซ็ต Sabine ที่จะใช้งานกับ APU ตระกูล Llano โดยมีสองประเด็นคือ ความประหยัดพลังงานและ USB 3.0
Cheng ยืนยันว่า Llano เมื่อทำงานรวมกับชิปเซ็ต Sabine นั้นจะยังคงประหยัดพลังงานกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญทั้งการทดสอบขณะที่เครื่อง idle และการทดสอบขณะที่เครื่องใช้การประมวลผล "กราฟิก" อย่างหนัก
Texas Instrument เปิดตัวซีพียูมือถือรุ่นใหม่ OMAP4470 เพื่อต่อกรกับ Tegra 2/3 และ Snapdragon รุ่นที่สอง
OMAP4470 ใช้สถาปัตยกรรม ARM Cortex A9 แบบดูอัลคอร์ สามารถอัดสัญญาณนาฬิกาไปได้ถึง 1.8GHz (Tegra 2 ได้สูงสุด 1.5GHz) ให้ประสิทธิภาพในการท่องเว็บดีกว่าเดิม 80%, หน่วยประมวลผลกราฟิกเป็น POWERVR SGX544 ประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นเดิม 2.5 เท่า, มีชิปเฉพาะสำหรับประมวลกราฟิกแบบ 2D ช่วยลดโหลดของ GPU, รองรับการแสดงผลความละเอียดสูงสุด 2048x1536 พิกเซล
ตัวซีพียูจะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2011 ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้จะวางขายช่วงต้นปี 2012 ซีพียูตัวนี้น่าจะเป็นตัวสุดท้ายในสาย OMAP4 ส่วน OMAP5 จะตามมาในครึ่งหลังของปี 2012
แฟนๆ เอเอ็มดี (ผู้ที่แอบใช้อินเทลอยู่ทุกวันนี้เช่นผม) คงดีใจที่เอเอ็มดีเริ่มส่งมอบสินค้าโดยเฉพาะ Fusion ได้ตรงเวลาขึ้นเรื่อยๆ ในปีที่ผ่านมา แต่คำถามที่หลายคนถามกันคือ ชิปที่ออกสู่ตลาดนั้นขายดีแค่ไหน และวันนีทางเอเอ็มดีก็เปิดเผยกับ C|NET ว่าสองไตรมาสที่ผ่านมาเอเอ็มดีส่งมอบ Fusion ไปแล้วกว่า 5 ล้านชุด โดยตอนนี้ยอดสั่งซื้อมีสูงกว่ากำลังผลิตของเอเอ็มดีไปมากแล้ว
ผู้ให้ข่าวนี้คือ Raymond Dumbeck ผู้จัดการฝ่ายการตลาดสินค้าโมบาย โดยยอด 5 ล้านชุดนี้เป็นยอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ประมาณ 3.5 ถึง 4 ล้านชุด โดยยังไม่รวมยอดของไตรมาสที่สองเพราะยังไม่สรุปไตรมาส โดยคาดว่าในไตรมาสนี้ยอดจะสูงขึ้นไปอีก
เมื่อวันที่ 17-19 ที่ผ่านมาทางเอเอ็มดีได้จัดงานแถลงข่าววงในให้กับนักข่าวบางกลุ่มก่อนงานแถลงข่าวจริงในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ แต่สไลด์ทั้งหมดก็ได้หลุดออกมาแล้ว ทำให้เรารู้ว่ามีประเด็นใหญ่ๆ สามประเด็นคือแท็บเล็ต, ซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่จะรองรับ OpenCL, และฟีเจอร์จริงของ Llano
เรื่องแรกคือการเปิดตัวชิป Desna หรือ Fusion ในตระกูล Z ที่จะมุ่งตลาดแท็บเล็ตเป็นหลัก แม้รายละเอียดอื่นๆ ยังไม่เปิดเผยมากนัก แต่เรารู้ว่าเอเอ็มดีจัดให้ Desna อยู่ในกลุ่มเดียวกับ Ontario ที่ใช้ในเน็ตบุ๊ก
หลังจากเอเอ็มดีเริ่มส่งมอบ Llano มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยราคาของตัวซีพียูและวันที่เริ่มส่งมอบเครื่องจากโรงงานผู้ผลิต (ซึ่งต้องรอจนถึงตอนนั้นเราถึงจะหาซื้อกันได้จริงๆ) แต่ทาง DigiTimes ก็อ้างแหล่งข่าวภายในว่ามีราคาออกมาแล้ว
รายการราคาแบ่งออกเป็น Llano ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 70 ดอลลาร์ในรุ่นสองคอร์ E2-3250 และไล่ไปจนถึง 170 ดอลลาร์ในรุ่น A8-3550P โดยแหล่งข่าวของ DigiTimes อ้างว่าทางเอเอ็มดีคาดว่า Llano จะทำให้ส่วนแบ่งตลาดโน้ตบุ๊กของเอเอ็มดีกลับมาเป็น 15% ภายในสิ้นปีนี้ และโน้ตบุ๊กล็อตแรกจะเริ่มส่งมอบในเดือนกรกฎาคมนี้
Paul Otellini ซีอีโอของอินเทลออกมาสยบข่าวลือว่าอินเทลจะซื้อสิทธิการผลิตชิปตระกูล ARM เนื่องจากอินเทลไม่สามารถแข่งขันในตลาดอุปกรณ์พกพาได้
Otellini บอกว่าการผลิตชิป ARM ไม่เป็นประโยชน์ต่ออินเทลแต่อย่างใด แถมการเสียค่าใช้งานให้กับ ARM ยังเพิ่มต้นทุนของอินเทลให้เพิ่มขึ้น เขาคิดว่าแนวทางการพัฒนาชิปของอินเทลเองเป็นวิธีที่ดีกว่า
Otellini ยังบอกว่าเทคโนโลยีการผลิตทรานซิสเตอร์ 3 มิติ จะช่วยลดพลังงานลงอย่างมาก โดยมือถือที่ใช้ซีพียู Atom รหัส "Medfield" ที่หมายมั่นมานานว่าจะสู้กับ ARM ได้ จะเริ่มวางขายในปีหน้า และตอนนี้อินเทลมีคู่ค้าร่วมผลิตมือถือจำนวนหนึ่งแล้ว
ชิป Atom ฝั่งอุปกรณ์ขนาดเล็กได้รับการอัพเดตไปก่อนหน้านี้แล้วในตระกูล Oak Trail ที่เป็นตระกูล Zxxx ตอนนี้ก็มาถึงตระกูลเน็ตบุ๊กและเน็ตท๊อปกันบ้าง โดยชิปในตระกูล Cedar Trail จะเป็นชิปตระกูล D2xxx และน่าจะวางตลาดได้ในปลายปีนี้
จุดเด่นของ Cedar Trail คือส่วนกราฟิกภายในได้รับการอัพเดตให้รองรับ DirectX 10.1 แล้วจากเดิมที่รองรับเฉพาะ DirectX 9 เท่านั้น ขณะที่ AMD Fusion รองรับ DirectX 11 ก็ยังถือว่าตามหลัง แต่ในแง่ของพลังงานแล้ว Cedar Trail จะกินไฟน้อยลงกว่าเดิม โดยค่า TDP จะเหลือเพียง 10 วัตต์จากรุ่นก่อนหน้านี้อยู่ที่ 13 วัตต์
สงครามมือถือระหว่างสองยักษ์เกาหลี Samsung/LG มีจุดต่างสำคัญอยู่ที่ Samsung สามารถผลิตซีพียูของตัวเองได้ (อย่างตระกูล Hummingbird) ในขณะที่ LG ต้องใช้ซีพียูจากผู้ผลิตรายอื่น เช่น Tegra 2
ล่าสุด LG เริ่มแก้จุดอ่อนนี้ของตัวเองแล้ว โดยซื้อสิทธิการพัฒนาซีพียูจาก ARM สองรุ่นคือ Cortex-A9 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และ Cortex-A15 ซีพียูแห่งอนาคตรุ่นถัดไป
นอกจากนี้ LG ยังซื้อสิทธิของ GPU ARM Mali-T604 และระบบส่งข้อมูล ARM CoreLink interconnect ด้วย ในแถลงข่าวของ LG บอกว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกใช้ในอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ทีวี แท็บเล็ต เซ็ตท็อปบ็อกซ์ ด้วย
ถึงฤดูกาลประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสปีนี้เอเอ็มดีก็แถลงผลประกอบการเป็นกำไรถึง 56 ล้านดอลลาร์ โดยมีรายได้รวม 1,610 ล้านดอลลาร์ ลดลงทั้งรายได้และกำไรจากเดิมไตรมาสที่แล้วทำกำไรได้ 106 ล้านดอลลาร์ และรายได้ 1,650 ล้านดอลลาร์
เอเอ็มดีอธิบายถึงผลประกอบการที่ตกต่ำลงว่าเกิดจากราคาขายเฉลี่ยของซีพียูนั้นลดลงเรื่อยๆ และตลาดเกมคอนโซลในไตรมาสแรกของปีนั้นไม่ดีนัก ทำให้ค่าไลเซนส์จากผู้ผลิตเครื่องคอนโซลนั้นตกต่ำลง อย่างไรก็ตามปริมาณการส่งมอบ APU ซึ่งในตอนนี้มี Zacate และ Ontario นั้นเกินกว่าที่คาดไว้ (ไม่ระบุปริมาณ) และในตอนนี้เองเอเอ็มดีก็เริ่มส่งมอบ Llano ให้กับลูกค้าแล้ว
ในตอนนี้เราเริ่มจะเห็นสินค้าที่ใช้ ARM Cortex-A9 มากขึ้นเรื่อยๆ ทาง ARM ก็เริ่มให้ข้อมูลของสินค้าตัวต่อไปคือ Cortex-A15 ว่าจะเริ่มมีอุปกรณ์วางตลาดได้ในปลายปี 2012 ถึงต้นปี 2013 โดย ARM Cortex-A15 จะเป็นซีพียูจาก ARM ตัวแรกที่ให้ความเร็วระดับ "เดสก์ทอป" และคงเป็นชิปตัวแรกๆ ที่มีการนำมาใช้ผลิตเซิร์ฟเวอร์อย่างจริงจัง
กำหนดการล่าสุดนี้ถือว่าเลื่อนขึ้นจากกำหนดการเดิมเมื่อตอนเปิดตัว Cortex-A15 ว่าอุปกรณ์จะวางตลาดได้ในปี 2013 โดยปรกติแล้วการออกแบบสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์เคลื่อนที่เช่นนี้มักใช้เวลาออกแบบประมาณ 12-18 เดือน ดังนั้นเมื่อ ARM ออกมาให้ข่าวแบบนี้เราอาจจะเดาได้ว่าเริ่มมีผู้ผลิตบางรายได้รับชิปตัวอย่างกันไปบ้างแล้ว