ผมได้เกริ่นเอาไว้ใน Google Assistant vs Alexa ตอนแรก แล้วว่างาน CES 2018 ที่ผ่านไป ได้กลายเป็นพื้นที่สงครามระหว่าง Intelligent Assistant 2 เจ้า ดูอย่างง่ายที่สุดก็จำนวนของผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในบทความเก่า

อย่างไรก็ตามเวทีนี้กลับไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดงานโชว์หรือเปิดตัวเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเวทีใหญ่สำหรับ Google สำหรับเดินหน้าในเกมผู้ช่วยอัจฉริยะด้วย โดยบทความนี้จะพยายามนำเสนอว่าเหตุใด Intelligent Assistant จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่มีการแข่งขันสูงและภาพรวมของการแข่งขัน ก่อนจะชี้ให้เห็นถึงความพยายามไล่ตาม Amazon ของ Google ให้เป็นรูปภาพธรรมมากขึ้น ปิดท้ายด้วยสภาพของเจ้าอื่นๆ อย่างไมโครซอฟท์ แอปเปิลหรือแม้แต่ซัมซุงจะมีที่ยืนในสมรภูมินี้แค่ไหน

Amazon เตรียมออกโฆษณา Alexa ฉายในงาน Super Bowl 2018 โดยมี Jeff Bezos ร่วมแสดงด้วย ซึ่งจากตัวโฆษณานั้นมีคำว่า “Alexa” นับสิบครั้ง และแน่นอนว่าอาจจะเกิดปัญหา Alexa ซึ่งอยู่ในบ้านคนทั่วไปทำงานขึ้นมาได้ระหว่างการโฆษณา และ Amazon ก็ได้เตรียมวิธีแก้ปัญหานี้ไว้แล้ว

Amazon รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2017 มีรายได้เพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 60,453 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 1,856 ล้านดอลลาร์

ซีอีโอ Jeff Bezos กล่าวว่าแผนงานของ Alexa ในปี 2017 นั้นมองไว้ค่อนข้างดี แต่เราก็ทำได้ดีมากกว่านั้นมาก ซึ่งไม่บ่อยนักที่จะเห็นผลลัพธ์ระดับนี้ ตอนนี้เรามาถึงจุดที่บริษัทภายนอกและนักพัฒนาต่างเร่งนำ Alexa มาใช้ในการพัฒนาเสริมบริการ มีนักพัฒนาภายนอกกว่า 30,000 คน, อุปกรณ์ในบ้าน 4,000 รายการ จากกว่า 1,200 แบรนด์ที่ทำงานร่วมกับ Alexa ได้ ซึ่งต้องขอบคุณลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทุกคน

AWS มีรายได้เพิ่มขึ้น 45% เป็น 5,113 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะส่วนธุรกิจนี้มีกำไร 1,354 ล้านดอลลาร์

Amazon เผยทีเซอร์โฆษณา Alexa สำหรับการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล Super Bowl ปี 2018 โดยซีอีโอ Jeff Bezos มาร่วมแสดงโฆษณาด้วยตัวเอง ทีเซอร์มีความยาว 30 วินาที

ในคลิปเล่าว่าผู้ใช้งานกำลังถามสภาพอากาศ Alexa ผ่านลำโพงอัจฉริยะ Amazon Echo แต่ Alexa ตอบคำถามไม่ครบ จู่ๆเสียงของเธอก็ขาดหายไปจนเป็นข่าวใหญ่โต จนซีอีโอ Amazon ตื่นตระหนกว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Alexa

สองปีก่อน โฆษณา Alexa ใน Super Bowl 2016 ก็สร้างความสนใจเช่นกัน ทั้งที่ในขณะนั้นสินค้า Amazon Echo ยังไม่ถือว่าสินค้ากระแสหลักเท่าปัจจุบัน โดยมีดาราคนดังมาแสดงมากมายไม่ว่าจะเป็น Alec Baldwin, Dan Marino, Jason Schwartzman และ Missy Elliot

จบไปแล้วกับงานแสดงผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิคส์หรือ CES 2018 ที่ถือเป็นงานแสดงนวัตกรรมและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของหลายๆ แบรนด์หลายๆ ผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามหนึ่งในไฮไลท์ของงานนี้ที่สื่อต่างประเทศพูดถึงกันแทบทุกเจ้า คือ CES 2018 ได้กลายเป็นพื้นที่สงคราม Smart Assistant กลายๆ

ถึงแม้ภายในงานจะมีการเปิดตัว Smart Assistant หน้าใหม่ๆ อยู่บ้าง แต่ที่ถูกเรียกว่าเป็นสงคราม ก็เพราะมีผลิตภัณฑ์ที่รันด้วย Smart Assistant รุ่นใหญ่อย่าง Amazon Alexa และ Google Assistant เปิดตัวกันเยอะมาก ซึ่งงานนี้เป็นภาพสะท้อนสิ่งที่ Google กำลังพยายามทำได้หลายอย่าง โดยบทความตอนแรกนี้จะเน้นไปที่การแบ่งฝ่าย ด้วยรายชื่อแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีการเปิดตัวภายในงานนี้ ก่อนที่จะวิเคราะห์กันในบทความตอนจบต่อไป

แอพ Alexa ของ Amazon นั้น แต่เดิมมีไว้เพื่อการตั้งค่าอุปกรณ์ Echo หรืออุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่น ๆ ที่รองรับ Alexa เท่านั้น แต่ล่าสุด Amazon ได้อัพเดตให้แอพ Alexa รองรับการสั่งงานด้วยเสียงแล้ว หรือว่าง่าย ๆ คือสามารถสั่งงาน Alexa ผ่านแอพ Alexa ได้เหมือนกับที่สั่งงานผ่าน Echo เลย

การเพิ่มฟีเจอร์ผู้ช่วยส่วนตัวลงเป็นแอพในมือถือนั้น นอกจาก Amazon แล้วก็มี Microsoft ที่ทำลักษณะเดียวกัน คือมีแอพ Cortana สำหรับอุปกรณ์พกพาเพื่อเป็นส่วนเติมเต็มของเดสก์ท็อป แต่ Microsoft ก็อาจจะต้องลำบากเล็กน้อยเพราะว่าผู้ผลิตพีซีหลายเจ้านั้นเลือกจะผนวก Alexa เข้ามาในฮาร์ดแวร์ของตนแล้วเช่นกัน

หลังจาก Toyota ยืนกรานจะใช้ระบบ infotainment ของตัวเองมานานหลายปี ล่าสุดบริษัทก็ยอมแล้ว เมื่อเปิดตัวรถยนต์ Toyota Avalon รุ่นปี 2019 ที่จะรองรับ Apple CarPlay และ Amazon Alexa ด้วย

Avalon เป็นรถยนต์นั่งซีดานขนาดใหญ่ที่ทำตลาดอเมริกาเหนือและตะวันออกกลาง (พอเทียบเคียงได้กับ Camry และ Lexus ของฝั่งบ้านเรา) สำหรับรถรุ่นปี 2019 จะรองรับ Apple CarPlay มาในตัว และสามารถเชื่อมต่อกับนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ รวมถึงอุปกรณ์ที่มี Amazon Alexa เพื่อสั่งงานด้วยเสียง

สำหรับผู้ที่ใช้ Android ยังใช้งานร่วมกับ Toyota Avalon ได้ แต่ต้องผ่านแอพ Alexa เพราะไม่สนับสนุน Android Auto โดยตรง

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า รถยนต์ Toyota รุ่นอื่นๆ จะรองรับ CarPlay อีกเมื่อไร

Toyota ประกาศร่วมมือกับ Amazon ในงาน CES ว่าทางบริษัทนำแพลตฟอร์มผู้ช่วยส่วนตัว Alexa มาใส่ในรถยนต์ โดยรถยนต์ที่มีระบบอินโฟเทนเมนต์ Toyota Entune 3.0 และ Lexus Enform 2.0 จะเริ่มได้รับ Alexa ภายในปีนี้ และจะมีรถยนต์ที่รองรับ Alexa จำนวนมากขึ้นในปี 2019

การนำ Alexa มาใส่ในระบบอินโฟเทนเมนต์ของรถยนต์ Toyota และ Lexus หมายความว่าผู้ใช้จะสามารถเพิ่มสกิลของ Alexa เพื่อให้จัดการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม รวมถึงการควบคุมสื่อบนรถยนต์ได้ผ่านการสั่งงานด้วยเสียง เพราะว่าระบบจะสามารถเชื่อมต่อกันได้ง่าย ต่างกับระบบผู้ช่วยในรถยนต์ที่ผู้ผลิตรถสร้างขึ้นมาเองที่จะถูกจำกัดฟังก์ชันในการทำงานบนรถยนต์เป็นส่วนใหญ่

ขณะที่แพลตฟอร์มโมบายล์บนรถยนต์ตอนนี้มี CarPlay ของแอปเปิลและ Android Auto ที่ล้วนทำงานร่วมกับผู้ช่วยอัจฉริยะของแต่ละเจ้า โตโยต้ากลับเลือกที่จะนำ Amazon Alexa ขึ้นมาไว้บนรถยนต์แทนผ่านแอป Toyota Entune 3.0 App Suite และLexus Enform App Suite 2.0 โดยเริ่มในสหรัฐอเมริกาก่อน

ความสามารถของ Alexa บนรถ Toyota และ Lexus ไม่ได้แตกต่างจากบนแพลตฟอร์มหรืออุปกรณ์อื่นมากนัก อย่างไรก็ตามทางโตโยต้าระบุแค่ว่ามีเพียงบางรุ่นเท่านั้นที่รองรับโดยไม่ระบุรุ่น และจะมีรุ่นรถยนต์ที่รองรับเพิ่มเติมในปี 2019

ที่มา - Toyota Pressroom

ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ HP, ASUS และ Acer เตรียมนำผู้ช่วย Alexa ของค่าย Amazon เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ PC ด้วย โดยผู้ใช้ PC สามารถใช้งานโต้ตอบกับ Alexa ได้เทียบเท่ากับความสามารถของ Alexa บนอุปกรณ์แบรนด์อื่นที่ไม่ใช่ Amazon

HP เตรียมจะใช้ Alexa ใน PC รุ่น HP Pavilion Wave ด้าน Acer ก็จะนำมาใช้ใน Acer’s Spin 5 และ Switch 7 Black Edition ที่มาพร้อมไมโครโฟน 4 ตัว รองรับการสั่งการเสียงจากระยะไกล นอกจากนี้ยังจะนำ Alexa มาใช้ในผลิตภัณฑ์จอโปรเจกเตอร์ V6820M และ V6820i 4K UHD ด้วย ส่วน ASUS ระบุว่าจะใช้ Alexa ใน 2018 ZenBook และแล็ปทอป VivoBook

ในขณะเดียวกัน Windows 10 ของ Microsoft ก็มีระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Cortana อยู่แล้ว ยอดผู้ใช้งานแอคทีฟประมาณ 600 ล้านอุปกรณ์ อาจเป็นเรื่องอึดอัดใจเล็กน้อยเมื่อ Alexa ไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการบนฮาร์ดแวร์ที่ทำงานด้วย Windows เป็นหลัก และต่างคนต่างก็มีผู้ช่วยอัจฉริยะเป็นของตัวเองทั้งคู่

Amazon ประกาศอัพเดต Smart Home Skill API ของ Alexa ให้รองรับคำสั่งในห้องครัว โดยเริ่มกับไมโครเวฟอย่างเดียวก่อน ก่อนที่เครื่องครัวอื่นๆ อาทิ เตาอบ จะตามมาในภายหลัง

อินเทอร์เฟสความสามารถที่เพิ่มเข้ามามี Alexa.Cooking, Alexa.Cooking.TimeController, Alexa.Cooking.TimeHoldController และ Alexa.Cooking.PresetController ซึ่งเท่ากับว่าผู้ใช้สามารถสั่งไมโครเวฟให้อุ่นอาหารหรือตั้งเวลาได้ผ่านลำโพง Echo

เบื้องต้นแบรนด์ที่ประกาศจะนำความสามารถใหม่ของ Alexa ไปใส่ไว้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวมี Whirlpool, GE, Kenmore, LG และ ซัมซุง

Amazon เผยสถิติยอดขายสินค้าออนไลน์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส 2017 มีสินค้าถูกสั่งซื้อทั้งหมดเกิน 1 พันล้านชิ้นทั่วโลก และในช่วง 5 วันสำคัญสำหรับการช็อปปิ้งออนไลน์คือ วันขอบคุณพระเจ้าถึง Cyber Monday ขายได้เกือบ 140 ล้านชิ้น

อินเทลจับมือกับ Amazon ออกชุดฮาร์ดแวร์สำหรับการสั่งงานด้วยเสียง เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า เชื่อมต่อกับ Alexa ได้ง่ายขึ้น

ชุดฮาร์ดแวร์ของอินเทลชื่อว่า Intel Speech Enabling Developer Kit ประกอบด้วยชุดไมโครโฟน 8 ตัว, หน่วยประมวลผลสัญญาณ DSP, และซอฟต์แวร์ประมวลผลเสียง เพื่อแก้ปัญหาเสียงสะท้อน เสียงรบกวน และดักจับคีย์เวิร์ดของผู้ใช้งานเพื่อเรียกใช้ Alexa

ชุดคิตอันนี้เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว ในราคาลด 399 ดอลลาร์ช่วงเปิดตัว (ราคาเต็ม 499 ดอลลาร์) การเปิดตัวชุดคิตนี้ทำให้เรามีโอกาสเห็นอุปกรณ์อีกมากที่จะเชื่อมต่อกับ Alexa ในอนาคตอันใกล้นี้

ขวบปีที่ผ่านมาการแข่งขันในตลาดลำโพงอัจฉริยะและผู้ช่วยอัจฉริยะถือว่าค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ทั้งในแง่ของฟีเจอร์และเซกเมนต์ของผลิตภัณฑ์ อย่างช่วงกลางปีที่ผ่านมา Google ได้เพิ่มความสามารถให้ Google Home แยกแยะเสียงผู้พูดได้สูงสุด 6 คน ล่าสุด Amazon ประกาศเพิ่มความสามารถลักษณะเดียวกันให้ Alexa แล้ว

ประโยชน์หลักๆ ของการแยกเสียงผู้พูดคือ Alexa สามารถบอกกำหนดการ อีเมลหรือเล่นเพลงได้ตามโปรไฟล์ของผู้พูดได้อัตโนมัติ ขณะที่ฟีเจอร์นี้รองรับหมดทั้ง Echo, Echo Dot และ Echo Show ไปจนถึงอุปกรณ์ third-party อื่นๆ ที่รันด้วย Alexa โดยผู้ใช้สามารถตั้งโปรไฟล์เสียงได้จากแท็บ Your Voice บนหน้า Setting บนแอป Alexa

Amazon หั่นราคา Echo Show ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Echo พร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้วและมีผู้ช่วยส่วนตัว Alexa เป็นจำนวน 30 ดอลลาร์ จากราคาเดิม 229.99 ดอลลาร์เหลือเพียง 199.99 ดอลลาร์ คาดว่าเนื่องจากไม่สามารถดู YouTube ได้

Variety รายงานว่า Amazon น่าจะประสบปัญหากับยอดขายผลิตภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนักเนื่องจาก YouTube บล็อกไม่ให้ใช้งานโดยอ้างว่าละเมิดเงื่อนไขการใช้งาน ดังนั้นการลดราคาสินค้าครั้งนี้คาดว่าเพื่อกระตุ้นยอดขายนั่นเอง และอาจเป็นไปได้ว่า Amazon ต้องการกระตุ้นยอดขาย Echo Show ก่อนที่ผลิตภัณฑ์ Echo ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่จะออกสู่ตลาดในช่วงวันหยุดท้ายปี

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ประกาศความร่วมมือกับ Amazon Web Service และ DailiTech คอนซัลท์ด้านไอที เปิดตัว A.I. Box กล่องขนาดเล็กลักษณะคล้ายลำโพงอัจฉริยะที่รับคำสั่งเสียงภาษาไทย โดยอาศัยเอนจินจาก Amazon Lex

ความสามารถของ A.I. Box ถูกพัฒนาขึ้นผ่านทาง Alexa Skill โดย DailiTech การรองรับคำสั่งเบื้องต้นยังค่อนข้างจำกัด อาทิ ตรวจสอบค่าน้ำค่าไฟและพัสดุ ตรวจสอบสถานะห้องหรือบริการส่วนกลาง ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในโครงการ สั่งเปิดปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้าง ตรวจสอบเส้นทางจราจร พยากรณ์อากาศ สรุปข่าวหรือหุ้นรายวัน ซึ่งทาง DailiTech ระบุว่าจะมีการพัฒนาความสามารถให้มากขึ้นต่อไป

ในวันเดียวกันกับที่ Google ขนฮาร์ดแวร์มาเปิดตัวเป็นขบวนพาเหรด บริษัท Sonos บริษัททำลำโพงไร้สายก็เปิดตัวลำโพงอัจฉริยะด้วยคือ Sonos One ใช้มันสมองรับการสั่งการจาก Amazon Alexa

Sonos One มาพร้อมไมโครโฟนติดตั้งภายในถึง 6 ตัว ให้เสียงดังกว่าเมื่อเทียบกับขนาดลำโพง รองรับคำสั่งเสียงใช้งานคอนเทนต์ต่างๆ เช่น ฟังเพลง เปิดหนังสือเสียง จากบริการสตรีมมิ่งกว่า 80 แห่ง ถือเป็นหนึ่งในความโดดเด่นของ Sonos

Alexa ผู้ช่วยอัจฉริยะของ Amazon กำลังจะไปอยู่บนรถยนต์เหมือนคู่แข่งบ้านแล้วจากการจับมือกับ BMW ผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนี ซึ่ง Alexa จะไปอยู่ทั้งรถแบรนด์ BMW และ MINI ตั้งแต่กลางปี 2018 เป็นต้นไป

Amazon ไม่ได้พูดถึงระบบปฏิบัติการบนรถยนต์ ระบุแต่เพียงว่า Alexa จะคอยช่วยทั้งบอกทาง, โทรศัพท์, เล่นเพลง, อ่าน Audiobook, ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม, อ่านข่าว เป็นต้น โดยไม่ต้องลงแอปแยกใดๆ ขณะที่เจ้าของรถยังสามารถเข้าถึง Alexa Skills จากนักพัฒนาภายนอกได้ด้วย ซึ่งดูแล้วก็เหมือนยกเอา Echo ไปไว้บนรถยนต์ก็คงไม่ผิดนัก

ต่อเนื่องจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Echo ชุดใหญ่ Amazon ยังเปิดเผยคุณสมบัติใหม่ของ Alexa โดยจะรองรับการสั่งงานด้วยคำสั่งเดียวสั้นๆ แต่ทำงานหลายอย่างต่อเนื่องกัน ซึ่งเรียกว่า Routines

เพื่อให้เห็นภาพ Dave Limp ผู้บริหาร Amazon ได้สาธิตการทำงาน โดยสั่งงานว่า "Alexa, good morning" จากนั้น ไฟก็เปิดทำงาน, ตามด้วยม่านหน้าต่างเปิดออก, Alexa เริ่มอ่านข่าวยามเช้า และกาต้มน้ำเริ่มทำงาน พอสั่งงานให้หยุดทำงานว่า "Alexa, that’s too bright" ไฟก็ปิด, ม่านหน้าต่างหรี่ลง และกาต้มน้ำหยุดทำงาน

ฟีเจอร์ทั้งหมดจะเปิดให้ใช้งานในอนาคต และ Amazon บอกว่าจะเปิดให้นักพัฒนาเข้าถึง API เพื่อทำชุดคำสั่ง Routines นี้ได้อีกด้วย

Amazon ออกอุปกรณ์เสริมชิ้นใหม่ Echo Connect อุปกรณ์สำหรับการต่อโทรศัพท์ให้กับ Echo เพื่อให้สามารถสั่งการ Alexa ให้โทรออกผ่านโทรศัพท์บ้านได้ทันที (ดังนั้นต้องซื้อ Echo มาด้วยจึงจะสามารถใช้อุปกรณ์นี้ได้) เป็นความสามารถเพิ่มเติมนอกจากที่ Echo และแอพ Alexa สามารถโทรฟรีหากันได้ จำหน่ายในราคา 34.99 ดอลลาร์

Amazon เปิดตัว Echo Buttons โดยเป็นอุปกรณ์ลักษณะปุ่มที่ออกแบบมาเน้นการตอบโต้กับ Alexa โดยเฉพาะอย่างเช่นการเล่นเกมภายในครอบครัว สามารถเล่นเกมกับ Alexa Skill ที่รองรับได้อย่างเช่น Musicplode, Dungeon Escape และ Sounds Fun

อุปกรณ์ Echo Buttons นี้ออกมาเป็นอุปกรณ์เสริมของ Alexa หรือ Alexa Gadget ชิ้นแรกเพื่อทำให้ผู้ใช้ตอบโต้กับ Alexa ได้อย่างเพลิดเพลิน และในอนาคต Amazon น่าจะพัฒนามีอุปกรณ์ลักษณะนี้ออกวางขายสู่ตลาดอีก

สำหรับราคาวางขายของ Echo Buttons นี้อยู่ที่ 19.99 ดอลลาร์ต่อแพ็ค (แพ็คละ 2 ปุ่ม) เตรียมวางขายในช่วงเทศกาลวันหยุดท้ายปีนี้

สินค้าใหม่ของ Amazon ที่น่าจับตามากที่สุดคือ Echo Spot อธิบายง่ายๆ มันคือนาฬิกาปลุกอัจฉริยะ ที่มีจอภาพทรงกลมขนาดเล็ก 2.5" และรองรับการสนทนากับ Alexa

Echo Spot เป็นเวอร์ชันลดขนาดของ Echo Show ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Echo รุ่นแรกที่มีจอภาพ ข้อดีของมันคือมีขนาดเล็ก วางได้ทุกที่ เหมาะกับการวางไว้บนหัวเตียง ยามปกติมันอาจแสดงเข็มนาฬิกา แต่มันสามารถทำงานทุกอย่างที่ Echo Show ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นแสดงข้อมูลสภาพอากาศ เปิดคลิปวิดีโอ เปิดเพลง หรือแม้กระทั่งคุยวิดีโอคอลล์ (มีกล้องหน้าให้ในตัว)

Echo Spot ขายราคา 129.99 ดอลลาร์ มีให้เลือกสองสีคือขาวกับดำ สินค้าจะเริ่มวางขายในเดือนธันวาคม

Amazon เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูล Echo ชุดใหญ่ เริ่มจากสินค้าหลักคือลำโพง Amazon Echo รุ่นที่สอง ขนาดเล็กลงกว่าเดิม มีให้เลือกหลายสีหลายลายเพื่อให้เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์ของแต่ละบ้าน ปรับปรุงระบบลำโพงและไมโครโฟนใหม่ให้ดีกว่าเดิม และขายในราคาถูกลงที่ 99.99 ดอลลาร์

สินค้าอีกตัวในชุดเดียวกันคือ Echo Plus ที่หน้าตาเป็นกระบอกทรงสูงเหมือน Echo รุ่นแรก สิ่งที่เพิ่มมาคือฟีเจอร์ฮับสำหรับบ้านอัจฉริยะ ใช้ควบคุมอุปกรณ์ไฮเทคอย่างหลอดไฟ กลอนประตูอัจฉริยะ ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ฮับแยกอีกตัว (รองรับโพรโทคอลที่นิยมอย่าง ZigBee ในตัว) ราคา 149.99 ดอลลาร์ ช่วงเปิดตัวยังแถมหลอดไฟ Philips Hue ให้ด้วย

สินค้าทั้งสองตัว เปิดให้สั่งซื้อแล้ว และจะเริ่มส่งสินค้าในเดือนหน้า

Amazon ร่วมกับ Codecademy เว็บไซต์สอนเขียนโปรแกรมได้ร่วมมือกันเพื่อสร้างคอร์สฟรีสอนการสร้าง Skill เพื่อใช้งานกับ Alexa

หลักสูตรการสร้าง Skill สำหรับ Alexa นี้จะเริ่มตั้งแต่ Build Your First Alexa Skill และ Create Your Lambda Function สำหรับการใช้งานกับ AWS Cloud ส่วนคอร์สการรับอินพุตจากผู้ใช้และ DynamoDB จะตามมาในภายหลัง

Zach Sims ซีอีโอ Codecademy กล่าวว่า คอร์สเหล่านี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้เข้าถึงใครก็ได้ ไม่จำเป็นว่าต้องมีความรู้ด้านการโค้ดมาก่อน การจะเข้าคอร์สนี้ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ Echo ด้วย เนื่องจากใน Codecademy มี simulator รอไว้แล้ว สามารถพูดกับ Alexa ผ่านแอพ Codecademy ได้ทันที

หากใครยังจำได้ เมื่อปลายปีที่แล้ว GE เปิดตัวหลอดไฟพร้อม Alexa โดยตอนนี้ก็ถึงเวลาที่หลอดไฟอัจฉริยะจาก GE จะวางขายแล้ว

หลอดไฟนี้มีชื่อว่า C by GE Sol ถือเป็นหลอดไฟที่มีระบบผู้ช่วยส่วนตัว Alexa อยู่ภายในเป็นตัวแรกที่วางจำหน่ายตามท้องตลาด ตัวโคมไฟเป็นหลอดไฟที่สามารถปรับเฉดสีขาวได้ ตั้งแต่โทนขาว (daylight) ไปจนถึงโทนเหลือง (warm) มีแถบสีน้ำเงินและแดงภายในวงแหวนของหลอดไฟ เพื่อเป็นการแสดงเวลาแทนเข็มสั้นและเข็มยาว และเมื่อเรียก Alexa ขึ้นมาจะมีเอฟเฟคแสดง