บริษัท Cloud & Heat ผู้ให้บริการพื้นที่กลุ่มเมฆจากเยอรมนีปิ๊งไอเดียแก้ปัญหาของคน 2 กลุ่มในคราวเดียว ทั้งปัญหาของผู้คนที่ต้องการอากาศอุ่นๆ ภายในบ้านช่วงฤดูหนาว และปัญหาของผู้ดูแลระบบที่ต้องการอากาศเย็นๆ เลี้ยงการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ด้วยการออกบริการติดตั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้แก่บ้านพักอาศัยที่ต้องการเครื่องทำความร้อนภายในบ้าน
Samsung ยื่นจดสิทธิบัตรระบบการสร้างพลังงานไฟฟ้าจ่ายกลับสู่แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน โดยพลังงานดังกล่าวจะได้มาจากการกดสัมผัสหน้าจอด้วยปลายนิ้วของผู้ใช้นั่นเอง
Google ทำข้อตกลงร่วมลงทุนในฟาร์มผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์แห่งใหม่ที่ชื่อ Regulus คิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 145 ล้านดอลลาร์
ฟาร์มผลิตไฟฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Kern County รัฐ California ของสหรัฐอเมริกา การก่อสร้างมีขึ้นบนพื้นที่โล่งซึ่งผ่านการขุดเจาะน้ำมันและแก๊สธรรมชาติมาแล้ว ในฟาร์มจะมีแผ่นโซลาร์เซลล์ 248,000 ชิ้น กินพื้นที่รวม 737 เอเคอร์ (ประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร) เมื่องานก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานจริง กำลังผลิตไฟฟ้าของ Regulus จะอยู่ที่ 82MW หรือเทียบเท่ากับกำลังงานไฟฟ้าสำหรับเลี้ยงบ้านเรือนราว 10,000 หลัง
เมื่อนับมาจนถึงโครงการ Regulus ที่ Google ได้ร่วมลงทุนนี้แล้ว เท่ากับว่า Google ได้สนับสนุนลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์แล้ว
ทางการของกรุง Seoul ประเทศเกาหลีใต้ ได้ประกาศโครงการสร้างจุดชาร์จไฟให้แก่โทรศัพท์และอุปกรณ์พกพาอื่นให้ใช้งานได้สาธารณะ โดยความสำคัญของโครงการดังกล่าว เป็นการดึงเอาพลังงานจลน์ของกระแสน้ำไหลมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อชาร์จไฟให้แก่อุปกรณ์
โครงการนี้จะเริ่มต้นด้วยการทำจุดชาร์จไฟให้ใช้งานก่อน 5 จุด บริเวณริมคลอง Cheonggyecheon (เป็นคลองขุดใน Seoul) โดยจะมีการติดตั้งใบกังหันในคลองเพื่อรับพลังงานจากกระแสน้ำไหลมาหมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ทั้งนี้คาดว่าในการใช้งานจริง จุดจ่ายไฟจะสามารถชาร์จไฟให้อุปกรณ์จนเต็มได้ภายในระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง โดยหากผลตอบรับของโครงการนี้ออกมาดี จะมีการขยายผลเพิ่มจุดชาร์จไฟในสถานที่อื่นๆ ด้วย
งานวิจัยใหม่ของ MIT คือการประยุกต์ใช้ปรากฏการณ์การควบแน่นของไอน้ำในอากาศ มาปรับเปลี่ยนผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจ่ายพลังงานให้แก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
งานวิจัยนี้เป็นการค้นพบโดยบังเอิญในขณะที่ทีมวิจัยซึ่งนำโดยนักวิจัยปริญญาเอก Nenad Miljkovic, รองศาสตราจารย์วิศวกรรมเครื่องกล Evelyn Wang และทีมงานอีก 2 คน กำลังศึกษาและปรับปรุงวัสดุที่มีพื้นผิวซึ่งสามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี (เพื่อเอาไปใช้กับตัวเร่งการควบแน่นในกระบวนการอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่นในโรงไฟฟ้า) โดยใช้แผ่นทองแดงที่ผ่านกระบวนการทำผิวแบบพิเศษเพื่อลดความสามารถในการเกาะผิวของหยดน้ำ มาทำเป็นชุดแผ่นระบายความร้อน ซึ่งแผ่นทองแดงพิเศษดังกล่าวถูกวางชิดกัน (คล้ายกับแผ่นครีบระบายความร้อนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรทั้งหลาย)
เราเคยเห็นข่าวเมือง Chicago ก็มีโครงการเสาไฟไฮเทคที่สามารถตรวจวัดสภาพอากาศและจำนวนคนเดินผ่าน คราวนี้อีกเมืองหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอย่าง Boston ก็มีสิ่งของสาธารณประโยชน์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีน่าสนใจไปอีกแบบ เมื่อทางเมืองได้ทำการติดตั้งม้านั่งกลางแจ้งที่มีแผงโซลาร์เซลล์ติดตั้งอยู่ในตัว ซึ่งคนที่มานั่งสามารถใช้พลังงานดังกล่าวชาร์จไฟให้แก่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ฟรี
ม้านั่งสุดเจ๋งนี้มีชื่อเรียกว่า "Soofas" มีแผงโซลาร์เซลล์รับแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยผู้ที่มานั่งสามารถใช้สายชาร์จเสียบเข้ากับช่อง USB เพื่อจ่ายไฟให้แก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง โดยในอนาคตจะมีการพัฒนา Soofas ให้สามารถชาร์จไฟแบบไร้สายได้ด้วย
AMD ออกมาประกาศแผนการระยะยาว "25x20" ว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงาน (energy efficiency) ให้ดีขึ้น 25 เท่าตัวภายในปี 2020 ให้จงได้
AMD บอกว่าโลกยุคปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ไอทีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่าพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของโลกในปี 2020 จะถูกใช้ไปกับอุปกรณ์ไอทีถึง 14% ทำให้วงการไอทีต้องกลับมาทบทวนเรื่องพลังงานใหม่ และถึงแม้ว่าอุปกรณ์ไอทีจะมีอัตราการประหยัดพลังงานดีขึ้นเรื่อยๆ (สถิติของ AMD APU เองระหว่างปี 2008-2014 คือดีขึ้น 10 เท่า) แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่พัฒนาเร็วไม่พอกับปริมาณการใช้งาน
สวัสดีครับ วันนี้มีเพื่อนผมคนนึงตามให้มาดูเรื่องใน blognone มีเนื้อหาหลักๆ คือ Google จัดประกวด Little Box Challenge ซึ่งเป็นโครงการประกวดการออกแบบ power inverter เพื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์ solar cell โดยมีเงินรางวัล 1ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผมคิดว่าอาจจะมีผู้สนใจอยู่บ้าง เลยต้องการเขียนเจาะรายละเอียดในมุมมองของผม เพื่อช่วย get started ให้กับมือใหม่ (ซึ่งอาจจะมีความคิดใหม่ๆ ที่น่าสนใจ) และดึงความคิดเห็นจากมือเก๋า (ที่มีประสบการณ์) แล้วมาดูกันครับว่าเราจะได้ข้อสรุปอะไรหรือเปล่า
Google ประกาศข่าวสนับสนุนเงินรางวัลจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ สำหรับงานประกวดที่ชื่อ Little Box Challenge ซึ่งเป็นงานประกวดการออกแบบอุปกรณ์แปลงไฟระหว่างไฟฟ้ากระแสสลับกับกระแสตรง
Google ประกาศข่าวการลงทุนด้านพลังงานอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ไม่ใช่การลงทุนในฟาร์มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมหรือแสดงอาทิตย์แต่อย่างใด หากแต่เป็นการร่วมลงทุนปล่อยเช่าแผงโซลาร์เซลล์
การลงทุนนี้มีมูลค่าราว 250 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนหนึ่งมาจากเงินสดของ Google เอง 100 ล้านดอลลาร์ ส่วนอีก 150 ล้านดอลลาร์มาจาก SunPower ผู้บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ที่เข้าร่วมทุนกับ Google ในครั้งนี้ โดย Google จะซื้อแผงโซลาร์เซลล์มาเพื่อนำไปให้เช่าติดตั้งใช้งานตามบ้านพักอาศัย โดย Google รับปากว่าราคาค่าเช่าแผงโซลาร์เซลล์นี้จะถูกมาก ถึงขนาดถูกกว่าค่าไฟตามบ้านทั่วไปด้วย
Trinity คือโครงการพัฒนากังหันปั่นไฟแบบพกพา ที่ผู้ใช้สามารถนำมันไปต่อพ่วงเพื่อชาร์จไฟให้แก่แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่ไหนก็ได้ที่มีลม (หรือต่อให้ไม่มีลมภายนอก ผู้ใช้ก็ยังนั่งเป่าลมเองเพื่อชาร์จไฟได้) โดยโครงการนี้กำลังเปิดรับเงินทุนสนับสนุนผ่านทางเว็บ Kickstarter
Sony เปิดตัวอาหารเสริมพลังงานภายใต้ชื่อ Sony Power Food ซึ่งมีทั้งเค้ก, ซีเรียล และโปรตีนแท่ง ซึ่งนอกจากจะให้พลังงานแก่ร่างกายของผู้ที่กินมันแล้ว มันยังสามารถให้พลังงานแก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทนแบตเตอรี่ได้ด้วย
Google เพิ่งประกาศข่าวการลงทุนในฟาร์มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมชื่อ Panhandle 2 ซึ่งตั้งอยู่นอกเมือง Amarillo ในรัฐ Texas ด้วยเงินมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกแห่งที่ 15 ของ Google
เมื่อ Panhandle 2 เริ่มดำเนินการ มันจะสามารถผลิตจ่ายไฟฟ้าด้วยกำลังงาน 182 เมกะวัตต์ โดยอาศัยกังหันผลิตไฟฟ้าของ Siemens ขนาด 2.3 เมกะวัตต์ จำนวน 79 ตัว ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานของบ้านพักอาศัยราว 56,000 หลังคาเรือน ทั้งนี้กำหนดการแล้วเสร็จของงานก่อสร้างของโครงการนี้คือช่วงปลายปี 2014
สตาร์ตอัพที่ชื่อว่า Ossia Inc. เปิดตัวระบบชาร์จไร้สายที่ชื่อว่า Cota โดยมีจุดเด่นคือมันจะมีระยะทางชาร์จได้ไกลถึงเกือบสิบเมตร (30 ฟุต) ผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเดียวกับเครือข่ายไร้สายทุกวันนี้
Cota สามารถส่งพลังงานได้มากกว่า 30 เมตรในห้องทดลองแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการใบรับรองจาก FCC ที่มีอำนาจอนุมัติอุปกรณ์ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า บนเวที Disrupt ของ TechCrunch แสดงไอโฟนที่ชาร์จไร้สายจากระยะไกล
ตัวเครื่องของ Cota จะมีราคาสูงกว่า 100 ดอลลาร์ และขนาดประมาณเครื่องทาวเวอร์ขนาดใหญ่ของพีซี และสามารถส่งพลังงานทะลุกำแพงได้ด้วย
ที่มา - TechCrunch
Google เริ่มลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในทวีปแอฟริกาเป็นครั้งแรก โดยร่วมลงทุนในฟาร์มผลิตไฟฟ้าซึ่งตั้งอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ ด้วยเงิน 12 ล้านดอลลาร์
ผู้อ่าน Blognone คงทราบข่าว "วิกฤตไฟฟ้า" ช่วงวันที่ 5-14 เมษายน 2556 ซึ่งเกิดจากปัญหาพม่าซ่อมท่อก๊าซในช่วงเดียวกับวันที่มีอัตราการใช้พลังงานสูงสุดในรอบปีพอดี ทำให้มีโอกาสสูงที่ไฟฟ้าจะไม่พอใช้ และเกิดปัญหาไฟดับบางพื้นที่ได้
ทางกระทรวงพลังงานจึงฝากมารณรงค์ให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะวันที่ 5 เมษายน เวลา 14-15 น. ด้วยหลักการง่ายๆ 3 ข้อคือ ปิดไฟ, ปรับแอร์เป็น 26 องศา, และปลดปลั๊กไม่เสียบทิ้งไว้ ซึ่งจะมีผลให้ลดอัตรา peak load ลงได้ 710 เมกะวัตต์หรือ 0.5 ล้านหน่วยต่อวัน
Google ลงทุน 200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,000 ล้านบาท) กับฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานลมในรัฐ Texas และบริจาคเงินอีกส่วนหนึ่งให้แก่ Energy Foundation ซึ่งเป็นองค์กรด้านการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าของภาครัฐ
ฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานลมซึ่งใช้ชื่อโครงการ Spinning Spur Wind Project ตั้งอยู่ในเขต Oldham County มีกำลังผลิตพลังงานไฟฟ้า 161 MW เทียบเท่ากับการใช้ไฟของบ้านพักอาศัยราว 60,000 หลัง
การลงทุนในครั้งนี้นับเป็นโครงการธุรกิจพลังงานทดแทนรายที่ 10 ที่ Google เข้าร่วมลงทุนนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ซึ่งกำลังผลิตไฟฟ้ารวมของทุกโครงการเกินกว่า 2 GW ไปแล้ว
หลายคนคงไม่แปลกใจหากเห็นข่าว Apple ยื่นขอจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือซอฟต์แวร์ใหม่ แต่ล่าสุดยักษ์ใหญ่ไอทีได้แสดงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลไปกว่านั้น เมื่อ Apple ได้เสนอเทคนิคการผลิตไฟฟ้าโดยอาศัยพลังงานลมที่ถูกเก็บไว้
การผลิตไฟฟ้าด้วยแรงลมโดยทั่วไป ใช้การหมุนของกังหันลมไปขับขดลวดของเครื่องผลิตไฟฟ้า ซึ่งมีข้อจำกัดไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในช่วงที่ลมพัดไม่แรงพอ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่การเลือกใช้วิธีผลิตไฟฟ้าพลังงานลมถูกจำกัดเฉพาะพื้นที่ซึ่งมีลมพัดแรงอย่างต่อเนื่อง และจำเป็นต้องมีระบบการจ่ายไฟสำรองไว้คอยสับเปลี่ยน
วันนี้ทาง Facebook ได้ออกรายงานการใช้พลังงานประจำปี 2011 โดยเป็นรายงานรวมการใช้พลังงานและ carbon footprint ของศูนย์ข้อมูลของ Facebook รวมไปถึงสำนักงานต่างๆ ของ Facebook ทั่วโลก โดยข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ ผู้ที่ใช้งาน Facebook ใน 1 ปีนั้นจะมี carbon footprint เท่ากับลาเต้หนึ่งแก้ว, กล้วยผลใหญ่ 3 ผลหรือไวน์ไม่กี่แก้วเท่านั้น ส่วนศูนย์ข้อมูลและสำนักงานของ Facebook ทั่วโลกนั้นใช้พลังงานไปทั้งหมด 532 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ถึงแม้ว่า Facebook จะพยายามควบคุมการใช้พลังงานอยู่ในตอนนี้ แต่ก็ได้บอกไว้ชัดเจนว่าในปี 2014 ที่จะถึงนี้ Facebook จะมีการเปิดศูนย์ข้อมูลในสวีเดน ซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
เว็บไซต์ Sortable ได้จัดทำ infographic เกี่ยวกับผลกระทบของ iPad ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยข้อมูลที่น่าสนใจหลักๆ ก็คือ iPad เครื่องหนึ่งนั้นจะปล่อยคาร์บอนเป็นปริมาณเทียบเท่าได้กับการขับรถเป็นระยะทาง 515 ไมล์ (หรือประมาณ 828 กิโลเมตร) โดย iPad รุ่นที่ 3 นั้นปล่อยคาร์บอนออกมามากที่สุด คิดเป็นปริมาณกว่า 180 กิโลกรัม ส่วน iPad รุ่นแรกและ iPad 2 ปล่อยคาร์บอนคิดเป็นปริมาณ 130 กิโลกรัมและ 105 กิโลกรัมตามลำดับ ซึ่งเมื่อคิดปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยโดย iPad ทั้ง 55 ล้านเครื่องที่ถูกขายออกไปแล้วนั้น ก็จะอยู่ที่ 7,590,000 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณของคาร์บอนที่ถูกปล่อยโดยรถยนต์ 1,265,000 คันในหนึ่งปี
ทุกวันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธแล้วว่า "ศูนย์ข้อมูล" (data center) ต้องใช้พลังงานเยอะมาก และบริษัทส่วนมากก็ไม่ค่อยเปิดเผยว่าศูนย์ข้อมูลของตัวเองใช้ไฟเท่าไร ซึ่งรวมถึงกูเกิลในฐานะเจ้าพ่อแห่งศูนย์ข้อมูลด้วย
แต่คราวนี้กูเกิลกลับลำ ออกมาเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานของตัวเองแล้ว
ข้อมูลของกูเกิลน่าตกใจไม่น้อย เพราะในปี 2010 ศูนย์ข้อมูลทั้งหมดของกูเกิลใช้ไฟฟ้ารวมกัน 260 เมกะวัตต์ชั่วโมงตลอดปี ตัวเลขนี้มากแค่ไหน? เท่ากับ 1/4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หนึ่งโรง
เพิ่งมีข่าวกูเกิลปิด Google Health และ Google PowerMeter ไปวันก่อน วันนี้ไมโครซอฟท์ประกาศปิดบริการ Hohm ซึ่งเป็นบริการเก็บสถิติการใช้พลังงานภายในบ้านแบบเดียวกับ Google PowerMeter
ไมโครซอฟท์เปิดตัว Hohm ครั้งแรกเมื่อปี 2009 โดยเป็นบริการตัวแรกๆ ของไมโครซอฟท์ที่รันอยู่บนแพลตฟอร์ม Azure ด้วย แต่ Hohm ก็ไปได้ไม่ดีอย่างที่หวัง และไม่เคยหลุดจากสถานะ Beta
ไมโครซอฟท์จะให้บริการ Hohm ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2012
เว็บไซต์ ZDNet รายงานว่าการปิด Hohm เป็นยุทธศาสตร์ใหม่ของไมโครซอฟท์ ที่จะปิดบริการเล็กๆ หลายตัวลง และทุ่มทรัพยากรไปที่บริการสำคัญๆ แทน
โซนี่เปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่ในตระกูล Fortelion ใช้ olivine-type lithium iron phosphate ซึ่งมีโครงสร้างเหมาะสมกับทำแบตเตอรี่เป็นวัสดุสำหรับขั้วแคโธด ส่งผลให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม
โซนี่เริ่มขายแบตเตอรี่รุ่นนี้แล้ว โดยช่วงแรกๆ จะใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ และเครื่องมือช่างที่ต้องใช้กำลังมากๆ ก่อน จากนั้นจะขยายไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ ในภายหลัง
ช่วงสองสามปีมานี้ประเด็นสำคัญมากของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศคือการใช้พลังงานที่นับวันจะเพิ่มขึ้นทุกวันและดูจะเป็นสัดส่วนที่มากขึ้นเรื่อยๆ เฉพาะศูนย์ข้อมูล (Data Center) ทั่วโลกนั้นมีการประเมินกันว่า ใช้พลังงานเท่ากับประเทศสวีเดนทั้งประเทศเลยทีเดียว ประเด็นพลังงานเช่นนี้ทางเอชพีก็ได้เปิดโครงการเพื่อช่วยรณรงค์ให้มีการลดการใช้พลังงานจากคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊คที่ใช้ในบ้านและที่ทำงานกันขึ้นมาในชื่อโครงการ Power To Change
ค่าใช้จ่ายของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในส่วนของพลังงานนั้นนับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เราเคยมีข่าวเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลที่ใช้ไฟ 12 โวลต์เพียงอย่างเดียวเพื่อประสิทธิภาพในการส่งและสำรองพลังงาน ล่าสุดข้อมูลอีกอย่างที่มีการเปิดเผยคือศูนย์ข้อมูลของกูเกิลที่เบลเยียมนั้นไม่มีส่วนทำความเย็นเลย เพราะใช้อากาศที่เย็นอยู่แล้วจากภายนอกมาช่วยระบายความร้อน
แนวทางการลดการค่าใช้จ่ายด้วยการใช้อากาศภายนอกนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่ปรกติแล้วศูนย์ข้อมูลมักมีระบบทำความเย็นเตรียมเอาไว้เผื่อช่วงเวลาที่อากาศร้อนขึ้นระบบทำความเย็นก็จะเปิดการทำงานขึ้นมา