ต่อจากข่าวลือว่าธนาคารต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แอปเปิลเพื่อใช้ Apple Pay ล่าสุดหนังสือพิมพ์ Financial Times ได้ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการแล้วว่า แอปเปิลจะได้ส่วนแบ่ง 0.15% จากธุรกรรมที่ผ่านระบบ Apple Pay

ข้อมูลของ Financial Times บอกว่า Eddy Cue ผู้บริหารของแอปเปิลที่ดูแล App Store และ iTunes เป็นคนคุมการเจรจากับธนาคารและบริษัทบัตรเครดิตมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว โดยโครงการนี้เก็บเป็นความลับสุดยอด และพนักงานของธนาคารที่ทำระบบไอทีให้โครงการนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังทำงานอะไรอยู่

ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลเมื่อวาน ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการจ่ายเงินอย่าง Apple Pay ระบุไว้ว่าใช้งานได้กับอุปกรณ์ใหม่อย่าง iPhone 6, iPhone 6 Plus และ Apple Watch ซึ่งสร้างความสงสัยว่าการจ่ายเงินผ่าน Apple Watch นั้นจะทำได้อย่างไรเมื่อขาดฟีเจอร์เพื่อการยืนยันตัวตนอย่าง Touch ID ไป

หลังจากมีคำถามนี้ออกมาได้ไม่นาน ทั้งนักข่าว และผู้บริหารของ MasterCard ก็ออกมาตอบว่า Apple Watch นั้นใช้การยืนยันตัวตนก่อนชำระเงินผ่านเซนเซอร์ด้านหลังที่จะสัมผัสกับผิวของผู้ใช้ตลอดเวลา แต่ก่อนจะใช้งานแบบนี้ได้ต้องใส่รหัส PIN ก่อนเสมอ และทุกๆ ครั้งที่ถอด Apple Watch ออกจากข้อมือก็จะต้องใส่รหัส PIN อีกครั้ง

บริการ Apple Pay ที่ผูกบัตรเครดิตเข้ากับโทรศัพท์มือถือของแอปเปิลน่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าในสหรัฐฯ มาก โดยเฉพาะปัญหาสำคัญคือผู้ใช้บัตรเครดิตจำนวนมากในสหรัฐฯ ยังคงใช้บัตรแม่เหล็กที่มีปัญหาความปลอดภัย คำถามคือเมื่อลูกค้ามาจ่ายบัตรเครดิตผ่าน Apple Pay แล้วค่าธรรมเนียมจะอยู่กับใคร สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่างานนี้ธนาคารต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แอปเปิลเพื่อให้บัตรจากธนาคารสามารถใช้งานใน Apple Pay ได้

แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อนี้ยังระบุว่าแอปเปิลคิดส่วนแบ่งทุกครั้งที่ใช้งาน และแต่ละธนาคารเจรจาส่วนแบ่งนี้ไม่เท่ากัน งานนี้จะทำให้ค่าธรรมเนียมที่ธนาคารควรได้เต็มๆ ลดลงไป แต่ธนาคารหวังว่าลูกค้าจะใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อสามารถจ่ายผ่าน iPhone ได้สะดวกขึ้น

พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 6 และ 6 Plus วันนี้ Apple เปิดตัวระบบจ่ายเงินที่เรียกว่า Apple Pay อย่างเป็นทางการ

อธิบายอย่างง่ายที่สุด มันคือระบบจ่ายเงินแบบที่เคยใช้มาใน iTunes แต่ขยายขึ้นมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยรวมเอาเทคโนโลยีชิปเพิ่มความปลอดภัยด้านใน ร่วมกับเทคโนโลยี Touch ID และ NFC ที่ติดมากับเครื่อง โดยระยะแรกสามารถใช้ได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ก็มีพันธมิตรร่วมโครงการนี้แล้วหลายราย ทั้ง Subway, McDonalds, American Express, MasterCard, VISA เป็นต้น

หลังจากที่ทางกลุ่มมาตรฐานจ่ายเงิน Isis ประกาศเตรียมเปลี่ยนชื่อเพื่อลดปัญหาชื่อทับซ้อนกลุ่มติดอาวุธ ISIS ล่าสุดกลุ่มมาตรฐานการจ่ายเงิน Isis ประกาศเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น Softcard แทนเพื่อลดปัญหาชื่อทับซ้อนกัน

ทั้งนี้ทาง Michael Abbott ซีอีโอของ Softcard กล่าวว่า พวกเขาไม่ต้องการแบ่งปันชื่อของกลุ่มให้กับกลุ่มติดอาวุธนี้ จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ โดยผู้ใช้งาน Isis Wallet ยังคงสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง และในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดจากนี้ จะออกอัพเดตแอพ Softcard เพื่อเปลี่ยนชื่อ

ดูเหมือนว่าฟีเจอร์จ่ายเงินผ่าน iPhone จะมาแน่ๆ ในงานเปิดตัวที่จะถึงนี้ ให้หลังจากข่าวลือว่าแอปเปิลกำลังเจรจากับ American Express เพียงไม่นาน ก็มีแหล่งข่าวอีกแห่งมาบอกว่าแอปเปิลได้บรรลุสัญญาความร่วมมือกับสองยักษ์ใหญ่ทางการเงินอย่าง Visa และ MasterCard เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากจะระบุถึงพาร์ทเนอร์รายใหม่แล้ว แหล่งข่าวยังพูดถึงฟีเจอร์จ่ายเงินผ่าน iPhone ว่าจะทำได้อย่างสะดวกด้วยการใช้งาน Touch ID ร่วมกับชิป NFC ซึ่งแอปเปิลอาจทำให้ตลาดจ่ายเงินผ่านมือถือบูมขึ้นมาก็เป็นได้

ปีที่แล้ว PayPal ซื้อกิจการ Braintree บริษัทด้านประมวลผลข้อมูลบัตรเครดิต วันนี้ PayPal เริ่มผนวกผลิตภัณฑ์ของ Braintree เข้ามาใต้ร่มของตัวเองในชื่อ One Touch

One Touch เป็นแพลตฟอร์มช่วยจัดการการจ่ายเงิน (รองรับบัตรเครดิตยอดนิยม หักเงินผ่านบัญชี และ PayPal) ที่จะฝังตัวอยู่ในแอพต่างๆ ช่วยให้กระบวนการจ่ายเงินบนมือถือง่ายขึ้น ผู้ใช้งานแอพแค่กด Buy สั่งซื้อสินค้า และไม่ต้องกรอกเลขบัตรเครดิตซ้ำ เพราะ One Touch จัดการให้ทั้งหมด

รายงานจาก 9to5mac อ้างว่ามีเอกสารของ Staples ร้านค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐฯ กำลังวางขายเครื่อง "Amazon Card Reader" ที่ราคา 9.99 ดอลลาร์

ตัวรายการนี้อยู่ติดกับรายการเครื่องอ่านบัตรเครดิตของ PayPal และ Staples เอง ทำให้แม้จะไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมแต่ก็เดาได้ว่าสินค้าใหม่นี้เป็นเครื่องอ่านบัตรเครดิตบนโทรศัพท์มือถือของอเมซอน

อเมซอนเพิ่งเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Amazon Wallet โดยไม่มีฟังก์ชั่นการจ่ายเงินมาสัปดาห์ที่แล้ว หากฟังก์ชั่นรับจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตจะเปิดตัวพร้อมกับการวางขายเครื่องอ่านบัตรเครดิตก็จะลงตัวพอดี

รายงานระบุว่าแอปเปิลกำลังเจรจากับ Visa เพื่อให้แอปเปิลสามารถทำธุรกิจการชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิตได้โดยตรงกับผู้ค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobile Wallet โดยไม่ต้องผ่านผู้ให้บริการบุคคลที่สามรายอื่น (อย่าง PayPal) เพื่อให้ทั้งผู้ค้าและลูกค้าไม่ต้องเสียค่าใช้บริการเพิ่ม

อเมซอนเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Amazon Wallet ที่ไม่ได้มีฟังก์ชั่นจ่ายเงิน แต่กลับเป็นแอพพลิเคชั่นเก็บบัตรส่งเสริมการขาย บัตรเงินสดของขวัญ และบัตรสมาชิก เพื่อลดปริมาณบัตรในกระเป๋าสตางค์แบบเดียวกับที่ในไทยมีการใช้งานมาแล้วสักพักหนึ่ง

ฟีเจอร์ที่ขาดไปคือการจ่ายเงินระหว่างผู้ใช้ แม้ว่าหน้าเว็บ Wallet จะเปิดให้จัดการบัตรทั้งหมดรวมกับบัตรเครดิตที่ผูกกับบัญชีอเมซอนเอาไว้ในหน้าเดียวกัน

ก่อนหน้านี้อเมซอนเริ่มเปิดบริการจ่ายเงินค่าสินค้าบนเว็บผ่านอเมซอน ที่บ้านเราจะเห็นกันบ่อยๆ สักหน่อยคงเป็นหน้าเว็บ Humble Bundle ที่จ่ายได้ทั้งบัตรเครดิต, Paypal, และอเมซอน

ร้านกาแฟ Starbucks เตรียมทดลองให้ลูกค้าสามารถ "สั่งกาแฟล่วงหน้าได้จากแอพมือถือ" โดยยังไม่ต้องไปยืนสั่งที่เคาเตอร์ในร้าน

Adam Brotman ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล (Chief Digital Officer) ของ Starbucks ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันลูกค้า 14% ในสหรัฐอเมริกาจ่ายเงินผ่านแอพ และบริษัทจะทดลองให้ลูกค้าสามารถ "สั่งกาแฟล่วงหน้า" ผ่านแอพภายในปีนี้ โดยจะยังทดลองเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น (ยังไม่บอกว่าที่ไหน)

ปัจจุบันในสหรัฐมีบริการออนไลน์หลายตัวที่เปิดให้ลูกค้าสั่งอาหารและเครื่องดื่มได้จากแอพ (ที่ดังหน่อยคือ GrubHub) แต่ยังไม่มีร้านอาหารหรือร้านกาแฟรายใหญ่ระดับ Starbucks ร่วมให้บริการในลักษณะเดียวกันนี้

แอปเปิลเปิดบริการใหม่สำหรับลูกค้า Apple Store สาขาในประเทศญี่ปุ่นให้สามารถเติมเงินเข้าไปในบัญชี Apple ID เพื่อใช้จ่ายกับ App Store, iTunes Store และ iBookstore ได้ทันทีในชื่อ iTunes Pass (คนละอันกับ iTunes Pass ที่เอาไว้ฟังเพลงจากศิลปินแบบเหมาๆ ในราคาถูกกว่า)

iTunes Pass ที่ให้บริการกับ Apple Store ญี่ปุ่นนี้ เกิดมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเติมเงินได้สะดวกขึ้น โดยพนักงาน Apple Store สามารถสแกนบัตรเพื่อเติมเงินเข้าไปในบัญชีของ Apple ID ลูกค้าได้ทันที โดยบริการนี้ใช้ฟีเจอร์จากใน Passbook ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ iOS 6 นั่นเอง

ISIS พันธมิตรเพื่อพัฒนาระบบจ่ายเงินบนโทรศัพท์มือถือ เกิดจากการลงขันโดยโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐมาตั้งแต่ปี 2011 ถึงแม้ปัจจุบันผลงานจะยังไม่ออกมาชัดเจน แต่ ISIS ก็ "งานเข้า" เสียแล

ถึงแม้ Apple จะนำระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID มาใช้กับ iPhone 5s เป็นครั้งแรก แต่ iOS 7 ก็ยังอนุญาตให้ทำแค่สแกนเพื่อปลดล็อคและใช้กับ App Store หรือ iTunes Store เท่านั้น ไม่ยอมให้แอพอื่นใช้ แต่ในงาน WWDC 2014 นั้น Apple ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเปิด Touch ID API ให้ใช้ใน iOS 8

เจ้าแห่งการจ่ายเงินมือถืออย่าง PayPal ก็ไม่อยู่นิ่ง เตรียมใช้ Touch ID กับแอพจ่ายเงินของตัวเองทันที โดยแหล่งข่าวของ PayPal กล่าวกับ Business Insider ว่า ในงาน WWDC 2014 ทีมนักพัฒนาของ PayPal ได้เข้าฟังการบรรยายส่วน Touch ID เพื่อเตรียมพร้อมการทำแอพให้รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ

บริษัทเครื่องจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์ Square ยังเดินหน้าต่อยอดแพลตฟอร์มของตัวเอง (ที่เริ่มเจาะตลาดร้านค้า-ร้านอาหารในเมืองใหญ่ๆ ของสหรัฐได้แล้ว) ต่อไป โดยออกแอพใหม่ชื่อ Square Order (ทั้งบน iOS/Android) ให้ร้านค้าที่ใช้ระบบจ่ายเงินของ Square สามารถรับออเดอร์ล่วงหน้าได้ผ่านอินเทอร์เน็ต

ลูกค้าที่โหลดแอพ Square Order ไปสามารถสั่งซื้อสินค้าหรือสั่งอาหาร และจ่ายเงินผ่านแอพได้เลย จากนั้นก็รอทางร้านแจ้งผ่านแอพว่าสามารถไปรับสินค้าได้เมื่อไร ตอนนี้ Square Order ยังใช้งานได้เฉพาะในซานฟรานซิสโกและนครนิวยอร์กแค่สองเมืองเท่านั้น

เว็บไซต์ Re/code อ้างว่าได้รับรายงานจากแหล่งข่าว 2 ราย ถึงเรื่องที่ Apple กำลังง่วนอยู่กับการสัมภาษณ์ผู้สมัครเพื่อรับเข้ามาทำงานดูแลระบบจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์พกพา โดยผู้ที่ผ่านการเลือกเฟ้นจะมารับหน้าที่ของหน่วยธุรกิจใหม่นี้ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ

แหล่งข่าวได้ระบุถึงแนวทางการทำธุรกิจในส่วนนี้ของ Apple ว่าต้องการใช้โอกาสจากการที่พวกเขามีบัญชีผู้ใช้จำนวนมหาศาลกว่า 600 ล้านบัญชีที่มาพร้อมเลขบัตรเครดิตจำนวนมากที่พวกเขาใช้จับจ่ายซื้อสิ่งต่างๆ จาก iTunes ให้เป็นประโยชน์

เว็บไซต์ WPCentral รายงานว่า Windows Phone 8.1 รองรับฟีเจอร์ของแอปเปิลด้วย ก็คือ iOS Passbook โดยสามารถนำเข้าอิมพอร์ตคูปอง ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วโรงหนังและอื่นๆ ไปยัง WP Wallet โดย WP จะเรนเดอร์ไฟล์ Passbook แล้วเอาเข้า WP Wallet ได้ทันที

แม้ WP Wallet จะใส่คูปองหรือบัตรได้หลากหลายที่สามารถทำได้เฉพาะใน Passbook ซึ่งก็ยังไม่มีข่าวใดๆ จากไมโครซอฟท์ว่าเบื้องหลังไปทำสัญญาอะไรกับแอปเปิลมาหรือเปล่า ทราบเพียงว่าสามารถอิมพอร์ตคูปองหรือบัตรต่างๆไปยัง WP Wallet ได้เลย งานนี้คงต้องรอทางไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะมีอะไรอย่างไรต่อไป

Financial Times รายงานว่าเฟซบุ๊กได้ซุ่มทำระบบธุรกรรมออนไลน์ของตนเองได้สักพักแล้ว และใกล้ที่จะได้รับการอนุมัติการให้บริการนี้ในสหราชอาณาจักร

การให้บริการนี้จะทำให้เฟซบุ๊กมีรายได้มากขึ้นจากการหักค่าคอมมิชชันจากการใช้จ่ายของผู้ใช้ นอกเหนือจากค่าโฆษณาที่เป็นรายได้หลัก ยิ่งไปกว่านั้นทาง Wall Street Journal คาดว่าจะทำให้เฟซบุ๊กสามารถเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในแง่ของรสนิยมและนิสัยในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ใช้ เพื่อที่ว่าเนื้อหาโฆษณาบนหน้าฟีดจะตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น

ที่มา - Wall Street Journal

ตัวอ่านลายนิ้วมือของ Galaxy S5 สามารถทำงานได้ 3 อย่างคือ ปลดล็อคหน้าจอ, ล็อกอิน Samsung Account และจ่ายเงินผ่าน PayPal ที่จับมือเป็นพันธมิตรกัน (รีวิว)

หลังจาก Galaxy S5 เริ่มวางขาย ทางฝั่ง PayPal ก็อัพเดตแอพเวอร์ชันแอนดรอยด์ของตัวเองให้รองรับการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนนิ้วทันที (แถมยังมีโปรโมชั่นเป็นส่วนลดต่างๆ มูลค่า 50 ดอลลาร์สำหรับผู้ใช้ S5 ด้วย)

บริการเงินดิจิตอลบ้านเรายังคงมีการแข่งขันกันอยู่เรื่อยๆ ปีที่แล้วบริการ UP2ME ของ SCB เปิดบริการมาด้วยการให้บริการโอนเงินระหว่างบุคคลผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งมีข้อจำกัดว่าไม่สามารถให้บริการลูกค้าที่เป็นนิติบุคคลเช่นห้างร้านที่เป็นบริษัทได้ ทำให้การใช้งานจำกัดกับธุรกิจขนาดเล็กที่โอนเงินเข้าตัวเจ้าของร้านโดยตรงเท่านั้น ตอนนี้ UP2ME ก็เปิดให้บริการกับบริษัทแล้ว โดยเริ่มบริการแรกกับห้างเซ็นทรัลทุกสาขา (ยกเว้นสาขาที่เป็นโรบินสัน)

ทิศทางของการหารายได้บนแอพมือถือในปัจจุบัน เปลี่ยนจากการขายแอพโดยตรง มาเป็นการเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี แต่ขายฟีเจอร์หรือเนื้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง (ซึ่งชื่อเราคุ้นกันคือ in-app purchase หรือ IAP)

อย่างไรก็ตาม การแสดงราคาว่า "ฟรี" แต่มีวิธีคิดเงินแบบ IAP แถมตัดบัตรเครดิตอัตโนมัติ กลับสร้างปัญหาให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะพ่อแม่ที่โหลดเกมฟรีมาให้ลูกๆ เล่น แต่ไม่รู้ตัวเมื่อลูกกดซื้อไอเทมภายในเกม ตัวอย่างกรณีปัญหาที่เคยเกิดขึ้นคือลูกสาวอายุ 8 ขวบ กดซื้อของภายในเกมจนทำให้พ่อของเธอถูกคิดเงินไปถึง 4,000 ปอนด์ (220,000 บาท) ถึงแม้แอปเปิลจะคืนเงินให้ในภายหลังแต่กระบวนการระหว่างนั้นก็สร้างปัญหาให้กับทุกฝ่าย

Square บริษัททำระบบจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ของ Jack Dorsey หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Twitter) เผยข้อมูลว่าสัดส่วนของอุปกรณ์พกพาสาย Android ที่ใช้เป็นเครื่องรับรูดบัตรเครดิตเข้าระบบจ่ายเงินของ Square เริ่มเยอะจนใกล้เคียงกับ iOS แล้ว

ข้อมูลเมื่อ 3 ปีที่แล้วระบุว่า iOS มีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์ของ Square สูงถึง 62% แต่จากกราฟจะเห็นว่า Android เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในรอบปีให้หลัง และตอนนี้สัดส่วนของอุปกรณ์ทั้งสองค่ายเริ่มใกล้เคียงกันแล้ว ส่วนเหตุผลก็คงเป็นเพราะมือถือ Android แพร่หลายมากขึ้น และร้านค้าหลายแห่งก็ซื้อมือถือมาเพื่อทำเป็นระบบจ่ายเงินเพียงอย่างเดียว ซึ่งการซื้อ Android ถูกกว่ามาก

ข่าวเก่าไปสักนิดแต่ยังน่าสนใจครับ T-Mobile โอเปอเรเตอร์เบอร์ 4 ของสหรัฐกำลังปรับตัวสุดชีวิตผ่านการนำเสนอบริการใหม่ๆ มากมาย (ข่าวเก่า) บริการล่าสุดที่เปิดตัวคือ Mobile Money ที่แปรรูปกิจการโทรคมนาคมให้เป็นกิจการการเงินขนาดย่อมๆ

แม้ในปัจจุบันนี้ผู้ใช้ iPhone หรือ iPad จะสามารถซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ได้ไม่ยาก และมีช่องทางการจ่ายเงินที่หลากหลายด้วยสารพัดแอพและบริการต่างๆ แต่ Apple นั้นไม่ต้องการพึ่งพาช่องทางธุรกรรมโดยบริษัทภายนอกให้มากนัก และในตอนนี้ก็มีกระแสข่าวว่า Apple กำลังซุ่มทำระบบการจ่ายเงินสำหรับอุปกรณ์พกพาเป็นของตัวเอง

Wall Street Journal อ้างว่า Apple กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นพัฒนาระบบการจ่ายเงินสำหรับอุปกรณ์พกพา เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยอุปกรณ์อย่าง iPhone และ iPad ซึ่งจะไม่จำกัดเพียงผลิตภัณฑ์และบริการของ Apple เองเท่านั้น

[Coin](https://onlycoin.com) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ลักษณะเป็นบัตรขนาดเท่าบัตรเครดิตทั่วไป ซึ่งใช้แทนบัตรเครดิต, บัตรเดบิต, รวมถึงบัตรอื่นๆ ที่ใช้แถบแม่เหล็กในการทำงานอย่างเช่นบัตรของขวัญสะสมแต้มต่างๆ รวมเข้าด้วยกันเป็นบัตรเพียงใบเดียว เพื่อทำให้คนที่มีบัตรจำนวนมากๆ นั้นไม่ต้องพกบัตรหลายใบจนเต็มกระเป๋า

วิธีการใช้งานไม่ยาก เพียงแค่เพิ่มบัตรที่ต้องการเก็บไว้ใน Coin ด้วยแอพพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมที่มีหน้าที่อ่านแถบแม่เหล็กบนบัตร ทำการอ่านข้อมูลของบัตรที่ต้องการเก็บไว้ แล้วส่งข้อมูลลงไปยังตัวบัตร หลังจากนั้นสามารถนำบัตรไปใช้แทนบัตรที่เพิ่มเข้าไปได้ตามปกติ