กูเกิลออก Chrome 76 Beta มีฟีเจอร์สำคัญคือ Dark Mode ที่ไม่ใช่แค่ตัวเบราว์เซอร์ แต่รวมถึงหน้าเว็บเพจด้วย
กระแสความนิยมใน Dark Mode หรือ Dark Theme มาแรงขึ้นเรื่อยๆ และปัจจุบันระบบปฏิบัติการสำคัญๆ ทั้ง Android, iOS, macOS, Windows ก็รองรับ Dark Theme กันหมดแล้ว เว็บไซต์หลายแห่งก็เริ่มซัพพอร์ต Dark Theme ด้วยเช่นกัน
Chrome 76 รองรับฟีเจอร์ CSS media query ชื่อ prefers-color-scheme เพื่อให้เว็บไซต์สามารถเลือกแสดงธีมของเว็บเพจตามที่ผู้ใช้ต้องการได้ด้วย
หลังจากที่มีข่าวออกมาสักพัก วันนี้ Opera เปิดตัวเบราว์เซอร์ใหม่ Opera GX เป็นเบราว์เซอร์สำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะอย่างเป็นทางการแล้ว โดย Opera GX จะเน้นความเป็นเกมมิ่งตั้งแต่ดีไซน์จนถึงฟีเจอร์ในตัวเบราว์เซอร์ที่สนับสนุนงานด้านนี้โดยเฉพาะ
ดีไซน์ของ Opera GX จะออกแนวเกมมิ่ง ทั้งหน้าตาและเสียงเอฟเฟคบนเบราว์เซอร์ ไฮไลต์ของ Opera GX คือ GX Control ที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ว่าจะให้เบราว์เซอร์ใช้งานซีพียูหรือแรมเท่าไร เพื่อให้ผู้ใช้ที่เปิดเบราว์เซอร์เพื่อสตรีมมิ่งไปพร้อมกับเล่นเกมควบคุมประสบการณ์เล่นเกมบนเครื่องได้ดีกว่าเบราว์เซอร์อื่น
หากยังจำกันได้ Google เคยเสนออัพเดตสเปค Manifest v3 ซึ่งจะส่งผลต่อตัวบล็อคโฆษณาที่ทำงานอยู่บน Chromium แม้ภายหลัง Google จะยอมถอย แต่สุดท้าย Google ก็ประกาศออกมาว่าเทคโนโลยีเก่า ๆ จะอยู่เฉพาะผู้ใช้ Chrome เวอร์ชันองค์กรเท่านั้น ส่วนเวอร์ชันปกติที่ใช้กันจะได้รับผลกระทบแน่นอน ซึ่ง Manifest v3 จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปีหน้า
Chrome 75 เข้าสถานะ stable ทั้งเวอร์ชันเดสก์ท็อปและเวอร์ชัน Android
Chrome 75 เวอร์ชันเดสก์ท็อป เพิ่มฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา โดยลด latency ของวัตถุในแท็ก canvas, เว็บแอพสามารถแชร์ไฟล์ระหว่างกันได้ง่ายขึ้น, ปรับปรุงของใหม่ในเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา (developer tools)
ส่วนฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป เพิ่มตัวเลือก manage security keys ในหน้า Settings และเพิ่มโหมดช่วยอ่าน (Reader Mode) ที่เว็บเบราว์เซอร์ตัวอื่นมีกันไปนานแล้ว ตอนนี้ผู้ใช้ต้องเปิดใช้เองในหน้า chrome://flags ก่อน
Chrome 75 for Android เพิ่มฟีเจอร์สร้างรหัสผ่านที่แข็งแรง (generating strong password) ได้จากตัว password manager เลย และสามารถกดดูรหัสผ่านที่เราบันทึกไว้ได้ โดยแตะที่ช่องกรอกรหัสผ่านบนหน้าเว็บ
Opera กำลังเตรียมสร้างเบราเซอร์ตัวใหม่ที่เจาะกลุ่มคนเล่นเกมโดยเฉพาะที่มาในชื่อ Opera GX ที่ตอนนี้ได้ปล่อยหน้าเว็บอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยข้อมูลในตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาก ในเว็บไซต์ได้แสดงหน้าตาของตัวเบราเซอร์ที่ยังคงความเป็น Opera ในรุ่นปัจจุบันที่มีฐานเป็น Chromium แต่ถ้าสังเกตให้ดีในแถบด้านข้างมีไอคอนที่ละม้ายคล้ายคลึงกับไอคอนตัวเร่งความเร็วคาดว่าจะกระทำบางอย่างที่ปรับแก้ไขตัวเบราเซอร์ ในส่วนของแถบแท็บด้านซ้ายติดกับโลโก้จะเห็นว่ามีไอคอนรูปจอยสติ๊กถัดจากโลโก้ และเบราเซอร์ตัวนี้อาจจะสามารถเปลี่ยนสีแบบ RGB ได้ เมื่อนำเมาส์ไปวางไว้ตรงกลางเบราเซอร์ในเว็บไซต์จะมีแถบเลื่อนให้เลือกสีได้ตามใจชอบ
Tor Browser เบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวได้เปิดตัวแอปเวอร์ชันเต็มบน Android อย่างเป็นทางการ หลังจากทดสอบมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพื่อกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบรักษาความเป็นส่วนตัวขั้นสูงบนมือถือ
ตัวเบราว์เซอร์ของ Tor นี้ใช้ฐานการพัฒนาเป็น Firefox โดยเวอร์ชันทดสอบยังต้องใช้ Orbot เป็นพร็อกซี แต่เวอร์ชันจริงที่ปล่อยออกมานี้สามารถเชื่อมต่อเข้าเครือข่าย Tor ได้ในตัว ไม่ต้องติดตั้งหรือเปิดพร็อกซีเพิ่ม
ทางผู้พัฒนายอมรับว่า Tor Browser บน Android ยังมีฟีเจอร์บางอย่างที่ตามเวอร์ชันเดสก์ท็อปไม่ทัน แต่ทีมงานมั่นใจว่าเวอร์ชันเต็มนี้มีฟีเจอร์ด้านการป้องกันตัวตนและความปลอดภัยพื้นฐานเหมือนกับบนเดสก์ท็อปแล้ว
Mozilla ออกอัพเดต Firefox 67 โดยเน้นที่ความเร็ว ที่เบราว์เซอร์จะโหลดสิ่งที่จำเป็นก่อน และมีฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัวเพิ่มเข้ามาในอัพเดตครั้งนี้ด้วย
ไฮไลต์ด้านความเร็วในอัพเดตครั้งนี้คือ ในส่วนเว็บ Mozilla ได้รีวิวว่าอะไรทำให้เว็บช้าหรือเร็ว และกำหนดให้ Firefox เลือกโหลดสิ่งที่จำเป็นขึ้นมาก่อน วิธีนี้ช่วยให้ Instagram, Amazon และ Google search โหลดเร็วขึ้น 40-80% รวมถึงเบราว์เซอร์จะค้นหา style sheet ทางเลือกหลังโหลดหน้าขึ้นมาแล้ว และจะไม่โหลด auto-fill จนกว่าจะขึ้นฟอร์มให้ใส่ เพื่อให้เบราว์เซอร์เร็วมากขึ้นด้วย
ไมโครซอฟท์เคยสัญญาไว้ว่าจะออก Microsoft Edge ยุค Chromium บน macOS ด้วย วันนี้ Microsoft Edge รุ่นพรีวิวแรกบน macOS เปิดให้ทดสอบกันแล้ว
สถานะของ Edge เวอร์ชันแมคยังเป็นรุ่นทดสอบ Canary channel ที่ออกเวอร์ชันใหม่ทุกวัน ภาพรวมของ Edge เวอร์ชันแมคมีหน้าตาเหมือนกับ Edge เวอร์ชันวินโดวส์ แต่ก็ปรับปรุงในรายละเอียดหลายๆ จุดให้มีความเป็นแมคมากขึ้น เช่น ฟอนต์ เมนู ปุ่มลัดบนคีย์บอร์ด ฯลฯ โดยฟีเจอร์สำคัญอันหนึ่งที่ Edge เวอร์ชันแมครองรับเรียบร้อยแล้วคือปุ่ม Touch Bar บนคีย์บอร์ดเครื่องหลายๆ รุ่นนั่นเอง
นักพัฒนาเว็บคงรู้จักเทคนิคการทำ lazy load ซึ่งเป็นการดาวน์โหลดรูปภาพบนเว็บเพจมาแสดงแค่เฉพาะบางรูปก่อน ทำให้ไม่ต้องรอดาวน์โหลดรูปครบทุกรูปในเพจ ช่วยให้เว็บเพจแสดงผลได้เร็วขึ้น
ข้อจำกัดของการทำ lazy load คือต้องใช้ JavaScript หรือเทคนิค CSS เข้าช่วย และต้องทดสอบกับเว็บเบราว์เซอร์หลายตัว
กูเกิลประกาศฟีเจอร์ใหม่ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ Chrome ที่งาน Google I/O 2019
ฟีเจอร์แรกคือปรับพฤติกรรมการทำงานของคุกกี้ใหม่ คุกกี้เป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมานานตั้งแต่สมัยเว็บยุคแรก และแทบไม่ถูกเปลี่ยนแปลงเลย ปัจจุบันฟอร์แมตของคุกกี้ยังมีแบบเดียว แม้มีวิธีการใช้งานแตกต่างกัน ส่งผลให้เกิดปัญหาคุกกี้ข้ามเว็บ (cross-site vs same-site) ที่กระทบเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
สิ่งที่ Chrome ทำคือรองรับค่าคุณสมบัติ (attribute) ตัวใหม่ของคุกกี้คือ "SameSite" ซึ่งเป็นการระบุว่าคุกกี้นั้นสามารถไปทำงานบนเว็บไซต์อื่นได้หรือไม่ (กำหนดค่าได้ 3 แบบคือ None, Strict, Lax)
ไมโครซอฟท์เปิดเผยแนวทางการพัฒนา Microsoft Edge ที่เพิ่งเปลี่ยนเอนจินมาใช้ Chromium โดยหลังจากนี้ไมโครซอฟท์สามารถสร้างฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้ได้มากขึ้น
ฟีเจอร์สำคัญอันแรกคือโหมด Internet Explorer ที่เว็บภายในองค์กรจำนวนมากมีเว็บดั้งเดิมที่ต้องใช้ IE ฟีเจอร์นี้จะทำให้องค์กรสามารถติดตั้งเบราว์เซอร์ตัวเดียวคือ Edge เพื่อใช้งานทั้งเว็บภายในและภายนอกได้ ฟีเจอร์นี้จะมีข้อมูลว่าออกรุ่นจริงเมื่อไหร่ในปีนี้
ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ใหม่ของ Microsoft Edge เวอร์ชัน Chromium ที่งาน Build 2019 ดังนี้
ความสามารถในการซิงก์ข้อมูลระหว่างเบราว์เซอร์บนเดสก์ทอปและสมาร์ทโฟน เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ Microsoft Edge บน iOS และ Android มีให้ใช้งานตั้งแต่ครั้งเพิ่งเปิดตัว โดยในขณะนั้นเบราว์เซอร์บนเดสก์ทอปของไมโครซอฟท์ที่ใช้งานฟีเจอร์ข้างต้นได้มีเพียง Edge ที่ติดมากับ Windows 10 เท่านั้น
จนไม่นานมานี้ หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้เปิดให้ทดสอบ Edge เดสก์ทอปตัวใหม่ที่เปลี่ยนไปใช้เอนจิน Chromium มาระยะหนึ่ง เบราว์เซอร์ Edge Chromium ก็ได้รับการเพิ่มฟีเจอร์ซิงก์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟนเช่นเดียวกับ Edge Windows 10
สิ่งที่ขาดไม่ได้ของเบราว์เซอร์ยุคนี้คือ Developer Tools (DevTools) หรือเครื่องมือให้นักพัฒนาคอยดีบั๊กเว็บไซต์ ฝั่งไมโครซอฟท์ก็เผยหน้าตาของ DevTools ใน Microsoft Edge ตัวใหม่ยุค Chromium
หน้าตาของ DevTools ของ Edge ในตอนนี้ต้องบอกว่าไม่ต่างจากของ Chrome แต่อย่างใด สิ่งที่ไมโครซอฟท์เพิ่มเข้ามาเป็นอย่างแรกคือปรับธีมเป็นสีดำ โดยใช้ธีมสีเดียวกับ Visual Studio Code เพื่อให้หน้าตาเครื่องมือของไมโครซอฟท์ไปในทางเดียวกันหมด
ไมโครซอฟท์ให้ข้อมูลว่าผู้ใช้ VS Code สัดส่วน 85% เลือกใช้ธีมสีเข้ม จึงตัดสินใจใช้ธีมสีเข้มเป็นดีฟอลต์ใน DevTools ด้วย แต่ก็มีธีมสีอ่อนให้เลือกใช้ถ้าต้องการ
Mozilla ประกาศแผนการหยุดพัฒนา Firefox for Android ตัวที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (โค้ดเนม "Fennec") เพื่อเปลี่ยนไปใช้เบราว์เซอร์ตัวใหม่โค้ดเนม Fenix
เว็บเบราว์เซอร์ Opera ออกอัพเดตเวอร์ชัน 60 ซึ่งเป็นรุ่นสมบูรณ์ของโปรเจ็กต์ Reborn 3 โครงการปรับปรุง Opera Desktop ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในส่วนของการออกแบบที่ได้เปลี่ยนไปเน้นความมินิมัล ลดเส้นแบ่งคั่นซึ่งอาจดึงความสนใจของผู้ใช้โดยไม่จำเป็น ตามแนวคิดการดีไซน์เว็บเบราว์เซอร์ให้เป็นดั่งกรอบรูปที่ช่วยโฟกัสจุดสนใจไปยังเนื้อหาบนเว็บ
Brave เว็บเบราว์เซอร์ที่ก่อตั้งโดยอดีต CEO ของ Mozilla และชูจุดเด่นเรื่องฟีเจอร์การบล็อคโฆษณาในตัว เปิดตัวบริการใหม่ Brave Ads ที่แสดงโฆษณาให้ผู้ใช้รับชม
ฟังแล้วอาจดูแปลกๆ แต่ไอเดียของ Brave คือแบ่งรายได้จากค่าโฆษณา 70% ให้ผู้ใช้ด้วย และตั้งใจแสดงเฉพาะผู้ใช้ที่เจาะจงว่าต้องการชมโฆษณา (people who welcome advertising) ทางบริษัทบอกว่าจะรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นอย่างดี และผู้ลงโฆษณาจะไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ชมโฆษณาได้
กูเกิลออก Chrome 74 รุ่นเสถียรทั้งเวอร์ชันเดสก์ท็อปและแอนดรอยด์
ฟีเจอร์สำคัญของเดสก์ท็อป (เฉพาะ Windows) คือ รองรับ Dark Mode เรียบร้อยแล้ว โดยจะขึ้นกับการตั้งค่าสี Light/Dark ของ Windows ไม่สามารถเปิดใช้เองเฉพาะใน Chrome ได้
ส่วน Chrome 74 for Android มีของใหม่คือเปลี่ยนชื่อโหมดประหยัดข้อมูล Data Saver มาเป็น Lite Mode ด้วยเหตุผลว่าการทำงานในโหมดนี้ไม่ได้ประหยัดข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่อาจช่วยให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้นด้วย หากเว็บไซต์นั้นรองรับฟีเจอร์ Lite page ที่เป็นเว็บเพจเวอร์ชันขนาดเล็ก ช่วยให้โหลดเร็วขึ้น
เมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว Vivaldi เบราว์เซอร์ทางเลือกสำหรับผู้ใช้กลุ่ม power user ออกอัพเดตเวอร์ชัน 2.4 มาพร้อมกับความสามารถใหม่ๆ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการเข้าเว็บอย่างเช่น ทูลบาร์ที่สามารถย้ายปุ่มได้อิสระกว่าเดิม, เพิ่มระบบโปรไฟล์ช่วยแยกการปรับแต่งและข้อมูลที่เก็บบนเบราว์เซอร์ และยังได้ผนวกเครื่องคิดเลขเข้ามาใน Quick Command อีกด้วย
รายละเอียดของใหม่ที่น่าสนใจพอสรุปได้ดังนี้
Google ประกาศเตรียมเพิ่มกระบวนการป้องกันการโจมตีแบบ man-in-the-middle ในกระบวนการล็อกอินอีกขั้น ด้วยการบล็อกไม่ให้มีการล็อกอินแอคเคาท์ Google ผ่านเบราว์เซอร์แบบฝังอย่าง Chromium Embeded Framework
Google ให้เหตุผลว่าเพราะแยกทราฟฟิคที่มาจากเฟรมเวิร์คเบราว์เซอร์แบบฝังไม่ออกว่าเป็นการล็อกอินจริงหรือ MitM ขณะที่มาตรการนี้จะเริ่มใช้งานในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมแนะนำให้นักพัฒนาเปลี่ยนไปใช้ระบบล็อกอิน OAuth แทน
ที่มา - Google Security Blog
Google ปฏิบัติตามกฎหมายต้านการผูกขาดของ EU โดยเสนอทางเลือกให้ผู้ใช้แอนดรอยด์ในยุโรปสามารถเลือกเบราว์เซอร์อื่นได้นอกเหนือจาก Chrome และเลือกช่องทางค้นหาอื่นได้นอกจาก Google
เมื่อผู้ใช้เข้าไปใน Play Store จะเห็นหน้าจอขึ้นมาสองหน้าจอคือ หน้าจอแรกเสนอทางเลือกของช่องทางค้นหาที่ไม่ได้มีแค่ Google อย่างเดียว เช่น DuckDuck Go, Qwant เป็นต้น ส่วนอีกหน้าจอคือ เสนอทางเลือกเบราว์เซอร์อื่นมาให้นอกเหนือจาก Chrome คือ Firefox, Microsoft Edge เป็นต้น
เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บ Google ในมือถือ ระบบจะแสดงช่องทางให้ตั้งค่าช่องค้นหาอื่นเป็นค่าดีฟอลต์เวลาจะค้นหาอะไรในอินเทอร์เน็ตได้ด้วย
Mozilla ประกาศพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ คือระบบบล็อคสคริปต์ขุดคริปโต และสคริปต์สำหรับตามรอยผู้ใช้งานใน Firefox เวอร์ชันหน้า
สำหรับสคริปต์ตามรอยหรือ fingerprinting script จะถูกฝังไว้ในหน้าเว็บหลายหน้า ทำการขุดคอนฟิกของคอมพิวเตอร์เพื่อสร้าง digital fingerprint ไว้เพื่อการติดตามผู้ใช้ ส่วนสคริปต์สำหรับขุดสกุลเงินคริปโตหรือ cryptomining script จะใช้พลังของคอมพิวเตอร์เพื่อขุดสกุลเงินคริปโตให้คนอื่น ส่งผลให้คอมพิวเตอร์ช้าลงและกินพลังงานมากขึ้น ซึ่ง Firefox ในเวอร์ชันถัด ๆ ไป Mozilla จะฝังระบบป้องกันสคริปต์เหล่านี้เข้ามาด้วย
นักพัฒนาเว็บโปรดทราบ ไมโครซอฟท์ประกาศ User Agent String ของ Microsoft Edge ยุค Chromium ว่า Edg (ไม่มี e)
เหตุผลของไมโครซอฟท์คือไม่ต้องการใช้ชื่อซ้ำซ้อนกับ Edge ตัวเดิมที่ใช้เอนจิน EdgeHTML และใช้คำว่า "Edge" ไปแล้ว บวกกับ Microsoft Edge บนมือถือก็ใช้ String แบบไม่มีตัว e มาก่อนแล้ว ("EdgiOS" และ "EdgA") ทำให้การใช้ "Edg" สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
ตัวอย่าง User Agent String ของ Edge ตัวใหม่
Mozilla/5.0 (Windows NT 10.0; Win64; x64) AppleWebKit/537.36 (KHTML, like Gecko) Chrome/74.0.3729.48 Safari/537.36 Edg/74.1.96.24
นับจาก ไมโครซอฟท์ประกาศ Edge เปลี่ยนมาใช้เอนจิน Chromium เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เรื่องนี้ก็เป็นที่น่าจับตาอย่างมาก และมีภาพหลุดและไฟล์หลุดออกมาให้เห็นเรื่อยๆ
วันนี้ไมโครซอฟท์ประกาศให้ทดสอบ Microsoft Edge Insider ภายใต้เอนจินใหม่อย่างเป็นทางการ โดยไมโครซอฟท์แบ่งระดับของการทดสอบออกเป็น 3 channel ลักษณะเดียวกับ Chrome/Chromium ดังนี้
Chrome for iOS อาจเป็น Chrome เวอร์ชันที่คนไม่ค่อยนึกถึงสักเท่าไรนัก แต่ก็มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนไม่น้อย (สถิติของ Blognone อยู่ราว 8% ของผู้ใช้ iOS ทั้งหมด)
ด้วยข้อจำกัดของแอปเปิลเอง ทำให้ Chrome for iOS (รวมถึงเบราว์เซอร์อื่นทุกตัว) ไม่สามารถใช้เอนจิน Blink ของตัวเองได้ และต้องใช้เอนจิน WebKit ที่มากับตัวระบบปฏิบัติการแทน
อย่างไรก็ตาม ตัวไบนารี WKWebView ของแอปเปิลกลับไม่ซัพพอร์ตฟีเจอร์ Safari Remote Debugging ทำให้การทดสอบเว็บเพจบน Chrome for iOS ทำได้ยากพอสมควร (สามารถทำได้หากคอมไพล์ Chrome for iOS เองทั้งหมดจากซอร์สโค้ด แต่ก็ยุ่งยากไม่น้อย)