Automobile
เหตุการณ์พ่อแม่ลืมลูกตัวเองไว้ในรถจนเด็กขาดอากาศหายใจ หรือร้อนเกินไปจนเสียชีวิตมีออกมาให้ได้ยินอยู่เนืองๆ เฉพาะปีนี้ในสหรัฐอเมริกามีเด็กเสียชีวิตเพราะถูกทิ้งไว้ในรถแล้วถึง 31 คน โดยอัพเดตเวอร์ชัน 8.0 ที่ Tesla เพิ่งปล่อยให้ผู้ใช้อัพเดตกันนั้น มีฟีเจอร์รักษาอุณหภูมิในห้องโดยสารไม่ให้ร้อนเกินไปด้วย
Tesla เรียกฟีเจอร์นี้ว่า Cabin Overheat Protection หลักการทำงานของมันง่ายมาก พอคนขับจอดรถ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายในห้องโดยสารก็จะทำงาน และเปิดแอร์เป็นระยะเพื่อไม่ให้ห้องโดยสารร้อนเกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่ง Elon Musk ระบุว่าตามหลักการแล้วหากชาร์จแบตไว้เต็มสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ถึง 1 ปีเลยทีเดียว แต่ในรถ Tesla จะจำกัดระยะเวลาไว้ที่ 12 ชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ Financial Times ของอังกฤษ รายงานข่าววงในว่าแอปเปิลสนใจซื้อหรือเข้าไปลงทุนใน McLaren Technology Group ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ และเจ้าของทีมรถแข่ง F1 McLaren เพื่อรุกเข้าไปยังตลาดรถยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับข่าวลือโครงการรถยนต์ไร้คนขับที่แอปเปิลกำลังพัฒนาอยู่ โดยมูลค่าของบริษัท McLaren อยู่ประมาณ 1-1.5 พันล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม ฝั่งของ McLaren ออกมาปฏิเสธข่าวนี้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยยืนยันว่าไม่มีการเจรจาใดๆ กับแอปเปิลในประเด็นการเข้ามาลงทุนหรือซื้อกิจการบริษัท
ที่มา - Financial Times, Business Insider
ในยุคที่อะไรๆ ก็สมาร์ท ย่อมหนีไม่พ้นการตกเป็นเป้าโจมตีอย่างแน่นอน รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็หนีไม่พ้น โดยกลุ่มนักวิจัยชาวจีนจาก Keen Security Lab ได้อัพโหลดวิดีโอสาธิตการแฮกรถยนต์ Tesla Model S หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเลื่อนเบาะไปจนถึงสั่งให้รถเบรกจากระยะไกล
ทีมนักวิจัยนำโดย Sen Nie นักวิจัยอาวุโสของ Keen Security Lab ได้สาธิตการแฮก Tesla Model S P85 เดิมๆ ไม่ได้ปรับแต่งใดๆ เริ่มด้วยการสั่งเปิดหลังคาซันรูฟจากระยะไกล จากนั้นก็โชว์เปิดไฟเลี้ยวและปรับเบาะ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐ Uber ได้เริ่มนำรถไร้คนขับมาทดสอบให้บริการในเมือง Pittsburgh เป็นครั้งแรก ซึ่งช้ากว่าที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดยรถยนต์ที่นำมาใช้เป็น Ford Fusions ที่มาพร้อมด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ รอบคัน
Uber ได้เชิญผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งมาทดลองนั่งรถรอบเมืองด้วย ซึ่งทีมงานของเว็บไซต์ TechCrunch เผยว่าเหมือน Uber นำรถมาทดสอบวิ่งบนถนนจริงๆ มากกว่าที่จะนำมาให้บริการ เพราะในหลายสถานการณ์ระบบไร้คนขับยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อาทิ การมีรถจอดขวางอยู่ในเลน ซึ่งวิศวกรที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยต้องควบคุมรถและเปลี่ยนเลนด้วยตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่รถยนต์ไฟฟ้า Tesla แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป คือมันมีการอัพเดตซอฟต์แวร์ของตัวรถอยู่สม่ำเสมอ เมื่อผู้ใช้จอดรถในบริเวณบ้านก็จะเชื่อมต่อ Wi-Fi อัตโนมัติ ซึ่งอัพเดตใหญ่ครั้งสุดท้ายคือเวอร์ชัน 7.0 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มาพร้อมกับฟีเจอร์ Autopilot หลังจากนั้นก็ออกเวอร์ชัน 7.1 ที่ทำให้รถสามารถเข้าออกโรงจอดรถเองได้ ล่าสุด Tesla ประกาศเปิดตัวซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 8.0 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการปรับปรุงระบบเรดาร์สำหรับ Autopilot ครั้งใหญ่
บนเว็บไซต์ Tesla เล่าเกี่ยวกับอัพเดตใหม่นี้ว่าจะใช้การประมวลผลสัญญาณจากเรดาร์ (signal processing) ที่ล้ำยิ่งขึ้นเพื่อสร้างแบบจำลองของพื้นที่รอบรถ โดยใช้ฮาร์ดแวร์เดิมได้เลย ซึ่งก่อนหน้านี้ระบบเรดาร์ดังกล่าวเป็นเพียงตัวเสริมให้กล้องหลักและระบบประมวลผลภาพ (image processing) เท่านั้น
Volvo ประกาศจับมือกับ Autoliv บริษัทสัญชาติอเมริกัน-สวีดิช ผู้ผลิตและพัฒนาระบบความปลอดภัยที่ใช้บนรถยนต์ เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ไร้คนขับและระบบช่วยเหลือคนขับ (Advanced Driver Assistance System) ร่วมกัน เพื่อนำไปใช้บนรถ Volvo
การร่วมมือครั้งนี้ทั้งสองบริษัทจะส่งพนักงานและเจ้าหน้าที่ของตัวเองมาร่วมงานกัน โดยเบื้องต้นจะอยู่ที่ 200 คนก่อนจะเพิ่มเป็นราว 600 คน มีสำนักงานใหญ่ในการพัฒนาร่วมอยู่ที่เมือง Gothenburg ของสวีเดนและจะเริ่มงานในช่วงต้นปีหน้า
นอกจากซอฟต์แวร์ที่จะนำมาใช้บน Volvo แล้ว Autoliv ยังมีสิทธิในการนำซอฟต์แวร์ที่พัฒนาร่วมกันนี้ไปขายให้กับผู้ผลิตรถเจ้าอื่นและนำรายได้มาแบ่งกันได้อีกด้วย
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์อ้างแหล่งข่าววงในสามแหล่งว่า แอปเปิลปลดพนักงานจำนวนหลายสิบคนและปิดตัวบางส่วนของ Project Titan โครงการพัฒนารถยนต์บริษัท (อย่าสับสนกับของกูเกิล)ในความพยายามที่จะรีบู๊ตโครงการดังกล่าว พร้อมทั้งปรับเป้าหมายจากการพัฒนารถยนต์ทั้งคันเป็นเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับแทน แบบเดียวกับที่กูเกิลดำเนินการอยู่
ข่าวเกี่ยวกับ Project Titan จากแอปเปิลค่อนข้างเงียบมาก ล่าสุดเมื่อปีที่แล้วมีข่าวว่าแอปเปิลมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ของตัวเองอยู่ โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้จริงในปี 2019
ที่มา: นิวยอร์กไทม์
ซัมซุงได้จับมือกับ Mercedes Benz เปิดตัวโซลูชันกุญแจรถดิจิทัล ในงาน IFA 2016 ทำให้สมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy ของซัมซุง สามารถใช้ปลดล็อกประตูและใช้สตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ
การเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนกับรถจะต้องทำผ่านแอพของ Benz ขณะที่โซลูชันนี้ทำงานผ่านเทคโนโลยี NFC พร้อมกับชิป eSE (embedded Secure Element) ซึ่งสามารถใช้ปลดล็อคและสตาร์ทรถได้แม้สมาร์ทโฟนจะแบตหมดก็ตาม ชมคลิปการทำงานได้ที่ท้ายข่าว
ที่มา - Samsung Newsroom
หลัง Baidu ตั้งศูนย์วิจัยในแคลิฟอร์เนียเพื่อทดสอบรถไร้คนขับ ล่าสุดได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งของแคลิฟอร์เนียให้ทดสอบวิ่งบนถนนจริงแล้ว
การทดสอบวิ่งในแคลิฟอร์เนียมีข้อกำหนดคือจะต้องมีคนขับนั่งไปด้วย รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมจะยังต้องอยู่ในรถ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทาง Baidu ได้ร่วมลงทุนกับ Ford ในบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของชิ้นส่วนประกอบเซ็นเซอร์ LIDAR ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถเข้าถึงชิ้นส่วนอุปกรณ์ LIDAR ซึ่งปัจจุบันยังค่อนข้างมีราคาแพง หากต้องการผลิตจำนวนมาก ได้มากยิ่งขึ้น
Baidu ได้ประกาศพัฒนารวมทั้งทดสอบรถไร้คนขับมาซักพักแล้ว โดยเป็นการดัดแปลงจาก BMW รุ่น 3-Series ซึ่งใช้น้ำมัน ขณะที่การทดสอบรถไร้คนขับล่าสุดของ Baidu เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ดัดแปลงจากรถ Cherry EQs
หนึ่งในเป้าหมายเชิงธุรกิจของ Baidu คือนำรถยนต์ไร้คนขับมาให้บริการเป็นรถชัทเทิลบัสสาธารณะอย่างเร็วที่สุดในปี 2018 หลังเริ่มทดสอบนำรถไร้คนขับมาวิ่งบนถนนสาธารณะครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้วในประเทศจีนและล่าสุดกำลังทดสอบอยู่ในสหรัฐ รวมถึงก่อตั้งศูนย์วิจัยรถไร้คนขับใกล้กับสำนักงานใหญ่กูเกิลด้วย
ขณะที่ Uber เตรียมจะนำรถไร้คนขับมาให้บริการในเมือง Pittsburgh ดูเหมือน nuTonomy สตาร์ทพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับในสิงคโปร์จะตัดหน้าแล้ว เมื่อบริษัทได้เริ่มทดลองให้บริการแท็กซี่รถไร้คนขับเป็นครั้งแรก โดยไม่คิดค่าบริการ
รถยนต์ที่นำมาให้บริการคือ Renault Zoe และ Mitsubishi i-MiEV ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าทั้งคู่ การทดลองให้บริการนี้จะจำกัดเฉพาะในพื้นที่ราว 4 ตารางกิโลเมตรของย่าน One North ก่อนเท่านั้น โดยจะมีคนขับนั่งอยู่หลังพวงมาลัย รวมถึงนักวิจัยอีกคนที่คอยเก็บข้อมูลอยู่ในรถด้วย อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าใครจะใช้บริการของ nuTonomy ได้ เพราะจะต้องได้รับคำเชิญจากบริษัทก่อน ซึ่งก็ต้องยื่นความประสงค์เข้าไปก่อนเช่นกัน
เรียกว่าตรงตามข่าวก่อนหน้านี้ทุกประการ ขณะนี้ Tesla ได้เปิดตัว Model S และ X รุ่นความจุแบตเตอรี่สูงพิเศษ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง มาพร้อมมอเตอร์คู่หน้าหลัง ขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่ง Model S P100D สามารถทำความเร็วตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ได้ในเวลาเพียง 2.5 วินาที โดย Tesla บอกว่าเร็วกว่ารถยนต์ใดๆ ที่ยังผลิตอยู่ในปัจจุบัน
แบตเตอรี่ขนาด 100 กิโลวัตต์ชั่วโมงก็สามารถพารถวิ่งได้ไกลถึง 507 กิโลเมตรหากวัดตามมาตรฐาน EPA ของสหรัฐอเมริกา และวิ่งได้ไกล 613 กิโลเมตรหากวัดตามมาตรฐานยุโรปในการชาร์จเพียงครั้งเดียว จึงทำให้ Tesla เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลที่สุดขณะนี้
ช่วงหลังเราเห็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และเทคโนโลยีหันมาจับมือกันไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง เพื่อพัฒนารถยนต์ไร้คนขับอยู่เนืองๆ เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดอย่าง Delphi ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่พัฒนารถไร้คนขับของตัวเองไปแล้ว ได้จับมือกับ Mobileye บริษัทด้านเทคโนโลยีบนรถยนต์สัญชาติอิสราเอล พัฒนารถไร้คนขับร่วมกันและตั้งเป้าออกสู่ถนนจริงในปี 2019
ทั้งสองบริษัทตั้งเป้าพัฒนารถไร้คนขับในระดับ 4 จากระดับ 5 ให้ได้ (ขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยสมบูรณ์ ยกเว้นในสภาพอากาศเลวร้าย ขณะที่ระดับ 5 คือขับเคลื่อนได้แม้ในสภาพอากาศเลวร้าย) ซึ่งคาดว่า Delphi จะนำเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์และโซลูชันด้านกล้องและระบบไร้คนขับมาเสริมกับระบบที่ตนพัฒนาอยู่
Hyundai ค่ายรถจากเกาหลีได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ Amazon เปิดตัวโปรแกรม "Prime Now. Drive Now" ซึ่งเป็นการให้บริการจองการทดลองขับรถ Hyundai Elantra ผ่านทาง Amazon
ผู้ใช้สามารถเลือกระยะเวลา วันและเวลาที่ต้องการทดลองขับได้ล่วงหน้าผ่านทาง Amazon และเมื่อถึงเวลานัดหมาย รถ Hyundai Elantra จะถูกนำไปส่งตามสถานที่นัดหมายพร้อมผู้เชี่ยวชาญ อยางไรก็ตามโปรแกรมนี้ดูเหมือนจะมีระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น (เริ่มสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและสิ้นสุดที่ช่่วงสุดสัปดาห์หน้า) รวมถึงจำกัดเฉพาะพื้นที่ใจกลางลอสแองเจลิสและย่าน Orange เท่านั้น
Ford ประกาศพัฒนารถยนต์ไร้คนขับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุด Mark Fields ซีอีโอของ Ford เปิดเผยบริษัทมีแผนจะให้บริการแบบ ride hailing โดยใช้รถยนต์ไร้คนขับ ประเภทที่ 4 (มนุษย์แทบไม่ต้องควบคุมรถ ยกเว้นในสภาพอากาศเลวร้าย) ภายในปี 2021
ถึงแม้จะยังไม่มีรายละเอียดมากนัก แต่เบื้องต้น Ford ได้ลงทุนในบริษัท Velodyne บริษัทพัฒนาเซ็นเซอร์ LIDAR, เข้าซื้อสตาร์ทอัพจากอิสราเอล ที่เชี่ยวชาญด้าน Computer Vision และ Machine Learning, เซ็นข้อตกลงในการใช้ไลเซนส์กับ Nirenberg Neuroscience LLC บริษัทด้าน Machine Vision และลงทุนกับ Civil Maps สตาร์ทอัพที่ทำแผนที่สามมิติ
มีรายงานความพยายามของ Tesla ในการเข้ามาทำตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ว่าขณะนี้มีผู้บริหารจาก Tesla สหรัฐอเมริกาได้เดินทางมายังสิงคโปร์เพื่อหารือกับรัฐบาลสิงคโปร์เกี่ยวกับการวางเครือข่ายระบบชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้มีแผนติดตั้งจุดชาร์จไฟจำนวน 2,000 จุดทั่วประเทศอยู่แล้ว นี่จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ Tesla อยากเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า Tesla ก็กำลังตามหาผู้บริหารที่จะมาประจำออฟฟิศสาขาสิงคโปร์อยู่ ซึ่งสอดคล้องกับที่ Elon Musk ทวีตไว้เมื่อเดือนเมษายนว่าจะขยายตลาดไปอีก 7 ประเทศ รวมถึงสิงคโปร์
ที่มา - Tech in Asia
ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ Tesla Model S เปิดโหมด Autopilot เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนที่ปักกิ่ง และผู้เสียหายบอกว่า Tesla โฆษณาเกินจริงว่ารถยนต์ขับอัตโนมัติได้ ล่าสุดมีคนพบว่า Tesla ได้นำคำว่า Autopilot และวลี "zidong jiashi" ที่แปลได้ว่า "ขับอัตโนมัติ" ออกจากเว็บไซต์ภาษาจีนแล้ว
"เราพยายามพัฒนาและแก้ไขสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งนั่นรวมถึงการแปลด้วย" โฆษกหญิงของ Tesla กล่าวผ่านอีเมล "เราอยู่ระหว่างการแก้ไขความกำกวมของภาษามาหลายสัปดาห์แล้ว และจังหวะเวลานี้ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน" เธออ้าง
ขณะนี้วลีภาษาจีนที่แปลว่า "ระบบช่วยขับ" (self-assisted driving) ถูกนำมาใช้แทนแล้ว
Autumn Burke สมาชิกสภาของรัฐแคลิฟอร์เนียออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าว AP ว่าตนเตรียมจะเสนอร่างกฎหมายให้รัฐแคลิฟอร์เนียต้องมียอดขายรถพลังงานสะอาดให้ได้ 15% ของยอดขายทั้งหมดภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า
บริษัทจำหน่ายรถยนต์ที่ไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้ อาจถูกปรับเงินเข้ารัฐหรือจ่ายเงินชดเชยให้กับบริษัทรถยนต์ที่ทำได้แทน ซึ่ง Autumn Burke ให้เหตุผลว่าจะช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถยนต์พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันรถยนต์พลังงานสะอาดมีส่วนแบ่งเพียง 3% ในยอดขายรถใหม่ทั้งหมดของรัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่กฎหมายใหม่นี้จะถูกยื่นเสนอต่อสภาภายในสัปดาห์นี้
ปัจจุบันรถยนต์ Tesla Model S มีความจุแบตเตอรี่ 3 ขนาดให้เลือก เริ่มที่ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกล 338 กิโลเมตร, 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร และ 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกล 473 กิโลเมตร ส่วน Model X ก็มี 3 ขนาดให้เลือกเช่นกัน แต่จะวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่าเนื่องจากน้ำหนักตัวมากกว่า
ล่าสุดมีบล็อกเกอร์ชาวดัตช์ไปพบว่า Tesla Model S และ X ความจุแบตเตอรี่สูงถึง 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ถูกรับรองโดยกรมการขนส่งของเนเธอร์แลนด์ (Rijksdienst voor het Wegverkeer - RDW) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถนำมาใช้งานในยุโรปได้ทันที โดยในฐานข้อมูลของ RDW แสดงให้เห็นว่าแบตเตอรี่ขนาด 100 กิโลวัตต์ชั่วโมงนี้ทำให้รถวิ่งได้ไกลถึง 613 กิโลเมตรเลยทีเดียว
เมื่อเช้าเราเพิ่งลงข่าว Tesla ช่วยชีวิตเจ้าของรถกันไป ตอนนี้มีข่าวอุบัติเหตุออกมาอีกแล้ว คราวนี้เหตุเกิดที่กรุงปักกิ่งเมืองหลวงของประเทศจีน ขณะที่นาย Luo Zhen โปรแกรมเมอร์อายุ 33 ปีกำลังเดินทางไปทำงานด้วยรถยนต์ Tesla Model S ที่เปิดใช้งานโหมด Autopilot อยู่นั้น รถของเขาก็แล่นไปเฉี่ยวเข้ากับรถ Volkswagen ที่จอดอยู่ริมทางซึ่งล้ำเข้ามาในเลนครึ่งคัน ทำให้กระจกมองข้างหลุดออกจากตัวรถ และเกิดรอยครูดด้านข้างรถ
เราได้ยินเรื่องอุบัติเหตุถึงชีวิตจากการใช้ระบบ Autopilot มาแล้ว คราวนี้เป็นเรื่องช่วยชีวิตคนกันบ้าง เรื่องเกิดที่เมือง Springfield รัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่นาย Joshua Neally กำลังขับรถยนต์ Tesla Model X อยู่บนไฮเวย์ จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมาแทง เขารู้ตัวว่าต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด จึงกดเปิดระบบ Autopilot สั่งขับไปโรงพยาบาลทันที รถ Tesla ขับพาเขาไปตามไฮเวย์เป็นระยะทางราว 20 ไมล์ (32 กิโลเมตร)
เมื่อลงจากไฮเวย์ และใกล้ถึงโรงพยาบาล เขาเปลี่ยนมาขับด้วยตัวเองและนำรถเข้าจอดทันเวลา แพทย์บอกว่าอาการที่เกิดขึ้นคือภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดเฉียบพลัน (Pulmonary Embolism) ซึ่งนาย Joshua บอกว่าเขาเชื่อในตัวซอฟต์แวร์และวางใจให้รถขับพาเขาไปโรงพยาบาล แทนที่จะจอดแล้วรอรถพยาบาลมารับ เขายังบอกอีกว่าหากเขาขับด้วยตัวเองขณะเกิดอาการ คงไม่สามารถขับบนไฮเวย์และคงชนคนหรือชนกำแพงสักที่เป็นแน่
ที่มา - The Guardian
Charlie Miller และ Chris Valasek นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งเคยแฮ็กรถ Jeep Cherokee ปี 2014 สำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง สามารถแฮ็กรถ Jeep Cherokee ได้อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการแฮ็กผ่านการเชื่อมต่อกับพาร์ท OBD II ของรถยนต์โดยตรง ไม่ใช่การแฮ็กทางไกลแบบครั้งที่แล้ว
การแฮ็กครั้งนี้ ด้วยความสามารถในการเข้าถึงระบบและเครื่องยนต์โดยตรงและเข้าถึงเฟิร์มแวร์ ECU (Electronic Control Unit) ทำให้ทั้ง Miller และ Valasek สามารถควบคุมพวงมาลัย เบรคและควบคุมระบบ Cruise Control ได้อย่างอิสระ
อย่างไรก็ตามทาง Fiat Chrysler ระบุว่าทั้งคู่ไม่ได้ค้นพบวิธีแฮ็กแบบใหม่ อีกทั้งรถยนต์ที่ถูกแฮ็กได้นั้น เป็นรถที่มีเฟิร์มแวร์รุ่นเก่า
ดูเหมือนว่า Verizon โอเปอเรเตอร์มือถือรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา กำลังอยู่ในช่วงช็อปปิ้งครั้งใหญ่ หลังจากซื้อกิจการ Yahoo ไปด้วยมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ เมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้ Verizon ประกาศซื้อกิจการอีกรอบด้วยมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์
บริษัทที่ Verizon ไปซื้อคือ Fleetmatics ซึ่งทำระบบ GPS สำหรับติดตามยานพาหนะ (GPS fleet tracking) ปัจจุบันมีลูกค้าเป็นรถยนต์-รถบรรทุกกว่า 7 แสนคัน และนับเป็นองค์กรได้ 37,000 รายทั่วโลก แถมยังเป็นบริษัทมหาชน ขายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กด้วย
Delphi ประกาศจับมือกับกรมการขนส่งทางบกของสิงคโปร์ ในการนำรถยนต์ไร้คนขับ พร้อมระบบเรียกรถแบบ on-demand แบบเดียวกับ Uber, Grab มาทดสอบบนเกาะสิงคโปร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำรถไร้คนขับมาให้บริการสาธารณะของรัฐบาล
รถไร้คนขับของ Delphi เป็นรถ Audi รุ่น SQ5s โดยเส้นทางที่ทดสอบวิ่งและให้บริการจะเป็นเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้แล้ว 3 เส้นทาง เป็นระยะทางรวมกันราว 8 กิโลเมตร โดยแผนการทดสอบนี้มีระยะเวลา 3 ปี ปีแรกจะเป็นการวางรากฐานของระบบและเทคโนโลยี ก่อนที่รถยนต์จะถูกนำมาวิ่งจริงในปีที่สอง และในการทดสอบวิ่งช่วงแรก จะมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยสำหรับกรณีฉุกเฉินด้วย ก่อนที่จะเป็นรถเปล่าและจะนำเอาพวงมาลัยออกจากคอนโซลรถในท้ายที่สุด
Mobileye บริษัทเทคโนโลยีรถยนต์สัญชาติอิสราเอล และผู้ผลิต EyeQ ซึ่งเป็น SoC สำหรับระบบกึ่งไร้คนขับบนรถยนต์ในปัจจุบัน รวมถึงรถยนต์ Model S และ Model X ของ Tesla Motors ด้วยแต่ล่าสุดทาง Mobileye ออกมาประกาศแยกทางกับ Tesla และจะไม่ผลิตชิพให้อีกแล้ว