ภายใต้ข่าวร้ายที่ออกมาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นการปลดพนักงานหรือยอดขายที่ตกต่ำ แต่งานในสายไอทีก็ยังคงเป็นงานที่มีรายได้ดีและมีความน่าสนใจสูง นิตยสาร Business Week ร่วมกับ Payscale ได้จัดอันดับ 10 เมืองที่น่าทำงานที่สุดในสายไอทีขึ้นมา
การจัดอันดับนั้น ดูจากรายได้ในแต่ละสายงานโดยเฉลี่ย อัตราการเติบโต ค่าครองชีพและจำนวนของบริษัทไอทีรายใหญ่ที่เปิดอยู่ในเมืองนั้นๆ โดยรายงานดังกล่าวได้เปิดเผยว่ารายได้ของพนักงานในระดับปฎิบัติการอย่างเช่นโปรแกรมเมอร์ จะมีรายได้สูงในเมืองที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่เปิดอยู่อย่างเช่นไมโครซอฟท์หรือกูเกิล แต่ในเมืองที่เป็นหัวเมืองหลักทางธุรกิจ อย่างเช่น ที่นิวยอร์ก รายได้ของพนักงานในระดับบริหารจะสูงกว่าเมืองอื่นๆ
หลังจากที่ไมโครซอฟท์เผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจจนทำให้ต้องปลดพนักงานพันกว่าคนในทันที (ข่าวเก่าโดยคุณ lawender: ไมโครซอฟท์เลิกจ้างพนักงาน 5,000 คน) แผนกที่โดนจับตามองว่าจะโดนปลดก่อนคือแผนกเกี่ยวกับเกมและเพลงที่ไปได้ไม่ค่อยดีนัก และแล้วเว็บไซต์ Gamasutra ก็เปิดเผยว่าทีมผลิตเกม ACES Studio นั้นต้องออกไปตามนโยบายครับ
ผลประกอบการไตรมาสที่สี่ของปี 2008 จาก AMD ขาดทุนรวม 1.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ทางการเงินของวอลล์สตรีทคาดเอาไว้
AMD ขาดทุนติดต่อกันมา 9 ไตรมาสแล้ว โดยยอดขาดทุนสูงสุดอยู่ที่ 1.77 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว (Q4 2007) สำหรับไตรมาส Q4 2008 รายรับลด 35% เทียบกับ Q3 2008
ถ้ารวมทั้งปีงบประมาณ AMD มีรายรับทั้งสิ้น 5.8 พันล้านดอลลาร์ ขาดทุนรวม 3 พันล้านดอลลาร์
สถานการณ์ด้านธุรกิจของบริษัทฮาร์ดแวร์ดูจะแย่กว่าซอฟต์แวร์มาก ก่อนหน้านี้อินเทลได้ประกาศผลประกอบการที่ย่ำแย่เช่นกัน (ข่าวเก่า) เพียงแต่อินเทลพื้นฐานเดิมดีอยู่เลยยังไม่ถึงกับขาดทุนเท่านั้น
เว็บไซต์ Digg ประกาศปรับตัวสู้วิกฤตเศรษฐกิจ โดยการลดคนในแผนกที่ไม่จำเป็นต่องานหลักของบริษัท ในบล็อกของ Digg นั้นไม่ได้เปิดเผยจำนวน แต่ทาง CNET ได้ตัวเลขมาว่าเป็น 10% อย่างไรก็ตาม Digg มีพนักงานแค่ 75 คนเท่านั้น
เศรษฐกิจชะลอตัวรวมกับการผันผวนของค่าเงิน ส่งผลให้คนใช้จ่ายน้อยลงมาก และโนเกียยักษ์ใหญ่มือถือก็ประสบปัญหาความต้องการมือถือลงเช่นกัน
ส่วนแบ่งการตลาดของโนเกียในไตรมาสที่ 4 ปี 2007 มีอยู่ 40%
ตกมาเหลือ 37% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2008
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2008 ผลกำไรจากการดำเนินงานของโนเกีย ลดลง 80% เหลือ 492 ล้านยูโร จาก 2500 ล้านยูโรในไตรมาสเดียวกันของปี 2007
โนเกียจะแก้ไขปัญหา โดยการเน้นไปที่ลดต้นทุนโดยรวมเพื่อรักษาโครงสร้างการเงินให้แข็งแรงอยู่ และเน้นไปยังตลาด internet services เพราะเห็นว่ามีโอกาสเติบโตสูง
ที่มา - Symbian Freak
แล้ววิกฤติเศรษฐกิจก็ลุกลามไปถึงยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ เมื่อบริษัทประกาศวันนี้ว่ามีแผนปรับลดพนักงานลง 5,000 คนภายในเวลา 18 เดือนนับจากนี้ โดยพนักงาน 1,400 คนจะถูกเลิกจ้างทันที และค่อยๆทยอยเลิกจ้างไปเรื่อยๆจนครบ 5,000 คนภายในเดือนมิถุนายนปีหน้า
โดยนาย Chris Liddell ซึ่งเป็น CFO ของไมโครซอฟท์ออกมายอมรับว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ผ่านมาได้ชะลอตัวลงมากกว่าที่ไมโครซอฟท์คาดการณ์เอาไว้มาก และทางบริษัทจำเป็นต้องรีบปรับลดโครงสร้างค่าใช้จ่ายต่างของบริษัททันที่เพื่อลดผลกระทบให้น้อยที่สุด
การปรับลดพนักงานของไมโครซอฟท์ครั้งนี้ทางบริษัทคาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการได้ราวๆ 1.5 พันล้านดอลลาร์
Seagate นั้นเริ่มประสพปัญหาด้านเศรษฐกิจมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว และมีแผนที่จะเลิกจ้างพนักงานทั่วโลกกว่าสามพันคน (ข่าวเก่าโดยคุณ mk: Seagate ปลดพนักงาน 2,950 คน) บัดนี้ผลกระทบดังกล่าวก็มาถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้วครับ
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา Sony Ericsson ได้ออกมาประกาศว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2008 บริษัทขาดทุนไปกว่า 187 ล้านยูโร (8,700 ล้านบาท) โดยการขาดทุนนี้เกิดขึ้นจากการขายที่ลดลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้โดยรวมแล้วในปี 2008 บริษัทขาดทุนไปกว่า 73 ล้านยูโร (3,400 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ได้กำไรกว่า 1.1 พันล้านยูโร (51,000 ล้านบาท)
Hideki Komiyama ประธานบริษัทได้ให้สัมภาษณ์ว่า ปี 2008 นั้นเป็นปีที่โกลาหลมาก และในปี 2009 ตลาดยังน่าจะซบเซาอยู่โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก
เพื่อแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น บริษัทจึงกำลังจะเพิ่มมาตรการจำกัดค่าใช้จ่ายด้านการประกอบการอีกกว่า 180 ล้านยูโร อย่างไรก็ดียังไม่เป็นที่เปิดเผยว่ามาตรการนี้จะประกอบด้วยอะไรบ้าง
ไม่ได้พิมพ์ผิด หรืออ่านผิดหรอกครับ เพราะการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สี่ปี 2008 ของอินเทลแถลงยอดกำไรสุทธิเป็นเงิน 234 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 2.27 พันล้านดอลลาร์ในปี 2007
อย่างไรก็ตาม รายงานผลประกอบการนี้ยังมียาหอมให้นักลงทุนด้วยการคาดการรายได้ไตรมาสแรกว่าน่าจะอยู่ที่ 7 พันล้านดอลลาร์ และตัวเลขกำไรน่าจะกลับมาเป็นปรกติภายในปลายปีนี้
ตลาดหุ้นไม่หวั่นไหวเท่าใหร่นัก โดยราคาหุ้นหลังแถลงการนี้ขึ้นไปอีก 1.6% และมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นเพียงเล็กน้อย
ที่มา - CNN
ปัญหาเศรษฐกิจยังซัดเข้าใส่อุตสาหกรรมไอทีอย่างต่อเนื่อง Seagate ซึ่งเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายใหญ่ที่สุดของโลกได้ประกาศปลดพนักงาน 6% ของพนักงานทั้งหมดทั่วโลก หรือคิดเป็น 2,950 ตำแหน่ง โดยในจำนวนนี้อยู่ในอเมริกา 800 ตำแหน่ง
นอกจากปลดพนักงานแล้ว Seagate ยังประกาศลดเงินเดือนของพนักงานระดับบริหารด้วย โดยซีอีโอคนใหม่ซิงๆ คือ Stephen Luczo ซึ่งเป็นอดีตซีอีโอกลับมารับตำแหน่งใหม่ (เทร็นด์นี้กำลังฮิต) จะได้รับเงินเดือนน้อยกว่าเดิม 25%
Seagate คาดว่ามาตรการปลดพนักงานรอบนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ 130 ล้านดอลลาร์ ส่วนการลดเงินเดือนผู้บริหารจะลดได้ 80 ล้าน
Nortel Networks บริษัทโทรคมนาคมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของแคนาดาประกาศขอความคุ้มครองการล้มละลายจากรัฐบาลสหรัฐและแคนาดา เพียง 1 วันก่อนถึงวันชำระหนี้ 1 แสน 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากบริษัทขาดสภาพคล่องอย่างหนักและไม่สามารถขายทรัพย์สินมาใช้หนี้ได้ทัน
โดยก่อนหน้านี้ Nortel ประสบปัญหากับยอดขายที่ตกต่ำเพราะสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทไ้ด้พยายามลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานกว่า 5% งดการจ้างงานเพิ่มและตัดโบนัสทั้งหมด แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ ทำให้หุ้นของ Nortel ตกลงแทบจะติดดินโดยทันที 75% เหลือหุ้นละ 7.5 เซนต์เท่านั้น
นับว่าเป็นบริษัทไอทีขนาดใหญ่รายแรกๆ ที่ประสบปัญหาจากสภาพเศรษฐกิจจนอาจจะถึงขั้นล้มละลายเลยทีเดียว
ข่าวเก่า กูเกิลเตรียมเลิกจ้างพนักงานชั่วคราว 10,000 ตำแหน่ง ตอนนี้วิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐร้ายแรงเกินคาด ลามมาถึงพนักงานประจำที่ทำงานแบบเต็มเวลาของกูเกิล ซึ่งถือได้ว่าเป็นตำแหน่งงานที่มั่นคงมากเป็นอันดับต้นๆ ของซิลิคอน วัลเลย์
แถมพนักงานชุดแรกที่ปลด 100 คนนี้จะเป็น recruiter หรือฝ่ายที่สรรหาพนักงานใหม่เข้ามาทำงาน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ากูเกิลไม่ต้องการพนักงานใหม่มากเท่าไรนักในช่วงนี้
ที่มา - Valley Wag
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในปีนี้ โซนี่มีรายการขาดทุนที่เกิดจากการดำเนินงาน (Operating Loss) ที่จะประกาศในเดือนมีนาคมที่จะมาถึงมากกว่า 1 แสนล้านเยน (ประมาณ 37,000 ล้านบาท) แทนที่คาดการณ์เดิมไว้ว่าจะกำไร 200 ล้านเยน ซึ่งเป็นครั้งแรกของโซนี่ในรอบ 14 ปี ที่ขาดทุนขนาดนี้
โดยสาเหตุของการขาดทุนในครั้งนี้เชื่อว่ามาจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้สินค้าขายได้น้อยลง นอกจากนี้ค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ก็มีส่วนทำให้เรื่องแย่ลงด้วย นักวิเคราะห์มองทางออกของโซนี่ว่าอาจจะต้องทำการลดจำนวนพนักงานลง, ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเสียใหม่ หรือแม้กระทั่งขายบางส่วนของบริษัทออกไป
สำนักพิมพ์ Ziff Davis ตัดสินใจขายเว็บไซต์ 1UP.com, Mycheats.com, Gametab.com, และ GameVideos.com ให้กับ UGO Entertainment บริษัทลูกในเครือ Hearst Corporation หนึ่งในองค์กรสื่อรายใหญ่ของโลก
1UP.com เป็นเว็บไซต์ข่าวและบทความวิดีโอเกมที่ Ziff Davis ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) และกลายเป็นแหล่งข้อมูลต้นฉบับให้กับนิตยสาร Electronic Gaming Monthly (EGM) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อทาง 1UP.com ถูกขายออกไปก็ส่งผลให้นิตยสาร EGM ปิดตัวตามลงไปด้วยโดยปริยาย ซึ่งนิตยสารฉบับนี้เริ่มตีพิมพ์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) และจะตีพิมพ์ฉบับเดือนมกราคม พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) เป็นฉบับสุดท้าย
CCP บริษัทผู้พัฒนาเกม EVE Online กำลังพิจารณาย้ายออกจากบ้านเกิดไอซ์แลนด์ หลังเศรษฐกิจของประเทศล่มสลาย โดยภาคธนาคารของไอซ์แลนด์มีหนี้สูงกว่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 483 พันล้านบาท ซึ่งสูงเป็น 10 เท่าของจีดีพีของประเทศบนเกาะกลางมหาสมุทรแอตแลนติกนี้
ธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศ 3 แห่งถูกเข้าควบคุมโดยรัฐบาล ในขณะที่เงินเฟ้อพุ่งสูง 17% และอัตราคนว่างงานเป็นเลขสองหลักแล้ว ท่ามกลางวิกฤตินี้ รัฐบาลสั่งควบคุมการเข้าถึงเงินตราต่างประเทศอย่างเข้มงวด ซึ่งส่งผลกระทบต่อ CCP ที่มีรายได้หลักจากผู้เล่นต่างประเทศ โดย CCP มีออฟฟิศต่างประเทศอยู่ในอังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, และจีน
หลังจากบริษัทอื่นเลิกจ้างพนักงานเพราะวิกฤตเศรษฐกิจกันถ้วนหน้าแล้ว ก็มีข่าวลือหนาหูว่าจะถึงคิวของไมโครซอฟท์ในวันที่ 15 มกราคม 2009 นี้
ต้นตอของข่าวลือมาจากเว็บไซต์ Fudzilla ซึ่งให้ข้อมูลว่าพนักงานของไมโครซอฟท์ 15,000 คน (จากทั้งหมด 90,000 คน หรือคิดเป็น 17%) จะโดนบอกเลิกจ้าง โดยแผนกที่น่าจะโดนเยอะสุดคือ MSN และภูมิภาค EMEA (Europe, Middle East and Africa)
การวิเคราะห์ของสำนักข่าวอื่นๆ มองว่าน่าจะมีการเลิกจ้างจริง แต่ว่าตัวเลข 17% อาจจะดูเกินจริงไปสักหน่อย
ตั้งแต่มีการซื้อขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตขึ้นมา ไม่มีซักครั้งที่ปีต่อปี ยอดขายจะลดลง แต่ปีนี้ ยอดขายสินค้าช่วงคริสต์มาสกลับลดลงถึง 3% หากเทียบกับเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
โดยยอดขายสินค้าช่วงคริสต์มาสหรือช่วงวันหยุดยาวของสหรัฐฯ จะนับตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายนจนถึง 23 ธันวาคมของแต่ละปี โดยปีนี้ยอดขายรวมนั้นสิ้นมีเพียงแค่ 2.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 2.63 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสาเหตุส่วนใหญ่เอง ก็หนีไม่พ้นพิษเศรษฐกิจนั่นเอง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จำนวนการซื้อขายสินค้าออนไลน์อาจจะลดลง แต่ผู้ขายสินค้าบางรายพบกับจำนวนยอดขายที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน ๆ เช่น Amazon หรือ Cyber Monday ที่บอกว่ายอดขายสินค้านั้นสูงขึ้นกว่าปีก่อน ๆ
ธรรมเนียมการเลี้ยงข้าวเที่ยงพนักงานฟรีเป็นอีกธรรมเนียมหนึ่งของอุตสาหกรรมไอทีในสหรัฐ บริษัทที่มีชื่อเสียงในเรื่องนี้คือกูเกิล (กูเกิลอธิบายว่าเป็นการลดเวลาเดินทางของพนักงาน ในการออกไปหาข้าวกินข้างนอก) แต่ก็มีบริษัทที่ดำเนินนโยบายแบบนี้อีกหลายแห่งที่ไม่ดังเท่า
แต่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐ ทำให้บริษัทจำนวนมากเริ่มลดจำนวนพนักงานลงมา และประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ เท่าที่จะทำได้ ค่าใช้จ่ายที่ว่านี้รวมถึงค่าข้าวเที่ยงด้วย
บริษัท Fox Interactive Media ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MySpace และมีเว็บดังๆ ในเครืออีกหลายแห่งเช่น GameSpy, IGN, Photobucket และ Rotten Tomatoes ถึงแม้จะไม่ลดจำนวนพนักงาน แต่ก็ประกาศมาตรการ 3 ข้อดังนี้
เราเพิ่งได้ข่าวแอปเปิลประกาศถอนตัวจาก MacWorld Expo (ลาก่อน MacWorld - ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว, Macworld Expo เชื่อว่าไม่มีแอปเปิล ยิ่งดีกว่าเดิม) ตอนนี้มีอีกบริษัทที่เลิกจัดงานประชุมประจำปีแล้ว นั่นคือ Novell
ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่ละบริษัทก็เริ่มลดรายจ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นปรับลดพนักงานออก โดยเฉพาะพนักงานที่ไม่ได้มีผลกับรายได้ของบริษัทโดยตรงอย่างพนักงานไอที หลายเว็บก็ได้ทำหน้าพิเศษในการนับจำนวนพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง โดยตัวเลขจาก TechCrunch ตอนนี้ตัวเลขผ่าน 100,000 ตำแหน่งไปแล้ว จาก 300 บริษัทในธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ โดยมีตัวเลขเศร้าๆ ที่น่าสนใจดังนี้
จากข่าวเก่าเมื่อเดือนตุลาคม Yahoo! เตรียมปลดพนักงาน ประมาณ 1,000-3,000 คน วันนี้มันเริ่มต้นแล้วครับ ตัวเลขคือ 1,520 คนซึ่งส่วนมากเป็นพนักงานในสหรัฐอเมริกา โดย Wired รายงานว่าฝ่ายที่โดนปลดคือพนักงานทั่วไปที่ไม่ใช่สายไอที เช่น ธุรการ บุคคล ฯลฯ
การปลดคนครั้งนี้จะช่วยลดรายจ่ายให้ Yahoo! ลง 400 ล้านดอลลาร์ (รายจ่ายทั้งหมดของปีงบประมาณที่แล้วคือ 3,900 ล้านดอลลาร์) โฆษกของบริษัทแถลงว่า Yahoo! ยังเตรียมจะปิดธุรกิจฝ่ายที่ไม่สำคัญต่อทิศทางของบริษัท
จากข่าวเก่า ที่ว่าบริษัทโมโตโรล่าในสหรัฐ กำลังปรับปรุงโครงสร้างยกใหญ่เพื่อหนีตาย และข่าวลือตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่จะสาขาในประเทศไทยจะปิดตัวลง วันนี้มีข่าวออกมาจากโมโตโรล่าในไทยเป็นทางการแล้วครับ
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า สำนักงานของโมโตโรล่าในประเทศไทย จะถูกยุบลงเหลือเพียงงานบริการหลังการขาย และฝ่ายเทคนิคดูแลทดสอบเครื่องนำเข้า โดยฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย จะย้ายไปขึ้นอยู่กับสำนักงานที่สิงคโปร์แทน นอกจากนี้ร้านค้า (โมโตช็อป) ก็เตรียมลดจาก 7-8 แห่งเหลือเพียง 3-4 แห่ง และสำหรับพนักงานโมโตโรลาประเทศไทยฝ่ายการตลาดที่ได้รับผลกระทบซึ่งมีประมาณ 30-40 คนก็จะทำงานจนถึงปลายปีนี้
ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐลามไปถึงกูเกิลแล้ว กูเกิลเตรียมจะปรับลดพนักงานแบบสัญญาจ้างชั่วคราว (contractor) จำนวนประมาณ 10,000 ตำแหน่ง พนักงานส่วนนี้บางส่วนอาจถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นพนักงานประจำเต็มเวลา แต่ลดสวัสดิการหลายอย่างลงไป (รวมถึงหุ้น) ซึ่งในภาพรวมจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง
ปัจจุบันกูเกิลมีพนักงานประจำอยู่ประมาณ 20,000 คน แต่มีพนักงานรวมประมาณ 30,000 คน ผู้ก่อตั้ง Sergey Brin ให้ความเห็นว่าพนักงานชั่วคราวจำนวน 10,000 คนนี้มีจำนวนมากเกินไป มีรายงานว่ากูเกิลวางแผนปรับลดพนักงานกลุ่มนี้มาประมาณ 6 เดือนแล้ว
หลังจากมีปัญหารายได้ในไตรมาสก่อนลดลง ซันได้ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยจะแบ่งธุรกิจซอฟต์แวร์ออกเป็น 3 ฝ่ายย่อยดังนี้
ผลของการปรับโครงสร้างรอบนี้ จะทำให้ซันต้องปลดพนักงานประมาณ 6,000 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็น 15-18% ของพนักงานซันทั่วโลก ซันคาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 700-800 ล้านดอลลาร์ต่อปี และพลิกสถานการณ์มาเป็นกำไร 7% ได้ในปี 2010 (ซันคาดว่าปีงบประมาณ 2009 นี้จะขาดทุน 0.5%)