ถ้าใครยังจำได้เมื่อไม่นานมานี้ Microsoft ก็เพิ่งออกข่าวเตรียมจะส่ง Metro มาแข่งกับ PDF ของ Adobe ตอนนี้ Microsoft ก็ยังหวังส่วนแบ่งจาก Adobe เพิ่มขึ้นไปอีก โดยเปิดให้ดาวน์โหลดเวอร์ชันทดสอบของโปรแกรมตัวใหม่โค้ดเนม Acrylic ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำงานด้านกราฟฟิกโดยทำงานได้ทั้งแบบ pixel-based และแบบ vector ซึ่งตอนนี้ก็จะเป็น Photshop และ Illustrator ที่ครองตลาดอยู่ โดย Acrylic นั้นพัฒนาขึ้นมาจากโปรแกรม Expression ซึ่ง Microsoft ซื้อมาตั้งแต่ปี 2003 (บริษัท Creature House จากฮ่องกง!)

ไมโครซอฟท์ทำข้อตกลงกับรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อที่จะให้รัฐบาลอินโดนีเซียสามารถใช้ซอฟท์แวร์ผิดกฏหมายได้ โดยจ่ายค่าตอบแทนเพียง 1 ดอลล่าร์สหรัฐต่อเครื่องเท่านั้น

ข้อตกลงนี้ครอบคลุมเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนห้าหมื่นเครื่องของรัฐบาลอินโดนีเซีย พร้อมกับคำสัญญาของอินโดนีเซียว่าจะใช้ซอฟท์แวร์ถูกกฏหมายเมื่อมีการปรับปรุงครั้งต่อไป

ขายชุดละ 1 ดอลล่าร์ตลอดไปเลยก็น่าจะดีนะ.......

BBC NEWS | Technology | $1 amnesty for pirated software

หลังจากรอคอยกันมานานข้ามปี MSN Toolbar ตัวล่าสุดจากไมโครซอฟท์ก็ใส่ความสามารถในการเปิดหลายหน้าเว็บในหน้าต่างเดียวได้แล้ว โดย MSN Toolbar นี้ต้องการ IE 5.01 ขึ้นไป

รอไม่ไหว หนีไปอยู่กับ Opera ไปหลายปีแล้ว...

ที่มา Microsoft offers tabbed browsing--in IE 6 | CNET News.com

เป็นเรื่องเป็นราวกับเว็บ www.msn.co.kr ที่ถูกมือดีเอาโค้ดลึกลับเข้าไปใส่้ในหน้าเว็บ โดยโค้ดดังกล่าวถูกพบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย และแจ้งให้กับไมโครซอฟท์เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา

ไมโครซอฟท์ออกมาระบุว่าการที่แฮคเกอร์สามารถใส่โค้ดดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวและรหัสผ่านถูกเปิดเผยได้นั้น เกิดจากการใช้ช่องโหว่ที่ได้รับการแก้ไขไปแล้ว โดยปรกติแล้วเครื่องเซิร์บเวอร์ที่ไมโครซอฟท์ดูแลจะได้รับการอัพเดตในทันที แต่ในกรณีของเกาหลีใต้นั้น ไมโครซอฟท์ให้บริษัทรับช่วงไปดูแลต่อ

ยังไม่มีรายงานยืนยันว่าโค้ดส่วนดังกล่าวถูกใส่เข้ามาตั้งแต่เมื่อใด

มีข่าวออกมาจาก Microsoft ว่า Microsoft Office เวอร์ชันถัดไป (เวอร์ชัน 12) จะใช้ไฟล์ฟอร์แมท XML เป็นมาตรฐานหลักสำหรับ Word, Excel, Powerpoint ซึ่ง Microsoft ก็เตรียมที่จะออกตัวอัพเดทสำหรับ Office 2000, XP, 2003 ให้สามารถอ่านเขียนฟอร์แมทใหม่นี้ได้ด้วยเช่นกัน (ขณะเดียวกันก็มีข่าวจากทีมพัฒนา Mac Office ว่าจะอัพเดท Mac Office ให้สามารถทำงานกับฟอร์แมทนี้ได้ด้วยเช่นกัน)

ไมโครซอฟท์ร่วมลงนามในสัญญาแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรระหว่างกันกับโตชิบาเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยสัญญาระบุว่าทั้งสองฝ่ายสามารถเข้าใช้งา่นสิทธิบัตรของอีกฝ่ายได้อย่างเสรี

การแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรกันในครั้งนี้น่าจะทำให้ทั้งสองเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ก็ยังเป็นที่น่าสงสัยว่าจะมีการนำไปใช้งานในส่วนไหน เพราะที่ผ่านมาการแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรที่เห็นประโยชน์อย่างชัดเจน มักจะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่นเซมิคอนดักเตอร์

ไมโครซอฟท์มีการแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรกับบริษัทอื่นๆ จำนวนมากในระยะหลัง บริษัทที่แลกเปลี่ยนสิทธิบัตรด้วยเช่น ซีเมนซ์ SAP เป็นต้น

ความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่าง Nvidia กับไมโครซอฟท์ดูเหมือนว่าจะจบลงอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อ Nvidia ประกาศปิดสายการผลิตชิปที่ส่งให้กับไมโครซอฟท์ ซึ่งเดิมใช้ในเครื่องเล่นเกม XBox

โดยประกาศนี้จะมีผลในสิ้นไตรมาศนี้ เนื่องจากเครื่อง XBox 360 ซึ่งเป็นรุ่นต่อไปนั้นไมโครซอฟท์เลือกชิปของ ATI ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของ Nvidia นั่นเอง โดยเครื่อง 360 มีแผนจะวางจำหน่ายในปลายปีนี้

ที่มา FT.com / Companies - Nvidia ends shipments of chips for Xbox

Microsoft ออก Windows Mobile 5.0 หรือที่เดิมรู้จักกันในนาม Windows Mobile 2005 รหัส Magneto (ว่าแต่เปลี่ยนชื่อทำไมล่ะน่ะ) โดยมีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง เช่น Support 3G Smart Phones, สนับสนุนการโทรออกด้วยมือเดียว (PocketPC Phone ส่วนมาก เวลาโทรออกต้องกดกันหลายที มือเดียวอาจไม่สะดวก) แล้วก็อัพเกรดพวก Mobile Office อย่าง Word, Excel, Power Point และอื่นๆ สนใจก็ตามไปอ่านกันต่อได้ที่ Windows Mobile 5.0 Product Page Special: Windows Mobile 5 Revealed

ไมโครซอฟท์ได้ออกวิดีโอคลิปสั้นๆ หลายตอน (เป็น Flash) แนะนำผู้ใช้หน้าใหม่เกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตัวง่ายๆ ให้คอมพิวเตอร์มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น เช่น การป้องกันไวรัส สแปม phising เป็นต้น ดูคร่าวๆ แล้วทำดีเลยล่ะ ถ้าผมเป็นคนใน Microsoft ประเทศไทย จะเอาวิดีโอนี้ไปเปิดตามงานคอมมาร์ท คงเรียกคะแนนนิยมได้โขเลยครับ (กลัวแค่คนไทยจะฟังไม่ออกแค่นั้นล่ะ)

Microsoft: Security at home

Fortune มีบทความอย่างละเอียดเกี่ยวกับ Google ภัยคุกคาใหม่ของไมโครซอฟท์ (จริงๆ ก็เริ่มไม่ใหม่แล้วนะ) โดยมีเรื่องวงในเกี่ยวกับการพลิก MSN Search (ตัวใหม่) ขึ้นมาสู้ ว่าต้องลงทุนเป็นร้อยล้านเหรียญ และระดมมือดีที่สุดในไมโครซอฟท์มา รู้มั้ยครับว่าคนในไมโครซอฟท์เพิ่งตระหนักจริงๆ ว่า Google อันตราย ก็ตอนที่ Google Desktop ออกตัดหน้า MSN Desktop 2 เดือน ซึ่งมันก็ไม่นานมานี้เอง

หลังจากที่ออกวินโดว์ 64 บิตมาในสัปดาห์ที่แล้ว ไมโครซอฟท์ก็ออกชุดอัพเกรดให้กับผู้ใช้วินโดว์เอ็กซ์พีเดิมด้วยราคาเพียง 12 ดอลล่าห์ (เกือบๆ ห้าร้อยบาท)

แต่ไมโครซอฟท์ก็ออกมาเตือนเมื่อวานนี้ว่า การอัพเกรดวินโดว์ด้วยตนเอง อาจจะทำให้บริษัทผลิตคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ยกเลิกรับประกันเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น โดยเฉพาะบริการซัพพอร์ตต่างๆ

เป็นเรื่องปรกติที่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งหลายจะไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปกับการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อการซัพพอร์ตวินโดว์ 64 บิตที่เขาไม่ได้ขาย

ในงาน WinHEC ที่ผ่านมานอกจากการเปิดตัววินโดว์ 64 บิตแล้ว ไมโครซอฟท์ยังประกาศความสามารถอีกอย่างหนึ่งใน Longhorn คือเจ้า Metro ซึ่งเป็นระบบจัดเก็บเอกสารแบบใหม่

โดย Metro จะทำงานบนพื้นฐานของภาษา PDL (Page Description Language) ซึ่งเป็น XML โดยตัวอ่านและเขียนภาษานี้จะถูกฝังเข้าไปกับ Avalon ซึ่งเป็นระบบแสดงภาพของ Longhorn เลยทีเดียว

การออก PDL มานี้ ทำให้ดูเหมือนว่าไมโครซอฟท์จะตั้งใจประกาศสงครามในเรื่องของงานเอกสารกับ Adobe ซึ่งครองตลาดในส่วนนี้เกือบทั้งหมดอยู่ด้วยโปรแกรม Acrobat

จะซ้ำรอยกับ Windows Media Player ที่กินตลาด WinAmp หรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป

Microsoft ประกาศเตรียมส่ง document format ตัวใหม่ "Metro" โดยเตรียมส่งเป็นส่วนหนึ่งใน Windows เวอร์ัชันถัดไป Longhorn ที่ยังคงต้องใช้เวลาพัฒนากันไปอีกนาน (ช่วงนี้คงต้องทนเบื่อโค้ดเนมนี้ไปอีกนาน เพราะกว่าจะออกคงช่วงปลายปีหน้า) โดย Microsoft ก็หวังให้ Metro ออกมาแบ่งตลาดจาก Adobe ที่มี PDF (Portable Document Format) ครองตลาดอยู่ในขณะนี้

ไมโครซอฟท์เริ่มติดใจการบล็อกแล้วล่ะครับ (หลังจากเกตส์เคยพูดถึงบล็อกว่าเป็นช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ) โดยจะตั้งทีมชื่อว่า Team 99 ซึ่งประกอบด้วยคนต่างสายงานประมาณ 20 คน (หมายถึงสายแอดมิน สายโปรแกรมเมอร์ อะไรพวกนี้นะ คือยังอยู่ในด้านไอทีอยู่) มาเขียนบล็อกร่วมกันเกี่ยวกับ Longhorn เพื่อโปรโมทไปในตัว

หลังจากเตะถ่วงมานาน จนแฟนๆ เอเอ็มดีฉุนขาด เมื่อไมโครซอฟท์ได้ออกวินโดว์ทั้งหมดในตระกูล 64 บิตออกมาเมื่อสัปดหา์ที่แล้ว และในวันนี้เอง ไมโครซอฟท์ก็ประกาศว่าเซิร์บเวอร์ภายในของไมโครซอฟท์เองก็เริ่มได้รับการอัพเกรดกันแล้ว โดยทั้งหมดเป็นการอัพเกรดไปยัง Windows Server 2003 x64

ไมโครซอฟท์ยังเปิดเผยว่าในความเป็นจริงแล้ว เซิร์บเวอร์ของ MSN Search นั้น ใช้ Windows x64 มาก่อนหน้านี้นานแล้ว และในตอนนี้เซิร์บเวอร์ทั้งหมดก็กลายเป็นเวอร์ชั่น 64 บิตไปเรียบร้อยแล้ว

มีกระทาชายนายหนึ่งนามว่า Ivor Hewitt สงสัยว่าทำไมเว็บตัวเองถึงติดอันดับของ Google ดีกว่า MSN Search เค้าก็เลยค้นหาคำตอบ โดยการทดลองค้นเทียบกันจากทั้งสองยี่ห้อ ปรากฎความจริงที่ว่า เว็บที่รันบน IIS (เว็บเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์เอง) มีโอกาสจะติดอันดับสูงกว่าใน MSN Search ครับ เอ่อเรื่องนี้ก็อยากจะบอกไว้ว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ช่วยอ่านผลการทดสอบของคุณ Ivor อย่างละเอียดก่อนแล้วค่อยเชื่อนะครับ Ivor Hewitt: Search engine report

หลังจากรอกันจนแฟนๆ เอเอ็มดีเหี่ยวกันหมด ไมโครซอฟท์ก็เปิดตัววินโดว์ 64 บิตอย่างเป็นทางการแล้วในงาน WinHEC เมื่อวานนี้ โดยจะเปิดตัวสองรุ่นด้วยกันคือ Windows XP Professional x64 และ Windows Server 2003 x64 โดยยืนยันแล้วว่าราคาจะเท่ากับรุ่นเดียวกันที่ 32 บิตทุกประการ

บิลล์ เกตต์ แสดงความเห็นว่าเทคโนโลยี 64 บิตเป็นเรื่องที่ดีมาก และไมโครซอฟท์ตื่นเต้นมากกับเทคโนโลยีนี้

เอเอ็มดีเป็นเจ้าแรกที่ออกเทคโนโลยี 64 บิตในสถาปัตยกรรม x86-64 ในปี 2003 โดยอินเทลตามมาในภายหลังในชื่อเทคโนโลยี EM64T ที่มีความเข้ากันได้

เรื่องแปลกๆ ที่เราคงได้เห็นกันในปลายปีนี้คือ ซอฟท์แวร์ Virtual Server 2005 ที่กำลังจะวางตลาดนั้นจะรองรับลินุกซ์ด้วย โดยสตีฟ บอลเมอร์ ได้ปะะกาศว่าซอฟท์แวร์ที่จะออกมานี้จะรองรับโอเอสที่ไม่ใช่วินโดว์หลายๆ ตัวรวมถึงลินุกซ์ด้วย

โดยซอฟท์แวรฺ์ Virtual Server นั้นเป็นซอฟท์แวร์ที่ช่วยให้เซอร์เวอร์สามารถรองรับโอเอสหลายๆ ตัวให้ทำงานพร้อมกันได้

ต้องรอดูตัวจริงก่อน....

ที่มา Ballmer backs Linux

อยู่ดีๆ ไมโครซอฟท์ก็ครึ้มอกครึ้มใจเอาวินโดวส์เอ็กซ์พี กลับออกมาโฆษณากันเป็นการใหญ่่ ทำให้หลายๆ คนงงว่ามันเรื่องอะไรถึงได้เอาของที่ออกมาแล้วสามปีกว่ากลับออกมาโฆษณากันอีก โดยข่าวระบุว่าการโฆษณาซ้ำครั้งนี้ใช้เงินเยอะกว่าที่ใช้ตอนเปิดตัววินโดวส์จริงๆ เสียอีก

งานนี้ทำให้เกิดแนวคิดสองเรื่องคือ การที่ไมโครซอฟท์เสื่อมความนิยมลงไป จากแอปเปิลและลินุกซ์ และเรื่องการล่าช้าของ Longhorn ที่น่างสัยว่ามันจะช้าออกไปอีกรึเปล่า.....

ยังหาโหลดมาดูไม่ได้.... ใครเจอแล้วมาบอกที

หลังจากแสดงตัวว่าเป็นเบต้ามานาน SP2 ของวินโดส์ ก็ถูกประกาศเป็นการอัพเกรดอย่างเป็นทางการแล้ว โดยความสามารถของ SP2 นี้จะมีตั้งแต่การตั้งไฟร์วอลตั้งแต่ขั้นตอนการบูต ไปจนถึงการบล๊อกเหล่าโฆษณาทั้งหลาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในวินโดวส์ให้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตามการอัพเกรดนี้อาจะทำให้บางโปรแกรมมีปัญหา โดยเฉพาะโปรแกรมที่ทำงานบนเว็บ

แต่ในเมืองไทยก็เห็นคนอัพเกรดไปเยอะแล้วนะ.....

ที่มา Windows XP SP2: Like It or Not, Here It Comes

ไม่ใช่คนปั๊มซีดีเถื่อน แต่เป็นโจรถ่ายภาพอนาจารเด็กครับ งานนี้ไมโครซอฟท์ประกาศคืนกำไรสู่สังคมด้วยการสร้างโปรแกรมช่วยสืบสวน เพื่อการค้นหาต้นตอของภาพเหล่านั้น นำไปสู่การจับกุมต่อไป

เครื่องมือดังกล่าวมีชื่อว่า Child Exploitation Tracking System (CETS) ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ตำรวจผู้หนึ่งในแคนนาดาตระหนักดีว่าตำรวจนั้นตามโจรอยู่หนึ่งก้าวเสมอ จึงได้อีเมล์ไปหาิบิลล์ เกตต์ เพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อสองปีก่อน ผลที่ได้คือโครงการสร้างระบบรวบรวมข้อมูลนี้ โดยเครื่องมือจัดการข้อมูลนี้ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์จำนวนมาก นับแต่เว็บเซอร์วิส, SharePoint, SQL Server

หลังจากที่มีกำหนดการว่าไมโครซอฟท์จะเข้าตลาดคลัสเตอร์ในปลายปีนี้ ตัวเบต้าจึงน่าจะออกในอีกไม่นานนี้

แต่ตอนนี้ไมโครซอฟท์ก็ออกมาประกาศแล้วว่าวินโดวส์คลัสเตอร์นั้นจะถูกเลื่่อนออกไปอีกหกเดือน ไมโครซอฟท์มองว่าการเลื่อนครั้งนี้ไม่มีผลต่อไมโครซอฟท์มากนัก เนื่องจากไมโครซอฟท์ไม่มีฐานลูกค้าเดินในตลาดนี้ที่รอการอัพเกรด แต่นักวิเคราะห์หลายรายก็มองว่าการเลื่อนออกไปนี้จะทำให้ไมโครซอฟท์เสียฐานลูกค้าไปไม่น้อยทีเดียว

ไมโครซอฟท์เตรียมบุกกูเกิลอีกละลอกด้วยการเปิดบริการโฆษณาแบบจ่ายรายคลิก ซึ่งบริการแบบนี้เจ้าตลาดก็ไม่ใช่ใคร AdSense ของกูเกิลนั่นเอง โดยไมโครซอฟท์มีแผนจะใช้เทคโนโลยีของบริษัท Overture (แปลไทยกลายเป็นบริษัทโหมโรง :p) ของ Yahoo!

แผนการเปิดบริการยังไม่กำหนด แต่น่าจะไม่เกินครึ่งปี....

ที่มา TechWhack News - Microsoft to enter online advertisement market with MSN AdCenter :: Tech Food for Geeks

หลังจากจาวาเสนอแนวคิดของอิสระจากระบบปฏิบัติการ (คือเขียนบนระบบปฏิบัติการไหนก็ได้ รันที่ไหนก็ได้) ไมโครซอพท์ได้ก้าวต่อไปอีกขั้นด้วยแนวคิดอิสระจากภาษา (ทุกภาษาใน .NET ใช้ไลบรารีชุดเดียวกัน ดังนั้นไม่มีปัญหาถ้าบางส่วนของโปรแกรมจะเป็นคนละภาษากัน) ซึ่งแนวคิด .NET นี้ก็ต้องแลกมาด้วยการทิ้งไลบรารีชุดเดิมๆ ไปทั้งหมดเพื่อมาใช้ .NET Library ภาษาใหม่อย่าง C# ก็คงไม่มีปัญหา แต่ C++ กับ VB ล่ะ ในเมื่อคนใช้ VB6 ที่ไม่ใช่ VB.NET มีตั้ง 3 ล้านกว่าคน

Hakon Wium Lie CTO ของ Opera ผู้ผลิตเบราว์เซอร์อีกเจ้า ท้าให้ทีมพัฒนา IE7 ของไมโครซอพท์ ทดสอบผลการเรนเดอร์เว็บเพจให้ได้ตามมาตรฐาน W3C ผ่านชุดทดสอบที่ชื่อว่า Acid Test 2 ที่ Web Standards Project จะเป็นสปอนเซอร์ในการพัฒนา Acid Test 1 เดิมนั้นเป็นชุดทดสอบว่าบราวเซอร์สามารถแสดงผล CSS 1 ได้ถูกต้องหรือไม่ สำหรับ Acid Test 2 เป็นการทดสอบสำหรับมาตรฐานที่ออกมาหลังจากนั้น ซึ่ง IE6 ยังไม่สนับสนุนแม้แต่ CSS 2 เลย (ตอนนี้บราวเซอร์ทุกตัวในตลาดสนับสนุนหมดแล้วครับ ยกเว้น IE เนี่ย)