ความคืบหน้าของคดีออราเคิลฟ้องกูเกิลว่า Android ละเมิดทั้ง "สิทธิบัตร" และ "ลิขสิทธิ์" ของ Java ครับ
คดีที่เอชพีฟ้องออราคเคิลที่ประกาศหยุดซัพพอร์ตชิป Itanium ไปยังคงอยู่ในชั้นการฟังข้อเท็จจริงก่อนเริ่มขึ้นศาลจริง และตอนนี้ทางฝั่งอินเทลนั้นก็ถูกถามหาเอกสารจำนวนมากจากทางออราเคิล โดยออราเคิลเรียกร้องให้อินเทลเปิดเผยแผนการวางตลาด, เอกสารวางแผน, และอีเมลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ Itanium ไปถึงปี 2005
อินเทลออกตัวทันทีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ในคดีนี้ การเปิดเผยเอกสารทั้งหมดจะมีผลต่อการตัดสินใจของออราเคิลในการทำธุรกิจต่อไปด้วย เพราะออราเคิลเองก็เป็นผู้ผลิตชิป UltraSPARC ที่เป็นคู่แข่งของ Itanium เสียเอง
งานนี้ศาลเห็นด้วยกับอินเทลและไม่อนุญาตให้ออราเคิลเข้าถึงเอกสารเหล่านั้น และการพิจารณาคดีก็จะเริ่มในวันที่ 2 เมษายนนี้
ออราเคิลประกาศออกแพตช์ด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่จำนวน 78 ตัว ครอบคลุมผลิตภัณฑ์เกือบ 20 ตัว ไล่ตั้งแต่ Oracle Database 11g/10g, Fusion Middleware, Application Server, WebLogic, PeopleSoft, JDEdwards, Virtualbox, Oracle MySQL Server
แพตช์ชุดนี้มีความสำคัญระดับ critical ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ค้นพบเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ช่องโหว่นี้อาจทำให้ฐานข้อมูลล่มและต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหานานกว่าปกติ เว็บไซต์ InfoWorld ให้ข้อมูลว่าต้นเหตุของช่องโหว่นี้เกิดจากสถาปัตยกรรมเดิมที่ออราเคิลออกแบบไว้นานแล้ว (เรื่อง System Change Number - SCN) กลับกลายมาเป็นช่องโหว่ในปัจจุบัน รายละเอียดอ่านได้จากลิงก์ InfoWorld ครับ
ข่าวนี้ต่อเนื่องจากข่าวเก่า ออราเคิลร่วมวง NoSQL ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Oracle Big Data Appliance จะให้รู้เรื่องต้องย้อนกลับไปอ่านก่อนครับ
สรุปสั้นๆ ก็คือ ออราเคิลเริ่มขายเซิร์ฟเวอร์สำเร็จรูป Big Data Appliance สำหรับงานประมวลผลจำพวก NoSQL/Big Data แล้ว
คดีของแอนดรอยด์ที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ คงเป็นคดีสิทธิบัตรจาวาที่ออราเคิลฟ้องกูเกิล แต่ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดี ผู้พิพากษา William Alsup ก็สั่งเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป จนกว่าออราเคิลจะหากระบวนการคิดค่าเสียหายที่ยอมรับได้มาเสนอต่อศาลเสียก่อน
ออราเคิลเคยอ้างว่าบริษัทเสียหายจากการใช้จาวาของกูเกิลไปถึง 6,100 ล้านดอลลาร์ แต่ผู้พิพากษาก็ปฎิเสธคำอ้างนั้นก่อนจะมีการประเมินรอบล่าสุดเหลือเพียง 1,160 ล้านดอลลาร์ แต่ผู้พิพากษาก็ยังไม่พอใจเพราะออราเคิลไม่ได้เสนอกระบวนการคำนวณที่ดีพอ
ความคืบหน้าของคดีสิทธิบัตรระหว่างออราเคิล-กูเกิลครับ ต้องย้อนความสักนิดก่อนว่าหลังจากที่สองบริษัทเจรจากันเองไม่สำเร็จ คดีก็เดินหน้าต่อไป
กลยุทธของกูเกิลคือใช้ "เทคนิค" ยื่นคำร้องให้สำนักงานสิทธิบัตรของสหรัฐ (USPTO) ตีความสิทธิบัตรที่ออราเคิลใช้ฟ้องว่าเป็นสิทธิบัตรที่สมเหตุสมผลหรือไม่ (เรียกว่า re-examination) ซึ่งเป็นเทคนิคมาตรฐานที่ใช้กันในคดีสิทธิบัตรของสหรัฐ
ออราเคิลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองตามรอบการเงินของบริษัท กำไรสุทธิ 2.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยมียอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 2% เป็น 8.8 พันล้านดอลลาร์
เมื่อแยกยอดขายตามส่วนธุรกิจ ส่วนของซอฟต์แวร์และการสนับสนุนหลังการขายโตขึ้น 9% แต่ธุรกิจฮาร์ดแวร์ลดลงไป 9% ซีอีโอ Larry Ellison กล่าวว่ายอดขายสินค้า Exadata เติบโตถึง 100% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ Exalogic เติบโตสูงถึง 100% แบบไตรมาสต่อไตรมาส
ตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้มาก นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่าออราเคิลเป็นบริษัทที่ถูกแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอย ทำให้ยอดขายน่าจะเติบโตได้ช้าลงในอนาคตข้างหน้า
สงครามระหว่างออราเคิลกับเอชพีนั้นเงียบไปนานมาก โดยเป็นคดีที่ออราเคิลประกาศเลิกซัพพอร์ตชิป Itanium ของเอชพีและอินเทล โดยระหว่างนี้เป็นการรอการพิจารณาคดีในปีหน้า แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทางออราเคิลก็ได้ยื่นเอกสารให้การเพิ่มเติมไปยังศาลทำให้เราเห็นข้ออ้างของออราเคิล
หลังจากที่พรีวิวความสามารถในงาน Oracle OpenWorld เมื่อเดือนก่อน วันนี้ Solaris 11 ออกรุ่นจริงแล้ว
คดีมหากาพย์ระหว่างออราเคิลกับกูเกิลมีอันต้องเลื่อนออกไปอีก โดยผู้พิพากษา William Alsup เสนอให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปอีก
เดิมทีศาลนัดพิจารณาคดีในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ แต่ศาลมีปัญหาเรื่องคิวพิจารณาคดี เพราะมีคดีอาชญากรรมคดีใหญ่เข้ามาแทรก ผู้พิพากษา Alsup จึงเสนอให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไป โดยมีกำหนดคร่าวๆ คือปี 2012 เลย (แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาแน่ชัด)
การพิจารณาคดีจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์, ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตร, และส่วนอื่นๆ ที่เหลือ โดยออราเคิลและกูเกิลมีเวลาถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน เพื่อตอบผู้พิพากษาว่าเห็นด้วยกับแผนการนี้หรือไม่
มหากาพย์จาวาบน iOS นั้นเป็นอีกหนึ่งเรื่องราว (นอกเหนือจาก Flash) ที่ก่อกำเนิดคำพูดของสตีฟ จ๊อบส์ ว่า "Nobody uses Java anymore." แต่ที่ล่าสุดออราเคิลก็สาธิตจาวาที่ทำงานบน iOS แล้ว
แอพพลิเคชั่นสาธิตบน iPod Touch และหน้าจอเขียนด้วย HTML5 แต่ส่วนควบคุมด้านหลังเป็นจาวาทั้งหมด โดย JVM จะถูกรวมไว้ในแอพพลิเคชั่นเป็นไบนารีเดียวกัน
แนวทางนี้เป็นแนวทางแบบเดียวกับผู้ผลิตเครื่องมือพัฒนารายอื่นๆ ที่พยายามพัฒนาแพลตฟอร์มที่เขียนแอพพลิเคชั่นครั้งเดียวแล้วรันได้ในหลายระบบปฎิบัติการเช่น Mono Touch แม้ที่ผ่านมาแอปเปิลจะเคยพยายามห้ามการพัฒนาด้วยเครื่องมือแบบนี้ แต่ข้อกำหนดเหล่านี้ก็ถูกแก้ไขไปแล้ว
Michael Dell ซีอีโอของ Dell ออกมา "สอนมวย" คู่แข่งตัวฉกาจอย่าง HP อีกครั้ง (รอบที่เท่าไรไม่รู้) โดยบอกว่า HP ควรจะอยู่ในธุรกิจพีซีต่อไป เพราะ 95% ของซีพียู (และชิ้นส่วนอื่นๆ) ในโลกนี้อยู่ในพีซี มีเพียงแค่ 5% ที่ไปอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นถ้า HP ออกจากธุรกิจพีซี ก็จะเสียการต่อรองในเรื่องขนาด จนต้องขึ้นราคาเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง
หลังออราเคิลซื้อซันไป ก็ย้ายงาน JavaOne มาจัดพร้อมกับ Oracle OpenWorld ซึ่งในปีนี้ ออราเคิลก็แถลงข่าวเกี่ยวกับจาวาหลายประการ โดยมีชื่อธีมงานว่า Move Java Forward
JavaFX 2.0
อย่างแรกคือ JavaFX ที่หลายๆ คนอาจจะลืมเลือนมันไปแล้ว ได้ออกรุ่น 2.0 อย่างเป็นทางการ (ยังมีเฉพาะบนวินโดวส์เท่านั้น มีทั้งแบบ 32 และ 64 บิต)
ความน่าสนใจคือคำเรียก JavaFX ของออราเคิลเริ่มเปลี่ยนจาก rich client/internet platform มาเป็น "an advanced Java user interface (UI) platform for enterprise business applications" ซึ่งแสดงให้เห็นทิศทางของ JavaFX ที่หันไปเน้นแอพสำหรับธุรกิจมากขึ้น แทนการวางตัวไว้ชนกับ Flash/AIR อย่างในรุ่นแรกๆ
ของใหม่ใน JavaFX 2.0 ได้แก่
งาน Oracle OpenWorld 2011 รอบนี้ ออราเคิลเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายอย่างมาก คัดมาเฉพาะอันที่น่าสนใจนะครับ (เช่น Oracle Big Data Appliance)
ที่งาน Oracle OpenWorld 2011 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฐานข้อมูลอย่างออราเคิล ก็เปิดตัว "แนวรบ" ใหม่ของบริษัทที่จะมาลุยตลาด NoSQL/Big Data ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง (คู่แข่งอย่าง IBM ลุยไปก่อนแล้ว)
สมัยที่ซีพียู SPARC อยู่ในการบริหารของซันนั้นการวางตลาดชิปรุ่นใหม่ทำได้ช้า และต้องเลื่อนซ้ำไปมา แต่ภายใต้การบริหารของออราเคิลหลังจากเพิ่มเปิดตัว SPARC T3 ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ออราเคิลก็เริ่มเปิดสเปคของ SPARC T4 แล้ว
SPARC นั้นช่วงหลังถูกออกแบบให้เป็นชิปที่รับเธรด (thread) ได้จำนวนมาก เช่นใน T3 นั้นสามารถรองรับเธรดได้ถึง 16 เธรดต่อคอร์ (ซีพียู x86 มักรับได้แค่ 2 เธรด) และจำนวนคอร์ต่อชิปก็มากถึง 8 คอร์ทำให้รองรับเธรดได้ 128 เธรด แต่ใน T4 ออราเคิลเริ่มกลับลำด้วยการลดจำนวนเธรดลงเหลือ 8 เธรดต่อคอร์โดยยังมีจำนวนคอร์สูงสุด 8 คอร์เช่นเดิม
ความคืบหน้าของคดีออราเคิล-กูเกิลครับ คราวนี้เป็นเรื่อง "ตัวเลขค่าเสียหาย" ที่ออราเคิลเรียกจากกูเกิล
ออราเคิลประกาศสินค้าใหม่คือ Oracle Database Appliance ซึ่งจริงๆ ก็คือเซิร์ฟเวอร์ SunFire ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ของออราเคิลมาในตัวแบบเต็มพิกัด
ส่วนฮาร์ดแวร์นั้น เครื่องขนาด 4U ถูกแบ่งออกเป็นสองเครื่องอยู่ภายในเพื่อทำ fail over ระหว่างกัน แต่ละเครื่องมาพร้อมกับ Xeon X5675 2 ตัว 12 คอร์ (รวมสองเครื่อง 24 คอร์), แรมเครื่องละ 96GB, ฮาร์ดดิสก์ขนาด 12TB ทำสำรอง 3 ชุดในตัวทำให้เหลือพื้นที่ใช้งาน 4TB , และ SSD ขนาด 73GB
ด้านซอฟต์แวร์นั้นระบบปฎิบัติการเป็น Oracle Linux, Oracle Enterprise Manager, Oracle Automatic Storage Management, Oracle Real Application Clusters, และที่สำคัญที่สุดคือ Oracle Database Enterprise Edition 11g
ข้อมูลการเจรจาระหว่างสองซีอีโอ Larry Ellison และ Larry Page ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่คนวงในที่รับรู้ข้อมูลของเจรจาครั้งนี้ บอกกับ Businessweek ว่าผ่านมาสองวัน "คืบหน้าเพียงเล็กน้อย" เท่านั้น
ซีอีโอทั้งสองคนจะมาเจรจากันต่อในวันนี้ (21 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐ) และถ้าการเจรจารอบนี้ไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะเข้ากระบวนการทางศาลต่อในเดือนตุลาคม
ที่มา - Businessweek
ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสิ้นสุดเดือนสิงหาคม กำไรสุทธิ 1.84 พันล้านดอลลาร์ โดยมีรายได้รวม 8.37 พันล้านดอลลาร์เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 12%
จากข่าว ศาลสั่งให้ Larry Ellison และ Larry Page มาเป็นคนเจรจาไกล่เกลี่ยคดีด้วยตัวเอง เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐ) ซีอีโอทั้งสองรายก็เดินทางมาที่ศาลด้วยตัวเองตามคำสั่ง
ออราเคิลเป็น "เจ้าของ" MySQL และมีผลิตภัณฑ์แบบเสียเงิน MySQL Enterprise Edition ทำตลาดองค์กรอยู่แล้ว ซึ่งตัว MySQL Enterprise ก็มี "ส่วนเสริม" หรือ extension แบบเสียเงินสำหรับงานเฉพาะด้านอีกจำนวนหนึ่ง เช่น MySQL Enterprise Monitor, MySQL Enterprise Backup
วันนี้ออราเคิลเปิดตัว MySQL Extension แบบเสียเงินอีกสามตัว
ต่อเนื่องจากข่าวเดิม ผู้บริหารกูเกิล-ออราเคิล เตรียมเจรจาไกล่เกลี่ยคดีตามคำสั่งศาล ซึ่งฝั่งออราเคิลจะส่งเบอร์สอง S
ความคืบหน้าของคดีฟ้องร้องระหว่างออราเคิล-กูเกิล เรื่องสิทธิบัตรของ Android/Java
ตามหลักเกณฑ์พิจารณาคดีแพ่งทั่วไป ผู้พิพากษาจะต้องให้คู่ความทั้งสองฝ่ายเจรจากันเองก่อน (เพื่อลดภาระของศาลในการพิจารณาคดี) ซึ่งผู้พิพากษา William Alsup ได้สั่งให้ทั้งสองฝ่ายเสนอชื่อ "ผู้บริหารระดับสูง" เป็นตัวแทนของบริษัทมาเจรจาไกล่เกลี่ยคดีกันต่อหน้าศาล
ฝ่ายออราเคิลเสนอ Safra Catz ประธานบริษัท (ไม่ใช่ประธานบอร์ด) ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองเพียงซีอีโอ Larry Ellison คนเดียวในบริษัท เป็นหัวหน้าทีมเจรจา และแถมด้วย Thomas Kurian รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์
ส่วนฝ่ายกูเกิลเสนอ Andy Rubin รองประธานอาวุโสฝ่ายมือถือ และ Kent Walker รองประธานฝ่ายกฎหมายของกูเกิล เป็นตัวแทนเจรจา
ปูพื้นก่อนว่า ปัจจุบัน Java แบ่งเป็น 2 เวอร์ชันหลักๆ คือ รุ่นโอเพนซอร์สจากโครงการ OpenJDK และรุ่นปิดซอร์สที่นำรุ่น OpenJDK มาพัฒนาต่อ และเพิ่มโค้ดส่วนอื่นๆ เข้ามา (เมื่อก่อนเราเรียกมันว่า Sun JDK เดี๋ยวนี้ก็ต้องเรียก Oracle JDK)
ดิสโทรลินุกซ์สามารถนำ OpenJDK มาผนวกรวมได้ไม่มีปัญหา แต่รุ่นปิดซอร์ส Sun/Oracle JDK นั้นทำไม่ได้ ต้องขออนุญาตจากเจ้าของก่อน ซึ่งในอดีต ซันก็อำนวยความสะดวกให้ โดยออกสัญญาอนุญาตพิเศษชื่อ Operating System Distributor License for Java (DLJ) ให้ดิสโทรลินุกซ์แถม Sun JDK ได้ด้วย