หนึ่งปีผ่านไปหลังจากยื่น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึงเวลา Alibaba Group จะแนะนำตัวเองให้ชาวโลกรู้จักอย่างแจ่มแจ้งขึ้น ด้วยการเปิดตัวเว็บไซต์ Alibaba Defined เพื่อแนะนำภาพรวมบริษัทให้ผู้คนได้รู้จักองค์กรนี้มากขึ้น รวมทั้งเผยรายได้และตัวเลขการลงทุนต่างๆ ตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังมีจดหมายจากซีอีโอ และประธาน แจ๊ค หม่า (อ่านเพิ่มเติม: เปิดตำนานการสร้าง Alibaba)

ตัวเว็บไซต์มาในแบบเรสพอนซีฟทันสมัย ปูเรื่องราวไปถึง China Context หรือบริบทความเป็นประเทศจีน ว่ามีเอกลักษณ์ ที่มาที่ไปอย่างไร จะได้รู้จัก Alibaba มากขึ้นอีกทางหนึ่ง

ซัมซุงรายงานตัวเลขประเมินผลประกอบการเบื้องต้น (guidance) ประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2015 โดยมีรายได้รวม 51 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 7.3 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นมาถึง 79.8%

เนื่องจากรายงานนี้เป็นตัวเลขเบื้องต้น จึงยังไม่มีการแจกแจงรายละเอียดว่ารายได้-กำไร ที่เพิ่มขึ้นมาซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี นั้นมาจากส่วนธุรกิจใดกันแน่ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนที่มีการเติบโต หรืออาจเป็นธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่เชื่อว่าเริ่มฟื้นตัวแล้ว โดยนักวิเคราะห์มองว่าเป็นไปได้ทั้งสองกรณี

ซัมซุงจะรายงานผลประกอบการไตรมาสแบบละเอียดในปลายเดือนนี้ครับ

HTC รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2015 ขาดทุนสุทธิอีก 4.94 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน แต่ก็น้อยลงกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้ ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.14 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน ลดลงไป 35%

ความหวังถัดไปของ HTC จากนี้คงอยู่ที่มือถือรุ่นที่เตรียมเปิดตัวอย่าง HTC One A9 (หากชื่อเป็นไปตามข่าวลือ) ว่าจะเข้ามากอบกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้นได้หรือไม่

ที่มา: 9to5Google

ไมโครซอฟท์ประกาศเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส โดยจะแบ่งหมวดธุรกิจใหม่ออกเป็น 3 หมวดธุรกิจ (เดิมแบ่งเป็น 5 หมวดคือ ฮาร์ดแวร์, ไลเซนส์ลูกค้าทั่วไป, ลูกค้าทั่วไปอื่นๆ, ไลเซนส์ลูกค้าองค์กร และลูกค้าองค์กรอื่นๆ) มีผลตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีการเงิน 2016 (กรกฎาคม-กันยายน 2015)

สำหรับ 3 หมวดธุรกิจที่ไมโครซอฟท์กำหนดในรายงานแยกนั้น ก็เป็นไปตามยุทธศาสตร์ 3 ขาที่เคยรายงานไปก่อนหน้านี้ ได้แก่

Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปีการเงินบริษัท 2015 (มิถุนายน-สิงหาคม) มีรายได้รวม 1,217.8 ล้านดอลลาร์ ทำสถิติใหม่ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยเติบโต 21% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 174.5 ล้านดอลลาร์

ไตรมาสที่ผ่านมา Adobe มีผู้สมัครใช้ Creative Cloud เพิ่มขึ้นอีกราว 684,000 คน สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 639,000 คน

ที่มา: Re/code

ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรก ของปีการเงินบริษัท 2016 สิ้นสุดเดือนสิงหาคม มีรายได้รวม 8,448 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน รายได้ก็ยังเพิ่มขึ้น 7% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,747 ล้านดอลลาร์ ลดลง 20% แต่ถ้าไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนก็ลดลง 8%

กลุ่มธุรกิจที่ยังเติบโตดีอย่างคลาวด์ซอฟต์แวร์ (SaaS และ PaaS) มีรายได้เพิ่มขึ้น 34% ขณะที่ยอดขายไลเซนส์ลดลง 16%

นักวิเคราะห์จาก FBR Capital Markets ให้ความเห็นว่าธุรกิจดั้งเดิมของออราเคิลนั้นอนาคตยังไม่ชัดเจนนัก แต่คลาวด์ซอฟต์แวร์ยังสดใส ซึ่งออราเคิลสามารถเสริมทัพได้ด้วยการซื้อกิจการที่น่าสนใจ อย่างเช่น Splunk, Tableau, NetSuite หรือ Workday

เลอโนโวรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรก ของปีการเงินบริษัท 2015-2016 สิ้นสุดเดือนมิถุนายน มีรายได้รวม 10,716 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 102 ล้านดอลลาร์ ลดลง 52%

Yuanqing Yang ซีอีโอเลอโนโวระบุว่าไตรมาสที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมมีความท้าทายมากที่สุดในรอบหลายปี แต่เลอโนโวก็ยังจบไตรมาสด้วยส่วนแบ่งการตลาดพีซีเป็นอันดับ 1 ของโลกต่อไปเป็นไตรมาสที่ 9 ที่ 20.6% ส่วนตลาดแท็บเล็ตก็ครองอยู่ที่อันดับ 3 ขณะที่ยอดขายสมาร์ทโฟนก็เติบโตถึง 68%

นอกจากนี้เลอโนโวยังประกาศปรับโครงสร้างองค์กร โดยจะลดพนักงานลง 3,200 อัตรา ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายการผลิต คิดเป็น 5% ของพนักงานทั้งหมด คาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสปัจจุบัน

ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 มีรายได้รวม 28,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสดก่อนตัดค่าเสื่อม (EBITDA) 5,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% และมีกำไรสุทธิ 1,316 ล้านบาท ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน โดยไตรมาสนี้ทรูได้โอนเสาโทรคมนาคมให้กองทุน TRUEIF เพิ่มอีก 1,012 ต้น

สำหรับผลการดำเนินงานแยกตามส่วนธุรกิจ มีดังนี้

Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 มีรายได้รวม 3,265 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นรายได้ผ่านแพลตฟอร์มบนมือถือ 1,288 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 51% ของรายได้ มีการเติบโตส่วนนี้ถึง 225% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,532 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30%

ตัวเลขที่สำคัญอีกรายการของ Alibaba คือยอดการซื้อขายสินค้ารวม (GMV - Gross merchandise volume) อยู่ที่ 109,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 34% อย่างไรก็ตามการเติบโตนี้ถือว่าน้อยที่สุดในรอบสามปีสำหรับ Alibaba

ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวว่า Alibaba จะยังให้ความสำคัญในการเติบโตของ GMV ขณะเดียวกันก็ยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านการซื้อขายผ่านมือถือ การออกสู่ตลาดต่างประเทศ และขยายฐานคู่ค้าไปสู่ระดับชุมชนให้มากขึ้น

เอไอเอสรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปีนี้ โดยมีรายได้รวม 38,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 9,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 16% ปัจจัยหลักจากต้นทุนค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่งรายได้บนโครงข่ายเดิมที่ลดลงต่อเนื่อง

รายได้จากบริการเสียงยังคงลดลง 16% จากปีก่อน ขณะที่รายได้จากบริการข้อมูลเพิ่มขึ้นมา 29% โดยมีอัตราการใช้สมาร์ทโฟนบนโครงข่าย 2.1GHz เท่ากับ 49% โดยเอไอเอสบอกว่าส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จของแผนการตลาดขายสมาร์ทโฟน AIS Lava ในราคาถูก (มีอัตรากำไรขั้นต้น 2%) ซึ่งขายไปได้อีก 1 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ผ่านมา

นินเทนโดประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สองทำกำไรต่อเนื่องอีกไตรมาส ด้วยกำไรรวม 8,280 ล้านเยน (ประมาณ 2,310 ล้านบาท) จากรายได้รวมกว่า 90,000 ล้านเยน (ประมาณ 25,400 ล้านบาท) ซึ่งเหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ทั้งกำไร และรายได้

ผลงานเด่นของนินเทนโดในไตรมาสนี้มาจากยอดขายเกมจากทั้ง Wii U และ 3DS ที่โตขึ้นเรื่อยๆ ขายได้ราว 4.5 ล้านเกม และ 7.9 ล้านเกมตามลำดับ เกมเด่นคือ Splatoon ที่ 1.6 ล้านชิ้น ผลักยอดขายเครื่อง Wii U ไปอยู่ที่ 470,000 เครื่อง ทำยอดรวมทะลุ 10 ล้านเครื่องเป็นที่เรียบร้อย ส่วน 3DS ยอดขายรวมอยู่ราว 1 ล้านเครื่องในไตรมาสนี้

พี่ใหญ่แห่งวงการเกม Electronic Arts เผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 2016 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2015) รายได้ 693 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 775 ล้านดอลลาร์ แต่จุดที่น่าสนใจคือสัดส่วนรายได้จากการขายระบบดิจิทัล เพิ่มมาเป็น 77% ของรายได้ทั้งหมดแล้ว

ถ้าแยกสัดส่วนรายได้ของ EA ตามช่องทางการขาย รายได้จากระบบดิจิทัลเพิ่มจาก 482 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วมาเป็น 532 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ส่วนรายได้จากการขายเกมกล่องลดลงจาก 293 ล้านดอลลาร์เหลือ 161 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้รายได้รวมลดลง แต่ EA ก็แสดงให้เห็นว่าสามารถปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลได้ค่อนข้างดี เช่น ตัวเลขผู้เล่นเกมของ EA บนมือถือเฉลี่ยอยู่ที่ 150 ล้านคนแล้ว

LINE รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 มีรายได้รวม 27,800 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ลดลง 1% ถ้าเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนกำไรสุทธินั้นไม่มีการเปิดเผย

LINE มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน 211 ล้านคน เพิ่มขึ้นมา 6 ล้านคนในไตรมาสที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มาจากประเทศอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ LINE ยังเปิดเผยตัวเลขของ LINE Creators Market ซึ่งเปิดตัวมาครบ 1 ปี ซึ่งสติกเกอร์ในระบบขายไปได้ถึง 8,940 ล้านเยน โดยเจ้าของสติกเกอร์ที่ขายดีที่สุด 10 อันดับแรก ทำเงินกันไปเฉลี่ยรายละ 100 ล้านเยน

LG เผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2015 รายได้ทั้งไตรมาส 13.93 ล้านล้านวอน (12.69 พันล้านดอลลาร์) ลดลงจากปีที่แล้ว 7.6% ส่วนกำไรอยู่ที่ 244.1 พันล้านวอน ลดลงอย่างมากจากปีที่แล้วที่ทำกำไรได้ 610 พันล้านวอน

เหตุผลที่ LG กำไรร่วงเป็นเพราะธุรกิจฝั่งทีวีมีรายได้ลดลงมาก ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพตลาดโลกด้วย ส่วนธุรกิจสมาร์ทโฟนเองก็หดตัวทั้งรายได้และยอดขายนับเป็นเครื่อง โดย LG ขายโทรศัพท์ได้ 14.1 ล้านเครื่อง ลดลง 3% จากปีก่อน ส่วนที่ถดถอยลงคือสมาร์ทโฟนตลาดบน (ซึ่งเป็นภาพสะท้อนว่า LG G4 ไม่เปรี้ยงนัก) แต่ก็ยังดีที่มีสมาร์ทโฟนตลาดกลางมาช่วยชดเชยไว้ได้

ส่วนธุรกิจอื่นๆ ของ LG คือเครื่องใช้ไฟฟ้า/แอร์ และชิ้นส่วนรถยนต์ กลับไปได้ดีและทำกำไรได้เพิ่มขึ้นทั้งคู่

ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2015 หลังจากที่บริษัทออกมาให้ตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ มีรายได้รวม 48.54 ล้านล้านวอน ลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงาน 6.9 ล้านล้านวอน ลดลง 4% และกำไรสุทธิ 5.75 ล้านล้านวอน ลดลง 8% ทำให้ซัมซุงมีกำไรสุทธิที่ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 แล้ว

ธุรกิจโทรศัพท์มือถือยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดตัวเลขกำไรลง โดยมีกำไรจากการดำเนินงานที่ลดลงถึง 37.6% อยู่ที่ 2.76 ล้านล้านวอน ส่วนธุรกิจ semiconductor มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 83% เป็น 3.4 ล้านล้านวอน

Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 มีรายได้รวม 4,042 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,437 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28%

รายได้หลักของ Facebook มาจากการโฆษณา โดยไตรมาสที่ผ่านมาเป็นรายได้จากโฆษณาบนมือถือถึง 76% เพิ่มขึ้นมาจากไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ตัวเลขคือ 73%

ตัวเลขผู้ใช้งาน Facebook แบบเป็นประจำทุกเดือน (Monthly active users - MAUs) อยู่ที่ 1,490 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 3.47% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่การใช้งานผ่านมือถือผู้ที่ 1,310 ล้านคน เพิ่มขึ้นมา 23%

Twitter รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 มีรายได้รวม 502 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 61% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 48.5 ล้านดอลลาร์

Jack Dorsey ซีอีโอรักษาการกล่าวว่าตัวเลขทางการเงินที่ออกมา สะท้อนการเติบโตที่ดี หากแต่ตัวเลขผู้ใช้งานนั้นยังไม่น่าพึงพอใจ ซึ่งเป็นความท้าทายจากนี้ของ Twitter ที่จะพัฒนาบริการให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมาย รวดเร็ว และสร้างคุณค่ากับผู้ใช้งาน

อเมซอนรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 ยอดขายรวม 23,185 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และกลับมามีกำไรสุทธิ 92 ล้านดอลลาร์ ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 69% เป็น 8,980 ล้านดอลลาร์ ส่วนกระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้น 321% เป็น 4,373 ล้านดอลลาร์

รายได้จาก Amazon Web Service (AWS) อยู่ที่ 1,824 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 81% และมีกำไรเฉพาะส่วนนี้ 391 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 400%

หลังการรายงานผลประกอบการที่ออกมามีกำไรและเติบโตทุกส่วน ทำให้ราคาหุ้นของอเมซอนปรับเพิ่มขึ้นถึง 17% จนทำให้มูลค่ากิจการตามราคาหุ้นสูงกว่า Walmart บริษัทค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว

ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปีการเงินบริษัท 2015 (เมษายน-มิถุนายน) มีรายได้ 22,180 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อน 5% ขาดทุนสุทธิ 3,195 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากการตัดบัญชีสินทรัพย์ด้อยค่าของสินทรัพย์โนเกียและรายการที่เกี่ยวข้องรวม 8,438 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากไม่รวมรายการดังกล่าวไมโครซอฟท์ก็ยังมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ

ตัวเลขแยกตามส่วนธุรกิจของไมโครซอฟท์เป็นดังนี้

แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท (เมษายน-มิถุนายน) มีรายได้รวม 49,605 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิ 10,677 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 38% ยอดขายนอกอเมริกาคิดเป็น 64% ของรายได้ทั้งหมด และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.7%

สำหรับยอดขายรายผลิตภัณฑ์นั้น iPhone ขายได้ 47.5 ล้านเครื่อง ส่วน iPad ยอดขายยังคงลดลงอยู่ที่ 10.9 ล้านเครื่อง Mac 4.8 ล้านเครื่อง ขณะที่สินค้าใหม่ล่าสุดอย่าง Apple Watch นั้นไม่มีการรายงานตัวเลขยอดขายออกมา บอกเพียงยอดขายรวมกับสินค้าอื่นๆ เช่น Apple TV, Beats Electronics และ iPod อยู่ที่ 2,641 ล้านดอลลาร์

ดีแทครายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 มีรายได้รวม 21,924 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,375 ล้านบาท ลดลงถึง 53% เป็นกำไรที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายด้านโครงข่าย ค่าใช้จ่ายในการขาย-บริหาร ตลอดจนค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นมากทุกรายการ

รายได้จากบริการเสียงปรับลดลงถึง 21% ขณะที่รายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตแม้ยังเพิ่มขึ้น แต่ไม่มากพอจะชดเชยการลดลงของรายได้บริการเสียงได้ ส่วนรายได้จากการขายโทรศัพท์เพิ่มขึ้นถึง 38% มีปัจจัยหลักจาก iPhone 6 แต่ดีแทคก็ยังใช้กลยุทธ์ไม่ทำกำไรจากส่วนนี้ต่อไปเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 มีรายได้รวม 20,813 ล้านดอลลาร์ ลดลง 13.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน อย่างไรไอบีเอ็มระบุว่าถ้าไม่คิดปัจจัยเรื่องเงินดอลลาร์แข็งค่า รายได้บริษัทจะลดลงเพียง 1% เท่านั้น ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,449 ล้านดอลลาร์ ลดลง 16.6%

แนวโน้มรายได้ในภาพรวมของไอบีเอ็มนั้นเป็นติดต่อกันมาหลายไตรมาสแล้วจากธุรกิจหลักเดิม อาทิ ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และ Global Technology Services ที่ล้วนมีรายได้ลดลง หากแต่เมื่อพิจารณารายได้ส่วนธุรกิจใหม่ตามยุทธศาสตร์ที่ไอบีเอ็มวางไว้ (บริการกลุ่มเมฆ, Big Data Analytics, บริการบนมือถือ และบริการความปลอดภัย) ก็ยังเติบโตโดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20% โดยเฉพาะบริการบนกลุ่มเมฆที่เติบโตกว่า 50%

AMD ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2015 รายได้ 942 ล้านดอลลาร์ หักค่าใช้จ่ายแล้วขาดทุน 137 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ AMD มีรายได้ต่อไตรมาสต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสนี้ไม่เป็นผลดีกับ AMD นัก เพราะรายได้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 1.44 พันล้านดอลลาร์ (ลดลง 35%) รวมถึงลดลงจากไตรมาสแรกของปีที่ทำไว้ 1.03 พันล้านดอลลาร์ (ลดลง 8%)

กูเกิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 มีรายได้รวม 17,727 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน หากไม่รวมปัจจัยค่าเงินต่างประเทศ จะเติบโต 18% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,829 ล้านดอลลาร์

รายได้หลักของกูเกิลคือโฆษณาโดยมีรายได้ส่วนนี้ 16,023 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% ซึ่งมาจากโฆษณาบนเว็บของกูเกิลเอง 12,402 ล้านดอลลาร์ รายได้ส่วน Paid Clicks เพิ่มขึ้น 18% ขณะที่ราคาต่อคลิก (Cost-Per-Click) ยังคงลดลงมา 11%

ซีเอฟโอ Ruth Porat กล่าวว่าผลประกอบการที่ออกมาสะท้อนการเติบโตในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของกูเกิล ทั้งธุรกิจเสิร์ชซึ่งมีการเติบโตจากบนมือถืออย่างมาก ตลอดจนรายได้จาก YouTube

Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 มีรายได้รวม 1,644.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยเป็นรายได้จากสตรีมมิ่ง 1,481 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นรายได้ในอเมริกา 1,026 ล้านดอลลาร์ รายได้จากต่างประเทศ 455 ล้านดอลลาร์ สุทธิแล้วมีกำไร 26 ล้านดอลลาร์

ไตรมาสที่ผ่านมา Netflix มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 3.3 ล้านราย แบ่งเป็นในอเมริกา 0.9 ล้านราย และต่างประเทศ 2.4 ล้านราย รวมมีสมาชิก 65.55 ล้านราย ซึ่งเป็นสมาชิกแบบจ่ายเงินค่าบริการ 62.71 ล้านราย