Electronic Frontier Foundation
หลังกูเกิลประกาศยกเลิกขายโฆษณาแบบติดตามตัวตน แต่ประกาศเตรียมไปใช้ Federated Learning of Cohorts (FLoC) API ที่จับพฤติกรรมผู้ใช้เป็นกลุ่มแทน ทาง EFF ก็ออกมาวิจารณ์ว่ากูเกิลควรเลิกพยายามติดตามผู้ใช้
EFF ชี้ว่า FLoC เป็นการโยกหน้าที่ติดตามผู้ใช้ไปอยู่ในเบราว์เซอร์โดยตรง และเบราว์เซอร์จะพยายามวิเคราะห์ว่าผู้ใช้มีพฤติกรรมตรงกับกลุ่มใด แม้กูเกิลจะพยายามบอกว่า FLoC นั้นดีกว่าบริษัทจัดการข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลผู้ใช้เว็บเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก แต่ก็เป็นการติดตามตัวอยู่ดี
EFF มูลนิธิสนับสนุนความเป็นส่วนตัวโลกออนไลน์ ประกาศโครงการ STARTTLS Everywhere สนับสนุนให้เซิร์ฟเวอร์อีเมลเข้ารหัส โดยตัวเว็บเปิดให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้โดยง่ายว่าเซิร์ฟเวอร์อีเมลที่กำลังใช้งาน ไม่ว่าจะส่งหรือรับอีเมลนั้นรองรับการเข้ารหัสขณะเชื่อมต่อระหว่างเซิร์ฟเวอร์หรือไม่
เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์อีเมลนั้นต้องรองรับการเชื่อมต่อไม่เข้ารหัสด้วย เพื่อรองรับการทำงานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์เก่าๆ โครงการจึงสนับสนุนให้ผู้ดูแลอีเมลเซิร์ฟเวอร์ เพิ่มโดเมนเข้ารายการ STARTTLS Preload List เพื่อยืนยันว่าเซิร์ฟเวอร์นี้เข้ารหัสอย่างถูกต้อง หากอนาคตเซิร์ฟเวอร์อื่นพยายามเชื่อมต่อเข้ามาแล้วพบว่าเซิร์ฟเวอร์ไม่เข้ารหัส ก็จะสงสัยได้ทันทีว่ากำลังถูกดักฟัง
John Perry Barlow ผู้ร่วมก่อตั้ง Electronic Frontier Foundation หรือ EFF ได้เสียชีวิตแล้วอย่างสงบด้วยวัย 71 ปี
Barlow นั้นเป็นนักเคลื่อนไหวที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในโลกอินเทอร์เน็ต เขาเป็นผู้ก่อตั้ง EFF ในปี 1990 ร่วมกับ Mitch Kapor และ John Gilmore และใช้เวลากว่า 27 ปีทำงานใน EFF ตัว Barlow มีความเห็นว่าอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นสถานที่แห่งเสรีภาพ และมองเห็นว่าเทคโนโลยีสามารถสร้างผลร้ายได้มากราวกับที่มันสร้างผลดี โดยผลงานหลักของเขาจะเน้นเรื่องการต่อสู้เพื่อความเสรีบนโลกอินเทอร์เน็ต อย่างเช่นการยื่นฟ้องหน่วยงานสหพันธรัฐในการพยายามควบคุมข้อมูลออนไลน์และความเป็นส่วนตัวของประชาชนหลาย ๆ ครั้ง
EFF (Electronic Frontier Foundation) ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน Control Center ของ iOS 11 ที่เมื่อปิด Wi-Fi หรือ Bluetooth แล้ว ไม่ได้ปิดการทำงานอย่างสมบูรณ์จริง (อยากปิดให้หมดต้องไปที่ Settings) ตามข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะสร้างปัญหาทั้งความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้งาน เนื่องจาก UI ไม่ได้ทำงานอย่างที่มันแสดงออกมา ผู้ใช้งานเองก็จะสับสนสถานะของอุปกรณ์ในตอนนั้น
นอกจากนี้ EFF ยังมองว่าการออกแบบที่ให้ iOS 11 พยายามเชื่อมต่อกับอุปกรณ์และบริการอื่นตลอดเวลานั้น ทำให้มีโอกาสถูกโจมตีจากบุคคลภายนอกได้ง่ายขึ้น ซึ่งมองว่าแอปเปิลสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
มาตรฐาน Encrypted Media Extensions (EME) หรือมาตรฐาน DRM บนเว็บ เป็นมาตรฐานที่สร้างความขัดแย้งในชุมชนมาตรฐานเว็บตั้งแต่มันออกร่างแรกมา ความพยายามต่อต่านจากชุมชนโดยเฉพาะองค์กรโอเพนซอร์สอย่าง Free Software Foundation ก็ยังไม่เป็นผลนัก โดยฝั่งผู้ผลิตเบราว์เซอร์อย่างไมโครซอฟท์และกูเกิลเห็นด้วยกับมาตรฐานนี้ ทาง EFF ซึ่งต่อสู้เพื่อเสรีภาพอินเทอร์เน็ตเสนอแนวทางคือให้สมาชิกทำข้อตกลงเพิ่มเติม ในการมอบสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาให้กับชุมชน จากเดิมที่มอบให้สามารถอิมพลีเมนต์มาตรฐานได้อย่างเสรี ให้เพิ่มข้อตกลงว่าสมาชิกจะไม่ดำเนิ
จากกรณีเหตุปะทะระหว่างกลุ่มนิยมคนขาวแบบสุดโต่งกับกลุ่มต้านการเหยียดผิวเกิดขึ้นที่ชาร์ล็อตต์วิลล์จนทำให้วงการไอทีออกตัวต่อต้านชัดเจน ทั้ง GoDaddy, Google, Discord, Facebook, Twitter, Apple, Spotify ฯลฯ พร้อมใจกันระงับการใช้งานเว็บนาซีใหม่ (neo-Nazi) หรือ Daily Stormer กันเต็มที่ แม้จะมีทนายความอาวุโสจาก EFF เคยให้สัมภาษณ์กับ The Verge ว่า GoDaddy มีสิทธิที่จะไม่ให้บริการโดเมนแก่เว็บใดๆ ก็ย่อมได้
ล่าสุด EFF (Electronic Frontier Foundation) ผู้สนับสนุนให้มีการบริการคอนเทนต์อย่างเป็นกลาง ชี้แจงผ่านบทความการต่อสู้กับนาซีใหม่และอนาคตของเสรีภาพในการแสดงออก พูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่ามีทั้งอารมณ์ ตรรกะ และการบิดการใช้กฎหมายผสมผสานกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในอินเทอร์เน็ตสามารถใช้แทคติกใดๆ ก็ได้ที่ทำให้เสียงของเหล่า neo-Nazi เงียบลง ขณะเดียวกันฝั่งที่เราเห็นด้วยก็อาจจะได้รับผลกระทบในไม่ช้า
EFF ออกรายงาน Who has your back ประจำปีมาตั้งแต่ปี 2011 โดยปีนี้จัดกลุ่มคะแนนออกเป็น 5 หมวด ได้แก่ การทำตามแนวทางที่ดี, รายงานการขอข้อมูลโดยรัฐบาล, สัญญาว่าจะไม่ขายข้อมูลผู้ใช้, ต่อสู้กับคำสั่งความมั่นคง, และสนับสนุนการปรับปรุงกฎหมายความมั่นคง ผู้ที่ได้คะแนนเต็ม เช่น Adobe, Credo Mobile, Dropbox, Pinterest, Sonic, Uber, Wickr, และ Wordpress.com
ฝั่งที่คะแนนแย่มักเป็นผู้ให้บริการสื่อสาร เช่น AT&T, Comcast, T-Mobile, และ Verizon มีเพียง Credo Mobile เท่านั้นที่ได้คะแนนเต็ม
EFF (Electronic Frontier Foundation) องค์กรไม่หวังผลกำไรที่ทำด้านสิทธิของผู้ใช้งานไอที ได้เผยข้อมูลจากการศึกษาจนทราบว่าขณะนี้ FBI กำลังร่วมกับ NIST ซึ่งเป็นหน่วยงานออกมาตรฐานอุตสาหกรรมสหรัฐอเมริกา พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่จะวิเคราะห์ภาพรอยสักเพื่อช่วยในการระบุตัวตนอาชญากร
แนวคิดของโครงการนี้คือการใช้พลังการวิเคราะห์ภาพถ่ายรอยสักเพื่อนำมาทำข้อมูลเฉพาะตัวของอาชญากรแต่ละคน ขั้นตอนแรกของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์นี้เป็นการใช้ภาพถ่ายรอยสักของผู้ต้องคดีกว่า 15,000 ภาพ มาสอนให้ระบบรู้จักจำแนกแยกแยะลักษณะเฉพาะของรอยสักเหล่านั้น หลังจากนั้นจะเพิ่มจำนวนภาพถ่ายอีกกว่า 100,000 ภาพ โดยนำมาจากฐานข้อมูลของหน่วยงานรัฐใน Florida, Michigan และ Tennessee
ทำเทียบขาวออกร่างนโยบายการจ้างเขียนซอร์สโค้ดของรัฐบาลกลาง ระบุขั้นตอนการจ้างเขียนซอฟต์แวร์เป็นลำดับสามขั้นตอน
Let's Encrypt ในช่วงเริ่มโครงการนั้นพัฒนาตัวไคลเอนต์สำหรับการขอใบรับรองผ่านโปรโตคอล ACME ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ทางโครงการก็ระบุว่าจะแยกตัวไคลเอนต์ออกไปแล้ว โดยให้ EFF เป็นผู้ดูแลเต็มที่และทาง Let's Encrypt จะโฟกัสกับการดูแล CA อย่างเดียว
ทาง EFF เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ไคลเอนต์มาตั้งแต่ต้น กระบวนการถ่ายโอนงานจึงไม่น่าจะมีปัญหานัก การแยกงานออกจากกันจะช่วยลดความสับสนในเรื่องของแบรนด์ ให้ Let's Encrypt เป็น CA ฟรีที่รองรับโปรโตคอล ACME ขณะที่ซอฟต์แวร์ไคลเอนต์ก็สามารถใช้งานกับ CA ใดๆ ที่รองรับโปรโตคอลนี้ได้
หลังแอปเปิลออกมาประกาศว่าจะต่อสู้กับคำสั่งศาล ที่สั่งให้เปิดช่องให้เอฟบีไอสามารถยิงรหัสผ่านได้ ตอนนี้ EFF และ Sundar Pichai ก็ออกมาประกาศสนับสนุนแล้ว
EFF ระบุว่าคำขอของเอฟบีไอไม่ใช่แค่การขอความช่วยเหลือในการสอบสวน แต่เป็นการสั่งให้เขียนโค้ดใหม่เพื่อทำลายกระบวนการรักษาความปลอดภัย ทำให้สามารถเข้าในโทรศัพท์รุ่นเด่ียวกันไ้ดเป็นวงกว้าง และถ้าหากรัฐบาลสามารถสั่งเช่นนี้ได้ ในอนาคตจะมีการขอเช่นนี้อีกเรื่อยๆ สำหรับโทรศัพท์, ซอฟต์แวร์, และอุปกรณ์อื่นๆ จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสินค้าที่มีความปลอดภัยที่ดี
นโยบาย "บังคับใช้ชื่อจริง" ของ Facebook ไม่ได้สร้างปัญหาเฉพาะที่เมืองไทย แต่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั้งโลก (ข่าวเก่า) เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Electronic Frontier Foundation (EFF) กลุ่มภาคประชาสังคมด้านสิทธิคนใช้เน็ต ร่วมกับองค์กรอื่นหลายแห่ง ส่งจดหมายเปิดผนึกขอให้ Facebook ปรับปรุงแก้ไขนโยบายนี้
ล่าสุด Facebook ตอบจดหมายกลับมาแล้ว โดยบอกว่ายินดีปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบชื่อให้เป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ลดโอกาสที่จะต้องยืนยันชื่อจริงให้น้อยลง และป้องกันปัญหา report มั่ว โดยคนที่ report จะต้องแนบข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมไปกับการ report ด้วย
กระบวนการตรวจสอบชื่อแบบใหม่จะเริ่มใช้ในเดือนธันวาคมนี้
เวลาที่เราเข้าเว็บดูสินค้าตัวหนึ่งแล้วพบว่าหลังจากนั้นโฆษณาสินค้าตัวเดิมกลับตามเราไปทุกที่ เป็นเพราะเว็บจำนวนมากมักแชร์ข้อมูลให้กับผู้ให้บริการภายนอก (เช่นเดียวกับ Blognone ที่แสดงโฆษณาผ่าน DoubleClick) ผู้ให้บริการเหล่านี้นำข้อมูลไปประมวลแล้วแสดงโฆษณาออกมาตรงกับประวัติเว็บที่เราเข้าดูได้ แต่ส่วนเสริม Privacy Badger ของ EFF ที่เพิ่งเปิดตัวจะบล็อคการแชร์ข้อมูลเหล่านี้
วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย USA Freedom Act 2015 และโอบามาก็ลงนามแทบจะทันทีเพื่อให้อำนาจกับ NSA บางส่วนจากที่เคยมีอำนาจการดักฟังตาม USA Patriot Act 2001 มาก่อนหน้านี้ แต่ Patriot Act หมดอายุลงเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา
Electronic Frontier Foundation (EFF) องค์กรไม่หวังผลกำไรที่ทำด้านสิทธิของผู้ใช้งานไอที ออกแอพ EFF บน Android และประกาศว่าจะไม่ทำแอพเวอร์ชัน iOS ด้วยเหตุผลว่าเงื่อนไขของแอปเปิลสำหรับนักพัฒนา (Developer Agreement) นั้นจำกัดเกินไป
Seth Schoen จาก EFF บรรยายรายละเอียดของโครงการ Let's Encrypt ที่งาน 31C3 เตรียมให้บริการเดือนมิถุนายนนี้
โครงการ Let's Encrypt ตั้งใจจะทำให้กระบวนการเข้ารหัสเว็บกลายเป็นกระบวนการอัตโนมัติทั้งหมด โดยผู้ใช้สามารถติดตั้งแพ็กเกจ lets-encrypt
แล้วสั่งรันเพื่อขอใบรับรองและเริ่มเข้ารหัสได้ทันที
Electronic Frontier Foundation (EFF) ออกรายงานเปรียบเทียบความปลอดภัยของแอพแชทในท้องตลาดเกือบ 40 ตัว ว่ามีความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้มากน้อยแค่ไหน โดยแบ่งการทดสอบออกเป็น 7 ส่วน
Twitter ซื้อกิจการ Mitro Labs บริษัททำแอพจัดการรหัสผ่าน โดยระบุว่าเป็นการซื้อทีมงาน ไม่สนใจตัวผลิตภัณฑ์แต่อย่างใด
แต่ที่น่าสนใจคือแทนที่ Twitter จะปิดบริการที่ไม่ต้องการ กลับใช้วิธีเปิดซอร์สโค้ดแทนเพื่อให้โครงการดำเนินต่อไปได้ โดย Twitter ร่วมมือกับองค์กรไม่หวังผลกำไรอย่าง Electronic Frontier Foundation (EFF) ให้ช่วยกำหนดแนวทางต่อว่าจะพัฒนา Mitro อย่างไร
ด้าน EFF ก็ประกาศว่าปัจจุบันมีแอพช่วยจัดการรหัสผ่านหลายตัว แต่แอพที่เป็นโอเพนซอร์ส มีความโปร่งใสที่ให้ผู้ใช้รู้ว่ากระบวนการทำงานภายในเป็นอย่างไรกลับมีไม่เยอะนัก การเปิดซอร์ส Mitro ย่อมเป็นประโยชน์กับผู้ใช้ในภาพรวม
ปลั๊กอิน HTTPS Everywhere ช่วยให้เบราว์เซอร์เรียกใช้งาน HTTPS หากเซิร์ฟเวอร์รองรับก่อน HTTP เสมอ ตอนนี้ทาง EFF ผู้ดูแลโครงการก็ประกาศเพิ่มปุ่ม HTTP Nowhere เพื่อเปลี่ยนโหมดการทำงานจากการเรียกหน้าเว็บ HTTPS ก่อนเสมอ มาเป็นการอนุญาตให้เข้าเว็บ HTTPS เท่านั้น
ก่อนหน้านี้มีนักพัฒนานอก EFF คือ Chris Wilper พัฒนาปลั๊กอินชื่อ HTTP Nowhere อยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อทาง EFF เพิ่มฟีเจอร์นี้เอง ผู้ใช้ปลั๊กอิน HTTPS Everywhere ก็จะได้รับความสามารถนี้เมื่ออัพเดตอย่างเป็นทางการครับ
ตอนนี้ปลั๊กอินยังไม่พร้อมใช้งาน เวอร์ชั่นล่าสุดยังมีปัญหากับ Tor Browser อยู่
EFF ประกาศโครงการ Open Wireless เพื่อสนับสนุนให้ผู้ใช้ตามบ้านช่วยกันแชร์อินเทอร์เน็ตเป็นสาธารณะมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ทาง EFF ก็เปิดโครงการทำเฟิร์มแวร์เพื่อให้ผู้สมัครอินเทอร์เน็ตสามารถแชร์อินเทอร์เน็ตให้คนทั่วไปใช้ได้อย่างปลอดภัยในชื่อ Open Wireless Router
เฟิร์มแวร์ตัวนี้จะมีเปิด SSID สองชุดได้โดยง่าย ทำให้เราสามารถแชร์อินเทอร์เน็ตแบบไม่ล็อกและเข้ารหัสส่วนที่เราใช้งานเอง โดยสามารถจัดการแบนด์วิดธ์ไม่ให้ส่วนที่เราแชร์ให้คนทั่วไปใช้งานเข้ามากินแบนด์วิดธ์มากเกินไป
นอกจากจะออกแบบมาเพื่อการแชร์อินเทอร์เน็ตแล้ว Open Wireless Router กำหนดค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมหลายอย่าง เช่น
จากข่าวโครงการดักข้อมูล PRISM ของรัฐบาลสหรัฐ (ที่โดนข่าว WWDC กลบมิด) ทางกลุ่มเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิบนอินเทอร์เน็ตนำโดย Mozilla และ Electronic Frontier Foundation (EFF) ก็ออกแคมเปญต่อต้านชื่อ Stop Watching Us มาแล้ว
ข้อเสนอของ Stop Watching Us คือเรียกร้องให้สภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยรายละเอียดของโครงการ PRISM ต่อสาธารณะ (ซึ่งปัจจุบันถูกปกปิดโดยอ้างประเด็นเรื่องความลับ-ความมั่นคงของชาติ) และเชิญชวนให้องค์กร คนดัง ภาคธุรกิจ นักการเมือง รวมถึงประชาชนทั่วไปร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องครั้งนี้
ต่อจากข่าว EFF โวย Hangouts ไม่รองรับ XMPP เต็มรูปแบบ, ไม่มีโหมดเข้ารหัส โฆษกของกูเกิลออกมาชี้แจงในประเด็นเรื่อง XMPP ดังนี้
จากกรณี Google อาจกำลังยกเลิกการสนับสนุน XMPP API ใน Google+ Hangouts ทางมูลนิธิ Electronic Frontier Foundation (EFF) ก็ออกมาโวยกูเกิลใน 3 ประเด็นดังนี้
ปัญหาความเป็นส่วนตัวของสหรัฐฯ มีประเด็นในช่วงหลังเมื่อเอฟบีไอใช้ช่องทางการขอข้อมูลด้วยจดหมายความมั่นคง (National Security Letters - NSLs) เพื่อสั่งให้บริษัทโทรคมและหน่วยงานทางการเงินให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของศาล ล่าสุด EFF ฟ้องร้องต่อศาลแคลิฟอร์เนียชนะ โดยผู้พิพากษา Susan Illston สั่งให้หน่วยงานเพิกถอนจดหมายเหล่านี้และหยุดการออกจดหมายเพิ่มเติมภายใน 90 วัน
จดหมาย NSLs ออกโดยอาศัยอำนาจภายใต้กฎหมาย Patriot Act แต่ในการพิพากษารอบนี้ระบุว่าอำนาจนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดีระยะเวลา 90 วันที่ศาลให้กับเอฟบีไอ ทำให้เอฟบีไอสามารถยื่นเรื่องเข้าสู่ศาลอุทธรณ์ได้
William Weber ผู้ดูแลระบบไอทีชาวออสเตรีย ถูกตำรวจบุกค้นบ้านและตั้งข้อหาแพร่กระจายภาพอนาจารเด็ก จากการที่เขาเปิดเซิร์ฟเวอร์ exit node ให้กับโครงการ Tor
Weber ระบุว่าเขาเป็นผู้ดูแลเครื่อง exit node ประมาณ 5-10 เครื่องกระจายตัวไปทั่วโลก ทั้ง เชค, โปแลนด์, ยูเครน, ออสเตรีย, และฮ่องกง โดยรวมทั้งหมดมีทราฟิกประมาณ 30 เทราไบต์ต่อวัน