Apple, Inc.
Cult of Mac รายงานว่าหลังจากที่แอปเปิลพบว่า Path ได้แอบอัพโหลด Address Book ทั้งหมดของผู้ใช้แอพไปอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง แอปเปิลก็ได้มีการจัดประชุมด่วนที่ที่ทำการใหญ่ใน Cupertino แต่สิ่งที่หลาย ๆ คนไม่ทราบก็คือซีอีโอของ Path นาย Dave Morin ได้ถูกเรียกตัวไปหาทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิลเพื่อมาพูดคุยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวทันที
Businessweek ใช้คำอธิบายว่า Dave Morin ถูกลากตัวมาเพื่อการ "ย่างสด" โดยทิม คุกและผู้บริหารคนอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้ Dave Morin เป็นพนักงานที่สำคัญคนหนึ่งของ Facebook และเขาเองก็เคยทำงานกับฝ่ายสินค้าและการตลาดของแอปเปิล คาดว่าเขาคงถูกย่างสดโดยกลุ่มผู้บริหารแอปเปิลจริง ๆ
มีรายงานจากผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมรายหนึ่งว่าแอปเปิลเตรียมจะที่จะเปิดตัว MacBook Air ขนาด 15 นิ้วในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ โดย MacBook Air ตัวนี้จะไม่ต่างจาก MacBook Air ที่วางขายปัจจุบัน คือไม่มีเครื่องอ่านแผ่นดีวีดีและช่องเสียบสาย Ethernet ให้อีกแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในแหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่าแอปเปิลจะยุบสินค้าตระกูล Pro ทิ้งหรือไม่ โดยแหล่งข่าวได้ระบุความเป็นไปได้ว่าแอปเปิลอาจจะเลือกเก็บเฉพาะ MacBook Pro รุ่น 17 นิ้วไว้สำหรับกลุ่มลูกค้าโปรจริง ๆ
Apple Insider รายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าได้พัฒนาเทคนิคจาวาสคริปต์เพ
Korea Times รายงานว่าหนึ่งในผู้บริหารของซัมซุงที่ไม่อาจจะเปิดเผยชื่อได้ ได้ออกมารายงานว่าแอปเปิลได้เซ็นสัญญาซื้อชิ้นส่วนกับซัมซุงเป็นมูลค่าอย่างน้อย 9.7 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ และคาดว่ายอดนี้อาจจะสูงขึ้นถึง 11 พันล้านดอลลาร์หากมีกระแสความต้องการสินค้าของแอปเปิลที่สูง
ทั้งหมดนี้มาจากการที่แอปเปิลได้เลือกใช้ชิ้นส่วนจากซัมซุงในอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หน้าจอบน iPad ไปจนถึง MacBook Air ที่ใช้ SSD จากซัมซุง "รวมไปถึง iPad ขนาดเล็ก"
นอกจากนี้ในรายงานยังบอกอีกว่าซัมซุงจะเป็นผู้ผลิตจอ PLS LCD สำหรับ iPad รุ่นเล็กให้กับแอปเปิล และแอปเปิลเองก็สนใจในเทคโนโลยีจอแสดงผล OLED ของซัมซุง เพียงแต่ว่าตอนนี้ซัมซุงอาจจะไม่สามารถผลิตจอดังกล่าวในจำนวนที่แอปเปิลต้องการได้ในตอนนี้
Sonny Dickson นักเจาะระบบ iOS ได้โพสข้อความลง twitter ส่วนตัวว่า "สุดยอด! iPad ใหม่มีหน่วยความจำ 1GB" โดยได้แนบผลการทดสอบจาก Geekbench 2 ซึ่งแสดงชัดว่า iPad ใหม่มีหน่วยความจำ 1GB ขณะที่ผลการทดสอบซีพียูได้ที่ 756 คะแนน ซึ่งสูงกว่า iPad 2 ซึ่งได้ 751 คะแนน เพียงเล็กน้อย ขณะที่ iPad รุ่นแรกทำได้ 618 คะแนน ถึงแม้ iPad ใหม่จะทำความเร็วได้ดีกว่า iPad 2 เล็กน้อย แต่ iPad ใหม่ก็มีความเร็วซีพียูที่เท่ากับ iPad 2 คือ 1 GHz
น่าอาจจะเป็นเรื่องน่าขัน แต่จากรายงานล่าสุดจาก iSuppli ได้เปิดเผยข้อมูลว่าซัมซุงเป็นผู้ผลิตรายเดียวที่ทำหน้าจอ Retina Display ส่งให้กับแอปเปิลเพื่อนำมาผลิต iPad โดยข้อมูลนี้ต่างจากรายงานก่อนหน้าที่อ้างว่า LG และ Sharp ต่างก็ทำหน้าจอนี้ส่งให้กับแอปเปิล
โดยในรายงานก่อนหน้านี้เชื่อว่า Sharp เป็นผู้ "ออกแบบ" เทคโนโลยีจอ Retina Display และจะเป็นผู้ผลิตรายเดียวที่สามารถทำหน้าจอดังกล่าวส่งให้กับแอปเปิลได้ แต่หลังจากที่ Sharp ไม่สามารถที่จะผลิตชิ้นส่วนจำนวนมากให้กับแอปเปิล ประกอบกับปัญหาเรื่องคุณภาพของสินค้าที่ออกมาเมื่อต้นเดือนมกราคม ทำให้แอปเปิลต้องเลือกที่จะเปลี่ยนผู้ผลิตชิ้นส่วน
แอปเปิลได้เข้าชี้แจงกับ U.S. Securities and Exchange Commission หรือ กลต. ของสหรัฐวันนี้ว่า ทีม คุก ซีอีโอคนปัจจุบันของแอปเปิล ได้ทยอยขายหุ้นของแอปเปิลจำนวน 20,178 หุ้นในช่วงสองวันทำการที่ผ่านมาที่ช่วงราคา 547 ถึง 551 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยทั้งหมดคิดเป็นมูลค่าประมาณ 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เช่นเดียวกับสตีฟ จ็อบส์ คุกได้รับเงินเดือนจากแอปเปิลจำนวน 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีเท่านั้น แต่เมื่อปีที่แล้วเขาได้รับค่าตอบแทนเป็นสัญญาหุ้นของแอปเปิลเป็นจำนวน 1 ล้านหุ้น ซึ่งจะถูกโอนไปให้คุกในปี 2016 และปี 2021 โดยทั้งหมดนี้คิดเป็นมูลค่าสูงประมาณ 15,000 ล้านบาทแล้วหากคิดจากราคาหุ้นแอปเปิลปัจจุบัน
ที่มา - 9to5Mac
สิ่งสุดยอดอย่างหนึ่งของ Kinect คือทำให้คุณรู้สึกราวกับคุณเป็นเจได ซึ่งเรายังไม่เห็นข่าวว่าแอปเปิลจะพัฒนาความสามารถตรงจุดนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมีนักพัฒนาหัวใสได้คิดค้นแอพที่มีชื่อว่า Flutter ซึ่งทำให้คุณควบคุม iTunes หรือ YouTube ได้โดยไม่ต้องคลิกเลย โดยแอพจะจับการเคลื่อนไหวของเราจากกล้อง FaceTime ในขณะนี้แอพตัวนี้ฟรีและยังอยู่ในสถานะ alpha อีกทั้งยังรองรับแค่เพียง gesture เดียวคือ ยกมือแสดงให้หยุดที่หน้ากล้อง เพลงก็จะหยุด และเมื่อเรายกมือขึ้นอีกครั้ง เพลงก็จะเล่นต่อ แต่ดูแล้วแอพยังไม่ได้มีการจับระยะความลึกเหมือน Kinect จริงๆ
เรื่องมีอยู่ว่า Frank M. Fazio ชายชาวนิวยอร์กได้ซื้อ iPhone 4S ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และเขารู้สึกผิดหวังกับคุณสมบัติของ Siri ที่แอปเปิลพยายามอวดอ้างผ่านโฆษณา จึงตัดสินใจยื่นฟ้องผ่านทนายโดยมีใจความสำคัญว่า "โฆษณาของแอปเปิลใช้ถ้อยคำหลอกให้เชื่อในสิ่งที่ไม่จริง"
เอกสารที่ตัวแทนของ Fazio ยื่นฟ้องมีการอธิบายสาเหตุของการฟ้องร้องแบ่งเป็นข้อๆ หลายสิบประเด็น ในที่นี้ขอหยิบยกหัวข้อที่เป็นประเด็นหลักมาครับ
ในโฆษณาทางโทรทัศน์แอปเปิลแสดงให้เห็นว่า Siri ช่วยจัดการตารางนัดหมาย ค้นหาร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งการหาคอร์ดกีต้าร์ ผ่านการสั่งงานด้วยเสียงอย่างง่ายดาย อันเป็นปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าจำนวนมากตัดสินใจซื้อ iPhone 4S รวมทั้งโจทก์
ต่อเนื่องจากข่าว iPad ใหม่ขายดี "เกินคาด" เริ่มเลื่อนวันส่งสินค้าออกไปเป็น 2-3 สัปดาห์แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า iPad รุ่นใหม่นี้จะทำลายสถิติเดิมของ iPad 2 ที่คาดว่าขายได้ราว 500,000 เครื่องใน 2 วันแรกของการวางขาย หรือไม่
Gene Muster แห่ง Piper Jaffray นักวิเคราะห์ผู้เกาะติดสถานการณ์ของแอปเปิลอย่างเหนียวแน่นเชื่อว่า iPad รุ่นใหม่นี้จะขายได้อย่างน้อยหนึ่งล้านเครื่องในวันวางขาย โดยให้เหตุผลจากการเปรียบเทียบกับยอดขายของ iPhone 4 ที่ทำยอดได้ถึง 1.7 ล้านเครื่องในสามวันแรก และจำนวนประเทศวางขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 12 ประเทศในวันวางขายอีกด้วย
ส่วนล้านจะแตกจริงไหมคงต้องรอถึงศุกร์นี้ครับ
ในหนังสือชีวประวัติของสตีฟ จ็อบส์ ได้กล่าวถึงไอเดียของจ็อบส์ในการปฏิรูปวงการทีวี ซึ่งตัวจ็อบส์บอกว่าคิดได้แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าไอเดียของจ็อบส์คืออะไรกันแน่ (ระหว่างที่ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ เราเรียกโครงการนี้กันว่า iTV ไปพลางๆ ก่อน)
ล่าสุดแผนการของจ็อบส์ถูกยืนยันโดย Leslie Moonves ซีอีโอของกลุ่มสื่อ CBS ของสหรัฐอเมริกา โดยเขาบอกเพียงว่าเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน สตีฟ จ็อบส์ มาหาเขาและชวนให้ CBS เข้าร่วมโครงการลับของแอปเปิลที่ Moonves อธิบายว่ามันเป็น "subscription content service" แต่สุดท้าย Moonves บอกปัดข้อเสนอของจ็อบส์
ปกติแล้วเรามักจะไม่ค่อยได้เห็น Jonathan Ive ให้สัมภาษณ์บ่อยนัก แต่ครั้งนี้เขาก็ยอมให้ London Evening Standard สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนการออกแบบของแอปเปิล โดย Jonathan Ive ได้ถูกถามเกี่ยวกับเป้าหมายในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งเขาได้กล่าวว่า "เป้าหมายของพวกเราฟังดูง่ายมาก คือออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า ถ้าเราทำให้มันดีกว่าเดิมไม่ได้ เราก็จะไม่ทำ"
ไม่ใช่เรื่องแปลกไปเสียแล้วที่แอปเปิลปล่อยสินค้าตัวใหม่ออกมาทีไร จะไม่สามารถจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทันกับความต้องการที่ล้มหลาม ล่าสุดแอปเปิลได้เลื่อนวันส่ง iPad ออกสำหรับผู้ที่เพิ่งสั่งซื้อ iPad ใหม่ไป จากเดิมที่จะส่งออกภายในวันที่ 19 มีนาคม ไปเป็น 2-3 สัปดาห์หลังจากที่วันสั่งสินค้า
ในขณะเดียวกัน ตัวแทนจากแอปเปิลก็ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ USA Today ว่าแรงตอบสนองของลูกค้ากับ iPad ใหม่นั้นดีเกินคาด และจำนวนเครื่องที่ถูกผลิตมาสำหรับการสั่งซื้อล่วงหน้าก็ได้ถูกซื้อไปหมดเรียบร้อยแล้ว
คงต้องรออีกซักพัก กว่าเราจะบอกได้ว่า iPad ใหม่นี้จะทำลายสถิติเดิมโดย iPad 2 ได้หรือไม่
ถ้ายังจำกันได้กูเกิลเพิ่งต่อสัญญากับ Mozilla ไปอีกสามปี เพื่อให้ได้สิทธิในการเป็นเครื่องมือค้นหาหลักบนเบราว์เซอร์ Firefox โดยมีค่าใช้จ่ายถึงปีละ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แน่นอนว่าบน Safari นั้นกูเกิลก็เป็นฝ่ายจ่ายเช่นกัน โดย Ben Schachter นักวิเคราะห์จาก Macquarie คาดว่ากูเกิลนั้นทำสัญญากับแอปเปิลเพื่อให้ได้เป็นเครื่องมือค้นหาหลักบน Safari ทั้งบนเดสก์ท็อปเบราว์เซอร์ และโมบายล์เบราว์เซอร์ (บนไอแพด ไอพอด และไอโฟน) มูลค่าถึงปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หลังจากให้บริการมาตั้งแต่ต้นปี 2009 แอปเปิลประกาศปิดบริการ iWork.com สิ้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยผู้ใช้งาน iWork.com จะต้องเข้าไปดาวน์โหลดข้อมูลของตัวเอง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าถึงเอกสารเหล่านั้นได้อีกต่อไป
iWork.com เป็นบริการลักษณะคล้ายกับ Google Docs คือเป็นบริการเปิดให้ร่วมมือกันสร้างและแก้ไขไฟล์ประเภทเอกสารต่าง ๆ ได้ผ่านทางหน้าเว็บเบราว์เซอร์ แต่ว่าบริการดังกล่าวเป็นบริการเสียเงิน และยังคงสถานะเป็น beta มาตั้งแต่วันเปิดตัวจนถึงวันนี้
แอปเปิลให้เหตุผลว่าผู้ใช้ควรจะหันไปใช้บริการ iCloud ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปีที่แล้วแทน แม้ว่า iCloud จะไม่มีบริการลักษณะเดียวกับ iWork.com ก็ตาม
หลาย ๆ คนอาจจะทราบเรื่องนี้แล้ว ว่า iPad ใหม่รุ่น Wi-Fi + 4G แม้ว่าจะมีความสามารถในการใช้งาน LTE (ที่ทางการตลาดเรียกกันว่า 4G) ก็ตาม แต่มันจะไม่สามารถนำไปใช้กับเครือข่าย LTE ในหลายประเทศได้ เนื่องจาก iPad รองรับเฉพาะคลื่น LTE ช่วงความถี่ 700MHz และ 2100MHz ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ หลายประเทศนิยมให้บริการ LTE ที่ช่วงความถี่ 800MHz, 1800MHz และ 2600MHz
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม AT&T ได้ออกมาบอกว่าผู้ที่ซื้อ iPad ไปในประเทศอื่น ๆ ถึงแม้จะไม่สามารถใช้ LTE ได้ในประเทศตัวเองก็ตาม แต่เมื่อเดินทางมาในสหรัฐพวกเขาสามารถใช้ LTE ได้ทันทีหากซื้อ SIM และแปลนที่ถูกต้อง
เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากข้อมูลที่ทิม คุกซีอีโอแอปเปิลนำเสนอในงานเปิดตัว iPad ล่าสุดว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2011 นั้นยอดขาย iPad อยู่ที่ 15.4 ล้านเครื่อง ซึ่ง
เว็บไซต์ Bits รายงานว่ามีบางแอพที่ทำงานบนอุปกรณ์ของ Apple ทำการดึงข้อมูล Address Book ของผู้ใช้โดยไม่ขออนุญาต และไม่เพียงแต่ Address Book เท่านั้นที่จะสามารถถูกขโมยได้ ไฟล์รูปถ่ายและไฟล์วีดิโอก็อันตรายเช่นกัน
โดยเมื่อแอพมีการร้องขอเข้าถึงข้อมูล location ของไฟล์รูปถ่ายและไฟล์วีดิโอ หากเราทำการอนุญาต แอพจะสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้ง photo library ได้โดยไม่มีการแจ้งเตือนผู้ใช้แต่อย่างใด
การเข้ามาของ iBook เป็นเครื่องมือต่อรองชั้นดีให้กับสำนักพิมพ์ เพราะก่อนหน้านี้ตลาดอีบุ๊กแทบจะถูกครองโดยอเมซอนอย่างเบ็ดเสร็จ แต่ในตอนนี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังเข้าเตรียมจะฟ้องแอปเปิลและสำนักพิมพ์ว่าร่วมมือกันขึ้นราคาในตลาด
ก่อนหน้านี้อเมซอนก็มีนโยบายขายหนังสือในราคาไม่เกิน 9.99 ดอลลาร์เท่านั้นเพื่อจูงใจให้คนมาอ่านอีบุ๊ก แต่หลังจากแอปเปิลเปิดตัว iBook แอปเปิลก็เปิดให้สำนักพิมพ์ตั้งราคาหนังสือได้เอง แต่ขณะเดียวกันก็เซ็นสัญญาว่าสำนักพิมพ์จะไม่ขายหนังสือที่อื่นในราคาที่ถูกกว่าที่ขายใน iBook สัญญาเช่นนี้ทำให้หนังสือที่ขายผ่านแอปเปิลมีราคาถูกที่สุดเสมอ แต่แอปเปิลยืนยันว่าบริษัทไม่ได้พยายามลดการแข่งขันแต่อย่างใด ตรงกันข้ามการที่แอปเปิลเข้ามาในตลาดนี้เป็นการเพิ่มการแข่งขันให้กับตลาด
หลังจากแอปเปิลได้ทำการเปิดตัว The New iPad พร้อมกับชิปรุ่นใหม่ A5X ซึ่งเน้นพลังประมวลผลกราฟิกระดับ quad-core ซึ่งทำให้ iPad สามารถทำงานกราฟิกได้อย่างราบรื่นในหน้าจอระดับ Retina Display ที่ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล ไปแล้วนั้น
ในงานแถลงข่าวของแอปเปิลเมื่อคืนนี้ นอกจาก iPad รุ่นใหม่,
หลังเปิดตัวรายละเอียดของ iPad รุ่นใหม่ไปแล้ว บรรดานักวิเคราะห์จากหลายสำนักก็ทยอยปรับประเมินตัวเลขยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดของแท็บเล็ตปีนี้ ซึ่งออกมาเป็นดังนี้ครับ
นักวิเคราะห์จาก Gene Munster บอกว่าสเปก iPad ตัวใหม่นี้ น่าประทับใจ มีการก้าวกระโดดจาก iPad 2 อย่างมีนัยสำคัญ และถึงแม้กรณีเลวร้ายที่สุด ส่วนแบ่งในตลาดแท็บเล็ตของแอปเปิลจะลดลงไปเหลือ 50% แต่แท็บเล็ตรวมจะแย่งลูกค้าจากตลาดพีซีมาด้วย ทำให้ยอดขาย iPad ปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 26% จากปีก่อน
นักวิเคราะห์จาก UBS มองว่า iPad รุ่นใหม่นี้จะเร่งยอดขายได้เร็วมากขึ้นจากกำหนดการจำหน่ายทั่วโลกที่เร็วขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับตอน iPad 2 โดยในไตรมาสปัจจุบันนี้ iPad รวมน่าจะขายได้ราว 12 ล้านเครื่อง
สิ่งที่พลิกโผที่สุดของงานแถลงข่าว iPad รุ่นใหม่เมื่อคืนนี้ คงเป็นเรื่อง "ชื่อ" ที่สุดท้ายแล้วเป็นแค่ "iPad" สั้นๆ ห้วนๆ ไม่มีชื่อรุ่นต่อท้ายเหมือน iPad 2
หลังจากมีการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่กันไปแล้วในชื่อ "The New iPad" ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจว่าทำไมแอปเปิลถึงเลือกที่จะใช้ชื่อนี้แทนที่จะเป็น "iPad 3", "iPad HD" หรือ “iPad Epic Pro Super X 4G LTE Touch” ซึ่ง Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิลได้ให้เหตุผลสั้นๆว่า
"ก็เพราะเราไม่อยากให้ใครคาดเดาได้น่ะสิ"
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะแอปเปิลมักจะขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีก็มีเสียงตอบรับในเชิงไม่เห็นด้วยซักเท่าไหร่ เช่น Charles Rashall ประธานและผู้ก่อตั้ง Brandadvisors ได้กล่าวว่า "เมื่อคุณพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ไม่ตั้งชื่อให้ต่างจากเดิม อาจทำให้เกิดความสับสนได้"