T-Mobile หนึ่งในผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ในประเทศสหรัฐฯ ถูกสั่งปรับเป็นเงิน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,247 ล้านบาท ในข้อหาใช้เสียงริงโทนปลอมหลอกผู้ใช้โทรศัพท์ว่าโทรติดแต่ไม่มีใครรับสาย ทั้งที่ความเป็นจริงคือ T-Mobile ไม่สามารถต่อสัญญาณโทรศัพท์ไปยังหมายเลขปลายทางที่ผู้ใช้ต้องการได้ โดยส่วนใหญ่เป็นกรณีการโทรไปหาปลายทางในเขตชนบท

ถึงแม้ว่าคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารสหรัฐฯ หรือ FCC (กสทช. สหรัฐฯ) จะออกข้อบังคับมาตั้งแต่ปี 2014 ว่าห้ามผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ใช้เสียงริงโทนปลอมหลอกผู้ใช้ว่าโทรติด แต่ทาง T-Mobile ก็ยังคงใช้เทคนิคดังกล่าวเรื่อยมา ทำให้มีผู้ใช้งานโทรศัพท์ร้องเรียนไปยัง FCC ซึ่งนำมาสู่การสืบสวนและการพิจารณาลงโทษในที่สุด

ก่อนที่ Andy Rubin จะเริ่มทำ Android เขาเคยสร้างมือถือมีคีย์บอร์ดชื่อว่า Sidekick โดยขายกับเครือข่าย T-Mobile ในสหรัฐ ซึ่งก็ได้รับความนิยมและมีฐานแฟนๆ เหนียวแน่นอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ตัวอย่างคนดังที่เป็นแฟนของ Sidekick คือ Dwyane Wade นักบาสคนดังที่เคยทวีตเรียกร้อง ให้ T-Mobile นำกลับมาขายใหม่

T-Mobile เลิกขาย Sidekick ในปี 2010 แต่ล่าสุดแบรนด์ Sidekick กำลังจะกลับมาอีกครั้งในชื่อว่า T-Mobile Sidekicks (มี s) โดยมันคือ Smartshoephone ตัวแรกในโลกด้วย

T-Mobile ผู้ให้บริการโทรศัพท์ในสหรัฐฯ ประกาศเข้าซื้อ Layer3 TV สตาร์ทอัพให้บริการออนไลน์ทีวีโดยไม่เปิดเผยมูลค่า พร้อมประกาศแผนเตรียมเปิดให้บริการสตรีมมิ่งทีวีในปีหน้า

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า Sprint และ T-Mobile จะควบรวมบริษัท แต่ล่าสุดผู้ให้บริการทั้งสองก็ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ทางเครือข่ายได้หยุดการเจรจาควบรวมเครือข่าย และจะยังคงความเป็นอิสระต่อไป เนื่องจากทั้งสองบริษัทไม่สามารถหาข้อตกลงที่ดีที่สุดได้

John Legere ซีอีโอของ T-Mobile กล่าวว่า การควบรวมกับ Sprint นั้นน่าสนใจด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่ T-Mobile จะไม่ทำตามดีลนี้เพราะว่าจะไม่ส่งผลดีในระยะยาวต่อผู้ถือหุ้นบริษัท เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพการดำเนินงานตอนเป็นบริษัทเดี่ยว

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว Sprint และ T-Mobile เคยคิดจะควบรวมบริษัทกันครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ล้มเลิก และตอนนี้เรื่องดังกล่าวก็ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งแล้ว

สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายทั้งสองของสหรัฐฯ เตรียมแผนจะควบบริษัทกันอีกครั้ง โดยหลังจากช่วงนี้จะเป็นช่วงต้องลงทุนหนักอีกครั้งสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายทั้งหลายเพื่อแย่งชิงเทคโนโลยี 5G

4 โอเปอเรเตอร์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาได้แก่ AT&T, Verizon, T-Mobile, Sprint ประกาศตั้งกลุ่ม Mobile Authentication Taskforce เพื่อวางมาตรฐานการยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์พกพา

เป้าหมายของกลุ่มคือพัฒนาระบบยืนยันตัวตนด้วยอุปกรณ์พกพาที่ใช้แทน SMS (ซึ่ง NIST หน่วยงานด้านมาตรฐานอุตสาหกรรมของสหรัฐ แนะนำให้เลิกใช้) โดยแนวทางที่จะนำมาใช้แทนมีทั้งการตรวจสอบซิมการ์ด, พิกัดเครื่อง, การเชื่อมต่อกับโครงข่าย

ตอนนี้ทางกลุ่มยังไม่มีผลงานออกมา (เพิ่งประกาศตั้งกลุ่ม) โดยตั้งเป้าว่าจะออกผลงานในปี 2018

T-Mobile ผู้ให้บริการเครือข่ายในสหรัฐฯ เตรียมเลิกพัฒนาและหยุดการสนับสนุนแอพของเครือข่ายบนแพลตฟอร์ม Windows 10 mobile อย่างเป็นทางการในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ โดยได้แจ้งผู้ใช้บนแอพว่าหลังจากนี้หากต้องการจัดการบัญชีให้ใช้เว็บไซต์ My.T-Mobile.com แทน

สำหรับแอพบน Windows 10 mobile ของ T-Mobile นี้เพิ่งจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ไปได้เพียงปีเดียว โดยมีการปรับปรุงหน้าตาใหม่ เพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้ แต่นักวิเคราะห์คาดว่าน่าจะมีผู้ใช้ย้ายไป iOS หรือ Android เป็นจำนวนมากจึงทำให้ T-Mobile หยุดพัฒนาแอพให้ผู้ใช้ Windows 10 mobile

ที่มา - Digital Trends

Samsung USA จัดโปรโมชั่นซื้อ Galaxy S8 แบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง

นี่ไม่ได้แปลว่า Galaxy S8 ขายไม่ออก แต่เป็นโปรโมชั่นที่ Samsung USA จัดร่วมกับเครือข่าย T-Mobile โดยลูกค้าต้องซื้อ Galaxy S8 ราคาเต็มก่อน 2 เครื่องจากเว็บไซต์ Samsung.com แล้วเปิดใช้บริการกับ T-Mobile หนึ่งเครื่อง จากนั้นซัมซุงจะคืนเงิน (rebate) ของอีกเครื่องให้ตามหลังแต่ในมูลค่าสูงสุด 750 ดอลลาร์ (แปลว่าเราจะได้เครื่องติดสัญญา T-Mobile 1 เครื่อง และเครื่องเปล่า 1 เครื่อง)

ฝั่งของ T-Mobile ก็มีโปรโมชั่นลักษณะเดียวกัน แต่คืนเงินเป็นเครดิตสำหรับบริการ T-Mobile แทน

ที่สหรัฐฯมีการประมูลคลื่นความถี่ 600MHz โดยหน่วยงานด้านการสื่อสารของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ FCC ผลการประมูลคือบริษัท T-Mobile ชนะการประมูลเป็นอันดับหนึ่งในราคา 8 พันล้านดอลลาร์ ได้สัดส่วนคลื่นไป 45%

คลื่นความถี่ดังกล่าวช่วยให้บริการของ T-Mobile สามารถครอบคลุมได้ทั่วทั้งสหรัฐฯและเปอร์โตริโก ด้านคู่แข่งรายอื่นคือ Dish Network วางเงินประมูลที่ 6 พันล้านดอลลาร์ Comcast วางที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์

คลื่นความถี่ 600MHz เดิมเป็นคลื่นทีวี มีความถี่ต่ำสามารถใช้งานในอาคารได้ดี แต่อุปกรณ์มือถือยังไม่รองรับคลื่นดังกล่าวด้านการประมูลจบไปตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมแล้ว แต่ทาง FCC เพิ่งมาประกาศผู้ชนะประมูลเมื่อกลางเดือนเมษายน

หลังถูกพูดถึงกันมาตั้งแต่ปี 2014 และถูกทดสอบกันมาซักพักใหญ่ๆ ล่าสุดอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายความเร็วสูง LTE-U หรือ Unlicensed LTE ที่อาศัยย่านความถี่ 5GHz ที่ไม่ต้องขออนุญาต (และไม่ได้ถูกใช้งาน) มาใช้เพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูล ได้รับการรับรองจาก FCC หรือกสทช. ของสหรัฐเป็นชิ้นแรกแล้ว

อุปกรณ์ชิ้นแรกที่ได้รับการรับรองคือสถานีฐานของ Ericsson และ Nokia และผู้ให้บริการเจ้าแรกที่จะนำมาตรฐานใหม่นี้ไปให้บริการคือ T-Mobile ในสหรัฐ ซึ่งจะเริ่มในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิหรือปลายเดือนหน้า

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าววงในว่า เราอาจได้เห็นการควบกิจการระหว่าง T-Mobile และ Sprint โอเปอเรเตอร์อันดับ 3-4 ของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง หลังเคยมีความพยายามมาครั้งหนึ่งในปี 2014 แต่สุดท้ายก็ล่มไป

ธุรกิจโทรคมนาคมในสหรัฐถูกกำหนดโดยรายใหญ่อย่าง Verizon และ AT&T ส่งผลให้อันดับรองๆ ลงมาทั้ง T-Mobile และ Sprint แข่งขันลำบาก การรวมตัวกันเพื่อให้ใหญ่ขึ้นจึงสมเหตุสมผล ตามข่าวของ Reuters บอกว่า SoftBank ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Sprint ยินดีขายหุ้นออกไปให้ T-Mobile และถือหุ้นเสียงข้างน้อยแทน (ดีลรอบก่อนหน้านี้กลับกันคือ Sprint เสนอซื้อ T-Mobile)

จากกรณี Galaxy Note 7 ระเบิดบนเครื่องบินรอบใหม่ ทาง 4 โอเปอเรเตอร์ใหญ่ของสหรัฐได้แก่ AT&T, Verizon, Sprint, T-Mobile ก็เปิดให้ลูกค้า Galaxy Note 7 สามารถขอเปลี่ยนมือถือได้อีกรอบ โดยสามารถขอเปลี่ยนเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นแทนได้

กรณีของ Verizon จะเริ่มเปิดให้แลกเครื่องได้ในวันนี้ (8 ตุลาคม), AT&T และ Sprint เปิดให้เปลี่ยนเป็นรุ่นใดก็ได้, T-Mobile ใจดีหน่อย บอกว่าเปลี่ยนเป็นเครื่องอะไรก็ได้ที่มีในสต๊อก ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมพิเศษใดๆ และลูกค้าที่ได้ของแถมของ Note 7 ไปแล้วก็ไม่ต้องนำของแถมมาส่งคืนด้วย เก็บไว้ใช้ต่อได้เลย

นอกจากนี้ ยังมีข่าวไม่ยืนยันจาก Bloomberg ว่าเครือข่าย AT&T อาจพิจารณาหยุดขาย Note 7 อย่างถาวรไปเลย แต่ทางโฆษกของ AT&T ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้

เครือข่าย T-Mobile ของสหรัฐ ออกมาเปิดสงครามราคา โดยประกาศว่าจะมีแพ็กเกจแบบรายเดือนให้บริการเพียงแบบเดียวคือ T-Mobile One ที่ไม่จำกัดทั้งการโทร การส่งข้อความ และปริมาณเน็ตที่ใช้งาน ในราคาเดือนละ 70 ดอลลาร์

ผู้ที่ใช้แพ็กเกจ T-Mobile One ยังจะได้สิทธิอื่นๆ เช่น ส่งข้อความและใช้เน็ตในต่างประเทศได้ฟรี กระจายสัญญาณเน็ตแบบ tethering ได้ไม่จำกัด (แต่เป็นเครือข่าย 2G)

วิธีคิดเงินของ T-Mobile นับตามจำนวนเบอร์ โดยเบอร์แรกคิดเดือนละ 70 ดอลลาร์ ถ้าอยากเพิ่มเบอร์ที่สองเพิ่ม 50 ดอลลาร์ ถ้าอยากใช้งานกับแท็บเล็ตเพิ่มคิด 20 ดอลลาร์, นาฬิกา smart watch เพิ่มอีก 5 ดอลลาร์, กระจายสัญญาณเน็ต 5GB เพิ่มอีก 15 ดอลลาร์

หลังเกิดเหตุก่อการร้ายล่าสุดที่ฝรั่งเศสเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาในบ้านเรา Google ออกมาประกาศให้โทรไปยังฝรั่งเศสผ่าน Hangouts และ Project Fi โดยไม่คิดค่าบริการ

เช่นเดียวกับโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐ ทั้ง AT&T และ Verizon ที่ให้ลูกค้าโทรและส่งข้อความไปยังฝรั่งเศสโดยไม่คิดเงิน ขณะที่ T-Mobile ระบุแต่เพียงว่าเฉพาะการโทรและส่งข้อความไปยังพื้นที่ของเมืองนีซที่เกิดเหตุเท่านั้น ส่วน Sprint ไม่คิดเงินทั้งการโทรไปฝรั่งเศส และโทรออกจากฝรั่งเศส

ที่มา - Android Police

Pokemon Go ยังเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเครือข่าย T-Mobile ของสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าจะไม่คิดค่าเน็ตในการเล่น Pokemon Go ให้กับลูกค้าทุกคนที่ดาวน์โหลดแอพ T-Mobile Tuesday เป็นเวลา 1 ปีเต็ม (จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2017 แต่ต้องเข้ามากดรับสิทธิทุกสัปดาห์)

นอกจากนี้ T-Mobile ยังมีโปรโมชั่นแจกแหลกเพื่อชวนคนมาเล่น Pokemon ด้วย เช่น ให้เครดิตนั่งรถ Lyft ฟรี 15 ดอลลาร์, แจกของว่าง Frosty จากร้านฟาสต์ฟู้ด Wendy's และลดราคาอุปกรณ์เสริม สายชาร์จ พาวเวอร์แบงค์ 50% ในร้าน T-Mobile Store

ผู้โชคดีอีก 250 คนยังจะได้เหรียญ PokéCoins มูลค่า 100 ดอลลาร์ และมี 5 คนจะได้ออกทริปล่าโปเกมอนฟรี ที่ไหนก็ได้ในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

T-Mobile แคริเออร์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐประกาศโปรโมชันใหม่ที่ไม่เหมือนใครและไม่น่ามีใครกล้าเหมือน ด้วยการแจกหุ้นให้ลูกค้าที่ใช้บริการ T-Mobile แบบรายเดือนไปเลยฟรีๆ

สำหรับการเข้าร่วมโปรโมชัน Stock Up นี้ลูกค้า T-Mobile จะต้องลงทะเบียนผ่านแอพ และหากคุณสมบัติผ่านทางบริษัทจะสุ่มผู้โชคดีทุกวันอังคาร และจะได้จำนวนหุ้นเพิ่มหากสามารถชักชวนคนอื่นให้มาเป็นลูกค้า T-Mobile ได้ โดยจะต้องไม่เกิน 100 คน (หุ้น 100 ตัว) ต่อปี

นอกจากหุ้นแล้วทาง T-Mobile ยังมีโปรโมชันอื่นในลักษณะคล้ายๆ กันด้วยอย่างการให้ไปทานอาหาร ดูหนังฟรี หรือแม้แต่ได้ชั่วโมง Wi-Fi ฟรีบนเครื่องบินของสายการบินท้องถิ่นที่เป็นพันธมิตร

นอกจากจะเปิดตัว Pixi 3 แท็บเล็ต Windows 10 Mobile แล้ว แต่ Alcatel Onetouch เหมือนจะยังปล่อยของไม่หมด เพราะล่าสุด ได้เปิดตัว Fierce XL สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Mobile ที่จะวางจำหน่ายกับเครือข่าย T-Mobile มีสเปค ดังนี้

T-Mobile ประเทศเยอรมนีประกาศว่า Lumia 535, 635, 640, 640 XL, 830 และ 930 เตรียมได้รับอัพเดต Windows 10 Mobile ภายใน 2 สัปดาห์นี้ และ Lumia 950 ที่เป็น Windows 10 Mobile อยู่แล้วจะได้อัพเดตย่อยด้วย แต่ทุกเครื่องอาจไม่ได้รับการอัพเดตในวันเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์ทำงานหนักเกินไป

ข่าวนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับคนที่ถือเครื่องรออยู่ เชื่อว่าไมโครซอฟท์น่าจะทยอยปล่อยอัพเดตให้ผู้ใช้ในประเทศอื่นเร็วๆ นี้

ด้าน Microsoft Lumia Thailand เพจอย่างเป็นทางการของอุปกรณ์สาย Lumia ในไทย ยังไม่ได้พูดถึงวันที่จะปล่อยอัพเดตครับ

เมื่อสัปดาห์ก่อน T-Mobile ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายรายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศกลยุทธ์ใหม่ภายใต้แผน Uncarrier ครั้งที่สิบด้วยการเปิดตัวบริการใหม่ Binge On ที่เปิดให้ผู้ใช้สตรีมวิดีโอผ่านบริการชื่อดังโดยไม่ใช้เดต้าจากแพ็คเกจอินเทอร์เน็ต แนวทางเดียวกับ Music Freedom ที่เปิดให้สตรีมเพลงออนไลน์โดยไม่ใช้เดต้าที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2014

เราเห็นผู้ผลิตมือถือหลายค่ายออกมาประกาศรายชื่ออุปกรณ์ที่จะได้ Android 6.0 เช่น HTC, Motorola, Sony แต่ก็ยังมีค่ายใหญ่อย่าง LG และ Samsung ที่ยังเงียบๆ ในเรื่องนี้

ล่าสุดฝั่งของ T-Mobile ออกมาประกาศรายชื่อมือถือที่ขายกับเครือข่ายของตัวเองว่าตัวใดบ้างจะได้ Android 6.0 ทำให้เราพอเห็นภาพว่า LG/Samsung เตรียมอะไรไว้บ้าง

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้ใช้ไอโฟนบนเครือข่าย T-Mobile จำนวนมาก เจอปัญหา “Blue Screens of Death” และเครื่องรีสตาร์ตตัวเองบ่อยครั้ง

ไอโฟนที่เจอปัญหาจะขึ้น blue screen ประมาณ 1 - 2 วินาทีตามด้วยเครื่องรีสตาร์ตตัวเอง อาการนี้จะเกิดทุกๆ 10 - 30 นาที ผู้ใช้คาดการณ์กันว่าปัญหาน่าจะมาจาก carrier update ครั้งล่าสุด ส่วนฝ่ายเทคนิคของ T-Mobile คาดว่าเป็นปัญหาในส่วนของหน่วยความจำ

ไอโฟนรุ่นที่ได้รับผลกระทบคือ iPhone 6 Plus, iPhone 6 และ iPhone 5s ที่รัน iOS 8.1 และ iOS 8.3 ทาง T-Mobile แนะนำให้ผู้ใช้ทำ hard reset และหากยังพบปัญหาอยู่จะแนะนำให้ลบ SMS ทั้งหมดออกจากเครื่องและทำการรีสโตร์ผ่าน iTunes แต่ภายหลังมีรายงานว่าผู้ใช้จำนวนมากสามารถแก้ปัญหานี้ด้วยการปิดฟีเจอร์ Wi-Fi Calling

เครือข่าย T-Mobile ของสหรัฐอเมริกา เปิดบริการแผนที่การให้บริการ (network coverage map) แนวใหม่ที่นำข้อมูลการใช้งานของลูกค้ากว่า 200 ล้านจุดต่อวันมาร่วม crowdsource ด้วย

ผลของการนำข้อมูลการใช้งานจริงจากลูกค้ามาใช้งาน ช่วยให้ข้อมูลถูกต้องแม่นยำขึ้น เพราะแต่เดิมนั้นแผนที่ให้บริการของโอเปอเรเตอร์ใช้ข้อมูลคาดการณ์ (predictive coverage estimations)

T-Mobile ระบุว่าใช้ข้อมูลของลูกค้าโดยไม่ระบุตัวตน (แต่ไม่บอกว่าดึงข้อมูลอย่างไร) และยังดึงข้อมูลจากแอพของบริษัทอื่นๆ ที่ตกลงซื้อข้อมูลกันมาร่วมวิเคราะห์ด้วย

ใครสนใจทดสอบลองเข้าไปดูได้ที่ T-Mobile Coverage Map

ให้หลังจากที่ซัมซุงเพิ่งปล่อยวิดีโอยั่วน้ำลายของ Galaxy S6 เพียงเดี๋ยวเดียว T-Mobile ก็ออกมารับลูกด้วยการปล่อยภาพของ Galaxy S6 ออกมาบ้าง เผยให้เห็นมุมต่างของตัวเครื่องจากที่ซัมซุงปล่อยมาพอสมควร

ภาพที่ T-Mobile ปล่อยมาในครั้งนี้เป็นภาพด้านข้าง คว่ำตัวเครื่องลง เผยให้เห็นวัสดุตัวเครื่องอย่างชัดเจนว่าฝาหลังทั้งชิ้นจะเป็นโลหะขัดมุมเงางามตามแบบ Galaxy Note 4 หน้าจอโค้งลงมาจนถึงครึ่งหนึ่งของด้านข้างตัวเครื่องจริงตามข่าวที่ออกมา แต่ยังไม่เห็นลำโพงด้านหน้าแต่อย่างใด (มันมีจริงๆ หรอเนี่ย)

ยังมีข่าวลือต่อเนื่องจากที่ The Wall Street Journal เคยออกมาเผยข้อมูลวงในว่ากูเกิลกำลังจะกลายเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายแบบ MVNO จากทั้ง Sprint และ T-Mobile วันนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้ว

รายงานชิ้นใหม่ระบุว่า อุปกรณ์ที่วางขายผ่านบริษัทที่จะใช้เปิดให้บริการเครือข่าย MVNO นี้จะรองรับคลื่นความถี่ของทั้ง Sprint และ T-Mobile อย่างสมบูรณ์ และเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตลอดเวลา โดยจะเปลี่ยนไปเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่สัญญาณดีกว่าอยู่เสมอ

หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่า กูเกิลเตรียมขยายสายธุรกิจของตัวเองมาทำตัวเป็น "โอเปอเรเตอร์" หรือผู้ให้บริการโทรคมนาคมในสหรัฐอเมริกา โดยจะอยู่ในรูป mobile virtual network operator (MVNO) ที่เช่าโครงข่ายของ Sprint และ T-Mobile อีกทีหนึ่ง

Wall Street Journal ระบุว่ากูเกิลเรียกโครงการนี้ด้วยโค้ดเนม "Nova" ส่วนเว็บไซต์ Android Police ก็อ้างแหล่งข่าวของตัวเองว่าโครงการนี้จะเกี่ยวข้องกับ Google Voice โดยกูเกิลน่าจะให้บริการข้อมูลเพียงอย่างเดียว และไม่จำกัดปริมาณข้อมูลด้วย

ที่ผ่านมากูเกิลมักมีปัญหากับโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐในหลายประเด็น การที่กูเกิลลงมาทำธุรกิจโอเปอเรเตอร์เองจึงน่าจะช่วยให้กูเกิลนำเสนอผลิตภัณฑ์-บริการในแบบที่ตัวเองต้องการได้ง่ายขึ้น