หลังจากช่วงแรกของการเปิดตัว Bing ไปนั่นฟีเจอร์ SafeSearch ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ (ดูรีวิวฟีเจอร์ดังกล่าวได้ที่ รีวิว Bing เสิร์ชเอนจิ้นใหม่จากไมโครซอฟท์) โดยเฉพาะการค้นหาวีดีโอที่ยังแสดงวีดีโอที่ไม่เหมาะสมในผลลัพธ์ของการค้นหา (จนทำให้ Norton ออกมาบอกว่าให้บล็อกการเข้าถึง Bing ไปก่อน (ดูข่าวเก่า)) เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.) ผู้จัดการทั่วไปของ Bing ได้เปิดเผยผ่าน Bing Blog ว่าได้เปลี่ยนการแสดงเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ (โดยได้ข่าวได้นิย

Eric Schmidt ซีอีโอของกูเกิล ให้สัมภาษณ์กับ Fox Business Network ถล่ม Bing เป็นชุด คัดมาเฉพาะอันเด็ดๆ

"It’s not the first entry for Microsoft. They do this about once a year."

แปล (นี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกของไมโครซอฟท์ พวกเขาออก search engine ใหม่ทุกปี (หมายถึง MSN กับ Live Search)

“We think search is about comprehensiveness, freshness, scale and size for what we do. It’s difficult for them to copy that.”

แปล (เราคิดว่าหัวใจสำคัญของ search คือต้องเพียบพร้อม, สดใหม่, รองรับผู้ใช้ที่ขยายตัวได้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราทำได้และประสบความสำเร็จ ไมโครซอฟท์อยากทำแบบเดียวกันแต่มันไม่ง่ายหรอก)

หลังจากปล่อยให้ Wolfram Alpha ออกมาเรียกเสียงฮือฮาได้สักพัก กูเกิลก็เริ่มโต้กลับด้วยเครื่องมือค้นหาแนวทางเดียวกัน (แม้ว่าจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว) ชื่อ Google Squared

Google Squared ยังเป็นบริการที่แปะตรา Labs อยู่ แนวคิดของมันคือการหาตัวเลข-ข้อมูลจริงแบบเดียวกับ Wolfram Alpha แต่ที่เพิ่มเข้ามาคือผลการค้นหาจะออกมาเป็นตารางเปรียบเทียบ (ถึงได้ชื่อว่า Squared) ลองเล่นดูได้ตามนี้

ในขณะที่ไมโครซอฟท์เริ่มปล่อยโฆษณา Bing (ดูข่าวเก่า โดยคุณ pawinpawin) บริษัท Symantec ผู้เป็นเจ้าผลงานบริการตัวกรองและติดตามการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่าง OnlineFamily.Norton ได้ประกาศออกมาว่า Bing นั่นก็ไม่สามารถบล็อกการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้ (ลองดูเทคโนโลยี Safe Search ของ Bing ได้ที่ รีวิว Bing เสิร์ชเอนจิ้นใหม่จากไมโครซอฟท์ โดยผมเอง) โดยได้แนะนำให้ผู้ปกครองใช้ OnlineFamily.Norton บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ Bing ในช่วงเวลานี้ไปก่อน!

คนแถวๆ นี้น่าจะเล่น Bing กันหมดแล้ว (ถ้ายังก็ลองซะ ไม่ธรรมดาเลยล่ะ แต่ต้องเซ็ตประเทศเป็น USA ก่อนนะครับ) ตอนนี้เรามารู้จักกับหัวเรือสำคัญผู้สร้าง Bing กันดีกว่า

Qi Lu (น่าจะอ่านว่า "ฉี ลู่" ใครแม่นภาษาจีนช่วยยืนยัน) ฟังชื่อดูก็รู้ว่าเป็นจีน ปัจจุบันอายุ 47 ขวบ อดีตเคยเป็นหัวหน้าฝ่าย search technology ให้กับยาฮู เขาเป็นลูกหม้อของยาฮูมาตั้งแต่ยุค 1998 ช่วงหลังเขาเริ่มท้อแท้กับอนาคตของบริษัทเลยวางแผนจะพับเสื่อกลับเมืองจีน ระหว่างที่กำลังลังเลอยู่นั้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งจากผู้ชายที่ชื่อว่าสตีฟ บัลเมอร์ และเรื่องทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น

มาแล้ว Bing เสิร์ชเอนจิ้นใหม่จากไมโครซอฟท์ ไม่ต้องรอถึงวันที่ 3 มิ.ย. (ข่าวเก่า) โดยเมื่อเข้าเว็บไซต์ www.live.com (รวมถึงการค้นหาผ่านทาง Search Bar บน Internet Explorer 7 ขึ้นไป และ Windows Live Toolbar) จะถูกโยนไปยังเว็บไซต์ www.bing.com โดยอัตโนมัติ

ลองดูรูปตัวอย่างที่ผมจับภาพหน้าจอมาแล้วกัน

ถ้าใครยังไม่รู้จัก Bing อ่าน Bing: อาวุธใหม่ไมโครซอฟท์

ส่วน Ask Blognone รอบนี้ไม่มีอะไรมาก ผมเห็น Betanews เค้าเล่นกันเลยอยากเล่นบ้าง กติการอบนี้คือตั้งชื่อใหม่ให้กับ Bing คนละหนึ่งชื่อเท่านั้น ลองสมมติตัวเองเป็นฝ่ายการตลาดของไมโครซอฟท์ดูว่าตั้งชื่ออย่างไรถึงจะโดน

หลังจากที่แพ้จากสงครามยก Live Search วันนี้ไมโครซอฟท์ก็ได้เผยในงาน D:All Things Digital แล้วว่าไมโครซอฟท์นั้นเตรียมเปิดตัวบริการค้นหาข้อมูลใหม่ที่มีชื่อว่า Bing (หรือชื่อเดิม Kumo) จริงตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ (ข่าวเก่า 1, 2, 3)

McAfee ได้รวบรวมคำค้นยอด (keyword) นิยม 2,600 คำ และทดสอบกับ search engine ยอดนิยม 5 ตัว จากนั้นนำผลลัพธ์จาก 5 หน้าแรกมาวิเคราะห์ สิ่งที่ได้คืออันดับคำค้นที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อไวรัส โทรจัน สปายแวร์ ฯลฯ สูง ผมคัดมาเฉพาะ 10 อันดับแรก (จำกัดพื้นที่เฉพาะค้นหาในสหรัฐ) ดังนี้

หลังจากทุ่มเงิน 300 ล้านดอลลาร์กับแคมเปญโฆษณา I'm PC อัดคู่แข่งอย่างแอปเปิลและได้ผลเป็นอย่างดี มีรายงานว่าเป้าหมายถัดไปของไมโครซอฟท์คือกูเกิล

เว็บไซต์ AdAge อ้างว่าไมโครซอฟท์จะอัดแคมเปญโฆษณาตัวใหม่มูลค่า 80-100 ล้านดอลลาร์ เพื่อประชาสัมพันธ์เครื่องมือค้นหาตัวใหม่ "Bing" (ที่เรารู้จักกันว่ามันชื่อ Kumo ตอนนี้ยังไม่มีข่าวไหนสามารถยืนยันชื่อจริงได้) โดยแหล่งข้อมูลวงในบอกว่าโฆษณาชุดนี้จะไม่ตีกูเกิลหรือยาฮูตรงๆ แต่จะเล่นประเด็นว่า search engine ในปัจจุบันยังไม่สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้

หลายๆ คนน่าจะผ่านตาข่าว Kumo ซึ่งเป็นรหัสของ Windows Live Search รุ่นใหม่ของไมโครซอฟท์กันบ้างแล้ว ตอนนี้มีข่าวว่าไมโครซอฟท์จะเปิดตัว Kumo บนเวทีในงาน D:All Things Digital ซึ่งจะจัดขึ้นสัปดาห์หน้า (26-28 พ.ค.)

ในชื่อแขกรับเชิญนั้นมีสตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอของไมโครซอฟท์อยู่ด้วย ซึ่งคาดว่าบัลเมอร์จะเดโมการทำงานของ Kumo ให้ดูในระหว่างที่เขาขึ้นพูด

วันนี้ Wolfram Alpha ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วครับ ถึงแม้จะช้าไปกว่ากำหนดการเดิมเล็กน้อย

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผู้ค้นหาข้อมูลจาก Live Search แล้วได้พบกับผลลัพธ์ที่ดูหนาตาไม่เหมือนกับผลลัพธ์จาก Live Search ทั่วไป ซึ่งหน้าตาผลลัพธ์ดูละไม้คล้ายคลึงกับ Kumo ที่ไมโครซอฟท์เคยปล่อยภาพจากการทดสอบภายใน (ดูจากได้จาก C|Net ทีนี่)

เครดิตภาพ: C|Net

กูเกิลเริ่มพยายามจะจัดงานเปิดตัวบริการหรือความสามารถใหม่ๆ มากขึ้น ล่าสุดคืองาน Google Searchology 2009 ที่เชิญสื่อมวลชนหลากแขนงเข้าชม โดยได้เปิดตัวบริการรวมถึงความสามารถเพิ่มเติมในการค้นหาข้อมูลซึ่งเป็นบริการหลักของกูเกิลและมีผลต่อผู้ใช้จำนวนมากทั่วโลก

Wolfram Alpha เสิร์ชเอ็นจิ้นรูปแบบใหม่ที่กำลังเปิดตัวในเดือนนี้ พัฒนาจากคุณ Stephen Wolfram (ผู้พัฒนาโปรแกรม Mathematica โปรแกรมคำนวณสูตรคณิตศาสตร์ชื่อดัง) ผู้พัฒนาเรียกมันว่าเป็น "Computational Knowledge engine"
มันไม่ใช่เสิร์ชเอ็นจิ้นในรูปแบบ Google ที่พยายามค้นหาหน้าเว็บที่คาดว่าจะมีคำตอบให้กับผู้ใช้ แต่มันจะพยายามค้นหาคำตอบให้กับสิ่งที่คุณถามโดยตรง

ไม่เพียงภายนอกบริษัทเท่านั้น แม้แต่ภายในบริษัทเองก็ยังพบว่าพนักงานประจำของไมโครซอฟท์เอง ก็ใช้งาน Google กันสูงถึงร้อยละ 48 ในขณะที่สัดส่วนการใช้งาน Live Search อยู่ที่ตัวเลขร้อยละ 48% เท่ากัน ส่วนที่เหลือเป็นการใช้งาน Yahoo และอื่นๆ

ดูเหมือนว่า Live Search เครื่องมือค้นหาที่ไมโครซอฟท์ลงแรงกว่า 5 ปี และใช้งบลงทุนไปหลายร้อยล้านเหรียญนั้น ยังต้องพยายามอยู่อีกเยอะ จากสัดส่วนการใช้งานเครื่องมือค้นหาในสหรัฐพบว่า Live Search มีส่วนแบ่งเพียงร้อยละ 10.3 ในขณะที่ร้อยละ 15.8 ใช้ Yahoo และร้อยละ 64.2 นั้นใช้งาน Google

ที่มา : cnet

ถ้าใครยังจำกันได้ เราเคยรายงานข่าวเก่าเรื่อง Wikia Search ของ Jimmy Wales ผู้ก่อตั้งวิกิพีเดีย

• Wikia เผยแผนเสิร์ชเอนจิน
• Wikia วางแผนจะทำ Search Engine
• มินิรีวิว: Wikia Search

แต่ด้วยวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ฝันของ Jimmy Wales ไม่สามารถเป็นจริงได้ เนื่องจากเป็นโครงการในระยะยาวมากเกินไป Wales คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 2 ปีถึงจะอยู่ในสถานะที่ใช้งานได้จริง เขาจึงประกาศปิดตัว Wikia Search ในวันที่ 31 มีนาคม 2009 และบอกว่าจะกลับมาอีกครั้งเมื่อโอกาสอำนวยในอนาคต

เคยลองค้นหาคำเหล่านี้บนกูเกิล เช่น "นักศึกษา", "นักเรียน", "มัธยม" แล้วเจอภาพหรือเว็บที่ไม่เหมาะสมไหมครับ ซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้ต้องการจะหาข้อมูลแบบนั้น แต่มันก็ยังขึ้นมาให้เห็นอยู่เป็นประจำ คำถามคือถ้าเราเห็นอย่างนั้นและก็รู้ว่ามันไม่เหมาะถ้าเด็กตัวน้อยๆ ของชาติบ้านเมือง แล้วเราจะทำอย่างไร ?

ต่อจากข่าวเก่า ข่าวลือ: ไมโครซอฟท์จะเปลี่ยนชื่อ Live Search ภาพตัวอย่างของ Kumo ชื่อใหม่ของ Windows Live Search เริ่มโผล่มาให้เห็นแล้ว

ต้นตอมาจาก BoomTown บล็อกในเครือของ Wall Street Journal โดยเป็นภาพหน้าจอของ Kumo รุ่นที่ทดสอบเป็นการภายใน ทาง BoomTown นั้นได้บันทึกภายในของไมโครซอฟท์ จาก Satya Nadella หัวหน้าฝ่ายการค้นหาข้อมูล ส่งถึงพนักงานไมโครซอฟท์ทุกคนให้ทดสอบ Kumo และส่งความเห็นกลับไปยังทีมพัฒนาด้วย

โดเมนที่ใช้คือ kumo.com ซึ่งไมโครซอฟท์จะสั่ง redirect ข้อมูลจาก live.com ไปยัง kumo.com เป็นการภายในก่อน

Foxmarks บริการเก็บที่คั่นหน้าข้ามเครื่อง ซึ่งเป็น add-on ยอดนิยมตัวหนึ่งของ Firefox ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น Xmarks แล้ว

เหตุผลหนึ่งคือสะท้อนว่าบริการนี้ไม่จำกัดเฉพาะ Firefox อีกต่อไป (ปัจจุบันมีสำหรับ IE และ Safari/Mac ด้วย) แต่อีกเหตุผลที่เพิ่มเข้ามาก็คือ Xmarks ได้ขยายบริการจากการเก็บที่คั่นหน้าเว็บ มาเป็นการค้นหาและแนะนำเว็บไซต์ด้วย

ผมพาดหัวให้เวอร์ๆ นะครับ แต่จริงๆ เนื้อหาของข่าวคือมีผลวิจัยใหม่จาก Harvard ออกมาว่า การค้นหาผ่านกูเกิล 2 ครั้ง จะก่อให้เกิดสารคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับการต้มน้ำร้อนสำหรับชา 1 ถ้วยในกาน้ำ

การต้มน้ำหนึ่งครั้งจะเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ 15 กรัม ส่วนการค้นเว็บจะใช้ 7 กรัม ซึ่งตัวเลขนี้คำนวณมาจากปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ศูนย์ข้อมูลของกูเกิลปล่อยออกมา ซึ่งถ้าเอาตัวเลขการค้นหาวันละประมาณ 200 ล้านครั้งมาคูณ ก็จะมีผลต่อสิ่งแวดล้อมมากทีเดียว

นอกจากกูเกิลแล้ว นักวิจัยทีมเดิมยังได้วิเคราะห์ว่าการประมวลผลเว็บเพจง่ายๆ 1 หน้าจะผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาด้วยอัตรา 0.02 กรัมต่อวินาที แต่ถ้าเว็บหน้านั้นมีภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอที่ซับซ้อน ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้น 10 เท่ามาเป็น 0.2 กรัมต่อวินาที

บริษัทวิจัยตลาดชื่อ Analysys International จัดทำรายงานสภาพตลาดเสิร์ชเอ็นจินของจีนประจำปี 2551 ระบุว่า บริษัท กูเกิล ไชนา (Google China) สามารถสร้างรายได้ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2551 ได้ประมาณ 973 ล้านหยวน (ราว 5,351.5 ล้านบาท) ทั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทผ่านทางบุคคลที่สาม

รายงานระบุด้วยว่า ตลาดเสิร์ชเอ็นจินของจีนมีมูลค่าราว 4.664 พันล้านหยวน (ราว 25.652 พันล้านบาท)ในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 75.8% โดยมีผู้ให้บริการเสิร์ชเอ็นจิน Baidu.com ของจีนยังคงเป็นเจ้าตลาดดังกล่าว ด้วยมูลค่า 2.275 พันล้านหยวน (ราว 12.512 พันล้านบาท)ใน 3 ไตรมาสแรกปี 2551

หลายคนคงจะใช้กูเกิลในการค้นหารูปสำหรับการทำงานนำเสนอต่างๆ บางครั้งรูปที่ได้ก็เยอะจนไม่รู้จะเลือกอย่างไร (เพราะรวมมาหมดเลยทั้งรูปถ่าย รูปวาด) วันนี้กูเกิลเสนอทางเลือกในการกรองรูปที่หาได้แล้วครับ

ทางเลือกในการกรองนี้จะอยู่ในช่องด้านบนหลังจากที่เราค้นหารูปภาพเสร็จ โดยมีทางเลือกให้เอาเฉพาะรูปถ่าย, คลิปอาร์ต, ภาพลายเส้น, รูปในข่าว, หรือรูปหน้าคนได้ (ลองดูตัวอย่างที่ผมหาดูนะครับ) หรือจะเลือกจากตรง Advanced Image Search ก็ได้

บริการนี้น่าจะช่วยให้หารูปกันได้ง่ายขึ้น แต่เอาไปใช้แล้วอย่าลืมใส่ที่มาของภาพนะครับ!

รูปภาพทั้งหมด

วันนี้เข้าไปตามลิงก์ใน Twitter แล้วตกใจมีสัญลักษณ์แปลกๆ ตามหลังผลการค้นหาต่างๆ จึงลองกูเกิลเข้าไปดูเจอฟีเจอร์ตัวใหม่เข้านั่นคือ SearchWiki ไม่รู้ว่าทุกคนเคยใช้กันหรือยัง

SearchWiki นั้นสามารถให้ทุกคนมาทำการปรับแต่งผลการค้นหาที่ตัองการได้ไม่ว่าจะทำการจัดอันดับผลการค้นหาจนไปถึง การซ่อนผลที่ไม่ต้องการตลอดจนเพิ่มข้อคิดเห็นลงในแต่ละเว็บได้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องล็อกอินเข้าไปก่อนถึงจะทำการปรับแต่งได้ และเรายังสามารถดูผลการปรับแต่งของผู้อื่นได้อีกด้วย

ปล. ผมยังไม่ได้ทดสอบจาก google.co.th นะครับลองจาก .com อย่างเดียวเพราะปรกติใช้ iGoogle อยู่แล้ว
ปล2. ผมยังไม่เคยเห็นผลของคนอื่นเลยนะครับ

ทุกปี กูเกิลจะเผยแพร่สถิติคำค้นหายอดนิยมประจำปี (ซึ่งทางกูเกิลเรียกว่า Zeitgeist) ซึ่งคำค้นพวกนี้น่าจะบอกอะไรหลายๆ อย่างปีนั้นๆ ได้ในระดับหนึ่ง ตอนนี้ Google Zeitgeist ของปี 2008 ออกมาแล้วครับ ผมคัดมาเป็นบางส่วนดังนี้

10 อันดับคำค้นพุ่งแรงประจำปี (ทั่วโลก)

1. sarah palin
2. beijing 2008
3. facebook login
4. tuenti
5. heath ledger
6. obama
7. nasza klasa
8. wer kennt wen
9. euro 2008

10. jonas brothers

    5 อันดับคำค้นพุ่งแรงประจำปี (สหรัฐ)

11. obama

12. facebook
13. att
14. iphone
15. youtube

10 อันดับคำค้นยอดนิยมประจำปี (ไทย)