ไมโครซอฟท์ประกาศยุติสงครามกับกลุ่มคนทำ SEO โดยเปลี่ยนนโยบายใหม่ถือซะว่า "ทุกเว็บเป็นคนดี" ทำให้ไมโครซอฟท์ไม่จำเป็นต้องจัดอันดับเว็บด้วยอัลกอริทึมอีกต่อไป

ทางออกของไมโครซอฟท์คือให้เว็บทุกแห่งระบุอันดับของผลการค้นหาใน Bing แล้วแต่ที่ตัวเองต้องการ โดยใช้ meta tag อันใหม่ที่เรียกว่า SEO tag ตามตัวอย่าง

<link rel="SEO" query="weather" set_to_position="2" />

<link rel="SEO" must_be_before=".mycompetitor.com/" />

ปีนี้ไมโครซอฟท์ยังรองรับคำสั่ง must_be_before แค่หนึ่งเว็บเท่านั้น แต่ในวันที่ 1 เมษายน 2014 ก็สัญญาว่าจะเพิ่มขีดจำกัดสูงสุดเป็น 50 เว็บครับ

ผู้อ่าน Blognone คงจำข่าว กูเกิลเปิดตัว Knowledge Graph ช่วยเพิ่มข้อมูลผลการค้นหา กันได้ วันนี้ Bing เปิดตัวฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันในชื่อ "Satori" (มาจากภาษาญี่ปุ่นว่า "เข้าใจ")

หลักการทำงานของ Satori จะคล้ายๆ กันคือแสดง "คำตอบ" และ "ข้อมูลสำคัญ" ในกล่องข้อมูลด้านข้างผลการค้นหาหลัก (Bing เรียกกล่องนี้ว่า Snapshot) โดยชนิดของคำค้นสำคัญๆ ที่รองรับได้แก่ บุคคลที่มีชื่อเสียง บุคคลเชิงวิชาชีพ (ค้นข้อมูลจาก LinkedIn) และสถานที่ต่างๆ

ในกรณีที่เป็นคำค้นเกี่ยวกับบุคคล Bing จะดึงข้อมูลโซเชียลมาแสดงด้วย ประกอบด้วย Twitter, Facebook, LinkedIn, Klout (แน่นอนว่าไม่มี Google+)

ที่มา - Bing Community

รวมสองข่าวของ YouTube ที่ออกมาช่วงเดียวกันนะครับ

ข่าวแรก YouTube ออกมาประกาศความสำเร็จเชิงสถิติว่ามียอดผู้ชมต่อเดือน (monthly unique user) มากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือนเรียบร้อยแล้ว จำนวนผู้ชมขนาดนี้แปลว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก เข้า YouTube อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง - YouTube Blog

ภาพเคลื่อนไหวแบบ animated GIF อยู่คู่กับอินเทอร์เน็ตมานานจนหลายคนอาจลืมไปแล้ว ล่าสุดกูเกิลออกมาประกาศว่าระบบค้นหาภาพ Google Image Search สามารถค้นหาและแสดงผลภาพเคลื่อนไหวแบบนี้ได้แล้ว

ขั้นตอนคือเข้าไปที่ Google Image Search ตามปกติ เลือกเมนู Search Tools และเปลี่ยนค่า Any type เป็น Animated จากนั้นก็ค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดได้เลยครับ (กูเกิลยังแถมตัวเลือกการค้นหาภาพพื้นหลังโปร่งใสให้ด้วย อยู่ในหมวด Any color)

ที่มา - +Google

กูเกิลเปิดหน้าเว็บใหม่ แนะนำ Google Search เป็นกราฟิกแบบ interactive ที่ดูแล้วเข้าใจได้ง่ายในชื่อ "How Search Works" เป็นการอธิบายกระบวนการค้นหาของกูเกิลทั้งหมด ว่ากว่าจะเป็นผลการค้นหาแสดงบนหน้าจอเราได้นั้น ต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้าง แต่ละอย่างทำงานอย่างไร มีรายละเอียดดังนี้

• สำรวจลงไปในอัลกอริทึมและฟีเจอร์การค้นหา
• เอกสาร 43 หน้าอธิบายถึงการประเมินผลผลการค้นหา
• สไลด์โชว์แสดงแสปมที่กูเกิลตรวจลบได้
• กราฟแสดงปัญหาของแสปมและการแก้ปัญหาของกูเกิล
• อธิบายนโยบายเมื่อต้องการจะลบเนื้อหา

สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่

คนแถวนี้คงรู้จัก Shazam บริการ "แท็ก" เพลงจากเสียงที่ได้ยิน (ใช้เทคนิค sound fingerprint สำหรับการเทียบว่าเป็นเพลงอะไร) โดยบริษัทหารายได้จากการขายเพลงอีกต่อหนึ่ง ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า 300 ล้านราย และมีผู้ใช้ต่อเดือนอยู่ในหลักหลายสิบล้านราย

ช่วง 1-2 ปีมานี้ Shazam พยายามขยายตลาดเป็นการแท็กรายการทีวีมากขึ้น โดย Shazam เก็บข้อมูลของรายการทีวีทุกรายการในบางประเทศ (เช่น สหรัฐหรือสหราชอาณาจักร) เมื่อผู้ใช้เปิด Shazam ฟังเสียงของรายการทีวีที่ฉายอยู่ ก็จะได้ข้อมูลต่างๆ ของรายการทีวีนั้นอย่างครบถ้วน เช่น ชื่อตอน คำอธิบาย เพลงประกอบในเรื่อง ทวิตเตอร์ของผู้ประกาศข่าว ข้อมูลเสริมของสินค้า (ในกรณีแท็กโฆษณา) ฯลฯ

หลังจาก Facebook เปิดตัวระบบค้นหา Open Graph ก็เกิดปัญหาที่หลายๆ คนคาดเดากันได้ คือมีคนนำระบบค้นหานี้ไปใช้หาบุคคลเพศตรงข้ามที่น่าสนใจ (เช่น ค้นหาผู้หญิงอายุ x ปี เรียนอยู่ที่โรงเรียน y) ซึ่งอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้

Facebook จึงปรับเงื่อนไขของการใช้งานให้คุ้มครองผู้เยาว์อายุระหว่าง 13-17 ปีมากขึ้น โดยข้อมูลของผู้ใช้ที่อายุระหว่าง 13-17 ปีจะสามารถแชร์ให้เฉพาะ Friends หรือ Friends of Friends มองเห็นเท่านั้น (ไม่สามารถแชร์แบบ Public ได้) และการค้นหาด้วย Graph Search ในกรณีที่เจาะจงอายุหรือที่อยู่ ก็จะโชว์เฉพาะระหว่าง Friends หรือ Friends of Friends เช่นกัน

Marissa Mayer ซีอีโอของยาฮูไปพูดที่งานสัมมนาของ Goldman Sachs ยอมรับว่าข้อตกลงระหว่างยาฮูกับไมโครซอฟท์ ไม่สามารถขยายส่วนแบ่งตลาดค้นหาหรือรายได้อย่างที่ควรจะเป็น

ไมโครซอฟท์มีข้อตกลงนาน 10 ปีร่วมกับยาฮูตั้งแต่ปี 2010 โดยหวังว่าการจับมือกันจะช่วยให้แข่งขันกับกูเกิลได้มากขึ้น แต่เวลาผ่านมา 2-3 ปี ส่วนแบ่งตลาดค้นหาในสหรัฐยังอยู่ในระดับเดิม คือกูเกิล 66.6% ไมโครซอฟท์ 16.3% และยาฮู 12.2%

Mayer ยังเผยยุทธศาสตร์การทำแอพมือถือว่าจะลดจำนวนลงจาก 60-70 แอพในปัจจุบัน เหลือเพียงหลักสิบนิดๆ เท่านั้น เป้าหมายคือโฟกัสไปที่แอพหลักๆ ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากๆ อย่าง ข่าว ผลกีฬา หุ้น และอีเมล

นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley คาดการณ์ว่า Google อาจต้องยอมจ่าย 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อขอให้ Apple เลือกใช้งานเครื่องมือค้นหาของ Google เป็นมาตรฐานเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์ iOS

ถึงแม้ว่า Google และ Apple จะเป็นคู่แข่งกันโดยตรงด้านระบบปฏิบัติการ iOS และ Android แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นสำหรับ Google ที่มีรายได้หลักจากการขายโฆษณา ซึ่งแน่นอนว่าที่ไหนมีผู้ใช้งานเยอะ ที่นั่นย่อมเป็นขุมเงินขุมทองสำหรับ Google ด้วย

ขณะที่ Bing กำลังไล่ตาม Google ในตลาดเสิร์ชเอนจินอย่างสุดแรงและพอจะตีตื้นมาได้บ้างในสหรัฐฯ กลับกันในตลาดโลก ตอนนี้ Bing ตกไปเป็นอันดับห้าของตารางเรียบร้อยแล้วโดยฝีมือของยักษ์ใหญ่จากรัสเซียอย่าง Yandex

ข้อมูลดังกล่าวออกมาจากรายงานของ comScore ที่ระบุถึงตลาดเสิร์ชเอนจินในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมเมื่อปีก่อน ผลคือผู้นำยังคงเป็นกูเกิลที่ 65.2% ตามมาห่างๆ ด้วย Baidu จากจีนที่ 8.2% อันดับสามยังคงเป็นของ Yahoo! ที่ 4.9% เจ้าของอันดับสี่รายใหม่อย่าง Yandex อยู่ที่ 2.75% ส่วน Bing ตกลงไปอันดับห้าที่ 2.54%

สำหรับการเติบโตของทั้งห้าราย ส่วนมากนั้นค่อนข้างคงที่ มีเพียง Baidu และ Yandex ที่โตขึ้นมาก (Baidu โตขึ้น 13% ส่วน Yandex โตขึ้น 27.8%)

ผู้ใช้งาน Quora คนหนึ่งค้นพบบั๊กของ Google ที่แสดงผลการค้นหาเป็นลิงก์เว็บโป๊จำนวนมาก ทั้งที่ไม่ได้ป้อนคำค้นหาที่เกี่ยวข้องหรือแม้แต่เฉียดเรื่องอย่างว่าแม้แต่น้อย

บั๊กดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใช้งาน Google ในการแก้ปัญหาสมการคณิตศาสตร์บางกรณี ตัวอย่างเช่น การค้นหาโดยป้อนข้อมูลว่า -4^(1/4) จะได้ผลการคำนวณ -1.41421356237 พร้อมลิงก์สู่เว็บโป๊จำนวนมากแถมพ่วงมากับคำตอบดังกล่าว

ศาสตราจารย์ Latanya Sweeney จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อค้นหาข้อมูลด้วย Google ผลการค้นหาด้วยชื่อของบุคคลผิวสี ให้ผลที่แตกต่างไปจากการค้นหาด้วยชื่อของบุคคลทั่วไป

การศึกษานี้ทำโดยการป้อนชื่อและนามสกุลของผู้คนทั่วไปราว 2,000 รายชื่อเพื่อหาข้อมูลจาก Google โดยแยกเป็นกลุ่มรายชื่อที่คนผิวสีนิยมตั้งกัน เช่น Ebony หรือ DeShawn เปรียบเทียบกับการค้นหาด้วยชื่อซึ่งเป็นที่นิยมตั้งกันในหมู่คนขาว เช่น Jill หรือ Geoffrey

Sweeney ตั้งข้อสังเกตว่า การค้นหาด้วยรายชื่อที่กลุ่มคนผิวสี มักมีลิงก์โฆษณาของเว็บตรวจสอบประวัติอาชญากรรมปรากฎอยู่ด้วย โดยคิดเป็นสถิติสูงกว่าการค้นหาด้วยรายชื่อกลุ่มคนขาวประมาณ 25%

คู่แข่งในวงการไอทีที่ทำธุรกิจคล้ายๆ กันมักไม่ถูกกัน และเราเห็นข่าวลักษณะนี้อยู่บ่อยครัง กรณีปัญหาล่าสุดคือ Yandex บริษัทออนไลน์ยักษ์ใหญ่จากรัสเซียที่เริ่มบุกสู่ตลาดโลก เริ่มมีปัญหากับ Facebook เสียแล้ว

แกนกลางของปัญหาอยู่ที่แอพ Wonder ของ Yandex ซึ่งเป็นแอพบน iOS ใช้ค้นหาข้อมูลในเครือข่ายสังคมต่างๆ โดย Wonder จะดึงข้อมูลของผู้ใช้จาก Facebook/Twitter/Foursquare/Instagram มารวมไว้ที่ตัวเอง และผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลบนเครือข่ายเหล่านี้ด้วยเสียงได้แบบ Siri ของแอปเปิล

กูเกิลประกาศยกเครื่อง Image Search ของตัวเองใหม่ การเปลี่ยนแปลงได้แก่

• แสดงภาพพรีวิวจากหน้าผลการค้นหา (search result) ทันที ไม่ต้องคลิกเพื่อดูภาพใหญ่แยกเป็นอีกหน้า
• แสดงข้อมูล metadata ติดกับรูปภาพเลย เช่น ชื่อภาพ เพจที่ภาพนั้นแสดงอยู่ โดเมนเนม ขนาดของภาพ
• เพิ่มปุ่มกดดูเพจของรูปภาพนั้นๆ และโดเมนของรูปภาพนั้นๆ ช่วยให้คนคลิกเข้าไปเว็บต้นทางได้ง่ายขึ้น
• ยกเลิกการโหลดเพจต้นทางมารอใน iframe เหมือนแต่ก่อน ทำให้แสดงผลการค้นหารวดเร็วกว่าเดิม และลดความผิดพลาดของการนับเพจวิวของเว็บต้นทางด้วย

ผมลองดูแล้วยังใช้ไม่ได้ทั้ง google.com และ google.co.th ที่เป็นบัญชีของผมเองนะครับ ใครได้แล้วช่วยแจ้ง

ทุกวันนี้ Chrome เข้ารหัสคำค้นหาที่เราพิมพ์ในกล่อง Omnibox ด้วย SSL ก่อนส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แต่ Chrome จะทำแบบนี้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้ล็อกอินด้วย Google Account ที่ตัวเบราว์เซอร์เท่านั้น

แต่ใน Chrome 25 (ปัจจุบันยังมีสถานะเป็น Beta) เปลี่ยนค่าตรงนี้แล้ว โดยผู้ใช้ Chrome ทุกรายไม่ว่าจะล็อกอินหรือไม่ จะถูกเข้ารหัสเวลาค้นหาผ่าน Omnibox เสมอ

Chrome ไม่ใช่เบราว์เซอร์ตัวแรกที่ใช้นโยบายนี้ โดย Firefox เป็นเบราว์เซอร์ตัวแรกที่เริ่ม ตามด้วย Safari เป็นรายที่สอง

ผู้ใช้คงไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ แต่การปรับนโยบายครั้งนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้อีกระดับ

กูเกิลเปิดหลักสูตรออนไลน์ เพื่อฝึกฝนทักษะการค้นหาข้อมูล “ขั้นสูง” ผ่านระบบกูเกิล ภายใต้ชื่อ Advanced Power Searching with Google รีบลงทะเบียนได้เลย (ดู เว็บหลักสูตรขั้นสูง) ก่อนเริ่มเปิดคอร์สให้ “เรียนฟรี-ผ่านจอ” วันพุธที่ 23 มกราคม 2556

อะไรๆ ก็ต้องค้นผ่านกูเกิล แต่ก็ใช่ว่าจะเจอคำตอบทุกครั้งไป... ดังนั้นการเข้าใจกูเกิล หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การรู้จักวิธีค้นหาตามแบบวิธีกูเกิล น่าจะเป็นกุญแจที่จะพาเราไปถึงคำตอบที่ต้องการ

Facebook เพิ่งเปิดตัวระบบค้นหาแบบใหม่ Graph Search (ข่าวเก่า) แต่หลายคนก็ตั้งข้อสงสัยเรื่องความเป็นส่วนตัว ดังนั้น Facebook จึงออกมาอธิบาย ดังนี้

Facebook ได้รวมระบบความเป็นส่วนตัวเข้าไปในบัญชีผู้ใช้ตั้งแต่เริ่มสร้างฟีเจอร์ Graph Search โดยจะแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว (หากใครไม่ขึ้นเตือน สามารถเข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ ที่นี่)

Facebook เปิดตัวระบบค้นหาข้อมูลใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถเข้าถึงข้อมูลบน Facebook ได้ง่ายขึ้นกว่าระบบค้นหาที่มีอยู่เดิม โดย Facebook เรียกระบบค้นหาใหม่นี้ว่า "Graph Search"

ยาฮูประกาศในบล็อกและทวิตเตอร์ของตนเองว่าได้รวมผลการค้นหาภาพจาก Flickr เข้ากับการค้นหาภาพของยาฮูเอง ซึ่งภาพเหล่านั้นจะสามารถใช้หรือโพสต์ใหม่ภายใต้ข้อตกลงแบบ Creative Commons ได้ก็ต่อเมื่อเลือกตัวกรองเป็น "Labeled for Reuse" ส่วนผลการค้นหาจะแสดงทั้งรายละเอียดของภาพและชื่อผู้ถ่ายภาพ

ยาฮูได้ใช้คำโปรโมทในครั้งนี้ว่า "สิบล้านรูปให้คุณค้นหาและแบ่งปันได้" โดย Flickr เพิ่งจะมีรูป 5 พันล้านรูปเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วนี้เอง แต่ไม่ใช่ทุกรูปที่สามารถนำไปใช้ใหม่ได้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตผู้อัพโหลด

ผมเชื่อว่าใครที่ใช้อินเทอร์เน็ตในยุค 1990 จะรู้จัก Lycos ในฐานะที่เป็นเสิร์ชเอนจินและเว็บท่า (web portal) ชื่อดังเมื่อในอดีต แต่หลังจาก Google และผู้เล่นรายใหม่รายอื่นเข้าสู่ตลาด เสิร์ชเอนจิน Lycos ก็เงียบหายไป ปัจจุบันเว็บไซต์ Lycos ก็ยังคงอยู่ แต่การค้นหาข้อมูลนั้นใช้ของ Yahoo! (ซึ่ง Yahoo! ก็ใช้เอนจินของ Bing อีกที)

ล่าสุด Rob Balazy ซีอีโอของ Lycos ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ The Next Web ว่าบริษัทจะเปิดตัวเสิร์ชเอนจินของบริษัทเองในหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า โดยจะเป็นการรวมของแนวคิดการค้นหาข้อมูลและประสบการณ์จากเนื้อหาที่ได้รับการจัดการเป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่ได้ให้ข้อมูลไปมากกว่านี้เนื่องจากยังอยู่ในช่วงวางแผน

รายงานอันดับของไทยไปแล้ว คราวนี้เป็นสถิติ Zeitgeist 2012 ของกูเกิล ในระดับโลกบ้างครับ โดยคำค้นหาที่มาแรงที่สุดในปีนี้ได้แก่

กูเกิลประเทศไทยประกาศอันดับคีย์เวิร์ดยอดนิยมหรือ Zeitgeist ประจำปีนี้ออกมาแล้วครับ โดยในส่วนของคำค้นมาแรงปีนี้เป็นของ 4Shared, แรงเงา, Simsimi, Gangnam Style และวินาทีเดียวเท่านั้น ตามลำดับ

ในส่วนคำค้นอันดับหนึ่งของแต่ละหมวดที่น่าสนใจ หมวดบุคคลมาแรงเป็นของ ครูอังคณา, เพลงมาแรง Gangnam Style, รายการโทรทัศน์ที่ถูกค้นหามากที่สุด แรงเงา

สำหรับรายละเอียดอันดับทั้งหมด และอันดับในหัวข้ออื่นๆ ดูได้ท้ายข่าวครับ

คำค้นมาแรง

มีคนตาดีไปเห็นซอร์สโค้ดของโครงการ Chromium เริ่มมีโค้ดของฟีเจอร์ Google Now for Chrome แล้ว

รายละเอียดเบื้องต้นเท่าที่ทราบคือ การ์ดของ Google Now จะถูกแสดงในระบบแจ้งเตือนของ Chrome แต่ยังไม่มีภาพตัวอย่างให้เห็น

ตอนนี้กูเกิลยังไม่ประกาศข้อมูลอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ครับ

ที่มา - CNET

Google Search ช่วงหลังเพิ่ม "กล่องข้อมูล" (ผมไม่แน่ใจว่ามันชื่ออะไรกันแน่ บางที่เรียก onebox แต่กูเกิลไม่เรียกคำนี้) ลงในหน้าผลการค้นหา เพื่อแสดงข้อมูลเฉพาะบางอย่างในลักษณะคล้ายๆ กับ Google Now โดยตัวอย่างที่ชัดเจนคือ เครื่องคิดเลข ที่เคยเป็นข่าวไปแล้ว

ฟีเจอร์กล่องข้อมูลเริ่มถูกใช้ใน Google Search เวอร์ชันมือถือและแท็บเล็ตไปก่อนแล้ว และล่าสุดกูเกิลก็ประกาศใช้ฟีเจอร์นี้กับ Google Search เวอร์ชันเดสก์ท็อป ตัวอย่างกล่องข้อมูลที่มีให้ใช้ได้แก่

กูเกิลยังเดินหน้าเพิ่มฟีเจอร์ให้ Google Now บน Android โดยรอบนี้มีฟีเจอร์ใหม่ดังนี้

• แสดงสภาพอากาศของที่หมายปลายทางก่อนออกจากบ้าน จากเดิมที่แสดงเฉพาะสภาพอากาศของจุดที่เราอยู่
• แสดงตั๋วขึ้นเครื่องบิน (boarding pass) ที่สนามบิน ให้เราหาประตูขึ้นเครื่องได้ถูกต้อง (เบื้องต้นยังใช้ได้กับตั๋วของ United Airlines ก่อน)
• แสดงปฏิทินเหตุการณ์และเว็บไซต์ที่น่าสนใจ ของสถานที่ท่องเที่ยวปลายทาง
• Voice Search สามารถค้นหาชื่อเพลงจากเสียงเพลงในขณะนั้น (แบบเดียวกับ Shazam หรือ SoundHound)
• โพสต์ Google+ ด้วยเสียงได้แล้ว

ผู้ที่ใช้ Android 4.1 ขึ้นไปก็ตามอัพเดตกันเองจาก Google Play ครับ