ขณะที่คู่แข่งร่วมชาติอย่างซัมซุงกำลังอยู่ในช่วงขาลง LG กลับตรงกันข้าม โดยรายได้สุทธิรวมทุกธุรกิจอยู่ที่ 501.4 แสนล้านวอน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 125% กำไรจากการดำเนินการเพิ่มขึ้น 46% ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากฝั่งสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น 16% โดยมียอดส่งมอบสมาร์ทโฟนที่ 59.1 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา
ด้านธุรกิจโทรทัศน์มีกำไรจากการดำเนินการเพิ่มขึ้น 31% ซึ่งเกิดจากความต้องการโทรทัศน์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในยุโรป เครือจักรภพและอเมริกาเหนือ โดย LG ยังคาดว่าโทรทัศน์ไฮเอนด์อย่าง OLED และ Ultra HD จะยังคงเติบโตได้อีก ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2014 มีรายได้ 3,851 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,518 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 86%
รายได้หลักของ Facebook ยังคงเป็นโฆษณา โดยตอนนี้ส่วนแบ่งโฆษณาจากบนมือถือคิดเป็น 69% ของรายได้โฆษณารวมทั้งหมด ส่วนตัวเลขผู้ใช้งานนั้นแบ่งเป็นผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน 890 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18% และเป็นผู้ใช้งานบนมือถือ 745 ล้านคน ส่วนผู้ใช้งานเป็นประจำระดับทุกเดือนมีอยู่ 1,390 ล้านคน
ยาฮูรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2014 มีรายได้รวม 1,253 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 166 ล้านดอลลาร์ ลดลง 52%
ถึงแม้ตัวเลขจะลดลงทั้งรายได้และกำไร แต่ซีอีโอ Marissa Mayer ก็ยืนยันว่าทิศทางของบริษัทที่วางไว้ยังดำเนินไปได้ดี โดยรายได้จากโฆษณาบนมือถือมีการเติบโต 23% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้
ซัมซุงรายงานตัวเลขผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2014 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้เล็กน้อย โดยมีรายได้รวม 52.73 ล้านล้านวอน ลดลง 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กำไรจากการดำเนินงาน 5.29 ล้านล้านวอน ลดลง 36% และมีกำไรสุทธิ 5.35 ล้านล้านวอน ลดลง 27%
ธุรกิจโทรศัพท์ซึ่งเป็นรายได้หลักของซัมซุงก็ยังอยู่ในขาลง โดยกำไรเฉพาะส่วนนี้ในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.96 ล้านล้านวอน ลดลงถึง 64% ซัมซุงอธิบายว่าจำนวนเครื่องที่ขายได้เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 นั้นยังคงลดลงแต่กำไรดีขึ้นเนื่องจากการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องก็ดีขึ้นจากการเปิดตัว Note 4
ค่ายเกมยักษ์ใหญ่ Electronic Arts หรือ EA ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2014 (เท่ากับไตรมาส 4/2014) ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยรายได้ทั้งไตรมาส 1.13 พันล้านดอลลาร์ กำไร 142 ล้านดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้ EA ออกมาดีกลับมาจาก "คอนโซลรุ่นก่อนหน้านี้" ทั้ง Xbox 360 และ PS3 ที่ลดราคาแล้วขายดีในช่วงเทศกาลปลายปี ส่งผลให้เกมของ EA บนแพลตฟอร์มเหล่านี้กลับมาขายดีไปด้วย ฝั่งของเกมบนอุปกรณ์พกพาที่ใช้โมเดลธุรกิจแบบ freemium ก็เติบโตเช่นกัน โดยเฉพาะเกมกีฬาตระกูล Madden NFL และ FIFA
ผลประกอบการแอปเปิลประจำไตรมาส 1/2015 (นับตามปีงบประมาณ เท่ากับไตรมาส 4/2014) ออกมายอดเยี่ยมและทำลายสถิติอีกครั้งทั้งในแง่รายได้และกำไร
ปัจจัยผลักดันผลประกอบการแอปเปิลมาจากยอดขาย iPhone, Mac, App Store ที่ทำลายสถิติด้วยกันถ้วนหน้า โดยแอปเปิลขาย iPhone ได้มากถึง 74.5 ล้านเครื่อง รวมถึงทำยอดขายอุปกรณ์ iOS แตะหลัก 1 พันล้านเครื่องได้แล้ว
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองของปี 2015 ตามปีการเงินบริษัท มีรายได้ 26,470 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,863 ล้านดอลลาร์ ลดลง 10%
ซีอีโอ Satya Nadella กล่าวว่าไมโครซอฟท์ยังคงเดินหน้าเปลี่ยนผ่านองค์กรตามกลยุทธ์ที่วางไว้ รวมถึงขยายความเป็นผู้นำในธุรกิจคลาวด์ รวมถึง Windows 10 ที่เพิ่งเปิดตัวไป ซึ่งจะมอบประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้า
ตัวเลขผลการดำเนินงานตามส่วนธุรกิจของไมโครซอฟท์ที่น่าสนใจมีดังนี้
Netflix รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2014 มีรายได้รวม 1,485 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นรายได้จากสตรีมมิ่ง 1,305 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 83.37 ล้านดอลลาร์
Netflix มีจำนวนสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4.33 ล้านคนในไตรมาสที่ผ่านมา รวมแล้ว 57.39 ล้านคน และเป็นสมาชิกที่เสียเงินถึง 54.48 ล้านคน ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีสมาชิกเป็น 61.4 ล้านคนในไตรมาสแรกของปี 2015
ซีอีโอ Reed Hastings ยังเปิดเผยแผนงานในอนาคตของ Netflix ที่น่าสนใจไว้ดังนี้
eBay รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ของปี 2014 มีรายได้รวม 4,921 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 936 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% โดยปริมาณการชำระเงินผ่านมือถือเพิ่มขึ้นถึง 58% ขณะที่การซื้อขายผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 30% คิดเป็นมูลค่าถึง 27,900 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ซีอีโอ John Donahoe ยังเปิดเผยแผนการดำเนินงานที่สำคัญดังนี้
ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2014 มีรายได้รวม 24,113 ล้านดอลลาร์ ลดลง 11.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิลดลง 11.3% อยู่ที่ 5,484 ล้านดอลลาร์
ถึงแม้รายได้จะลดลงไปมาก แต่ซีอีโอ Ginni Rometty ยังยืนยันว่ากลยุทธ์ของไอบีเอ็มที่จะเปลี่ยนมาเน้นธุรกิจใหม่ยังอยู่ในทิศทางที่ดี โดยรายได้จากส่วนบริการกลุ่มเมฆ, Data Analytics, บริการด้านความปลอดภัย, บริการบนมือถือ และเครือข่ายสังคม ที่ถือเป็นธุรกิจใหม่ ยังมีรายได้ที่เติบโต 16% และคิดเป็น 27% ของรายได้รวมบริษัท
ที่มา: ไอบีเอ็ม
AMD รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2014 มีรายได้ 1,239 ล้านดอลลาร์ ลดลง 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ซึ่งส่งผลให้สุทธิแล้วขาดทุน 364 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ปีก่อนมีกำไร
Dr. Lisa Su ซีอีโอ AMD กล่าวว่าบริษัทยังคงดำเนินงานได้ดีตามแผนที่วางไว้ โดยมีการเติบโตในกลุ่มสินค้าองค์กรถึง 50% ขณะที่ตลาดพีซีมีความท้าทายมากขึ้น
ที่มา: AMD
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2014 มีรายได้เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 14,721 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 3,661 ล้านดอลลาร์
รายได้ส่วนธุรกิจซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์เติบโตสูงมากในไตรมาสที่ผ่านมาถึง 25% ขณะที่กลุ่มพีซีเติบโต 3% และกลุ่ม Internet of Things เติบโต 10%
ที่มา: อินเทล
ซัมซุงออกมารายงานตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2014 คาดมีรายได้ 52 ล้านล้านวอน และมีกำไรจากการดำเนินงาน 5.2 ล้านล้านวอน โดยรายได้นั้นลดลง 12% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า ส่วนกำไรลดลง 37%
ถ้าหากตัวเลขอย่างเป็นทางการที่ซัมซุงจะรายงานช่วงปลายเดือน ออกมาเป็นตามนี้จริง (ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ผิดพลาดไปนัก) จะถือเป็นกำไรของบริษัทที่ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 ถึงแม้บริษัทจะขายสมาร์ทโฟนได้เป็นจำนวนเพิ่มขึ้น แต่ซัมซุงยังต้องเผชิญแรงกดดันสำคัญจากบรรดาสมาร์ทโฟนจีนอยู่นั่นเอง
HTC รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2014 แบบยังไม่ตรวจสอบ มีรายได้รวม 47,870 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (1,500 ล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และถือเป็นไตรมาสแรกในรอบกว่าสามปี ที่ HTC มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 470 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดภาพรวมตลอดปี 2014 HTC ก็ยังมีรายได้ที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสมาร์ทโฟนนั่นเอง
Bin Lin ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน Xiaomi เปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานในปี 2014 ระบุว่าบริษัทขายสมาร์ทโฟนไปได้ 61.12 ล้านเครื่อง คิดเป็นรายได้รวม 74,300 ล้านหยวน (ประมาณ 11,900 ล้านดอลลาร์) ถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะในปี 2013 บริษัทขายสมาร์ทโฟนไปได้ 18.7 ล้านเครื่อง
ในปี 2014 ยังถือเป็นก้าวสำคัญของ Xiaomi เนื่องจากบริษัทสามารถขึ้นแซงหน้าซัมซุง เป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในจีนได้ ซึ่งบริษัทก็ยอมรับว่ากลยุทธ์ของบริษัทกำลังถูกคู่แข่งศึกษาอย่างมาก เพราะตลาดในจีนมีการแข่งขันสูง
นอกจากนี้ Xiaomi ยังเปิดเผยว่ายอดขายในประเทศอินเดียซึ่งถือเป็นอีกตลาดที่บริษัทให้ความสำคัญ สามารถขายสมาร์ทโฟนไปได้กว่า 1 ล้านเครื่อง หลังจากวางขายเพียง 5 เดือนเท่านั้น
เมื่อเดือนก่อน Wall Street Journal ได้รายงานตัวเลขผลประกอบการของ Xiaomi ในปี 2013 ระบุว่ามีรายได้ 4,420 ล้านดอลลาร์ และมีกำไร 566 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเติบโตจากปี 2012 แบบเท่าตัว แต่ล่าสุดสำนักข่าว Reuters ได้เปิดเผยตัวเลขในเอกสารที่ Xiaomi รายงานต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน ซึ่งแตกต่างไปอย่างมาก
Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2014 (กันยายน-พฤศจิกายน) มีรายได้รวม 1,073.3 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 73.3 ล้านดอลลาร์ โดยในไตรมาสที่ผ่านมามีผู้สมัครใช้ Creative Cloud เพิ่มอีกกว่า 6 แสนคน รวมมีสมาชิก 3.45 ล้านคนแล้ว
โครงสร้างรายได้ Adobe ในปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนไปมาก ปีก่อนบริษัทมีรายได้จากลูกค้าประเภทสมัครสมาชิก 44% แต่ไตรมาสล่าสุดเพิ่มมาเป็น 66% แล้ว
นอกจากนี้ Adobe ยังประกาศแผนเข้าซื้อกิจการ Fotolia เว็บขายภาพถ่ายที่มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ด้วย
ที่มา: Adobe
HP รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปีการเงินบริษัท 2014 สิ้นสุดงวดวันที่ 31 ตุลาคม 2014 มีรายได้รวม 28,406 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,330 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5.9%
ในภาพรวมนั้นทุกกลุ่มธุรกิจของ HP มีรายได้ลดลงไม่ว่าจะเป็น Printer, บริการกลุ่มลูกค้าองค์กร, ซอฟต์แวร์, บริการทางการเงิน มีเพียงธุรกิจเดียวที่รายได้เพิ่มขึ้นคือพีซี ซึ่งในรายละเอียดนั้น พีซีลูกค้าองค์กรรายได้เติบโต 7% แต่พีซีกลุ่มลูกค้าทั่วไปรายได้ลดลง 2%
ซีอีโอ Meg Whitman ยังยืนยันว่าแผนการพลิกฟื้น HP นั้นดำเนินมาได้ดีตามที่วางไว้ มีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีแผนสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคตที่จะเร่งให้ HP เติบโตได้มากขึ้น
ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 โดยมีรายได้รวม 26,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปีนี้ มีกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสด (EBITDA) 5,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9% แต่สุทธิแล้วยังคงขาดทุน 2,640 ล้านบาท อันเป็นผลจากการร่นระยะเวลาตัดค่าเสื่อมของสินทรัพย์โครงข่าย 2G
ผลการดำเนินงานแยกตาม 3 ส่วนธุรกิจหลักของทรูเป็นดังนี้
บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 มีรายได้รวม 2,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 152 ล้านบาท ลดลงถึง 31.4% อันเป็นผลจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เป็นทุนหมุนเวียนที่สูงขึ้น
โทรศัพท์มือถือที่เป็นธุรกิจหลัก คิดเป็น 90% ของรายได้รวม มีรายได้เพิ่มขึ้น 2.7% โดยไตรมาสที่ผ่านมามีการออกสมาร์ทโฟนใหม่อีก 10 รุ่น เป็นรุ่นที่ดูทีวีดิจิตอลได้ 5 รุ่น โดยขายโทรศัพท์ได้รวม 1 ล้านเครื่อง เฉลี่ย 2,711 บาทต่อเครื่อง
ทั้งนี้ไอ-โมบายคาดว่าไตรมาสที่ 4 จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นมาก เนื่องจากบริษัทได้รับคำสั่งซื้อโทรศัพท์เป็นพิเศษจากดีแทค 5 แสนเครื่อง อีกทั้งทีวีดิจิตอลก็เริ่มขยายพื้นที่รับชมมากขึ้นด้วย
เจมาร์ทรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 2,136.28 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 66 ล้านบาท ลดลง 36%
ยอดขายโทรศัพท์เป็นจำนวนเครื่องของเจมาร์ทนั้นลดลงไป 1% แต่ส่วนที่กระทบรายได้มากคือราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องซึ่งอยู่ที่ 5,500 บาท ลดลงอย่างมากจากไตรมาสที่สองซึ่งอยู่ที่ 6,290 บาท
อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 4 ตัวเลขนี้น่าจะออกมาดีขึ้น เนื่องจากมีสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีราคาสูงอย่าง Galaxy Note 4 และ iPhone 6 เริ่มจำหน่ายครับ
อัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Xiaomi อาจสร้างความสงสัยให้หลายๆ คนว่าบริษัทขายมือถือในราคาถูกขนาดนี้แล้วมีกำไรหรือไม่ แต่เนื่องจาก Xiaomi ไม่ได้เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ เลยไม่ต้องเปิดเผยตัวเลขเหล่านี้
ปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างเมื่อหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้เอกสารภายในของ Xiaomi (แปลว่าไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการ) และพบว่า Xiaomi มีกำไรแถมเยอะเสียด้วย
ตัวเลขทางการเงินของ Xiaomi ตามเอกสารของ WSJ
NVIDIA เผยผลประกอบการไตรมาสสาม ปีงบประมาณ 2015 รายได้มากเป็นประวัติการณ์ 1.23 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปีที่แล้ว (ถ้านับรายได้สามไตรมาสรวมกันอยู่ที่ 3.43 พันล้านดอลลาร์ มากเป็นประวัติการณ์ของบริษัทและเพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว) ส่วนกำไรต่อไตรมาสอยู่ที่ 173 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% จากปีที่แล้ว
เลอโนโวรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัทสิ้นสุดเดือนกันยายน มีรายได้รวม 10,500 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 262 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19%
ไตรมาสนี้เลอโนโวส่งมอบสมาร์ทโฟน+พีซี+แท็บเล็ต มียอดรวมกันเป็นสถิติใหม่คือ 35.6 ล้านเครื่อง โดยเป็นแท็บเล็ต 3 ล้านเครื่อง และเมื่อวัดเป็นส่วนแบ่งการตลาด ส่วนของพีซียังคงเป็นอันดับ 1 ที่ 19.7% และหากเป็นพีซีบวกแท็บเล็ต เลอโนโวก็จะเป็นอันดับ 1 เช่นกันที่ 14.1% ขณะที่ส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนอยู่ในอันดับ 4 แต่ถ้ารวมโมโตโรลาด้วยจะเป็นอันดับ 3
นอกจากนี้เลอโนโวยังประกาศแต่งตั้ง Jerry Yang ผู้ก่อตั้งยาฮู เข้าร่วมกรรมการบอร์ดบริหารด้วย
บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) (SPVi) หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายสินค้าแอปเปิลในประเทศไทย รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 มีรายได้รวม 366.58 ล้านบาท ลดลง 18.62% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2556 และมีกำไรสุทธิ 2.38 ล้านบาท ลดลง 46.10%
SPVi ระบุว่าที่ตัวเลขไตรมาสนี้ออกมาลดลง มีสาเหตุจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว อีกทั้งลูกค้าเองก็ชะลอการซื้อสินค้าเพื่อรอสินค้าใหม่ที่เปิดตัวในต้นไตรมาสที่ 4 นอกจากนี้บริษัทยังแจ้งยกเลิกสัญญาตั้งตัวแทนขายสินค้าแอปเปิลในห้างบิ๊กซีด้วย
ในปีหน้าบริษัทคอมเซเว่นฯ มีแผนจะเข้าตลาดหุ้น ซึ่งคอมเซเว่นฯ ก็เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแอปเปิลรายใหญ่อีกรายในไทย ก็น่าจะเห็นการเปรียบเทียบได้ชัดเจนขึ้นครับ