ย้ำอีกรอบว่าข่าวนี้ยังไม่ยืนยันนะครับ

การเปิดตัวบริการ iCloud ของแอปเปิลเมื่อวันก่อน แสดงให้เห็นชัดเจนว่าแอปเปิลเอาจริงกับกลุ่มเมฆมาก ถึงขนาดว่าเปิดศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ

แต่มีคนไปจับทราฟฟิกของ iCloud แล้วพบว่าทราฟฟิกบางส่วนของ iCloud ถูกส่งไปยัง Amazon S3 และ Microsoft Azure ซึ่งเป็นบริการจากบริษัทคู่แข่งของแอปเปิลทั้งคู่ (ถึงแม้จะไม่ใช่บริการคู่แข่งกันตรงๆ ก็ตาม)

ข่าวนี้ยังไม่ได้ยืนยันว่าจริงแค่ไหนอย่างไร (เว็บต้นเรื่องล่มไปแล้ว) แต่ถ้าเป็นจริงก็อาจมองโลกในแง่ดีว่า ศูนย์ข้อมูลของแอปเปิลยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ระหว่างนี้ก็เช่าใช้ S3/Azure ไปพลางๆ ก่อน (แสดงให้เห็นพลังของกลุ่มเมฆชัดเจนมากขึ้น)

หลังจบการนำเสนอในงาน WWDC เมื่อวันก่อนสตีฟ จ็อบส์ในฐานะซีอีโอของแอปเปิลได้เดินทางไปยังสภาเมือง Cupertino ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่แอปเปิล เพื่อนำเสนอโครงการสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของแอปเปิล (แอปเปิลแคมปัส)

หลังจากที่ iOS 5 เพิ่งจะเปิดตัว พร้อมกับปล่อยรุ่นสำหรับนักพัฒนาไปเมื่อวาน ก็ถูก Jailbreak ไปแล้ว

จากทวิตของ @MuscleNerd (iPhone Dev team) เครื่องที่ถูก Jailbreak คือ iPod touch รุ่นที่ 4 โดยใช้ limera1n และการบูตผ่านคอมพิวเตอร์ (tethered boot)

เขาได้แนบภาพจาก iPod ที่มีไอคอนของ Cydia มาในทวิตเพื่อเป็นหลักฐานด้วย (ดูภาพได้ในข่าว)

ที่มา - Geeky Gadgets จาก Engadget

เรื่องปกติในงานแถลงข่าวของแอปเปิลคือการเปิดเผยตัวเลขสถิติต่างๆ นัยหนึ่งก็เพื่อประกาศความสำเร็จของตน แต่อีกนัยก็เป็นการเกทับคู่แข่งทั้งหลาย ซึ่งในงาน WWDC2011 นี้ก็เช่นกัน ตัวเลขสถิติต่างๆ ถูกนำเสนอออกมาเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของแอปเปิลอีกครั้ง มาดูกันครับ

ต่อไปนี้เราอาจจะได้เห็นแฟน BBM น้อยลงแล้วเพราะว่าอุปกรณ์​ iOS ทั้งหลายตั้งแต่ไอโฟนไปจนถึงไอแพ็ดก็จะมีระบบส่งข้อความหากันเป็นของตัวเอง โดยแอปเปิลได้ให้ชื่อระบบนี้ว่า iMessage

iMessage เป็นบริการที่มีลักษณะคล้ายกับ BBM ที่เรารู้จักกันดี คือเป็นบริการส่งข้อความ รูปภาพ และวีดีโอผ่าน Data ผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์ iOS ทุกชนิดที่ติดตั้ง iOS 5 จะสามารถใช้งานได้หมดไม่ว่าจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์มือถือหรือ Wi-Fi

อยากรู้จังว่ากระแส BB ในไทยจะน้อยลงหรือไม่ และคนที่พกทั้ง BB และไอโฟนจะทำอย่างไรต่อไป

ที่มา - Engadget

ระหว่างการเปิดตัว iOS 5 แอปเปิลได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดใช้อุปกรณ์​ iOS ได้โดยไม่ต้องการการเชื่อมต่อเข้ากับ iTunes บนคอมพิวเตอร์อีกต่อไป เนื่องจากต่อไปนี้เราได้อยู่ในยุค Post PC หรือยุคที่ศูนย์กลางในการใช้งานไอทีไม่ได้อยู่ที่คอมพิวเตอร์อีกต่อไปแล้ว โดยต่อไปนี้พีซีก็จะเป็นเพียงแค่ Device ธรรมดาไม่ต่างจากจากอุปกรณ์ iOS อื่น ๆ

ด้วยสาเหตุนี้ แอปเปิลจึงได้ตัดการ Activate อุปกรณ์ iOS ผ่านทาง iTunes และยังเปิดให้อัพเดตอุปกรณ์​ iOS เหล่านี้ได้แบบ Over-the-air (OTA) ตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยอัพเดตเหล่านี้นั้นจะเป็น "Delta Updates" หรือการอัพเดตเฉพาะส่วนที่เปลี่ยนแปลงจริงเท่านั้น ไม่ใช่การโหลดทั้ง OS แบบทุกวันนี้

หลังจากที่ได้ทำการเปิดตัว iCloud บริการกลุ่มเมฆที่มีส่วนหนึ่งเป็นบริการที่แอปเปิลได้ให้บริการกับลูกค้า MobileMe อยู่แล้ว นั่นก็คือบริการอีเมล @me.com และบริการ Sync โฟนบุ้คและปฏิทิน ล่าสุดแอปเปิลได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอนาคตของบริการ MobileMe แล้ว

ต่อไปนี้ผู้ที่จะทำการสมัครบริการ MobileMe จะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป ส่วนลูกค้า MobileMe ปัจจุบันจะได้รับการต่ออายุบริการไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2012 โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม โดยในระหว่างนั้นลูกค้าจะได้รับรายละเอียดในการเปลี่ยนถ่ายข้อมูลจากการใช้ MobileMe มาเป็น iCloud ส่วนอีเมล @me.com และ @mac.com จะยังสามารถใช้ได้ต่อไปเรื่อย ๆ

หลังจากที่เราอ่านข่าวลือมาจำนวนมาก วันนี้ก็ถึงเวลาแถลงข่าวของงาน WWDC 2011 จริงๆ ในรอบนี้ข่าวหลุดจำนวนมากก็เป็นจริงแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Lion ใหม่, iOS5 ที่ปรับปรุง notification, และ iCloud ที่ช่วยซิงก์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์

เราจะไล่ตามลำดับงานเปิดตัว

Mac OS X Lion

ระบบปฎิบัติการสำหรับเครื่องเดสก์ทอปและโน้ตบุ๊กรุ่นล่าสุดของ Mac มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ 10 ตัวหลัก และฟีเจอร์ย่อยอีกกว่า 250 ฟีเจอร์

แอปเปิลได้ประกาศที่จะวางขายระบบปฏิบัติการตัวต่อไปของเครื่องแมค Mac OS X Lion ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ที่ราคา 29.99 ดอลลาร์สหรัฐ​ หรือประมาณ​ 900 กว่าบาทเท่านั้น ส่วนเรื่องคุณสมบัติใหม่ ๆ สำหรับ Lion นั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเดิมที่เราได้ทราบกันอยู่แล้ว เช่น การสนับสนุนการใช้งานแอพแบบเต็มจอ (Fullscreen Apps), Mission Control, Launchpad, Resume, AirDrop, Mail.app ใหม่และ Multitouch Gesture ใหม่ต่าง ๆ

แต่เรื่องที่น่าตกใจคือ Mac OS X Lion จะวางขายเฉพาะบน Mac App Store เท่านั้น โดยไฟล์จะมีขนาด 4GB และสามารถติดตั้งได้โดยไม่ต้องทำการรีบูทเครื่องแต่อย่างใด

คืนนี้จะเป็นอีกคืนที่ใครต่อใครทั้งที่เป็นสาวกและไม่เป็นสาวกต่างรอชมว่าแอปเปิลจะเปิดตัวอะไรบ้างในงาน WWDC 2011 โดยสตีฟ จ็อบส์จะนำทีมนำเสนอ Keynote เอง ซึ่งงานปีนี้มาแปลกกว่าปีก่อนๆ เมื่อแอปเปิลแถลงอย่างเป็นทางการกับสื่อมวลชนล่วงหน้าเลยว่าจะมี Mac OS X Lion, iOS 5 และ iCloud เปิดตัวในงานนี้

ถ้าเราเชื่อว่าขึ้นชื่อยี่ห้อแอปเปิลแล้วต้องมีอะไรมากกว่านั้นให้ประหลาดใจมากกว่าแค่สามอย่างข้างต้นนี้ แต่จะเป็นอะไรได้บ้างละ? เว็บ Gizmodo และ Mashable ได้รวบรวมการคาดเดาของสิ่งที่จะเปิดตัวเพิ่มเติมไว้ดังนี้

มีมาแน่ๆ

ข่าวสนุกๆ ต้อนรับงาน WWDC '11 คืนนี้

แอปเปิลกำลังจะเปิดร้าน Apple Retail Store แห่งใหม่ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดก็มีผ้าใบดำคลุมไว้ก่อน

ปรากฏว่ามีคนกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ".WAV Collective" ปลอมตัวเป็นช่างซ่อมร้าน เอาบันไดปีนขึ้นไปแปะโลโก้ Windows ที่ผ้าใบหน้าร้านอย่างเปิดเผย พร้อมถ่ายคลิปมาเป็นหลักฐานยืนยันด้วย

ไม่รู้ว่า Microsoft Store จะโดนใครแก้แค้นคืนบ้างหรือเปล่านะ

ที่มา - Engadget

Cult of Mac ได้สัมภาษณ์แบบ Exclusive กับแหล่งข่าวภายในที่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ ถึงบริการ iCloud ที่แอปเปิลเตรียมเปิดตัวในคืนนี้ โดยบริการ iCloud นั้นนอกจากจะให้บริการเพลงออนไลน์แล้ว ยังจะทำการ Backup เก็บข้อมูลทุกอย่างที่อยู่ในเครื่องของเรา ไม่ว่าจะเป็นรูป เพลง วิดีโอ หรือแม้แต่ไฟล์เอกสาร เพียงแต่ข้อมูลเหล่านั้นจะไม่ได้ถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิลอย่างที่เราเข้าใจกัน แต่กลับเป็นบน Time Capsule ตัวใหม่แทน

วันนี้ Amazon และ iBookStore ได้เปิดให้จองหนังสือชีวประวัติอย่างเป็นทางการของ สตีฟ จ็อบส์ ในชื่อ iSteve: The Book of Jobs ซึ่งเขียนโดย Walter Isaacson โดยมีกำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มีนาคม 2555 ครับ

เหมาะสำหรับบรรดาหนอนหนังสือและสาวกทั้งหลายอาจจะสนใจนำไปบูชา (รวมถึงผมด้วย)

ภาพปกหลังเบรกครับ

MacRumors เปิดเผยว่า ได้ค้นพบฟีเจอร์ใหม่ของ iTunes ในหน้า My App Updates ของแอปเปิลเอง โดยหน้าดังกล่าวระบุข้อความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัพเดตแอพพลิเคชันที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดมา (แต่ต่อมาข้อความนี้ก็ถูกลบออก) ดังนี้

Or if your device has Automatic Download enabled for apps, your updates will download to your device without having to sync

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาก็มีข่าวลือในทำนองนี้เช่นกันว่า ตั้งแต่ iOS 5 เป็นต้นไปแอปเปิลใช้อัพเดตแบบ OTA

ที่มา: MacRumors

หลังจากข่าว Google ทุ่ม 900 ล้านดอลลาร์ซื้อสิทธิบัตร Nortel ขณะนี้ใกล้ถึงเวลาเปิดประมูลเข้ามาทุกที แต่ก็ยังไม่มีคู่แข่งที่ดูจะสมน้ำสมเนื้อกับ Google ออกมาประกาศตัวในสงครามช่วงชิงสิทธิบัตรจำนวนกว่า 6,000 รายการ ที่ Nortel ได้ถือครองไว้ก่อนที่จะล้มละลาย

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) แสดงความมั่นใจว่า หาก Google ได้สิทธิบัตรจำนวนดังกล่าวไป ก็จะไม่เกิดคดีความฟ้องร้องเพิ่มขึ้นมากนัก โดยพิจารณาจากท่าทีของ Google ก่อนหน้านี้ในเรื่องของการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา แต่ถ้าหากเป็น Apple ที่ได้ไปแทนล่ะ?

หลังจากเหตุระเบิดที่โรงงานเมืองเฉิงตูได้ไม่นาน ควันยังไม่ทันจางก็มีข่าวเกี่ยวกับผู้สืบทอด iPad รุ่นต่อไปออกมาอีกครั้ง โดยมีรายงานจากบริษัทหลักทรัพย์ CLSA (Credit Lyonnais Securities Asia) ซึ่งเป็นกลุ่มลงทุนแถวหน้าของเอเชีย ความว่า

"ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นดูเหมือนจะยุ่งอยู่กับการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองมีความสามารถเทียบชั้นกับ iPad 2 จากผลการตรวจสอบได้บ่งชี้ว่า Apple จะวางจำหน่าย iPad 3 ในช่วงวันหยุดยาวนี้ (ก่อนคริสต์มาส) โดยมีการอัพเกรดความละเอียดหน้าจอ และรองรับ LTE"

ในส่วนของ iPhone CLSA เชื่อว่าจะยังไม่มีรุ่นใหม่ออกมาภายในปีนี้

คงต้องไปถาม Samsung ดูว่า Apple แอบสั่งชิ้นส่วนแปลกๆเพิ่มขึ้นมาหรือเปล่า

ความเคลื่อนไหวของ iCloud ยังมีออกมาเรื่อยๆ หลังจากข่าวแอปเปิลเซ็นสัญญากับ Universal Music Group ก็มีข้อมูลเบื้องหลังของการเซ็นสัญญาตามออกมา

เว็บไซต์ New York Post รายงานว่าแอปเปิลได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้ค่ายเพลงใหญ่ทั้ง 4 รายเป็นจำนวนเงิน 100-150 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ iCloud มีเพลงในมือเป็นจำนวนมากในวันเปิดตัว โดยค่ายเพลงแต่ละรายจะได้เงินไป 25-50 ล้านดอลลาร์ ขึ้นกับว่ามีเพลงเยอะแค่ไหน

จำนวนเงินเยอะขนาดนี้อาจเป็นผลให้คู่แข่งอย่างกูเกิลเจรจากับค่ายเพลงไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามการที่แอปเปิลเจรจาสำเร็จ ก็อาจเป็นปัจจัยกดดันให้กูเกิลยอมจ่ายแพงขึ้นได้

ซีอีโอของอโดบี คุณ Shantanu Narayen ได้ให้สัมภาษณ์กับ WSJ ระหว่างงาน D9 ว่า "ในมุมมองของเรา ความขัดแย้งกับแอปเปิล (ซึ่งทำให้อโดบีหยุดการสนับสนุน Flash บน iOS) ได้จบลงแล้ว" นอกจากนั้นเขายังเสริมว่าอโดบี
จะเปิดรับและให้สนับสนุนมาตรฐาน HTML5
อีกด้วย

ใครที่สนใจประเด็นว่าทำไมแอปเปิลจึงขัดแย้งกับอโดบีสามารถอ่านได้จากข่าวเก่าครับ

ที่มา: Wall Street Journal ผ่าน BGR

JP Morgan รายงานว่าผู้ผลิต Tablet รายอื่นนอกจากแอปเปิล เริ่มลดจำนวนการผลิตสินค้าลงในเดือนมิถุนายนเทียบกับเดือนมีนาคมของปีนี้ เนื่องมาจากยอดขายที่ไม่ได้ดังเป้า โดยยอดการผลิต Tablet ลดลงโดยเฉลี่ย 10 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ iPad ยังคงกำลังการผลิตเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

โดยผู้ผลิต Tablet ที่ลดจำนวนการผลิตลงมากที่สุดคือ Dell กับ Toshiba (20%) รองลงมาคือ Motorola (18%), Acer (16%), RIM (14%), Samsung (13%) และ HP (6%)

ที่มา - Apple Insider

แอปเปิลออกมาประกาศชัดเจนแล้วว่าบริการเพลงออนไลน์ของตัวเองจะใช้ชื่อ iCloud และข่าวล่าสุดของ iCloud ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน WWDC มีดังนี้

มีรายงานข่าวว่าแอปเปิลได้ทำการทดสอบ Time Capsule ภายในบริษัทเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการให้บริการ Cloud โดยในตอนนี้แหล่งข่าวอ้างว่า Time Capsule จะทำการโหลด Software Update สำหรับแมคและอุปกรณ์ iOS เก็บเป็น cache ไว้ในฮาร์ดดิสก์โดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้พร้อมที่จะทำการอัพเดตอุปกรณ์เมื่อไหร่ก็ไม่ต้องเสียเวลาโหลดใหม่อีกต่อไป โดยความสามารถนี้เป็นไปได้เพราะว่า Time Capsule เองก็เป็นเราเตอร์อยู่แล้ว จึงสามารถที่จะ route ให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ดึงข้อมูลจาก Time Capsule ได้โดยตรง

ในรายงานยังพูดถึงความเป็นไปได้ที่แอปเปิลจะใช้วิธีเก็บ cache แบบเดียวกันในการให้บริการ Cloud อื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่นบริการเก็บเพลงไว้บน Cloud ของ iCloud

หลังจากที่ทาง Apple ได้ออกมาเรียกร้องให้ทาง Lodsys หยุดส่งจดหมายขู่กับทางนักพัฒนาโปรแกรมบน iOS ล่าสุดทาง Lodsys ได้ออกมาตอบโต้ว่า "ใบอนุญาตที่ทาง Apple ได้ไปนั้นไม่ครอบคลุมถึงนักพัฒนาที่เป็นบุคคลที่สาม" ผ่านทางบล๊อกของบริษัท

นอกจากนี้ทาง Lodsys ได้ยื่นฟ้องนักพัฒนาโปรแกรม 7 ราย ได้แก่ Iconfactory, Quickoffice, Illusion Labs, Wulven Game Studios, และนักพัฒนาอิสระอีกสามคน ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตรสองรายการ ซึ่ง Lodsys ได้กล่าวว่าการยื่นฟ้องในครั้งนี้เป็นการตอบโต้ "การคุกคาม" ของ Apple

หลังจากที่แอปเปิลได้ปล่อยอัพเดต Security Update 2011-003 สำหรับ Snow Leopard เมื่อวานเพื่อกำจัดมัลแวร์ที่ใช้ชื่อว่า Mac Defender ล่าสุด ZDNet ก็ได้รายงานว่ามีมัลแวร์สายพันธุ์เดียวกันกับ Mac Defender ออกมาใหม่แล้วและยังสามารถหลบโค้ดป้องกันมัลแวร์ของแอปเปิลได้

มัลแวร์ตัวใหม่นี้ใช้ไฟล์ชื่อ Mdinstall.pkg และได้ถูกปล่อยออกมาเพียงแค่ 8 ชั่วโมงหลังจากที่แอปเปิลได้ปล่อยอัพเดตปราบมัลแวร์ออกมา

โชคดีที่แอปเปิลเองก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับปัญหานี้แล้วด้วยการเพิ่มระบบอัพเดต Definition ของมัลแวร์ต่าง ๆ มาพร้อมกับ Security Update ตัวนี้แล้ว แต่นั่นก็หมายความว่าเกมแมวไล่จับหนูได้เริ่มขึ้นแล้วสำหรับแอปเปิล

เว็บ AppleInsider รายงานว่าพวกเขาได้รับรายละเอียดเพ่ิมเติมจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือได้ว่าแอปเปิลจะเปิดให้บริการ iCloud แบบฟรีสำหรับผู้ใช้งาน Mac OS X Lion แม้ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้จะมีอะไรบ้างในบริการฟรีนี้

หนึ่งในบริการที่คาดว่าจะไม่มีให้สำหรับสมาชิกที่เลือกรับบริการฟรีคือบริการ Music Streaming ซึ่งก่อนหน้านี้แอปเปิลได้ทำการเจรจากับค่ายเพลงหลาย ๆ ค่ายไว้แล้วสำหรับบริการดังกล่าว จากที่ทราบบริการดังกล่าวมีต้นทุนที่สูง และคาดว่าแอปเปิลจะต้องเลือกที่จะเก็บค่าบริการจากผู้ใช้ที่ต้องการใช้บริการนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าแอปเปิลอาจจะเปิดให้บริการฟรีในระยะแรกเพื่อทำการชักชวนผู้ใช้ให้เข้ามารับบริการ

TechCrunch รายงานว่าบน iOS 5 ผู้ใช้สามารถที่จะเลือกอัพโหลดรูปภาพไปสู่ Twitter ได้ผ่านทางแอพต่าง ๆ ของ OS โดยตรง โดยการทำงานจะมีลักษณะคล้าย ๆ กับความสามารถของ iOS ที่สามารถจะส่งวีดีโอสู่ YouTube โดยตรงได้อยู่แล้ว

John Gruber แห่งเว็บ DaringFireball เองก็ได้ออกมายืนยันว่า iOS 5 จะมีการทำงานร่วมกับ Twitter มากกว่าแค่การอัพโหลดรูปภาพขึ้นไปอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Twitter เตรียมที่จะเปิดบริการฝาก-แชร์รูปภาพในอนาคตอันใกล้ ส่วนเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ก็คงทราบกันได้ที่งาน WWDC ที่จะถึงนี้

ที่มา - MacRumors