คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตสมาร์ทโฟน Arirang ในกรุงเปียงยางเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีรหัสรุ่นว่า AS1201 ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ แต่ไม่มีข้อมูลละเอียดกว่านี้ ตามข่าวบอกว่ามันถูกผลิตในเกาหลีเหนือทั้งหมด แต่ก็มีคนคาดเดาว่าจริงๆ แล้วอาจผลิตในจีนแล้วส่งมายังเกาหลีเหนือก็เป็นได้
สำนักข่าวแห่งชาติของเกาหลีเหนือ (KCNA) เขียนถึงเรื่องนี้ว่า คิมจองอึนชมเชยแบรนด์ Arirang ว่าคงไว้ซึ่งความภาคภูมิใจของชาติเกาหลี และช่วยให้คนเกาหลีภาคภูมิใจในฝีมือของตัวเอง เขายังดีใจที่ได้รับทราบว่าคนเกาหลีเหนืออยากได้สมาร์ทโฟนตัวนี้กันมาก
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเกาหลีเหนือเริ่มต้อนรับนักท่องเที่ยวมากขึ้นด้วยการเปิดให้นักท่องเที่ยวนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปใช้งานในประเทศได้ และยังมีขายซิมการ์ดที่ให้บริการทั้งโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตที่ไม่มีการปิดกั้นใดๆ แต่บริการอินเทอร์เน็ตนั้นเพิ่งเริ่มให้บริการได้เพียงเดือนเดียวก็ถูกยกเลิกแล้ว
ไม่มีการระบุเหตุผลว่าทำไมบริการอินเทอร์เน็ตจึงถูกยกเลิกไป ความเป็นไปได้มีตั้งแต่ความตึงเครียดกับเกาหลีใต้ ไปจนถึงซิมการ์ดอาจจะตกไปถึงมือของประชาชนเกาหลีเหนือเอง
และหลังจากนี้เราก็ไม่อาจจะรู้ได้อีกแล้วว่า "คนเกาหลีเหนือเขากินอะไรกัน"
ที่มา - TechCrunch
ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ พรรค Pirate Party ของประเทศนอร์เวย์ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาไม่สามารถรับฝากเว็บ The Pirate Bay ได้อีกต่อไป เพราะว่าถูกกดดันจากกลุ่มเจ้าของลิขสิทธิ์ภายในประเทศเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในสวีเดน แต่หลังจากที่ออกมาประกาศได้ไม่นาน เว็บ The Pirate Bay ก็กลับมาออนไลน์อีกครั้ง คราวนี้เซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ที่ประเทศเกาหลีเหนือ (ถ้าลอง trace route ดูจะพบว่าลิงค์สุดท้ายอยู่ในเกาหลีเหนือ)
ในปี 2012 เกาหลีเหนือมีมือถือลงทะเบียนใช้งานกว่า 1.5 ล้านเครื่อง แต่เนื่องจากการจ่ายไฟฟ้าในเกาหลีเหนือเป็นไปอย่างจำกัด (ในบ้านพักอาศัย บางพื้นที่อาจไม่มีไฟให้ใช้นานถึง 3-4 วัน) การมีสายชาร์จแต่ไม่มีไฟให้ชาร์จ คงหาประโยชน์อะไรจากมันไม่ได้นัก
ด้วยเหตุนี้เอง ช่างไฟชาวเกาหลีเหนือจึงพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ชาร์จมือถือผ่านแบตเตอรี่ 12V หรือแบตเตอรี่รถยนต์ที่นำเข้าจากจีน อุปกรณ์นี้เพิ่งออกวางขายเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันได้รับความนิยมถล่มทลายในตลาดเกาหลีเหนือ
เราเคยเห็นข่าวคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือคนก่อนมี MacBook Pro ไว้ในครอบครองกันมาแล้ว คราวนี้เป็นคิวของผู้นำคนปัจจุบัน คิม จอง อึน ที่มีภาพถ่ายพร้อมกับมือถือปริศนาเครื่องหนึ่งวางอยู่ข้างๆ ตัวขณะกำลังประชุม
ตอนนี้เราไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการว่ามือถือนี้ยี่ห้ออะไรกันแน่ แต่ดูจากภาพแล้วไม่ใช่สินค้าของแอปเปิล และทางโฆษกของซัมซุงก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่มือถือซัมซุงเช่นกัน
เว็บไซต์ The Register ลงความเห็นว่ามันคือ HTC Desire สีดำที่น่าจะซื้อมาจากประเทศจีน อันนี้ใครมองว่าเป็นอย่างอื่นก็มาแชร์กันได้ครับ (ภาพเต็มๆ ดูได้ตามลิงก์)
หลังจาก Eric Schmidt ประธานบอร์ดกูเกิลได้ไปเยือนเกาหลีเหนือ (ข่าวเก่า) และดูเหมือนการไปเยือนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จด้วยดี เนื่องจาก Google Maps ได้เพิ่มแผนที่ของเกาหลีเหนือแล้ว
การเปิดเผยแผนที่ของกูเกิลนี้ เป็นสัญญาณว่าสถานการณ์ของเกาหลีเหนือว่าดีขึ้นบ้างแล้ว โดยกูเกิลได้เปิดเผยแผนที่เป็นบริเวณกว้าง แต่อัพเดตแผนที่นี้ยังไม่ได้เปิดให้ใช้โดยทั่วกัน ทั้งข้อมูลถนนและข้อมูลอื่น ๆ บนแผนที่รอบเมืองเปียงยาง จากที่เคยเป็นพื้นที่ว่างเปล่าใน Google Maps มาตลอด
ผู้อ่าน Blognone คงทราบข่าว Eric Schmidt เยือนเกาหลีเหนือ (และข่าว Eric Schmidt แนะผู้นำเกาหลีเหนือเลิกแบนอินเทอร์เน็ต) กันแล้ว คราวนี้เป็นตัว Schmidt เองและลูกสาวของเขาที่เดินทางไปด้วยกัน ออกมาเล่าประสบการณ์การเยือนเกาหลีเหนือจากปากของพวกเขาเองบ้าง
Eric Schmidt
Eric Schmidt โพสต์เนื้อหาสั้นๆ ใน Google+ ของเขาว่าได้รับเชิญจากอดีตผู้ว่าการรัฐ Bill Richardson ให้ร่วมทริปเยือนเกาหลีเหนือเป็นการส่วนตัว (private visit) เพื่อไปพูดเรื่องอินเทอร์เน็ตเสรี
แหล่งข่าวซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคชาวอียิปต์ของบริษัท “กอร์โยลิงก์” ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านโทรคมนาคม ระหว่างรัฐบาลเกาหลีเหนือ และ อียิปต์ เผยกับสื่อในความควบคุมของรัฐบาลจีนว่า ที่ผ่านมาได้พยายามอย่างหนักในการเจรจากับหน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลเกาหลีเหนือ จนทางการอนุญาตให้ชาวต่างชาติ นำโทรศัพท์มือถือมาใช้งานได้ภายในประเทศ
หลังจากที่ Eric Schmidt ประธานของกูเกิลได้ไปเยือนประเทศเกาหลีเหนือกับ Bill Richardson อดีตผู้ว่าการรัฐ New Mexico แล้ว Schmidt ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สั้น ๆ กับนักข่าวในกรุงปักกิ่งว่าเขาอยากให้ผู้นำเกาหลีเหนือเลิกการแบนอินเทอร์เน็ต ไม่เช่นนั้นเกาหลีเหนือก็คงจะ "ล้าหลัง" ต่อไป
นอกจากนี้แล้ว Schmidt ยังบอกอีกว่าเครือข่ายมือถือ 3G ภายในประเทศเกาหลีเหนือสามารถแก้ไขให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ไม่ยากเลย โดยทุกวันนี้ผู้ที่ใช้เครือข่าย 3G ของเกาหลีเหนือสามารถที่จะเข้าใช้ระบบ Intranet ที่ล็อคให้ผู้ใช้เข้าใช้งานได้เฉพาะบริการ World Wide Web ภายในประเทศได้เท่านั้นอยู่แล้ว
Eric Schmidt ประธานบริหาร Google พร้อมด้วย Bill Richardson อดีตผู้ว่าการรัฐ New Mexico เตรียมเดินทางไปยังเกาหลีเหนือเพื่อปฏิบัติ"ภารกิจด้านมนุษยธรรม"
แม้ว่ารายละเอียดและกำหนดการที่แน่ชัดยังไม่เป็นที่เปิดเผย แต่สำนักงานของ Richardson ได้ออกมายืนยันเรื่องแผนการเยือนเกาหลีเหนือในครั้งนี้แน่นอนแล้ว แม้ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาฯ เองจะไม่เห็นด้วยก็ตาม ทั้งนี้เป็นผลจากการทดสอบขีปนาวุธวิถีไกลของโสมแดงเมื่อไม่นานมานี้
หนึ่งในผู้ติดตามคณะเดินทางครั้งนี้คือ Jared Cohen ผู้อำนวยการของ Google initiative ซึ่งว่ากันว่าเป็นนักคิดคนสำคัญของ Google ทั้งยังเป็นผู้ร่วมแต่งหนังสือกับ Schmidt ว่าด้วยเรื่องอิทธิพลของอินเทอร์เน็ตต่อสังคมโลก
แม้จะปิดประเทศมาเป็นเวลานาน แต่เกาหลีเหนือก็ยังเปิดให้มีมหาวิทยาลัยและชนชั้นนำกลุ่มหนึ่งสามารถเรียนวิชาระดับสูงได้ ล่าสุดก็มีบริษัท Nosotek เปิดให้บริการเอาท์ซอร์สแก่บริษัทภายนอก และได้ทำเกม Pyongyang Racer เกมขับรถชมเมืองรอบกรุงเปียงยาง
โปรแกรมเมอร์ของบริษัท Nosotek เป็นนักคณิตศาสตร์มากกว่า 50 คนที่ถูกเลือกมารับการฝึกด้านคอมพิวเตอร์ใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ภาษาแอสแซมบลีไปจนถึง C#
จุดเด่นของบริษัทนี้คือการรักษาความลับของซอฟต์แวร์ที่ทำ (คนเกาหลีเหนือคงไม่พูดกับเพื่อนหรือญาติเรื่องงานกันนัก) และที่สำคัญคืออัตราการย้ายงานต่ำมาก ทำให้สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ต่อเนื่อง
เมื่อเดือนที่แล้ว มีข่าวว่าเกาหลีเหนือห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงไว้ทุกข์ผู้นำ 100 วัน ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั้งโลกพอสมควร
ล่าสุดนี้ บริษัท Orascom ซึ่งเป็นโอเปอเรเตอร์รายเดียวของประเทศเกาหลีเหนือ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ข่าวห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในเกาหลีเหนือนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล เพราะว่าบริษัท Orascom ประสบความสำเร็จมากในเกาหลีเหนือและซีอีโอของบริษัทเพิ่งจะเดินทางไปเกาหลีเหนือเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้แล้ว ถ้าเกาหลีเหนือต้องการจะห้ามใช้โทรศัพท์มือถือจริงๆ การสั่งปิดเครือข่ายไปเลยยังสมเหตุสมผลกว่าการสั่งห้ามไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือ
หนังสือพิมพ์ The Telegraph ของอังกฤษรายงานข่าวว่า ในช่วงไว้ทุกข์ 100 วันหลังการเสียชีวิตของผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อิล มีสิ่งต้องห้ามสำหรับประชาชนอยู่ 2 อย่าง คือ หลบหนีข้ามพรมแดนไปยังประเทศจีน และการใช้งานโทรศัพท์มือถือ
ผู้ที่พยายามหลบหนีข้ามพรมแดน หรือใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อรับข่าวสารจากภายนอกประเทศ (โดยเฉพาะข่าวการโค่นล้มผู้นำในตะวันออกกลางและแอฟริกา) จะมีสถานะเป็น "อาชญากรสงคราม" และมีโทษคือถูกส่งไปอยู่ในค่ายแรงงานชั่วระยะเวลาหนึ่ง สำหรับคนที่กระทำผิดซ้ำหลายครั้งจะต้องรับโทษประหาร
มาตรการของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ถือเป็นความพยายามสร้างเสถียรภาพทางการเมืองหลังผลัดเปลี่ยนผู้นำใหม่
หลังจากที่ประเทศประสบปัญหาเพราะถูกคว่ำบาตรจาก UN เนื่องด้วยปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือก็หันมาหาเงินเข้าประเทศด้วยวิธีการที่หลายคนคงคาดไม่ถึง นั่นก็คือการแฮกเกม ออนไลน์เพื่อหาเงินเข้าประเทศ
โดยเกาหลีเหนือใช้แฮกเกอร์กว่า 30 ชีวิตเขียนโปรแกรมเพื่อเจาะเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์เกม และทำการปล่อยโปรแกรม (น่าจะเรียกได้ว่าบอท) เพื่อเล่นเกมแบบอัตโนมัติบนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งประเทศที่ถูกใช้เป็นฐานปฎิบัติการครั้งนี้ก็คือจีน (อาจจะเพราะ IP จากเกาหลีเหนือโดนแบน)
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีที่แล้วที่ Koryolink สามารถหาลูกค้า 3G ในเกาหลีเหนือได้ถึงสามแสนราย ปีที่การเติบโตของผู้ใช้ 3G ในเกาหลีเหนือก็กำลังเติบโตช้าลงเป็นอย่างมาก โดยเมื่อสิ้นเดือนมีนาึคมที่ผ่านมามีผู้ใช้กว่า 500,000 ราย แต่ทั้งไตรมาสเพิ่มขึ้นเำพียงประมาณ 100,000 คนเท่านั้น
เมื่อไตรมาสที่สี่ของปี 2010 ผู้ใช้ของ Koryolink เพิ่มขึ้น 130,000 คน อัตราการเติบโตของตลาดในตอนนี้จึงช้าลงอย่างต่อเนื่องแต่ในแง่ของรายได้แล้ว ไตรมาสแรกของปีนี้ Koryolink ทำรายได้ได้ถึง 25.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการเปิดบริการ MMS ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
เครือข่าย 3G ของ Koryolink ครอบคลุมประชากร 92% ของเกาหลีเหนือ
บริษัท KoryoLink ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G ในเกาหลีเหนือได้ระบุว่ายอดผู้ใช้ไตรมาสที่ผ่านมา (สิ้นสุดที่เดือนกันยายน) มีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G กับ KoryoLink รวมแล้ว 301,199 คน เพิ่มขึ้น 63% ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 18.4 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นกำไรก่อนหักภาษี, ดอกเบี้ย, และค่าเสื่อม 7.5 ล้านดอลลาร์
ในตอนนี้เครือข่ายของ KoryoLink ครอบคลุม 42 เมืองและทางหลวง 22 เส้นคิดเป็นพื้นที่ให้บริการประชาชนร้อยละ 75 โดยภายในสิ้นปีนี้น่าจะครอบคลุมประชาชนได้ร้อยละ 91
บริษัทให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเกาหลีเหนือมีสองบริษัทคือ KoryoLink เป็นอันดับหนึ่ง และยังมี Sunnet ที่ให้บริการ 2G เป็นผู้ให้บริการอันดับสอง
เมื่อไม่นานมานี้สำนักข่าว Telegraph ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือได้เปิด Facebook ชื่อ uriminzokkiri ขึ้นมา (ซึ่งชื่อก็ใกล้เคียงกับ Twiiter ที่มีข่าวไปก่อนหน้านี้) แต่ล่าสุดตามการรายงานโดย Alejandro Cao de Benos ผู้แทนพิเศษของคณะกรรมการด้านความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ (Committee for Cultural Relations with Foreign Countries) ที่ตั้งอยู่ในเกาหลีเหนือผ่าน Forbes (นิตยสารธุรกิจชั้นนำ) ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการกับเว็บไซต์เหล่านี้โดยตรงแต่ดำเนินโดยผู้สนับสนุนที่อาศัยอยู
รัฐบาลเกาหลีเหนือหันมาใช้ Twitter แล้ว โดยใช้ชื่อว่า @uriminzok เนื้อหาที่โพสต์ส่วนมากจะพ่วงกับเว็บไซต์แห่งชาติ http://www.uriminzokkiri.com ซึ่งเราน่าจะพอเดากันได้ว่าเกี่ยวกับชาตินิยมเกาหลีเหนือ รวมถึงกรณีพิพาทกับเกาหลีใต้ในเรื่องการจมเรือรบเมื่อเร็วๆ นี้ด้วย
เกาหลีใต้บล็อคหน้าเว็บทั้งสองแล้ว แต่ในเกาหลีเหนือเองก็มีคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เยอะนัก
ที่มา - AFP
ขณะที่บ้านเรากำลังเล็ง 3G กันอยู่ในปีนี้ เกาหลีเหนือก็ประกาศให้บริการเว็บผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรก
การเปิดให้บริการนี้ไม่ใช่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด แต่เป็นการให้บริการเว็บของทางรัฐบาลเกาหลีเหนือ โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปฟังเพลง, หาข้อมูลหนังสือ, วัฒนธรรมเกาหลี, และข้อมูลการลงทุนในเกาหลีเหนือได้
โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเกาหลีและบริษัทสื่อสารจากอียิปต์ โดยปรกติแล้วอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีของสหรัฐฯ นั้นไม่สามารถส่งเข้าไปในเกาหลีเหนือได้ เนื่องจากอยู่ในรายชื่อประเทศก่อการร้าย
นานมาแล้วที่โลกภายนอกไม่รู้ความเคลื่อนไหวของประเทศเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการโทรคมนาคม ผมจึงขอนำข่าวนี้บันทึกไว้ใน blog ครับ
Orascom บริษัทโทรคมนาคมของอียิปต์ประกาศความพร้อมเปิดใช้โครงข่ายสื่อสารไร้สายในดินแดนเกาหลีเหนือแล้ว โดยเริ่มแรกให้บริการในเปียงยาง (Pyongyang) ก่อน แต่ข่าวที่ปรากฏนั้นยังไม่ชัดเจนว่า จะมีผู้ให้บริการรายใดมาต่อเชื่อมโครงข่ายด้วย
ทั้งนี้แหล่งข่าวจากวิทยุเอเชียเสรี รายงานว่าบริษัทจะลงทุนเพิ่มเติมอีก และเตรียมขยายพื้นที่บริการไปยังส่วนต่างๆของประเทศในปี 2552 ซึ่งคาดกันว่าอาจมีการลงทุนในการสร้างโครงข่ายมากกว่า 400 ล้านเหรียญ (ประมาณ 14,400 ล้านบาท)