ข่าวลือจากเว็บที่ไม่สามารถยืนยันความน่าเชื่อถือได้อย่าง Three Guys and a Podcast อ้างว่าแอปเปิลพยายามที่จะรวม iTunes เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Safari ภายในปีนี้ โดย Safari จะกลายเป็นเบราว์เซอร์ที่สามารถเปิดได้ทั้งเว็บ และเป็นโปรแกรมเล่นไฟล์มีเดียด้วย
โดยจากรายงานดังกล่าว สาเหตุที่แอปเปิลต้องการรวมสองโปรแกรมเข้าด้วยกันก็เพื่อที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของ Safari โดยทุกวันนี้แอปเปิลยังมีส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์ไม่ถึง 5% โดยการผูก iTunes เข้ากับ Safari แอปเปิลหวังว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์ของ Safari ได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เว็บ MacRumors เองยังไม่เชื่อว่าข่าวลือนี้จะเป็นจริงแต่อย่างใด โดยทั้งหมดนี้ดูเหมือนว่ามาจากการคาดเดาทั้งสิ้น
บริษัท Skyfire ได้ทำงานร่วมกับแอปเปิลในการพัฒนาเครื่องมือ "Skyfire 2.0" บนเบราว์เซอร์ Safari ให้เบราว์เซอร์รองรับการเล่น Flash วีดีโอได้แล้ว
หลักการทำงาน คือ เมื่อผู้ใช้เข้าถึงหน้าที่มี Flash วีดีโอ Skyfire จะดาวน์โหลดมาเก็บไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ของตน จากนั้นก็แปลงเป็น HTML5 แล้ว Skyfire จะแสดง thumbnail ให้ผู้ใช้กดเข้าไปดู Flash วีดีโอที่ถูกแปลงแล้วจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท (ลองดูคลิปเดโมได้ที่ท้ายข่าว) แต่โปรแกรมดังกล่าวจะไม่รองรับการแปลงคอนเทนต์ที่เป็น Flash แต่ไม่ใช่คอนเทนต์ประเภทวีดีโอ (อาทิ เกม) รวมถึงไม่รองรับการแปลงคอนเทนต์จาก Hulu และคอนเทนต์ในเว็บไซต์ประเภทการทำธุรกรรมออนไลน์ [(เว็บไซต์ที่ใช้โปรโตคอล HTTPS)]
โหมด Private Browsing (หรือที่ Chrome เรียก Incognito และ IE เรียก InPrivate) กลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของเบราว์เซอร์ 4 เจ้าใหญ่ ได้แก่ Chrome, Firefox, Safari และ IE แต่จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กลับพบว่าโหมด Private Browsing ไม่ทำให้ผู้ใช้ "ล่องหน" ทั้งหมดอย่างที่โฆษณา
ใน Firefox, Safari, IE พบปัญหาเดียวกันเมื่อเข้าเว็บผ่าน SSL ซึ่งเบราว์เซอร์ทั้งสามตัวจะเก็บไฟล์ certificate ของเว็บเหล่านี้ไว้บนคอมพิวเตอร์ ยังเหลือเป็นร่องรอยให้ตามได้อยู่ว่าผู้ใช้เข้าเว็บใดบ้าง นอกจากนี้เบราว์เซอร์แต่ละตัวยังทิ้งรอยในสถานการณ์ที่ต่างกันไป เช่น IE ถ้าเจอเว็บไซต์ที่ส่งข้อมูลผ่าน SMB ก็จะทิ้งรอยไว้ในวินโดวส์ เพราะมีส่วนที่แชร์โค้ดกับ Windows Explorer เป็นต้น
หลังจากแอปเปิลเปิดตัว Safari 5 ในงาน WWDC 2010 ไปไม่นาน ตอนนี้ได้ออกรุ่นอัพเดตย่อย 5.0.1 แล้ว
การเปลี่ยนแปลงสำคัญมี 2 ประการ
ที่มา - TechCrunch
มีคนพบช่องโหว่ของฟีเจอร์กรอกฟอร์มอัตโนมัติ หรือ AutoFill ของ Safari เวอร์ชัน 4 และ 5 ซึ่งจะดึงข้อมูลส่วนตัวของเรา เช่น ชื่อ อีเมล องค์กร จาก Address Book ของระบบ (ผมหาไม่เจอว่าเป็นเฉพาะแมค หรือรวมเวอร์ชันวินโดวส์ด้วย) ไปกรอกฟอร์มให้อัตโนมัติ
แฮ็กเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่ที่ว่า สร้างเว็บไซต์ปลอมๆ ขึ้นมาดึงเอาข้อมูลส่วนตัวจาก Safari ไปได้เลย ตอนนี้มีคนสร้างเว็บตัวอย่างที่ทำงานขโมยข้อมูลได้จริงแล้ว แต่ยังไม่มีรายงานว่ามีแฮ็กเกอร์ประสงค์ร้าย ใช้โอกาสจากช่องโหว่นี้มาก่อนหรือไม่
หลังจากที่กูเกิลเปิดตัว Android 2.2 ไปได้ไม่นาน และได้เห็นรีวิว กันไปแล้ว
ทาง Ars Technica ได้นำ Nexus One มาวัดประสิทธิภาพในการรัน JavaScript ด้วย SunSpider และ V8 benchmarks บนเบราว์เซอร์ของ Froyo ซึ่งเร็วกว่าเวอร์ชันก่อนหน้านี้พอสมควร และนำมาเปรียบเทียบกับการรันบน iPhone 4 โดยใช้ Safari ผลปรากฏว่า Nexus One ทิ้ง iPhone 4 แทบไม่เห็นฝุ่น โดยผลจากการรัน V8 นั้น Nexus One ได้ผลออกมามากกว่า iPhone 4 เกือบสี่เท่า (ดูภาพ benchmarks ได้จากที่มา)
แอปเปิลคงต้องทำการบ้านเยอะซักหน่อยแล้ว ถ้ายังอยากจะให้ Safari ครองบัลลังก์เรื่องของเบราว์เซอร์บนมือถือที่เร็วที่สุด
เว็บไซต์ Lifehacker ได้ทดสอบความเร็วในการทำงานของเบราว์เซอร์บนแมค 4 ตัวคือ Safari 5, Chrome 5, Opera 10.6 และ Firefox 3.6.6 โดยรวมซอฟต์แวร์รุ่นทดสอบเข้ามาอีก 2 ตัวคือ Firefox 4 และ Chrome 6 ผลเป็นดังนี้
Safari 5 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน มีฟีเจอร์ Safari Reader ที่ช่วยให้ประสบการณ์ "การอ่านข้อความบนเว็บ" นั้นดีขึ้น ตัดโฆษณาออกไปและต่อบทความแบบหลายๆ หน้าให้เลย
แต่แท้จริงแล้ว Safari Reader เอาโค้ดมาจากโครงการโอเพนซอร์สชื่อ Readability ของบริษัท Arc90 ซึ่งเป็น Javascript Bookmarklet สำหรับงานแบบเดียวกัน
Readability นั้นใช้สัญญาอนุญาตแบบ Apache ซึ่งไม่บังคับให้ผู้นำโค้ดไปใช้ ต้องเปิดโค้ดกลับคืนสู่ชุมชนแบบ GPL และแอปเปิลได้ให้เครดิตกับ Arc90 เป็นตัวเล็กๆ ในหน้า Help > Acknowledgments ของ Safari ซึ่งถูกต้องตามสัญญาอนุญาตทุกอย่าง
ไม่รู้ว่าจะเป็นการตอบโต้คู่แข่งอย่าง Safari 5 ที่แอปเปิลเพึ่งปล่อยออกมาล่าสุดหรือเปล่า เพราะล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ปล่อยคลิปวีดีโอเปรียบเทียบประสิทธิภาพของฟีเจอร์ hardware acceleration ใน Internet Explorer 9 เทียบกับ Safari 5 ออกมา
คลิปวีดีโอแรกเป็นการทดสอบจาวาสคริปแสดงภาพเคลื่อนไหว (ต้นฉบับเรียก flying images) ซึ่ง Internet Explorer 9 สามารถเรนเดอร์ได้ราว 50fps แต่ Safari 5 นั้นทำได้เพียง 9fps ส่วนอีกคลิปวีดีโอหนึ่งเป็นการทดสอบ Flickr Explorer ซึ่ง Internet Explorer 9 สามารถเรนเดอร์ได้ราว 20fps แต่ Safari 5 นั้นทำได้เพียง 7fps เท่านั้น
แม้ว่า iPhone 4 จะเป็นพระเอกของงาน WWDC 2010 แต่แอปเปิลก็ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Safari 5 ด้วย
Safari 5 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์ภายนอกมากนัก แต่ปรับปรุงในเรื่องความเร็วกับฟีเจอร์มากกว่า การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้แก่
ต่อเนื่องจากข่าว แอปเปิลโชว์ความสามารถ HTML5 และ Firefox แฉเล่ห์แอปเปิลเรื่อง HTML5 อีกรายที่ออกมาร่วมวงคือ Opera
พนักงานคนหนึ่งของ Opera ชื่อ Haavard เขียนลงในบล็อกของเขาว่า เดโม HTML5 ของแอปเปิลนั้น มีส่วนที่เป็น HTML5 จริงๆ แค่แท็ก <video> และ <audio> เท่านั้น ที่เหลือเป็นโค้ดเฉพาะบริษัท (เช่น -webkit-border-radius) แถมยังมีวิดีโอแบบ H.264 ที่ยังตกลงกันไม่ได้เพราะติดสิทธิบัตรอีกด้วย
จากข่าว แอปเปิลโชว์ความสามารถ HTML5 ที่ดูได้เฉพาะ Safari แต่ดันโปรโมทว่า "มาตรฐาน[ที่แท้จริง]ของเว็บต้องไม่ใช่ Add-on แต่มันคือตัวเว็บเอง"
จริงๆ ข่าวนี้โดนชาว Blognone แฉกันไปนานแล้ว (และมีสาวกแอปเปิลแถกันอีกเเป็นจำนวนไม่น้อย) แต่เราลองมาดูการ "แฉ" จากฝั่ง Mozilla กันบ้างครับ
Christopher Blizzard ผู้บริหารของ Mozilla คนหนึ่งได้เขียนบล็อกชื่อ intellectual honesty and html5 เขาบอกว่าแท้จริงแล้ว คนที่เชี่ยวชาญเทคนิคสร้างภาพแบบนี้คือกูเกิล แต่รอบนี้ แอปเปิลทำตัวน่าอับอายจนเกินจะทน
Blizzard เริ่มจากบรรยายภาพๆ แรก
ล่าสุดแอปเปิลได้ทำหน้าเว็บแสดงพลังของ HTML5 แล้ว โดยตัวอย่างแต่ละอย่างที่แอปเปิลเอามาโชว์อาจจะทำให้นักพัฒนาเว็บหลาย ๆ คนน้ำลายไหลเลยก็ได้ โดยแอปเปิลก็ได้ทิ้งคำพูดเล็กน้อยไว้ว่า...
Standards aren't add-ons to the web. They are the web.
"มาตรฐาน[ที่แท้จริง]ของเว็บต้องไม่ใช่ Add-on แต่มันคือตัวเว็บเอง"
ข้อเสียคือแอปเปิลบังคับให้ดาวน์โหลด Safari เพื่อชมเว็บนี้
คลิกเข้าไปดูได้ที่นี่ครับ HTML5 Showcase
ที่มา - Daring Fireball
John Gruber แห่ง DaringFireball ได้ออกมารายงานว่าแอปเปิลเตรียมตัวที่จะเปิดประตูให้สู่นักพัฒนาที่สนใจเข้าพัฒนา Extensions ให้กับ Safari ก็เป็นได้ โดยคาดว่าหากข่าวลือนี้เป็นจริงแอปเปิลน่าจะทำการเปิดตัวในงาน WWDC 2010 นี้
สำหรับข่าวต่าง ๆ ที่ออกมาจากปากของ Gruber นั้นที่ผ่านมามีความแม่นยำค่อนข้างสูง ที่น่าแปลกใจคือสตีฟ จ็อบส์เอง ก็ชอบอ่านบล็อกของ Gruber เหมือนกัน หรือว่าเขามีความสัมพันธ์กับแอปเปิลทางใดทางหนึ่ง?
ที่มา - MacRumors
จากที่ แฮกเกอร์อาชีพฟันธง iPhone โดนเจาะแน่ในงาน Pwn2Own 2010 ปรากฎว่าแฮกเกอร์ใช้เวลาแค่ 20 วินาทีเท่านั้น วิธีการที่ใช้คืออาศัยประโยชน์จากรูโหว่ของ iPhone ล่อให้เปิดหน้าเว็บที่เตรียมเอาไว้ ซึ่งทำให้ iPhone ส่งฐานข้อมูล SMS ในเครื่องขึ้นไปบนเซิร์ฟเวอร์ได้
หลังจากที่ Opera ได้ปล่อย Opera 10.50 Beta for Mac มาให้ได้ทดสอบกัน ซึ่งมีจุดเด่นๆ ดังนี้
ตอนนี้ทาง Computerworld ได้ทำการทดสอบ quick JavaScript benchmarks พบว่า Opera 10.50 Beta for Mac สามารถประมวลผลได้เร็วกว่า Safari 4 ที่ราวๆ 10% (ส่วน Nightly Build ช้ากว่าเป็นเท่าตัว) และยังเร็วกว่า Chrome อีกด้วย (ดูภาพประกอบการทดสอบได้จากที่มา)
อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างความเร็วนี้อาจจะเห็นได้ไม่ชัดเจนมากนัก
จากข่าวเก่า Opera เปิดตัว Opera Mini for iPhone และได้โชว์เดโมของจริงในงาน Mobile World Congress ทีมงานของ Engadget ไปลองจับมาแล้ว และพบว่ามันเร็วกว่า Mobile Safari ของ iPhone ถึง 5 เท่าตัว (เว็บที่ทดสอบคือหนังสือพิมพ์ The New York Times)
สูตรลับของความเร็วเกิดจากการประมวลผลเว็บเพจที่เซิร์ฟเวอร์ของ Opera ก่อน ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ใช้ใน Opera Mini บนมือถือรุ่นอื่นๆ อย่างไรก็ตามมันยังไม่รองรับการซูมแบบสองนิ้วมัลติทัชที่มีใน Safari
หลังจากกูเกิลออก Chrome for Mac รุ่นเบต้าไม่นาน ก็มีคนเอาไปทดสอบความเร็วตามคาด
ผลการทดสอบจาวาสคริปต์นั้นน่าประทับใจ Chrome for Mac เร็วกว่า Opera 10.10 ถึง 10 เท่า และเร็วกว่า Firefox 3.6 Beta 4 เกือบเท่าตัว อย่างไรก็ตาม เทียบกับแชมป์ประจำแพลตฟอร์มอย่าง Safari 4.04 พบว่า Safari เร็วกว่า 12%
กูเกิลเองก็รู้เรื่องนี้ดี และไม่โฆษณาเรื่องความเร็วในการประมวลผลจาวาสคริปต์ของ Chrome for Mac อย่างที่ทำมาตลอดกับเวอร์ชันวินโดวส์ แต่สิ่งที่ Chrome โฆษณาคือความเร็วในการเรียกโปรแกรมที่เหนือกว่า ซึ่งวิศวกรของกูเกิลบอกว่า "เร็วจนไอคอนใน Dock กระเด้งไม่ทัน" เลยทีเดียว
แม้ว่าไมโครซอฟท์จะเลือกใช้วิธี ballot screen ให้เลือกเบราว์เซอร์ สำหรับ Windows 7 รุ่นที่ขายในยุโรป (ภาพของ ballot screen) แต่ก็ยังมิวายโดนวิจารณ์เรื่องลำดับของเบราว์เซอร์ที่แสดงในหน้าจอนี้
Jenny Boriss นักพัฒนาของ Mozilla เขียนบล็อกวิจารณ์กรณีที่ Safari ได้อยู่เป็นอันดับแรกในรายการเบราว์เซอร์ (เรียงตามตัวอักษร Apple Safari, Google Chrome, Microsoft Internet Explorer, Mozilla Firefox, Opera) ว่าไม่แฟร์ เพราะธรรมชาติของการใช้งาน คนมักเลือกตัวเลือกอันดับแรกไว้ก่อน ซึ่งเขามองว่า Safari บนวินโดวส์ไม่ได้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ผู้ใช้
สงครามความเร็วของ HTML+JavaScript ดูเหมือนจะเป็นสมรภูมิหลักของเบราเซอร์ในยุคต่อไป โดยเมื่อกูเกิลปล่อย Chrome และ Chromium นั้นก็มีการประกาศมาเสมอว่าสามารถทำความเร็วได้ดีที่สุด แต่ในอนาคตก็อาจจะไม่จริงอีกต่อไป เพราะ WebKit+Nitro รุ่นล่าสุดของวันนี้สามารถทำความเร็วได้ดีกว่า Chromium แล้ว
ผลการทดสอบนี้ทาง ArsTechnica ใช้ชุดทดสอบ SunSpider 0.9 ทดสอบสามครั้งบนเบราเซอร์หลักหลายตัวด้วย แต่ที่พอจะแข่งกันได้นั้นคงมีเพียง Chromium และ WebKit+Nitro เท่านั้น ส่วน Firefox นั้นแม้จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังช้ากว่าเกือบเท่าตัว
Chromium นั้นเป็นเบราเซอร์ที่ประกอบขึ้นมาจากชุดเรนเดอร์เว็บ WebKit แต่ใช้คอมไพล์เลอร์ V8 ของกูเกิล ส่วน WebKit+Nitro นั้นเป็นชุดประกอบมาตรฐานของ Safari
หลังจากที่ปล่อยเบราว์เซอร์ Safari 4 ที่งาน WWDC 2009 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา วันนี้แอปเปิลก็ได้เปิดเผยว่า Safari 4 นั้นถูกดาวน์โหลดเป็นจำนวนถึง 11 ล้านครั้งภายในระยะเวลาเพียง 3 วันที่ผ่านมาครับ นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือกว่า 6 ล้านครั้งนั้นเป็นการดาวน์โหลดของรุ่นที่ใช้งานกับวินโดวส์เสียด้วย
การแข่งขัน Pwn2Own เป็นการแข่งขันด้านความปลอดภัย โดยจะตั้งคอมพิวเตอร์ที่ลงซอฟต์แวร์จำนวนหนึ่งไว้ แล้วผู้ที่แฮกเข้าไปในระบบได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ
Pwn2Own จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับปี 2009 นี้จะมีทั้งคอมพิวเตอร์ MacBook ที่เป็น Mac OS X ลง Safari+Firefox และ Sony Vaio P/Windows 7 ที่ลง IE8+Firefox+Chrome รวมไปถึงสมาร์ทโฟนอีกหลายชนิด เช่น iPhone, BlackBerry
ผู้ที่เจาะเข้าไปยังเบราว์เซอร์แต่ละตัวได้เป็นคนแรกจะได้เงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ ส่วนโทรศัพท์มือถือนั้นรางวัลละ 10,000 ดอลลาร์
ส่วนแบ่งตลาดเว็บเบราว์เซอร์ประจำเดือนกุมภาพันธ์ เก็บข้อมูลโดย Net Applications
แอปเปิลประกาศตัวซอฟต์แวร์ออกมาได้ไม่ทันไร (ข่าวเก่า) สำนักข่าวหลายแห่งก็มีผลทดสอบออกมาแล้วครับ สำหรับข่าวนี้เป็นผลการทดสอบของ CNET
ผลการทดสอบจาวาสคริปต์ด้วย SunSpider บน Windows XP SP2 พบว่า Safari 4 Beta นั้น
สำหรับบน Mac OS X 10.6 (ข่าวต้นฉบับเป็นแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าเขียนผิดหรือเป็น 10.6 จริงๆ) เป็นดังนี้
แอปเปิลเพิ่งทำการประกาศ Safari 4 Public Beta ด้วยเอ็นจินใหม่ชื่อ Nitro ที่สามารถรัน JavaScript ได้เร็วกว่า Safari 3 ถึง 4.2 เท่า!
โดยผู้ที่สนใจสามารถที่จะเข้าไปดาวน์โหลดได้ตอนนี้สำหรับทั้งเวอร์ชั่นวินโดวส์และแมค
นอกจากความเร็วที่สูงขึ้นแล้ว Safari 4 ยังมีคุณสมบัติและความสามารถใหม่ ๆ อีก เช่น