IRENA หรือ International Renewable Energy Agency องค์กรระหว่างประเทศที่สนับสนุนและผลักดันการเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานสะอาด ได้เปิดเผยรายงานชื่อ Renewable Power Generation Costs in 2017 ซึ่งคาดการณ์ว่า ภายในปี 2020 ต้นทุนของพลังงานทางเลือกจะถูกกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล
รายงานระบุว่า ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในปัจจุบันอยู่ที่ราว 0.05 - 0.17 ดอลลาร์ต่อ kWh ส่วนต้นทุนจากพลังงานทางเลือกได้แก่ พลังงานน้ำอยู่ที่ $0.05/kWh, พลังงานลมแบบ onshore $0.06/kWh, พลังงานชีวมวลและพลังงานความร้อนใต้พิภพ $0.07/kWh และพลังงานแสงอาทิตย์ $0.10/kWh
ส่วนพลังงานทางเลือกที่ยังแพงกว่าคือพลังงานลมแบบ offshore และพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ (Solar Thermal Energy) ซึ่ง IRENA คาดว่าภายในปี 2020 ต้นทุนของพลังงานทั้งสองจะอยู่ที่ $0.06/kWh และ $0.10/kWh ตามลำดับ โดยสาเหตุสำคัญมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีและการแข่งขันที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ดี IRENA ชี้ว่าพลังงานทางเลือกแต่ละประเภทก็มีข้อจำกัดของมัน อย่างพลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์และพลังงานลมมีข้อจำกัดเรื่องความไม่สม่ำเสมอของแหล่งพลังงาน ส่วนพลังงานความร้อนใต้พิภพและพลังงานน้ำก็มีข้อจำกัดเรื่องภูมิศาสตร์ ดังนั้นการใช้แหล่งพลังงานเช้อเพลิงฟอสซิลเข้ามาร่วมจะเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ขณะที่การแก้ปัญหาในระยะยาวจะไปตกอยู่กับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันยังมีต้นทุนที่สูงมาก
ที่มา - Quartz
Comments
ดังนั้นการแหล่งพลังงานเช้อเพลิง > ดังนั้นการใช้แหล่งพลังงานเชื้อเพลิง
ขอให้จริงและรัฐสนับสนุน จะได้เลิกฆ่าคนเพื่อน้ำมันซักที ตายไปกี่คนเพื่อผลประโยชน์คนบางกลุ่ม
เริ่มอ่านข่าวก็รู้สึกดีกับต้นทุนที่คาดว่าจะลดลงเร็ว จนอ่านถึงวรรคสุดท้ายก็กลับมาสถานการณ์เดิม นึกว่ารวมต้นทุนแบตเตอรี่แล้วซะอีก แต่ยังไงก็เป็นแนวโน้มที่ดี
+1 ผมนี่ตกใจ ราคาจะลงเร็วไปไหน ที่แท้ไม่รวมแบต แหม่....
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ถ้าไม่อ่านย่อหน้าสุดท้ายนี่ดีใจเก้อเลย
ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ถ้าไม่ให้เสียเปล่าก็ต้องใช้แบตเก็บไฟเหมือนกันนี่
อยากรู้พลังงานนิวเคลียร์ไม่ถูกสุดหรอครับ