ค่าใช้จ่ายของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในส่วนของพลังงานนั้นนับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เราเคยมีข่าวเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลที่ใช้ไฟ 12 โวลต์เพียงอย่างเดียวเพื่อประสิทธิภาพในการส่งและสำรองพลังงาน ล่าสุดข้อมูลอีกอย่างที่มีการเปิดเผยคือศูนย์ข้อมูลของกูเกิลที่เบลเยียมนั้นไม่มีส่วนทำความเย็นเลย เพราะใช้อากาศที่เย็นอยู่แล้วจากภายนอกมาช่วยระบายความร้อน
แนวทางการลดการค่าใช้จ่ายด้วยการใช้อากาศภายนอกนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่ปรกติแล้วศูนย์ข้อมูลมักมีระบบทำความเย็นเตรียมเอาไว้เผื่อช่วงเวลาที่อากาศร้อนขึ้นระบบทำความเย็นก็จะเปิดการทำงานขึ้นมา
เมื่อไม่นานมานี้ ไมโครซอฟท์ได้ทดสอบเอาชิป Atom ของอินเทลไปพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า Atom เป็นชิปที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้าและปล่อยความร้อนต่ำ แต่ว่าในเชิงปฏิบัติแล้ว Atom จะเหมาะกับเซิร์ฟเวอร์หรือไม่ ?
ต้องยอมรับเลยว่าไมโครซอฟท์ลงทุนอย่างมากกับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ ดูได้จากงบหลายพันล้านเหรียญที่เตรียมไว้กับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลสำหรับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆอีกหลายแห่ง [รายงานเก่า] แต่ทว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกกลับกลายเป็นขวากหนามอันยิ่งใหญ่ของไมโครซอฟท์ในแผนการครั้งนี้ โดยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ไมโครซอฟท์เตรียมตัดค่าใช้จ่ายหลายอย่าง รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูลด้วย
ไมโครซอฟท์เปิดเผยว่า ไมโครซอฟท์ได้พัฒนาต้นแบบของศูนย์ข้อมูลยุคที่สี่ ที่เรียกสั้นๆว่า Gen 4 หรือชื่อเต็มคือ Generation 4 Modular Data Centers โดยไมโครซอฟท์วางแผนไว้ว่าจะใช้ต้นแบบดังกล่าวในการสร้างศูนย์ข้อมูลที่จะเกิดขึ้นอีกหลายแห่งใน 5 ปีข้างหน้านี้ เพื่อรองรับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ และบริการแบบกลุ่มเมฆ* อาทิเช่น Hotmail, Live Search, Virtual Earth และ Azure เป็นต้น มากไปกว่านั้น ไมโครซอฟท์กล่าวว่าจะเปิดเผยข้อมูลของต้นแบบนี้ต่อสาธารณะ และบริษัทอื่นๆสามารถนำต้นแบบดังกล่าวไปพัฒนาศูนย์ข้อมูลยุคที่สี่ของตนเองได้อีกด้วย
บริษัท Enomaly เปิดตัวซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สภายใต้ชื่อ Elastic Computing Platform (ECP) สำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรคอมพิวเตอร์บนระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ ทำให้องค์กรทั่วไปสามารถสร้างกลุ่มเมฆส่วนตัว (Private Cloud) เพื่อให้บริการแก่หน่วยงานขององค์กรเองได้ หรือแม้กระทั่งขายบริการแบบกลุ่มเมฆให้กับลูกค้า
กูเกิล (Google) ประกาศความเป็นผู้นำด้านศูนย์ข้อมูลอนุรักษ์ธรรมชาติ จากการที่กูเกิลใส่ใจกับการประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ถูกใช้โดยศูนย์ข้อมูล และการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประสิทธิภาพ ตลอดจนการนำเซิร์ฟเวอร์เก่ากลับมาใช้งานใหม่และนำชิ้นส่วนของเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นไปรีไซเคิล
หลังจากไมโครซอฟต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ virtualization นำโดย Hyper-V ในเวลาเดียวกันนี้ ไมโครซอฟต์ได้ประกาศลงทุนด้วยงบ 8 พันล้านเหรียญสำหรับงานวิจัยและพัฒนาด้านบันเทิง, Vista, และ Cloud Computing โดยผลิตภัณฑ์ชูโรงสำหรับบริการ Cloud Computing ของไมโครซอฟต์มีชื่อว่า Microsoft System Center Virtual Machine Manager 2008 (VMM) ที่สนับสนุนการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (data center) และสามารถรองรับคอมพิวเตอร์เสมือน (virtual machine) ที่ใช้เทคโนโลยี Microsoft Hyper-V, Microsoft Virtual Server, และ VMware ESX
ภายในงาน VMworld 2008 ที่ลาสเวกัส บริษัท VMware, Inc. ได้เปิดผ้่าคลุมผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ชื่อ Virtual Datacenter Operating System (VDC-OS) โดย VMware เรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการเสมือนสำหรับการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (data center) เพื่อรองรับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing)
นอกจากนี้ VMware ยังได้เปิดตัวโครงการชื่อ vCloud ที่ทาง VMware ร่วมมือกับบริษัทพาร์ทเนอร์มากกว่า 100 ราย เพื่อการพัฒนาเครือข่ายของบริการ Cloud Computing ขนาดใหญ่ โดยโครงการ vCloud จะใช้ผลิตภัณฑ์ VDC-OS สำหรับการสร้างเครือข่ายดังกล่าว
บริษัท Citrix Systems, Inc. ประกาศผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ชื่อ Citrix Cloud Center (C3) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อรองรับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆหรือ Cloud Computing โดยกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ C3 คือ Cloud Provider หรือลูกค้าที่ต้องการใช้ศูนย์ข้อมูลของตนเพื่อให้บริการ Cloud Computing
หลังจากบริษัทการเงิน Lehman Brothers ของสหรัฐล้มละลายและเป็นข่าวใหญ่โต ขั้นตอนถัดมาก็คือขายทรัพย์สินทอดตลาดเพื่อหาเงินมาใช้หนี้
ผู้ซื้อคือธนาคาร Barclays ของสหราชอาณาจักร (อันเดียวกับที่เป็นสปอนเซอร์พรีเมียร์ลีกนั่นละครับ) ได้ซื้อศูนย์ข้อมูลที่นิวเจอร์ซีย์ และอาคารสำนักงานใหญ่ของ Lehman Brothers ที่นครนิวยอร์กคิดเป็นมูลค่าถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ (Barclays ซื้อทั้งหมด 1.75 พันล้าน คือมีอย่างอื่นอีกนิดหน่อย) ในขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ ของบริษัทกลับได้ราคาไม่ดีมากนัก
ศูนย์ข้อมูลในนิวเจอร์ซีย์มีพื้นที่ใช้สอย 140,000 ตารางฟุต และเพิ่งสร้างใหม่หลังจากศูนย์ข้อมูลเดิมถูกทำลายในเหตุการณ์ 9/11
สิงคโปร์เปิดตัวศูนย์ SaaS แห่งชาติ ภายใต้ชื่อ AxSaaS Incubation Centre หรือเรียกชื่อย่อว่า AiC โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ A*STAR และ iDA ซึ่งเป็นตัวแทนจากรัฐบาลสิงคโปร์ ส่วนภาคเอกชนประกอบไปด้วยบริษัท Microsoft, HP, SingTel, Singapore Computer Systems (หรือ SCS), GigaSpaces, และ Haley
ศูนย์ AiC แห่งนี้ได้จัดเตรียมแพลตฟอร์มที่ประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ระบบ เครือข่ายความเร็วสูง และ SaaS application ทั้งนี้ บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์และ ISV สามารถนำ SaaS application ของตนมาติดตั้งและทดสอบบนแพลตฟอร์มนี้ ตลอดจนเปิดบริการ SaaS application ให้กับลูกค้าได้
ยักษ์ใหญ่สีฟ้าไอบีเอ็ม (IBM) ทุ่มทุน 300 ล้านเหรียญตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) รองรับบริการ Cloud Computing ถึง 13 แห่งภายในปีนี้ ด้วยวัตถุประสงค์หลักเพื่อรับมือกับภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงที่อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลแห่งใดแห่งหนึ่ง (หรือหลายแห่ง) เสียหายได้
Mike Riegel รองประธานไอบีเอ็มให้สัมภาษณ์ว่า "เมื่อไหร่ก็ตามที่คอมพิวเตอร์ของลูกค้าล่ม หรือศูนย์ข้อมูลถูกทำลาย ข้อมูลที่เสียหายไปนั้นจะถูกกู้คืนกลับมาภายใน 2 - 6 ชั่วโมง" โดยศูนย์ข้อมูลทั้ง 13 แห่งจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ถึง 10 ประเทศ ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น, ตุรกี, โปแลนด์, ฝรั่งเศส, และสหรัฐอเมริกา