กูเกิลเปิดโครงการ Google Play Security Reward Program สำหรับการจ่ายโบนัสให้กับนักวิจัยเมื่อได้รายงานช่องโหว่ร้ายแรงให้กับผู้ผลิตแอปใน Google Play ที่ไม่ใช่กูเกิล เป็นการจ่ายเงินเพิ่ม 1,000 ดอลลาร์จากที่ผู้พัฒนามีโครงการจ่ายเงินให้รางวัลอยู่ก่อน
ช่องโหว่ตอนนี้ต้องเป็นช่องโหว่รันโค้ดระยะไกล (remote code execution) เท่านั้น โดยครอบคลุมไปถึง Android 4.4 ขึ้นไป กูเกิลระบุว่าผู้ผลิตที่แสดงความตั้งใจว่าจะแก้ไขช่องโหว่จึงได้รับเชิญเข้าโครงการนี้
ผู้ผลิตแอปกลุ่มแรกที่เข้าร่วมโครงการได้แก่ Alibaba, Dropbox, Duolingo, Headspace, LINE, Mail.ru, Snapchat, และ Tinder โดยกูเกิลระบุว่าเปิดให้ผู้ผลิตรายอื่นสมัครเข้าร่วมโครงการได้เรื่อยๆ
กูเกิลปรับปรุงหน้าตาของ Google Play บางส่วน โดยเปลี่ยนดีไซน์หน้า Editor's Choice ใหม่สำหรับผู้ใช้ในบางประเทศ ส่วนของเกมยังปรับปรุงหน้าตาใหม่ เพิ่มภาพและเทรลเลอร์เกมมากขึ้น พร้อมเพิ่มหมวดเกมใหม่คือ New สำหรับเกมใหม่ และ Premium สำหรับเกมที่ต้องจ่ายเงิน
กูเกิลยังผนวกเอาฟีเจอร์ Instant Apps เข้ามารวมกับ Google Play ให้มากขึ้น โดยเพิ่มปุ่ม Try it Now บนหน้ารายการแอพ เพื่อให้ลองใช้แอพก่อนโดยไม่ต้องติดตั้ง
บริษัทความปลอดภัย Check Point ตรวจพบแอพ Android จำนวนอย่างน้อย 50 ตัวที่ฝังมัลแวร์และหลุดรอดการตรวจสอบของกูเกิลขึ้นไปอยู่บน Play Store ได้
Check Point เรียกมัลแวร์ตัวนี้ว่า ExpensiveWall เพราะมันจะสมัครบริการ SMS แบบเสียเงินเพื่อหารายได้จากผู้ใช้สมาร์ทโฟน จากสถิติของ Check Point พบว่ามีคนดาวน์โหลดแอพกลุ่มนี้ไปแล้ว 5.9-21.1 ล้านครั้ง (สถิติการดาวน์โหลดของ Google Play บอกเป็นช่วง) ล่าสุด Check Point แจ้งปัญหาไปยังกูเกิล และกูเกิลลบแอพทั้งหมดออกหมดแล้ว
ในแง่รูปแบบการโจมตีที่สมัคร SMS คงไม่มีอะไรใหม่ แต่ความน่าสนใจของเคสนี้คือเทคนิคของมัลแวร์ที่ "เข้ารหัส" โค้ดส่วนมัลแวร์เอาไว้ เพื่อให้หลบเลี่ยงการตรวจสอบของกูเกิลได้สำเร็จ
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กูเกิลเปิดตัว Google Play Protect ซึ่งเป็นการรีแบรนด์ระบบรักษาความปลอดภัยของ Android เป็นแบรนด์ใหม่ (จากเดิมที่ไม่มีชื่อเรียกเฉพาะ คราวนี้จัดชุดรวมเป็นแบรนด์เดียว ในแง่ฟีเจอร์เหมือนเดิม)
ล่าสุดกูเกิลประกาศขยายผลแบรนด์ Google Play Protect ไปอีกขั้น โดยจะเพิ่มโลโก้ของ Google Play Protect ไว้ข้างกล่องผลิตภัณฑ์ Android ที่ผ่านการรับรองจากกูเกิลด้วย
ปกติแล้วผลิตภัณฑ์ Android ที่จะติดตั้ง Google Play ต้องผ่านการรับรองจากกูเกิลเป็น "Certified Android" อยู่แล้ว ในแง่ความเปลี่ยนแปลงจึงไม่มีอะไรยกเว้นการแสดงโลโก้ให้เห็นชัดเจนขึ้นนั่นเอง
Google ได้ลบแอปออกจาก Play Store ไปกว่า 300 แอป หลังได้รับแจ้งจากฝ่ายวิจัยของบริษัท Akamai ว่าแอปที่ดูไม่มีพิษภัยเหล่านั้น (อาทิแอปเล่นหนังหรือริงโทน) แฝงมาด้วย botnet ที่ชื่อว่า WireX และใช้เครื่องที่ิติดตั้งแอปสำหรับการโจมตีแบบ DDoS
โฆษก Google ระบุตอนนี้กำลังพยายามลบแอปและ botnet ออกจากเครื่องที่มีปัญหาทั้งหมด โดยตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีเครื่องที่ติดมัลแวร์มีทั้งหมดกี่เครื่อง ขณะที่นักวิจัยของ Akamai คาดว่าจะอยู่ที่ราวๆ 7 หมื่นเครื่อง ขณะที่การโจมตีของ WireX บางกรณีมีการเรียกค่าไถ่ด้วย
ขณะที่นักวิจัยจากหลายบริษัท อาทิ Google, Akamai, Cloudflare, FLashpoint, Oracle Dyn ฯลฯ กำลังร่วมกันสืบสวนและแก้ปัญหานี้กันอยู่
กูเกิลประกาศปรับวิธีการจัดเรียงแอพใน Play Store โดยจะนำปัจจัยเรื่อง "คุณภาพ" ของแอพมาคำนวณด้วย
คำว่าคุณภาพในที่นี้ นับรวมเสถียรภาพของแอพ ความรวดเร็วในการทำงาน และอัตราการใช้งานแบตเตอรี่ อธิบายง่ายๆ คือแอพที่แครชบ่อยหรือกินแบตเยอะ ก็จะอยู่อันดับต่ำกว่าแอพที่แครชน้อย-ไม่เปลืองแบต
กูเกิลอธิบายว่าปรับอัลกอริทึมเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาปรับปรุงแอพของตัวเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ทุกคน กูเกิลยังแนะนำให้นักพัฒนาดูสถิติใน Play Console เพื่อเช็คว่าผู้ใช้พบปัญหาอะไรบ้างในแอพของเรา
บริษัทวิจัย Sensor Tower ออกรายงานอีกฉบับพูดถึงรายได้ของแอพอื่นที่ไม่ใช่เกมบนมือถือ (Non-Game) ถึงแม้กลุ่มเกมยังมีรายได้โตในอัตราที่สูง แต่กลุ่มไม่ใช่เกมมีความน่าสนใจว่าเติบโตในอัตราที่สูงกว่า
ไตรมาส 2/2017 ภาพรวมรายได้แอพที่ไม่ใช่เกมอยู่ที่ 2,430 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 56% จากไตรมาสที่ 2/2016 โดย App Store ยังมีส่วนแบ่งหลักราว 1.9 พันล้านดอลลาร์ และ Google Play 506 ล้านดอลลาร์
ถ้าดูเฉพาะจำนวนดาวน์โหลดอย่างเดียว อาณาจักร Facebook ยังครองพื้นที่ 3 ใน 5 อันดับแรกไว้ทุกแพลตฟอร์ม (Facebook, WhatsApp และ Instagram)
บริษัทวิจัย Sensor Tower เปิดเผยตัวเลขรายได้ของธุรกิจเกมบนมือถือในช่วงไตรมาสที่ 2/2017 ภาพรวมรายได้เพิ่มขึ้น 32% อยู่ที่ 12,200 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น iOS โต 34% และ Google Play โต 28%
เกมเป็นหมวดแอพที่ทำเงินหลักให้กับทั้ง App Store ของ iOS (77%) และ Google Play ของ Android (88%)
ภาพรวมเกมที่มียอดดาวน์โหลดสูงคือ Subway Surfers และเป็นอันดับ 1 บน Google Play ส่วนบน App Store คือ Honor of Kings ของ Tencent ซึ่งมีให้เล่นเฉพาะในประเทศจีน ขณะที่เมื่อจัดอันดับรายได้ Monster Strike ของ Mixi เป็นเกมที่ทำเงินสูงสุดบนทุกแพลตฟอร์ม และ 5 ใน 10 อันดับแรกเป็นเกมจากเอเชีย
Google Play เปิดหน้าใหม่ในชื่อว่า editorial page โดยเป็นการปรับปรุง Editors’ Choice เดิม เพื่อทำการแนะนำแอพให้ผู้ใช้ที่น่าสนใจได้ดีกว่าเดิม
editorial page จะเป็นการรวบรวมแอพเป็นส่วน ๆ โดยแอพเหล่านี้จะถูกคัดเลือกจากทีมงานของ Google Play ซึ่งเป็นแอพที่ให้ประสบการณ์ที่ดีเมื่อใช้งานบน Android มีธีมหลายแบบไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส, วิดีโอคอล ซึ่งในเซคชั่นใหม่นี้จะมาพร้อมกับคำอธิบายว่าทำไมทีมงานจึงชอบแอพเหล่านี้
หน้า editorial page นี้เริ่มเปิดให้ใช้งานแล้วบน Google Play ทั้งบนอุปกรณ์พกพาและเดสก์ท็อป ในประเทศออสเตรเลีย, แคนาดา, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ โดย Google จะขยายฟีเจอร์นี้ให้ครอบคลุมอีกหลายประเทศในอีกไม่นานนัก
Google Play Movies & TV ได้เริ่มเปิดใช้งานวิดีโอแบบ HDR ให้กับผู้ใช้ทั่วไปแล้ว โดยเทคโนโลยี HDR นี้จะปรับปรุงภาพเคลื่อนไหวของวิดีโอ ทำให้ภาพสีสดขึ้น มิติสีกว้างขึ้น และดูสมจริงมากขึ้น แต่ฮาร์ดแวร์จะต้องรองรับด้วย
สำหรับ Google Play Movies & TV นี้ จะเริ่มเปิดให้ใช้วิดีโอแบบ HDR เฉพาะในสหรัฐฯ และแคนาดาก่อนเท่านั้น โดยจะต้องใช้ Chromecast Ultra เพื่อการดูวิดีโอแบบ HDR โดยตอนนี้วิดีโอที่รองรับมาจากสองสตูดิโอใหญ่คือ Sony และ Warner Bros. โดยตอนนี้ Google ยังไม่ได้ให้รายละเอียดการเปิดตัววิดีโอแบบ HDR ในประเทศอื่นทั่วโลก บอกเพียงว่าจะมาในเดือนหน้าเท่านั้น
ข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Nokia เครื่องหิ้วโมเดล TA-1000 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะอัพเดทรอบเดือนกรกฎาคม (July Update) จะปลดล็อคฟีเจอร์ (ตัวเลือกเสริมที่ไม่อยู่ใน Change Log) ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง Google Play Store และ Google Play Services จากเดิมที่บริการเหล่านี้ถูกบล็อคไว้โดยตรงที่ Bootloader
นั่นหมายความว่า Nokia 6 รุ่นที่ทำตลาดในสาธารณรัฐประชาชนจีน จะรองรับการดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชันต่าง ๆ โดยตรงจาก Google Play Store
เฟิร์มแวร์รหัส 00CN_3_31A มีขนาด 380 MB ซึ่งรวมไปถึงการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัย การแสดงผลในภาษาอารบิกในแอพกล้องถ่ายภาพ และอื่น ๆ ตามที่มา
สมาร์ทโฟน Google Pixel เปิดตัวในการเข้าสู่บริษัทฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบของกูเกิล ผลการทดสอบก็ออกมาดีมาก แม้ราคาสูงแต่ก็ขายดี และกูเกิลเองก็ออกตัวว่าไม่ได้เน้นยอดขาย แต่สิ่งที่กูเกิลไม่เคยบอกคือ Google Pixel ขายได้เท่าไหร่กันแน่?
ในห้องย่อยของงาน Google I/O ทีมงาน Android ประกาศข้อมูลไว้สั้นๆ ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้ใช้ Android O จะสามารถอัพเดตไดรเวอร์กราฟิกผ่าน Play Store ได้โดยตรง
ตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลละเอียดในเรื่องนี้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจาก Project Treble ที่แยกส่วนของ OS หลักกับส่วนของไดรเวอร์ฮาร์ดแวร์ออกจากกัน
ที่มา - Android Police
ระบบรักษาความปลอดภัยของแอนดรอยด์อาศัยการเซ็นรับรองความถูกต้องของตัวแอปด้วยกุญแจของตัวนักพัฒนา ความลำบากอย่างหนึ่งคือหากนักพัฒนาไม่ได้เชี่ยวชาญพอจนกระทั่งทำกุญแจหายไป จะไม่สามารถอัพเดตแอปเดิมได้และต้องออกแอปใหม่แทน ตอนนี้ Google Play ก็ออกบริการแก้ไขปัญหานี้แล้วชื่อว่า Google Play App Signing
นักพัฒนาที่ต้องการเข้าใช้บริการนี้จะแยกกุญแจรับรองแอปเป็นสองส่วน คือ กุญแจสำหรับอัปโหลด (upload key) และกุญแจสำหรับรับรองแอป (signing key) โดยกุญแจรับรองแอปจะอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลเสมอ ส่วนกุญแจอัปโหลดจะอยู่บนเครื่องนักพัฒนาเหมือนเดิม เมื่ออัปโหลดแล้ว Google Play จะตรวจกุญแจอัปโหลดว่ารับรองมาถูกต้องแล้วรับรองตัวแอปใหม่ด้วยกุญแจรับรองแอป
กูเกิลเปิดตัวบริการความปลอดภัยแบรนด์ Google Play Protect สำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Google Play
กูเกิลมีบริการความปลอดภัยหลายอย่างบน Google Play มานานแล้ว เช่น การสแกนหาแอพอันตรายที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่องแล้วลบออกให้อัตโนมัติ และบริการตามหาเครื่อง-ควบคุมจากระยะไกล Find My Device เป็นต้น
คราวนี้กูเกิลนำบริการเหล่านี้มาจัดเป็นชุดรวมกันให้เห็นชัดๆ ภายใต้แบรนด์ Protect เพื่อให้ผู้ใช้เห็นการทำงานของระบบความปลอดภัยมากขึ้น อย่างใน Play Store เองก็จะแสดงสถานะการสแกนเหมือนกับที่เราเห็นในโปรแกรมแอนตี้ไวรัสทั่วไป
ผู้ที่ใช้งาน Google Play อยู่แล้วจะได้รับการคุ้มครองจาก Google Play Protect โดยอัตโนมัติ
Google ได้ออกอัพเดตแอพ Play Store ใหม่ โดยรอบนี้มาพร้อมกับไอคอนแบบใหม่ทั้งตัวไอคอนของแอพและการแจ้งเตือน คือจะใช้เป็นไอคอนสามเหลี่ยมโดด ๆ ไม่มีถุงช้อปปิ้งครอบอีกแล้ว หลังจากที่ถุงช้อปปิ้งถูกใช้มาตั้งแต่สมัย Android Market ซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้จะทำให้โลโก้ Play Store มีโลโก้เป็นรูปสามเหลี่ยมโดด ๆ ไม่มีอะไรตกแต่ง โดยไอคอนลักษณะนี้เริ่มใช้กับ Google Pixel เป็นครั้งแรก และจะปล่อยให้ผู้ใช้ Android บนอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ใช้งานต่อไป
บริษัทวิจัยแอพมือถือ App Annie ออกมาพยากรณ์ตลาดแอพของปี 2017 มองว่าตลาดรวมมีรายได้ราว 82,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน และใน 5 ปีข้างหน้า 2021 ตลาดจะอยู่ที่ 139,100 ล้านดอลลาร์ เติบโตเฉลี่ยปีละ 18% โดยมีเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดสำคัญ
App Store ของ iOS จะยังครองเบอร์หนึ่งในด้านรายได้ต่อไปถึงปี 2021 แต่ก็มีสิ่งน่าสนใจสำหรับปี 2017 นั่นคือหากรวมรายได้ Google Play กับร้านค้าแอพรายอื่นเข้าด้วยกัน (เช่น Amazon Appstore, Samsung Galaxy) รายได้จาก Android จะแซง iOS เป็นปีแรก โดย App Store คาดทำเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์, Google Play 42,000 ล้านดอลลาร์ และร้านค้าแอพอื่นๆ 36,000 ล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมาแม้ iOS จะมีจำนวนผู้ใช้น้อยกว่า Android แต่แอปเปิลก็มักย้ำเสมอว่านักพัฒนาทำเงินบนแพลตฟอร์มได้มากกว่า Android ก็ดูเหมือนตัวเลขนี้จะเปลี่ยนไปเสียแล้ว
ที่มา: App Annie ผ่าน Phone Arena
Google Play Store อนุญาตให้นักพัฒนาตั้งค่าลดราคาและช่วงเวลาที่ลดราคาของแอพหรือเกมส์ได้เอง โดยฝั่งผู้ใช้จะแสดงให้ทราบว่าแอพหรือเกมส์นั้นๆ ลดราคาจากราคาปกติเหลือเท่าไหร่และบอกด้วยว่าหมดเวลาลดราคาตอนไหน
สำหรับอัพเดตนี้ นักพัฒนาจะสามารถกำหนดราคาส่วนลดแอพหรือเกมส์ของตัวเอง โดยราคาต้องถูกลดอย่างน้อย 30% ของราคาเดิมและวันที่ลดราคาจะต้องมากกว่า 1 วันและไม่เกิน 8 วัน ที่สำคัญคือหากจะลดราคาใหม่ต้องรอไปอีก 30 วันจึงจะสามารถลดราคาได้ใหม่ ทั้งนี้อนุญาตให้ลดราคาได้เฉพาะแอพที่ขายเต็มราคาเท่านั้น ไม่รวม in-app purchases ของแอพ
สำหรับฝั่งผู้ใช้บน Google Play Store เมื่อเข้าไปที่หน้าแอพลดราคา ที่ปุ่ม Buy จะแสดงราคาที่ลดราคาแล้ว ส่วนด้านบนปุ่มจะแสดงราคาเต็มของแอพและกลางจอจะแสดงช่วงเวลาที่ยุติการลดราคา ทำให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจซื้อแอพหรือเกมส์ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ที่มา : 9To5Google
อย่างที่ทราบกันว่าบริการต่างๆ ของ Google ไม่สามารถเข้าไปให้บริการในจีนได้ 7 ปีแล้ว และด้วยขนาดของตลาดจีนแล้วดูเหมือนว่า Google จะไม่ได้ยอมให้เป็นเช่นนี้ไปตลอด เมื่อ The Information รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า Google กำลังเจรจาอยู่กับ NetEase ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ในจีน (ที่ทำข้อตกลงกับไมโครซอฟท์นำ MineCraft ทำตลาดในจีน) ในการเปิดบริการ Play Store ในประเทศจีน
อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันว่าการเจรจาจะสำเร็จลุล่วงแค่ไหนอย่างไร แต่หากสำเร็จคาดว่าการเปิด Play Store ของ Google อาจจะไม่แตกต่างกับ App Store ของแอปเปิลคือต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีน และแอพบางตัวจะไม่สามารถนำไปขายในตลาดจีนได้
Google ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อของ Android for Work และ Google Play for Work ซึ่งเป็นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับการทำงานมากขึ้น โดยชื่อเหลือเพียงแค่ Android และ Google Play เท่านั้น หรือว่าง่าย ๆ คือรวมเป็นส่วนหนึ่งของ Android และ Google Play โดยไม่ใช้ชื่อแยก ซึ่ง Google ก็ได้ให้เหตุผลถึงการเปลี่ยนแปลงไว้ว่า การปรับแบรนด์ให้ง่ายขึ้นนั้นเพื่อเป็นการสะท้อนว่า API ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกรวมเข้าไปยัง Android และ Google Play แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้แบรนด์แยกอีก
กูเกิลประกาศใช้วิธีอัพเดตไฟล์แอพแบบใหม่บน Google Play ส่งผลให้ขนาดไฟล์อัพเดตแอพ ลดลงเฉลี่ยถึง 65-90% จากไฟล์แอพตัวเต็ม (กรณีดาวน์โหลดใหม่) ช่วยให้กูเกิลประหยัดทราฟฟิกได้ถึงวันละ 6 petabyte
ไฟล์ APK ของ Android เป็นไฟล์ ZIP ที่ถูกบีบอัดเพื่อให้ขนาดเล็กตอนดาวน์โหลด ปัญหาของไฟล์ที่ถูกบีบอัดคือดูความเปลี่ยนแปลง (diff) ได้ยาก เพราะต่อให้เปลี่ยนไส้ในเพียงตัวอักษรเดียว แต่ไฟล์ที่บีบอัดแล้วจะมีข้อมูลบิตแตกต่างกันมาก ส่งผลให้ที่ผ่านมา กูเกิลต้องให้เราดาวน์โหลดไฟล์ APK ใหม่ทั้งก้อนเมื่อแอพมีอัพเดต แม้ว่าแอพจะอัพเดตเพียงนิดเดียวก็ตาม
Google ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์เกี่ยวกับ Google Play Movies & TV ที่สำคัญหลายอย่าง ดังนี้
4K Ultra HD คือ Google Play Movies จะเริ่มให้บริการภาพยนตร์แบบ 4K กับภาพยนตร์ที่รองรับกว่า 125 เรื่อง โดยใช้ VP9 โดยภาพยนตร์แบบ 4K จะสามารถซื้อได้ผ่านอุปกรณ์ Android และสตรีมมิ่งไปยัง Chromecast Ultra, Sony Bravia Android TV, Mi Box 3 ซึ่งผู้ใช้ Chromecast นั้นก็จะมีภาพยนตร์ให้ทดลองทันที คือ Ghostbuster และ Captain Phillips สามารถเข้าไปรับสิทธิภาพยนตร์ได้ทันทีที่เว็บ Chromecast Ultra และภาพยนตร์ 4K จะยังเปิดขายเฉพาะในสหรัฐฯ และแคนาดาเท่านั้น
Google ได้ประกาศผล Google Play Best of 2016 ซึ่งรวบรวบแอพ, เกม, เพลง,ภาพยนตร์, รายการทีวีและหนังสือที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับในปีที่ผ่านมาบน Google Play Store มีผลดังต่อไปนี้
Google ประกาศว่า Google Play Services 10.0.0 และ Firebase 10.0.0 ไคลเอนท์ไลบราลี่สำหรับ Android จะเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่จะรองรับ Android API ตั้งแต่ level 9 จนถึง 13 โดยไลบรารีเวอร์ชันถัดไปคือตั้งแต่ 10.2.0 ที่จะออกในต้นปี 2017 จะรองรับ Android API เฉพาะ level 14 ขึ้นไปเท่านั้น
หมายความว่า หากผู้ใช้ต้องการอัพเดต Google Play Services 10.2.0 หรือใหม่กว่า จำเป็นต้องใช้ Android 4.0 Ice Cream Sandwich หรือใหม่กว่าเท่านั้น ทำให้ Android 2.3 Gingerbread และ Android 3.0, 3.1, 3.2 Honeycomb ไม่รองรับไลบรารีรุ่นใหม่นี้
ทั้งนี้ หากนักพัฒนาเลือกที่จะพัฒนาแอพให้รองรับ API ที่รองรับ level ที่ขนาดต่ำกว่า 14 ก็สามารถทำได้อยู่ โดยใช้โค้ดดังนี้
กูเกิลประกาศจัดระเบียบพวกสแปมแอพหรือปั่นอันดับใน Google Play Store โดยเพิ่มระบบตรวจสอบแอพที่พยายามปั่นอันดับด้วยการจ้างติดตั้ง รีวิวปลอม หรือจ้างให้รีวิวด้วยคะแนนดีๆ ระบบของกูเกิลสามารถตรวจสอบพฤติกรรมลักษณะนี้ และถอดแอพออกจากระบบได้
กูเกิลเตือนให้นักพัฒนาแอพระมัดระวัง ถ้าหากสนใจจ้างบริษัทด้านการตลาดช่วยโปรโมทแอพ ก็ควรต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข Google Play Developer Policy อย่างเคร่งครัด
ที่มา - Android Developers Blog