Huawei รายงานผลประกอบการประจำปี 2018 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 19.5% จากเมื่อเทียบกับปี 2017 เป็น 7.212 แสนล้านหยวน และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 25.1% เป็น 5.93 หมื่นล้านหยวน โดยมีการลงทุนด้าน R&D 1.015 แสนล้านหยวน มีการจดสิทธิบัตรรวม 5,405 รายการ
รายได้จากธุรกิจกลุ่มลูกค้าทั่วไป (Comsumer) เพิ่มขึ้น 45.1% เป็น 3.489 แสนล้านหยวน ธุรกิจ Enterprise เพิ่มขึ้น 23.8% เป็น 7.44 หมื่นล้านหยวน และธุรกิจโทรคมนาคมมีรายได้ 2.94 แสนล้านหยวน ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งอาจอธิบายได้จากผลกระทบที่หลายประเทศออกคำสั่งแบนสินค้า Huawei
ซัมซุงออกประกาศชี้แจงนักลงทุนล่วงหน้าเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2019 ซึ่งถึงตอนนี้ยังไม่สิ้นสุดไตรมาส โดยบอกว่าธุรกิจชิปหน่วยความจำได้รับผลกระทบจากราคาที่ปรับลดลงสูงกว่าที่บริษัทเคยคาดไว้
นอกจากธุรกิจชิปหน่วยความจำ ซัมซุงบอกว่าธุรกิจชิ้นส่วนหน้าจอก็มีความต้องการในตลาดต่ำกว่าที่ประเมินไว้เช่นกัน โดยให้เหตุผลจากภาพรวมเศรษฐกิจโลก ตลอดจนลูกค้าหลายรายชะลอคำสั่งซื้อ
ในช่วงปีที่ผ่านมาธุรกิจของซัมซุงมีกำไรสูงจากธุรกิจชิปหน่วยความจำ แต่เริ่มเห็นแนวโน้มชะลอตัวในไตรมาส 4/2018 นักวิเคราะห์ประเมินว่ายอดขาย iPhone ที่ลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา ย่อมส่งผลกระทบต่อซัมซุงที่มีแอปเปิลเป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่เช่นกัน
Xiaomi รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2018 มีรายได้รวม 44,421.4 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 26.5% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,853.2 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า จากปีก่อน
ซีเอฟโอ Shou Zi Chew กล่าวว่ารายได้ของ Xiaomi นอกประเทศจีนตอนนี้คิดเป็น 40% ของรายได้ทั้งหมด สะท้อนว่าบริษัทสามารถขยายกิจการจากการเป็นสมาร์ทโฟนจีนที่ขายในจีน มาเป็นผลิตภัณฑ์ระดับโลกได้ และจะเติบโตมากขึ้นในปี 2019 โดยจะโฟกัสตลาดสำคัญ อาทิ อินเดีย อินโดนีเซีย และยุโรปตะวันตก
ตัวเลขที่น่าสนใจคือยอดขายเฉลี่ยต่อเครื่องของ Xiaomi แม้ทราบกันดีว่า Xiaomi มีจุดเด่นคือราคาที่ถูก แต่ยอดขายเฉลี่ยในจีนก็เพิ่มขึ้น 17% ขณะที่ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10%
Tencent รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 4 ปี 2018 มีรายได้รวม 12,370 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,044 ล้านดอลลาร์ ลดลง 35% สาเหตุที่กำไรลดลงเนื่องจากมีการลงทุนในธุรกิจคลาวด์ (Tencent Cloud) และบริการจ่ายเงินมือถือ (WeChat Pay) เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก Tencent ต้องการให้เป็นธุรกิจใหม่ในการเติบโต
ในปีที่ผ่านมา Tencent เผชิญกับปัญหาการควบคุมเกมที่มากขึ้นของรัฐบาลจีน ทำให้นอกจากไม่มีเกมใหม่ออกมาในช่วงปีที่แล้ว (ตอนนี้สถานการณ์กลับมาปกติแล้ว) ยังต้องออกมาตราการควบคุมผู้เล่นเกมเยาวชนมากขึ้น รายได้จากธุรกิจเกมมือถือในไตรมาสก็ลดลง 1%
อโดบีรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) รายได้รวมยังคงทำสถิติใหม่ต่อเนื่องอยู่ที่ 2,600.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 674.2 ล้านดอลลาร์
Shantanu Narayen ซีอีโออโดบีกล่าวว่า อโดบีเป็นผู้จุดไฟให้กับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล และช่วยเปลี่ยนผ่านองค์กรจากยุคกระดาษสู่ดิจิทัล ซึ่งผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมายังคงรักษาโมเมนตัมต่อเนื่องทั้งจากผลิตภัณฑ์ Adobe Creative Cloud, Document Cloud และ Experience Cloud
รายได้จาก Subscription ของอโดบีอยู่ที่ 2,305 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์แบบดั้งเดิมคือ 170.6 ล้านดอลลาร์
my by CAT บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการของปี 2561 มีตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้
JD.com รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2018 รายได้รวม 19,611 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22.4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยรายได้จากเฉพาะส่วนบริการเพิ่มขึ้น 45.7% เป็น 2,124 ล้านดอลลาร์ สุทธิแล้วขาดทุน 709 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Richard Liu กล่าวว่า JD.com ยังคงเติบโตโดดเด่นกว่าอุตสาหกรรมในทุกหมวดที่บริษัทให้ความสำคัญ และบริษัทยังลงทุนด้านเทคโนโลยีต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสบการณ์สำหรับลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานในระยะยาว
JD.com ยังอัปเดตตัวเลขต่าง ๆ โดยพื้นที่คลังสินค้ามีรวมมากกว่า 12 ล้านตารางเมตร จากศูนย์ 55 แห่ง มีร้านค้าออนไลน์ในแพลตฟอร์มมากกว่า 210,000 ร้านค้า และมีพนักงานเต็มเวลามากกว่า 178,000 คน
เดลล์ เทคโนโลยี รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงิน 2019 (พฤศจิกายน-มกราคม) ซึ่งเป็นการกลับมารายงานผลประกอบการประจำไตรมาสอีกครั้งหลังบริษัทกลับเข้าตลาดหุ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว มีรายได้รวม 23,841 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน แต่สุทธิแล้วขาดทุน 299 ล้านดอลลาร์ เหตุจากค่าใช้จ่ายส่วนดอกเบี้ยเงินกู้
Jeff Clarke รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานกล่าวว่า แนวโน้มการใช้ข้อมูลยังคงเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับเทรนด์ 5G, AI และ Machine Learning ซึ่งเดลล์จะยังคงส่งมอบนวัตกรรมเพื่อช่วยให้ลูกค้าปลดล็อกสร้างคุณค่าของข้อมูลที่มี
ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2561 รายได้รวม 33,949 ล้านบาท ลดลง 16.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 เนื่องจากไม่มีรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF และขาดทุน 3,000 ล้านบาท จากต้นทุนให้บริการ และค่าเสื่อมราคา-ค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้น เหมือนกับสองค่ายที่รายงานผลประกอบการออกมาก่อนหน้านี้
ทรูมูฟ เอช มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 แสนราย รวมเป็น 29.2 ล้านราย รายได้เฉพาะจากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 1.0% ส่วนทรูออนไลน์มีลูกค้ารวม 3.5 ล้านราย และสมาชิกทรูวิชั่นส์มี 2.3 ล้านราย
HP Inc. รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (พฤศจิกายน 2018 - มกราคม 2019) มีรายได้รวม 14,710 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 803 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Dion Weisler กล่าวว่า HP ยังได้ประโยชน์ดีจากการเป็นผู้นำตลาดในหลายกลุ่มสินค้า และบริษัทก็กำลังเปลี่ยนผ่านมาสู่ธุรกิจที่เน้นการให้บริการโซลูชัน ตลอดจนเข้าสู่ตลาด 3D Printing เพื่อการเติบโตในระยะยาว
กลุ่มธุรกิจ Personal Systems มีรายได้เพิ่มขึ้น 2% รายได้ส่วนใหญ่มาจากโน้ตบุ๊กที่โต 6% แต่จำนวนเครื่องที่ขายได้ก็ลดลง 1% ส่วนธุรกิจพรินเตอร์มีรายได้ลดลง 1% แต่จำนวนเครื่องที่ขายได้เพิ่มขึ้น 3%
Sea กลุ่มบริษัทแม่ของ Garena และ Shopee ออกรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2018 รายได้รวมทั้งกลุ่มบริษัท 389.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 136.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 60.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2018 โดยขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 321.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมาจากการเติบโตของ Shopee ทำให้ต้นทุนที่เกี่ยวข้องปรับเพิ่มขึ้นตามด้วย
HPE หรือ Hewlett Packard Enterprise รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (พฤศจิกายน-มกราคม) รายได้รวม 7,553 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1.6% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 177 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Antonio Neri กล่าวว่านี่เป็นอีกไตรมาสที่แข็งแกร่งของ Hewlett Packard Enterprise ตามกลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตไปกับ Intelligent Edge และเพิ่มกำไรจากธุรกิจด้าน Hybrid IT ซึ่งโซลูชันทั้งหมดจะทำให้บริษัทเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2
Uber รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 4 ปี 2018 กับนักลงทุน โดยยังคงขาดทุนอีก 865 ล้านดอลลาร์ แต่ถือว่าขาดทุนน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2018 ขณะที่รายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้า และตัวเลขรายได้สุทธิ (เงินทั้งหมดที่จ่ายผ่านแพลตฟอร์ม) คือ 14,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11%
แม้จะขาดทุนเยอะมาก แต่สถานะการเงินของ Uber ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงนัก เพราะยังมีเงินสดในมือเหลือราว 6,400 ล้านดอลลาร์
ในเอกสารชี้แจงผลประกอบการ Uber ได้พูดย้ำว่าบริการรถโดยสารยังคงครองส่วนแบ่งมากที่สุด ในพื้นที่ซึ่งยังดำเนินงานอยู่ และเริ่มขยายไปสู่บริการใหม่อย่าง Uber Freight, JUMP รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และยังคงโฟกัสการเติบโตของธุรกิจเดลิเวอรี่ Uber Eats ต่อเนื่อง
NVIDIA รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปีการเงิน 2018 (พฤศจิกายน-มกราคม) รายได้รวม 2,205 ล้านดอลลาร์ ลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 567 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Jensen Huan กล่าวว่าไตรมาสนี้ถือเป็นการจบปีการเงินที่ไม่ดีนัก แม้ช่วงต้นปีจะมีแนวโน้มที่สดใส ซึ่งเกิดจากปัญหาสินค้าคงค้างที่เกี่ยวข้องกับเหมืองคริปโตที่แจ้งไปในไตรมาสที่แล้ว และปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาเชิงพื้นฐาน NVIDIA ยังอยู่ในจุดที่แข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะในตลาดประมวลผลสูงทั้ง AI, รถยนต์ไร้คนขับ ไปจนถึงหุ่นยนต์ ที่ยังเห็นการเติบโตดี
Cisco รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2019 (เดือนพฤศจิกายน-มกราคม) มีรายได้รวม 12,446 ล้านดอลลาร์ เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,822 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Chuck Robbins กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ออกมาแข็งแกร่ง ทีมงานสามารถบรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นซอฟต์แวร์ ตลอดจนส่งมอบนวัตกรรมได้ตามแผน
กลุ่มธุรกิจหลักของ Cisco แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐาน มีรายได้เพิ่มขึ้น 7% เป็น 7,128 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กลุ่มแอพพลิเคชันยังคงเติบโตสูงถึง 24% มีรายได้ส่วนนี้ 1,465 ล้านดอลลาร์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยโต 18% รายได้ 658 ล้านดอลลาร์
หลังจากลือกันมาพอสมควร Activision Blizzard ก็ประกาศปลดพนักงานออก 8% หรือประมาณ 800 คน โดยเน้นไปที่พนักงานในฝ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกม
ข่าวการปลดพนักงานออกมาพร้อมกับการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2018 ที่ออกมาดีเยี่ยม บริษัททำรายได้ 2,381 ล้านดอลลาร์ สูงเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าตัวเลขนี้ยังห่างจากเป้าหมายที่วางไว้ และต้องการปรับโครงสร้างบริษัทใหม่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปี 2019 โดยจะปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร และชะลอโครงการที่ไม่เข้าเป้า
Square Enix ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ของปี 2018 (คิดเป็นไตรมาส 3 ของปีการเงิน 2019) รายได้รวม 66.8 พันล้านเยน เติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า, กำไรจากการดำเนินงาน 1.6 พันล้านเยน ลดลงจากปีก่อน
โครงสร้างรายได้ของ Square Enix มาจากเกมมากที่สุด แต่ก็มีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ คือเกมอาเขต/สวนสนุก, สิ่งพิมพ์ และสินค้าที่ระลึกด้วย โดยรายได้จากเกมอยู่ที่ 47.6 พันล้านเยน เติบโตขึ้นจากปีก่อน โดยเป็นผลจากเกมใหญ่ๆ อย่าง Octopath Traveller, Shadow of the Tomb Raider และ Just Cause 4 ที่วางขายในช่วงที่ผ่านมา ส่วนเหตุผลจากกำไรที่ลดลงเป็นเรื่องการตัดจำหน่าย (amortization) ในทางบัญชี และต้นทุนค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้น
Twitter รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2018 รายได้รวม 909 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 244 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Jack Dorsey กล่าวว่าปี 2018 ที่ผ่านมาได้พิสูจน์ว่ากลยุทธ์ระยะยาวที่วางไว้ได้ผล ดังเห็นได้จากตัวเลขการดำเนินงานสำคัญที่ออกมา และตลอดปีนี้ก็เชื่อมั่นว่า Twitter จะยังมีผลงานที่แข็งแกร่งจากการสร้างแพลตฟอร์มที่ดี
เอไอเอสรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2561 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2560 เป็น 44,584 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 11% เป็น 6,839 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่เพิ่มขึ้นสูง
จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้อีก 522,200 เลขหมาย รวมเป็น 41,169,200 เลขหมาย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งลูกค้าระบบรายเดือนและระบบเติมเงิน รายได้ต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) อยู่ที่ 254 บาท ส่วนปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตยังคงเพิ่มขึ้นสูง โดยอยู่ที่ 10.9 GB ต่อเลขหมายต่อเดือน จำนวนลูกค้าที่ใช้งานด้วยโทรศัพท์มือถือรองรับ 4G มี 59% และลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพิ่มอีก 53,800 ราย เป็น 730,500 ราย
Spotify รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2018 รายได้ 1,495 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากค่าสมาชิก 1,320 ล้านยูโร และรายได้จากโฆษณา 175 ล้านยูโร ทั้งนี้รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งานที่เสียเงิน (ARPU) อยู่ที่ 4.89 ยูโร ลดลง 7% เป็นผลจากโปรโมชันการตลาดต่าง ๆ ตลอดจนแพ็คเกจครอบครัวและนักเรียน และสุทธิมีกำไร 442 ล้านยูโร
Electronic Arts (EA) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเกม ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ของปีงานเงิน 2019 (เท่ากับไตรมาส 4 ปี 2018) มีรายได้ 1,289 ล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แถมยังมีกำไรถึง 262 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ถือว่าน้อยกว่าที่ EA ประเมินเอาไว้ที่ 1,375 ล้านดอลลาร์อยู่พอสมควร (หายไปเกือบ 100 ล้านดอลลาร์) ทำให้หุ้นของ EA ตกลงทันที 17%
เหตุผลสำคัญที่ผลประกอบการของ EA พลาดเป้า ก็ชัดเจนว่าเป็นเพราะเกมเด่นประจำไตรมาส Battlefield V ขายได้น้อยกว่าที่คาด ถึงแม้ยอดขายของ Battlefield V มีถึง 7.3 ล้านชุด (ถือว่าเยอะมากแล้วสำหรับเกมทั่วไป) แต่ก็ผิจากเป้าไปถึง 1 ล้านชุด
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2018 มีรายได้รวม 39,276 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8,948 ล้านดอลลาร์
ธุรกิจโฆษณาของกูเกิลทำรายได้ไป 32,635 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กลุ่มธุรกิจใหม่ Other Bets มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 6,487 ล้านดอลลาร์ และกลุ่มนี้ยังขาดทุนเพิ่มมากขึ้นเป็น 1,328 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอกูเกิล Sundar Pichai กล่าวในช่วงแถลงผลประกอบการว่าทุกอย่างที่กูเกิลทำ มีเป้าหมายคือทำให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปได้ง่าย และมีประโยชน์สำหรับทุกคน รวมทั้งให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ ในสเกลที่วันนี้โลกอินเทอร์เน็ตมีความซับซ้อนและยากขึ้นเรื่อย ๆ
โซนี่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2018 รายได้รวม 2.4 ล้านล้านเยน ลดลง 10% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.41 แสนล้านเยน
โซนี่ระบุว่าภาพรวมรายได้ที่ลดลงนั้นมาจากสองกลุ่มธุรกิจ คือกลุ่มการเงิน และกลุ่มโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ผลกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น มาจากกลุ่มธุรกิจดนตรี ที่ได้ประโยชน์จากการควบรวมกับ EMI
เกมที่ถือเป็นธุรกิจรายได้สำคัญของโซนี่ รายได้โต 10% เป็น 7.9 แสนล้านเยน โดยมาจากยอดขายซอฟต์แวร์เกมที่เพิ่มขึ้น แม้จำนวนเครื่อง PS4 ที่ขายได้จะลดลงเหลือ 8.1 ล้านเครื่อง ซึ่งส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานกลุ่มนี้ลดลง
Amazon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2018 รายได้รวม 72,383 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 3,027 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Jeff Bezos กล่าวในรายงานผลประกอบการโดยพูดถึงภาพรวมของ Alexa ว่า Echo Dot เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดของ Amazon กลุ่มสินค้า Echo มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยที่ทำงานเกี่ยวข้องกับ Alexa ก็มีจำนวนเพิ่มมากกว่าเท่าตัว ความสามารถในการตอบคำถามก็ดีขึ้นมากกว่า 20% ทักษะที่ทำได้มีมากกว่า 80,000 อย่าง ขณะเดียวกันผู้ใช้งานก็ส่งคำถามหา Alexa เพิ่มมากขึ้นกว่าหลายหมื่นล้านคำถาม
PayPal ได้ออกรายงานไตรมาส 4 ประจำปี 2018 และรายงานการเงินประจำปี 2018 แล้ว โดย PayPal รายงานว่าไตรมาสที่ผ่านมามีรายได้ 4,226 ล้านดอลลาร์ เติบโตจากปีที่แล้ว 14% โดยคิดเป็นกำไรแบบ non-GAAP ประจำไตรมาสอยู่ที่ 824 ล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 23% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ส่วนสถิติของผู้ใช้นั้น ไตรมาส 4 นี้ PayPal มีบัญชีแอคทีฟใหม่ 13.8 ล้านบัญชี โดย 2.9 ล้านบัญชีเพิ่มเข้ามาจากการซื้อ Hyperwallet และ iZettle ส่วนจำนวนครั้งในการทำธุรกรรมอยู่ที่ 2,900 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 28% และปริมาณการจ่ายเงิน (TPV) ทั้งหมดอยู่ที่ 163,648 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23%