บริษัท Square ของ Jack Dorsey (หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Twitter) ถือเป็นบริษัทไอทีดาวรุ่งแห่งหนึ่งในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดย Square ไปไกลถึงขนาดร้านกาแฟ Starbucks นำระบบจ่ายเงินของ Square มาใช้งาน แถม Howard Schultz ซีอีโอ Starbucks ยังมานั่งเป็นบอร์ดของ Square อีกด้วย

แต่สายสัมพันธ์ของทั้งสองบริษัทเริ่มย่ำแย่ลงในช่วงหลัง โดย Schultz ลาออกจากบอร์ดไปเมื่อปีที่แล้ว และล่าสุด Starbucks ประกาศไม่รองรับระบบจ่ายเงินแบบใหม่ Square Order ที่มาแทน Square Wallet ระบบเดิม (Starbucks รองรับระบบนี้)

งาน Tech Trend Thailand 2014 วันนี้นอกจากการพูดคุยถึงแนวทางตลาดที่ผ่านมาและที่กำลังจะเป็นไปในอนาคตแล้ว ยังมีข่าวออกมาว่าบริการรับจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์มือถือทั้งสามค่ายใหญ่ (ไม่ระบุชื่อบนเวที แต่น่าจะหมายถึง AIS mPay, dtac PaysBuy, และ Truemoney) กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาให้ระบบรับจ่ายเงินสามารถโอนเงินข้ามบริการกันได้ โดยคุณสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท จาก mPay ได้พูดประเด็นนี้ขณะกำลังพูดคุยกัน โดยบนเวทียังมี คุณสมหวัง เหลืองไพบูลย์ศรี จาก PaysBuy ร่วมเวที

ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดว่าบริการนี้จะเปิดตัวเมื่อไหร่ โดยทั้งสามค่ายกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

หลังจากที่แอปเปิลประกาศเปิดตัว Apple Pay และได้เปิดให้ใช้งานจนตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในบริการของแอปเปิลที่ได้รับความนิยมอย่างสูงนั้น ล่าสุดผู้ตามที่ดีอย่างซัมซุง ก็ได้เผยว่าตอนนี้ได้เตรียมที่จะพัฒนาบริการในรูปแบบเดียวกันขึ้นมาแล้ว แต่ในเมื่อเป็นผู้ตาม ก็ต้องขอใช้ทางลัดกันเล็กน้อย ด้วยการเข้าไปเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับ LoopPay ที่เป็นเจ้าตลาดนี้โดยตรงแทน

โดยรายละเอียดของการพูดคุย ก็คือซัมซุงต้องการให้ LoopPay เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Samsung Wallets นั่นเอง ซึ่งก่อนที่ซัมซุงจะเข้าไปพูดคุย ซัมซุงเองก็ได้จัดทำตัวโปรโตไทป์สำหรับใช้ในการพูดคุยในครั้งนี้ด้วย แต่อย่างไรเสียกลับมีการรายงานเพิ่มเติมว่าการพูดคุยนี้อาจไม่ราบรื่น เพราะฝ่าย LoopPay ก็มีทีท่าว่าจะไม่เล่นด้วยกับซัมซุงในครั้งนี้เช่นกัน

จากที่เคยมีข่าว Starbucks เตรียมทดลอง "สั่งกาแฟ" ผ่านแอพ ล่าสุด Starbucks เปิดบริการนี้แล้ว โดยเริ่มที่เมือง Portland ในรัฐ Oregon ของสหรัฐ บริษัทเรียกชื่อบริการนี้ว่า Mobile Order & Pay

กระบวนการใช้งานคือเปิดแอพ สั่งกาแฟ จ่ายเงิน แล้วเดินไปรับที่ Starbucks สาขาที่ใกล้ที่สุดได้เลย ปัจจุบันฟีเจอร์นี้ยังใช้ได้เฉพาะแอพ Starbucks บน iPhone แต่ก็มีแผนจะขยายเป็น Android ในภายหลัง

แผนการของ Starbucks คือจะค่อยๆ ขยายบริการนี้ไปทีละเมืองในปี 2015 โดยเมืองที่เปิดให้บริการจะมีแถบ Order โผล่เข้ามาในแอพด้วย

ที่มา - Wired

หลังจากเปิดตัวอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่รองรับการ์ดชิป EMV ไปเมื่อไม่นานมานี้ ทาง Square ได้เตรียมที่จะรองรับการจ่ายเงินด้วย Apple Pay เพิ่มอีกหนึ่งช่องทางในปีหน้า แต่เนื่องจาก Apple Pay ใช้ NFC ในการทำงานและเนื่องจาก NFC ในโทรศัพท์และแท็บเล็ตของแอปเปิลใช้งานได้เฉพาะการจ่ายเงินด้วย Apple Pay เท่านั้น จึงทำให้ไม่สามารถใช้อุปกรณ์เดิมมารองรับได้และต้องปรับปรุงอุปกรณ์ใหม่เพื่อใช้งานร่วมกัน

ที่มา - SlashGear

Square แพลตฟอร์มจ่ายเงินที่โดดเด่นเรื่องการรับจ่ายเงินทางโทรศัพท์ด้วยอุปกรณ์เสริมที่รองรับการรูดบัตรเครดิต หลังจากที่ตัวอุปกรณ์รองรับเฉพาะบัตรเครดิตแบบแถบแม่เหล็กเท่านั้นมายาวนาน ตอนนี้ทาง Square ได้ประกาศอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่จะรองรับบัตรเครดิตที่มีชิป EMV แล้วครับ

หลังจากที่โลกกำลังให้ความสนใจกับการจ่ายเงินด้วยโทรศัพท์อย่าง Apple Pay, CurrentC และ Softcard ฝั่ง Snapchat ได้เผยความสามารถใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเงินในชื่อ Snapcash

แม้จะเป็นบริการทางด้านการเงิน แต่ Snapcash ไม่ได้มีไว้เพื่อจ่ายเงินให้ผู้ให้บริการ สิ่งที่ Snapcash เสนอนั้นเป็นบริการส่งและรับเงินกับเพื่อน โดยที่ทาง Snapchat ได้จับมือกับ Square สำหรับบริการนี้ทาง Square จะเป็นผู้รับผิดชอบการจัดเก็บข้อมูลบัญชีธนาคารและบัตรเดบิตของลูกค้าทั้งหมด โดยเมื่อผู้ใช้ลงทะเบียน Snapcash นั้น จะเป็นการสร้างบัญชี Square Cash (บริการส่งเงินผ่านแอพและอีเมลรูปแบบคล้ายกันของ Square) และยอมรับข้อตกลงการใช้งานของทาง Square ด้วย

หลังจากที่ Softcard เริ่มขยายพื้นที่ให้บริการฝั่งร้านค้าไปพลางๆ ระหว่างศึก Apple กับ CurrentC ตอนนี้ทาง Softcard ก็เริ่มเพิ่มจำนวนผู้ใช้ด้วยการรองรับ Windows Phone แล้ว

เว็บไซต์ Ars Technica อ้างแหล่งข่าววงในใกล้ชิดกับกูเกิลว่าในรอบสองสามเดือนที่ผ่านมา Google Wallet มีจำนวนผู้ใช้งานเยอะขึ้นเป็นเท่าตัว และจำนวนธุรกรรมต่อสัปดาห์ก็เพิ่มขึ้น 50%

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าอัตราการเติบโตของ Google Wallet มีความเกี่ยวโยงโดยตรงกับการเปิดตัว Apple Pay หรือไม่ (เช่น Apple Pay ทำให้คนหันมาสนใจการจ่ายเงินผ่านมือถือมากขึ้น และมีผลดีกับ Google Wallet ตามไปด้วย) และกูเกิลก็ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ ในเรื่องนี้

ที่มา - Ars Technica

หลังจากที่มีข่าวในด้านลบมาโดยตลอด ล่าสุดซีอีโอของเครือข่าย MCX นาย Dekkers Davidson ได้ออกมาอธิบายถึงข้อตกลงพิเศษที่ร้านค้าสมาชิกของ MCX มีไว้กับ CurrentC ที่งาน Re/code โดยเขาบอกว่าข้อตกลง Exclusive ระหว่าง CurrentC กับร้านค้าสมาชิกมีอายุ “หลายเดือน” ไม่ใช่ “หลายปี”

นาย Davidson กล่าวว่าถ้าไม่มีข้อตกลง Exclusive ดังกล่าวแล้ว จะแทบไม่มีพื้นที่ให้ CurrentC ได้หายใจเลย ส่วนร้านค้าสมาชิกของ MCX ทุกรายในตอนนี้หากรับการชำระเงินจากบริการคู่แข่งอย่าง Apple Pay หรือ Google Wallet จะโดนปรับ

ปี 2014 โลกไอทีกำลังเริ่มตื่นเต้นกับการจ่ายเงินผ่านอุปกรณ์พกพา แต่คนที่นำหน้าเรื่องนี้ไปกว่าใครอาจเป็นบริษัทกาแฟ Starbucks ต่างหาก

Howard Schultz ซีอีโอของ Starbucks เผยข้อมูลว่าปีที่แล้ว (2013) บริษัทครองตลาดการจ่ายเงินผ่านอุปกรณ์พกพาในสหรัฐถึง 90% (คิดตามจำนวนธุรกรรม) ของตลาดรวมมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ เขาบอกว่าปัจจุบันยังไม่มีร้านค้าปลีกใดในโลกที่มีอัตราการจ่ายเงินผ่านอุปกรณ์พกพาเยอะขนาดนี้ และตลาดนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

Schultz บอกว่า Starbucks ค้นพบเคล็ดลับของการจ่ายเงินผ่านอุปกรณ์พกพาว่าต้องผูกกับระบบสะสมแต้ม และตอนนี้กำลังเจรจากับบริษัทด้านการจ่ายเงินหลายรายที่ต้องการเชื่อมระบบตัวเองเข้ากับระบบสะสมแต้มของ Starbucks

ข่าวใหญ่วงการ mobile payment สัปดาห์ที่ผ่านมาย่อมหนีไม่พ้น Apple Pay vs CurrentC อย่างไรก็ตาม โลกเรายังมีแพลตฟอร์ม mobile payment อีกหลายตัวให้สนใจ

ข่าวนี้เป็นของ Softcard หรือ ISIS เดิม ซึ่งเป็นความร่วมมือของโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ในสหรัฐ 3 รายคือ AT&T, Verizon, T-Mobile ที่ต้องการสร้างมาตรฐานการจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์พกพา ปัจจุบัน Softcard ใช้ได้เฉพาะบน Android แต่ก็กำลังร่วมมือกับแอปเปิลเพื่อให้ Softcard เข้าถึง NFC บน iPhone ได้ และน่าจะสามารถใช้งานได้ในปีหน้า

จากกระแสที่ร้านค้ารายใหญ่ต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ปิดช่องทางการชำระเงินผ่านทาง NFC เพื่อเปิดทางให้ CurrentC ของ MCX ซึ่งเป็นบริการการชำระเงินซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Apple Pay และบริการการชำระเงินอื่น ๆ จนส่งผลไปให้ผู้ใช้รวมกลุ่มกันเพื่อคว่ำบาตรร้านค้าเหล่านั้น รวมไปถึงมีการตอบโต้ระหว่าง Walmart (ซึ่งเกาะกลุ่มกับ MCX) กับแอปเปิล

Tim Cook เพิ่งออกมาชื่นชมบริการใหม่ของตัวเองอย่าง Apple Pay ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหนือคู่แข่งทั้งหมดแม้ว่าจะเพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน จนแม้แต่ Alibaba อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีนยังให้ความสนใจใน Apple Pay ด้วย

Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba ได้แสดงความสนใจในการเป็นคู่ค้าด้านการจ่ายเงินกับแอปเปิลด้วยการผูกระบบของตัวเองอย่าง Alipay ให้สามารถใช้งานผ่าน Apple Pay ในงานสัมมนาของ The Wall Street Journal อันเป็นเวทีเดียวกันกับที่ Tim Cook ไปร่วมงานด้วย โดยภายหลัง Cook ก็ตอบสนองความสนใจของ Ma เช่นกัน และจะมีพูดคุยส่วนตัวในภายหลัง

ทิม คุก ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal พร้อมกับเผยข้อมูลจาก Visa ว่ามีผู้เปิดใช้บริการ Apple Pay แล้วถึงหนึ่งล้านครั้ง (นับเป็นจำนวน Activations) ภายใน 72 ชั่วโมงแรกของการเปิดให้บริการ โดยตัวเลขนี้ถือว่ามากกว่าจำนวนผู้ใช้บริการชำระเงินแบบ Contactless ทุกรายรวมกันทั้งหมด

คุก ยังได้ออกมาแหย่คู่แข่งรายอื่นอีกว่าแอปเปิลเลือกที่จะไม่เก็บข้อมูลการใช้งานของลูกค้า Apple Pay เลยแม้แต่น้อย ต่างกับบริการคู่แข่งที่ทำตัวเหมือน Big Brother

ที่มา - 9to5Mac

สืบเนื่องจากบรรดาร้านค้าที่เป็นสมาชิกของ Merchant Customer eXchange (MCX) ได้ปิดการจ่ายเงินผ่าน NFC เพื่อสกัดไม่ให้ใช้งาน Apple Pay และ Google Wallet ได้ ล่าสุด Wal-Mart ร้านค้าปลีกรายใหญ่ในอเมริกาซึ่งถือเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่ม MCX ได้ออกมาชี้แจงดังนี้ครับ

Walmart บอกว่าตอนนี้มีเทคโนโลยีในการชำระเงินออกมาหลากหลายตัวในอุตสาหกรรม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือลูกค้าควรได้ใช้ระบบชำระเงินที่ร้านค้าส่วนใหญ่รองรับ นอกจากนี้ยังต้องเป็นระบบที่ปลอดภัย และให้ประโยชน์กับผู้ใช้งานสูงสุด ซึ่งร้านค้าในกลุ่ม MCX ก็ล้วนเป็นร้านค้าที่มีฐานลูกค้าในอเมริกาใหญ่ที่สุด และระบบของ MCX ก็ดีที่สุดเพราะพัฒนาขึ้นจากความต้องการและประสบการณ์ที่มีกับลูกค้ามายาวนานนั่นเอง

หลังจากที่ร้านค้าจำนวนหนึ่งที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม Merchant Customer eXchange (MCX) ได้ปิดเครื่องอ่าน NFC ภายในร้านตนเองเพื่อสกัดดาวรุ่งอย่าง Apple Pay (ข่าวเก่า) ล่าสุดกลุ่มผู้ใช้ iOS และ Android บนเว็บ Reddit ได้รวมตัวกันเพื่อเตรียมคว่ำบาตรร้านค้าดังกล่าว เนื่องจากการปิดเครื่องอ่าน NFC กระทบผู้ใช้มือถือ Android ที่ชำระสินค้าผ่าน Google Wallet ด้วย

ภายหลังจากที่ Apple เปิดบริการชำระเงินแบบใหม่ Apple Pay ไปได้ไม่นานนัก รวมถึงได้ประกาศพาร์ทเนอร์อีก 34 ราย (นับ Apple และร้านค้ารองเท้า Foot Locker อีก 4 8 ร้านแล้ว) แต่ทว่ากลับไม่มีร้านค้าปลีกหลายราย ตั้งแต่ Best Buy, Walmart, Kmart หรือแม้แต่ 7-Eleven (ในสหรัฐอเมริกานะครับ ไม่ใช่ในไทย)

สำหรับสาเหตุที่กลุ่มเหล่านี้ไม่มีอยู่ในรายชื่อ สาเหตุสำคัญที่สุดคือ ร้านค้ากลุ่มนี้ได้รวมกลุ่มเพื่อทำมาตรฐานการจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเองในนาม CurrentC ซึ่งว่ากันว่าจะเปิดบริการในครึ่งปีหน้า

แอปเปิลประกาศเปิดบริการจ่ายเงินผ่านอุปกรณ์พกพา Apple Pay ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันจันทร์หน้า (20 ตุลาคม) เป็นต้นไป โดยอุปกรณ์ที่ใช้งานได้คือ

• iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จ่ายได้ทั้งผ่านแอพ และผ่านหน้าร้าน (เพราะมี NFC)
• iPad Air 2 และ iPad mini 3 จ่ายได้เฉพาะผ่านแอพ

ฮาร์ดแวร์ที่จะใช้งาน Apple Pay ได้จะต้องอัพเดตเป็น iOS 8.1 ก่อน และควรตรวจสอบกับธนาคารก่อนว่าบัตรเครดิตของเราใช้กับ Apple Pay ได้

แอปเปิลยังบอกว่าตอนนี้มีธนาคารกว่า 500 แห่งเข้าร่วมโครงการแล้ว ส่วนร้านค้าปลีกที่เข้าร่วมโครงการก็มีมากมาย เช่น McDonald's, Subway, Nike, Disney Store, Toy"R"Us

ดูเหมือน Apple Pay ระบบจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์พกพาของแอปเปิลจะใกล้เปิดตัวในเร็ววัน หลังจากมีข้อมูลของบริการนี้อย่างละเอียดออกมาจากโปรแกรมฝึกสอนใช้งานฟีเจอร์นี้ ซึ่งเตรียมนำไปใช้กับพนักงานของ Apple Store ภายหลังเปิดตัว

Apple Pay เริ่มใช้งานได้ทั้งตอนเปิดเครื่องครั้งแรก และในเมนูตั้งค่าที่เรียกว่า Passbook & Apple Pay โดยใช้ข้อมูลเหมือนกับเวลาเอาบัตรเครดิตไปซื้อของออนไลน์คือใช้ชื่อบนบัตร วันหมดอายุ และเลขรหัสหลังบัตร โดยสามารถใช้การสแกนด้วยกล้องเพื่อเพิ่มบัตรเข้าไปได้เช่นกัน

ระบบจ่ายเงิน Apple Pay ของแอปเปิลนั้น รองรับบัตรเครดิตจากผู้ให้บริการหลายรายทั้ง VISA, MasterCard และ American Express แต่กลับไม่มี PayPal ทั้งที่ iTunes เองก็รองรับการจ่ายเงินผ่าน PayPal ซึ่งเรื่องนี้ก็มีที่มาที่ไป

รายงานข่าวระบุว่าแอปเปิลได้เจรจากับ PayPal ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นโครงการ Apple Pay ไปพร้อมๆ กับที่เจรจากับธนาคารแต่ละแห่ง โดยมองว่า PayPal ก็เป็นผู้ให้บริการระบบจ่ายเงินรายใหญ่แห่งหนึ่ง แต่แล้วการเจรจาก็ไม่ราบรื่นเมื่อ PayPal เปิดตัวระบบจ่ายเงินบน Galaxy S5 ร่วมกับซัมซุง

เพิ่งเปิดตัวบัตรเครดิตเสมือน PAYSBUY MasterCard ไปเมื่อต้นเดือน วันนี้ PAYSBUY ขยายบริการจ่ายเงินของตัวเองไปอีกระดับด้วยการเปิดตัว Mobile Credit Card แอพพลิเคชันจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านสมาร์ทโฟน

ตัวแอพ Mobile Credit Card เริ่มใช้งานด้วยการผูกบริการเข้ากับสมาร์ทโฟน และตั้งรหัสผ่าน (mPIN) เพื่อใช้สำหรับการเพิ่มบัตรเครดิตเข้าไปในแอพ และใช้ในทุกๆ การใช้จ่าย ในขั้นตอนการเพิ่มบัตรเครดิตเข้าไปในแอพทำได้อย่างปลอดภัยผ่านมาตรฐาน PCI-DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) ซึ่งใช้ในเครือข่ายบัตรเครดิตระดับโลกอย่าง VISA และ MasterCard โดยผูกได้สูงสุด 3 ใบต่อแอพ และในการจ่ายเงิน หากใส่ mPIN ผิดสามครั้ง แอพจะลบบัตรใบดังกล่าวออกจากแอพทันที

เว็บไซต์ Business Korea รายงานว่าในงาน Mobile World Congress 2015 ต้นปีหน้า ซัมซุงจะเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นที่ 3 ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับการยืนยันตัวตนและทำธุรกรรม

Business Korea ได้รายงานอ้างคำพูดของพนักงานระดับสูง (high-ranking official) ของซัมซุง ว่าขณะนี้บริษัทสัญชาติเกาหลีกำลังพัฒนานาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมืออยู่ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างซัมซุง PayPal และ Synaptics

PayPal เคยออกฮาร์ดแวร์ชื่อ PayPal Here โดยเสียบเข้ากับอุปกรณ์ iOS เพื่อแปลงมันเป็นเครื่องรูดบัตรเครดิตลักษณะเดียวกับ Square (ข่าวเก่า)

วันนี้ PayPal ออกแอพ PayPal Here เวอร์ชัน Android แล้ว ทำให้ร้านค้าสามารถใช้แท็บเล็ต Android เชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์ PayPal Here ได้แล้วเช่นกัน (เบื้องต้นยังเปิดให้ดาวน์โหลดใน 5 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง)

ถึงแม้ PayPal จะยังไม่ทำตลาด PayPal Here ในบ้านเรา แต่ข่าวนี้น่าจะช่วยให้เห็นทิศทางของการนำอุปกรณ์ไอทีมาใช้ในร้านค้าปลีกได้ดีขึ้นครับ

แอปเปิลยังไม่ยอมเผยรายละเอียดของ Apple Pay แต่เว็บไซต์ด้านเทคโนโลยีการเงิน Bank Innovation ได้นั่งคุยกับ MasterCard ซึ่งเป็นพันธมิตรรายหนึ่งของแอปเปิล และได้ข้อมูลว่า Apple Pay มีกระบวนการทำงานอย่างไร

ตามปกติแล้ว บัตรเครดิตที่มีชิป EMV ในตัวจะสร้างรหัสแบบสุ่มที่เรียก cryptogram ขึ้นมาทุกครั้งที่ทำธุรกรรม โดยรหัสนี้จะถูกสุ่มจากชิปบนบัตร แล้วส่งไปยังธนาคารผู้ออกบัตร (ร่วมกับหมายเลขบัญชีของลูกค้าผู้รูดบัตร) เพื่อประมวลผล

แต่ Apple Pay ต่างไปเล็กน้อยเพราะมีรหัสแบบสุ่มอีกตัวที่เรียกว่า token ด้วย โดยผู้ออก token คือบริษัทบัตรเครดิต (เช่น Visa, MasterCard) ไม่ใช่ธนาคารผู้ออกบัตร โดยรหัส token เป็นตัวเลข 16 ตัวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ตายตัว