กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG เปิดเผยยอดผู้ใช้งาน K PLUS ล่าสุดที่ 14 ล้านคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 13 ล้านคนที่แถลงเมื่อเดือน มิ.ย. และคาดว่าปีนี้จะทำได้ตามเป้า 15 ล้านคนได้ไม่ยาก
สถิติอื่นที่เปิดเผยคือ ขุนทอง แชทบ็อตทวงเงิน มีคนใช้งานแล้ว 5 แสนราย, ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง Make (เมฆ) ตั้งเป้าผู้ใช้ 30,000 บัญชี และ Eatable โซลูชันสำหรับร้านอาหาร ตั้งเป้าผู้ใช้ 10,000 ร้าน
บริการแชทบอทขุนทองของธนาคารกสิกรไทยประกาศเพิ่มฟีเจอร์หารบิลรายเดือน นับเป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับแอป PartyHaan (ปาร์ตี้หาร) ของทางฝั่ง SCB
ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้สมาชิกจับกลุ่มหารค่าบริการรายเดือนร่วมกัน โดยติดตามว่าใครจ่ายเงินในเดือนไหนแล้วบ้าง หากขาดจ่ายไปขุนทองจะทบยอดเดือนต่อไปอัตโนมัติ กระบวนการจ่ายเงินไม่จำเป็นต้องใช้ธนาคารกสิกรไทยแต่ใช้แอปธนาคารใดก็ได้ สามารถส่งสลิปจากแอปเพื่อให้ขุนทองยืนยันการจ่ายเงินอัตโนมัติ
ทางธนาคารกสิกรไทยระบุว่าตอนนี้มีผู้ใช้ขุนทองแล้วกว่าสองแสนราย และคาดว่าจะมีผู้ใช้รวมเกินหกแสนรายภายในสิ้นปีนี้
ในช่วงระยะเวลาเพียง 1-2 เดือนที่ผ่านมา KBTG บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่มากมายไม่ว่าจะเป็น Contactless Technology เปิดทางสู่การทำธุรกรรมการเงินโดยไม่ต้องจับอุปกรณ์ใดๆ และ Eatable แพลตฟอร์มสำหรับร้านอาหารยุค New Normal, ขุนทอง แชทบ็อทเก็บเงินผ่านไลน์ ฯลฯ
ล่าสุด KBTG เปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่อีกครั้งคือ MAKE by KBank เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้งาน Mobile Banking กันจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมาพร้อม 3 ฟีเจอร์หลักคือ Pop Pay บริการโอนเงินผ่านบลูทูธ, Chat Banking บันทึกประวัติการทำธุรกรรมในรูปแบบโซเชียลแชท และ Cloud Pocket ช่องทางจัดเก็บเงินตามความต้องการ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทดสอบการใช้งานกันภายในองค์กรร่วมหมื่นคน และจะเปิดตัวเต็มรูปแบบ ในไตรมาส 4 ปี 2020 นี้
มาดูแต่ละฟีเจอร์ว่าช่วยให้ทำธุรกรรมบนมือถือได้สะดวกกว่าเดิมได้อย่างไรบ้าง
นายเรืองโรจน์ พูนผล หรือกระทิง ประธาน KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เผยยุทธศาสตร์รวมถึงสิ่งที่จะทำในอนาคตช่วงไตรมาสสี่ปีนี้ ไปจนถึงปีถัดๆ ไป หนึ่งในนั้นคือ Regional Expansion หรือการขยายไปยังกลุ่มผู้ใช้งานในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มี development center หรือศูนย์พัฒนาที่เวียดนามแล้ว ตั้งเป้ามีพนักงาน 100 ราย
ธนาคารกสิกรไทยเปิดตัวแอปธนาคารรูปแบบใหม่ MAKE by KBank ที่เป็นแอปธนาคารทดสอบเพื่อให้ตอบรับการใช้งานของคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยจะเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานแอปธนาคาร 3 ฟีเจอร์หลักได้แก่
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา KBTG/KBank ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการตู้ “บุญเติม” เพื่อต่อยอดเทคโนโลยีวิเคราะห์ใบหน้า (Face Recognition) ของ KBTG บนตู้บุญเติม 1,500 ตู้ตามร้านสะดวกซื้อ ก่อนทยอยขยายไปสู่จุดอื่นในอนาคต
KBTG จะใช้ระบบวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อการยืนยันตัวตนแบบ e-KYC จะใช้ยืนยันตัวตน e-wallet, การทำธุรกรรมสำหรับประกันภัย และการยืนยันตัวตนรูปแบบอื่นอีกมากในอนาคต โดยลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปยังสาขาธนาคาร และใช้เพียงบัตรประชาชนกับใบหน้าในการยืนยันตัวตนที่ตู้บุญเติมใกล้บ้านได้เลย
เวลานัดทานข้าวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ๆ แล้วต้องหาคนจัดการหลังทานเสร็จ เพื่อหารเงินค่าข้าว คิดเงินรายหัว พิจารณาว่าใครจ่ายเท่าไหร่ ใครกินมากกินน้อย จนบางครั้งเครื่องคิดเลขอาจไม่พอใช้ หลายคนต้องหันไปพึ่ง Excel เพื่อแก้ปัญหานี้ไปเลย
ปัญหานี้กำลังจะหมดไปด้วยขุนทอง (KhunThong) แชทบอทจาก KBTG ใน LINE ที่ช่วยเป็นเหรัญญิกให้คนทั้งกลุ่ม ทำได้ทั้งหารค่าข้าวแบบหารเท่าและหารไม่เท่า เช็คให้ว่าใครยังไม่จ่าย แล้วคอยตามทวงให้เสร็จสรรพ
ใครที่กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ตัวแชทบอทการันตีว่าไม่อ่านแชท ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ส่วนบุคคล (PDPA) และเป็นบริการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารกสิกรไทยประกาศเพิ่มสกุลเงินที่รองรับในการโอนเงินต่างประเทศใน K PLUS เพิ่มอีก 6 สกุลเงินรวมเป็นทั้งหมด 12 สกุลเงิน ใช้งานได้ในกว่า 30 ประเทศ
นอกจากนี้ K PLUS ยังมาพร้อมกับโปรโมชันพิเศษ คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 250 บาททุกรายการ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2563 ส่วนลูกค้าใหม่ที่โอนเงินไปยังต่างประเทศผ่าน K PLUS ครั้งแรก ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ จะได้รับ e-Gift Card Starbucks มูลค่า 150 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 31 กรกฎาคม 2563 อีกด้วย
KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย จัดงานเปิดตัว 6 เทคโนโลยีที่ช่วยให้คนสามารถปรับสู่วิถีชีวิตใหม่หรือ New Normal เน้นลดการสัมผัสระหว่างมือและอุปกรณ์ หรือ Contactless Technology
ความน่าสนใจคือ ทั้ง 6 เทคโนโลยี ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำธุรกรรมการเงินเท่านั้น แต่รวมไปถึงการดำรงชีวิตทั่วไปอย่างการซื้อเครื่องดื่ม, การเข้าออกสำนักงาน, การใช้งานล็อกเกอร์เก็บของที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้มือกดหรือสัมผัสอุปกรณ์ใดๆ
KBTG ผู้พัฒนาเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่เน้นลดการสัมผัสระหว่างมือและอุปกรณ์ หรือ Contactless Technology ที่น่าสนใจคือระบบ Face Check-in เทคโนโลยีการสแกนตรวจสอบใบหน้าที่สามารถระบุตัวตน แม้สวมหน้ากากอนามัยอยู่ เน้นไปที่การใช้งานในการเข้าออกคอนโดที่พักอาศัย, เข้าตึกสำนักงาน ลดการใช้นิ้วสแกนเข้าหรือใช้คีย์การ์ด
กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทยเผยว่า ยอดผู้ใช้งาน K PLUS ทะลุ 13 ล้านรายแล้ว มียอดธุรกรรมโต 68% ปีต่อปี จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วมี 165 ล้านธุรกรรม โตขึ้นเป็น 277 ล้านธุรกรรม
ด้านยอด paymentในด้านอีคอมเมิร์ซ โตขึ้น 128% ปีต่อปี, การเปิดบัญชีด้วยตัวเองผ่านการพิสูจน์ตัวตนบนแอป K PLUS หรือ eKYC โตขึ้น 16 เท่า จากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามี 6,000 บัญชี เดือนมีนาคมมี 30,000 บัญชี และในเดือนเมษายนมี 100,000 บัญชีที่เปิดบน K PLUS
ธนาคารกสิกรไทย เผยสถิติผู้ใช้งานแอพ K PLUS ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563
เป้าหมายของธนาคารกสิกรไทยในปี 2563 คือเพิ่มผู้ใช้งาน K PLUS เป็น 15 ล้านราย (เติบโต 24% จากปี 2562) และมียอดทำธุรกรรมทุกประเภท 11,600 ล้านรายการ (เติบโต 37%)
ตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงครึ่งที่ผ่านมาแอป K PLUS ล่มไปอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานนี้ก็ล่มไปเป็นช่วงๆ สองรอบ ผู้ใช้บางส่วนไม่สามารถล็อกอินแอปได้เลย หรือผมเองทดสอบบางครั้งก็เข้าดูยอดเงินได้ แต่ไม่สามารถโอนออกได้ แต่ก็การโอนเข้ายังทำงานและแจ้งเตือนปกติ
ทางธนาคารแจ้งว่ามีผู้ทำธุรกรรมมาก และแนะนำให้เว้นช่วงก่อนทำรายการใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ดีเว็บ K-Cyber ยังใช้งานได้อยู่
ที่มา - @KBank_Live
แอป K PLUS ของธนาคารกสิกรไทยมีปัญหาสองช่วง คือช่วงเที่ยงที่ผ่านมา (11:23-11:54) และช่วงบ่ายสาม (15:13-15:43) ไม่สามารถล็อกอินเข้าแอปได้ โดยทางธนาคารระบุว่าเกิดจากผู้ใช้งานจำนวนมาก และแนะนำให้เว้นช่วงทำรายการ
อย่างไรก็ดี ทางธนาคารระบุว่าบริการ ATM ยังคงใช้งานได้ และผมเองทดลองใช้งานบริการเว็บ K-Cyber ก็พบว่าไม่มีปัญหาอะไร ทั้งการตรวจสอบยอดเงินและการโอนเงิน
note: เวอร์ชั่นแรกของบทความนี้ระบุว่าแอปมีปัญหาตั้งแต่ช่วงเที่ยง ทางธนาคารได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าเป็นการล่มคนละครั้ง
ธนาคารกสิกรไทยประกาศปิดบริการแลกเปลี่ยนเงินตรา ทั้งที่สาขาและบูตแลกเปลี่ยนเงินทุกแห่งทั่วประเทศอย่างไม่มีกำหนดรับมือโรค COVID-19 เริ่มตั้งแต่เวลาห้าโมงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เหลือเฉพาะช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
ทางกสิกรไทยประกาศเข้าแข่งขันในตลาดแลกเปลี่ยนเงินสำหรับนักท่องเที่ยวช่วงปีที่ผ่านมาโดยลดอัตราแลกเปลี่ยนให้ถูกระดับเดียวกับร้านแลกเงิน เมื่อปลายปีที่แล้วก็เปิดตัวตู้แลกเงินอัตโนมัติมาก่อนแล้ว
จากประเด็นธนาคารกสิกรไทยทำประกันชีวิต COVID-19 ให้ฟรี สังคมก็ท้วงติงถึงเงื่อนไขการขอข้อมูล ที่รวมถึงข้อมูลทัศนคติทางการเมือง เชื้อชาติ ลัทธิ ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ และยังเป็นข้อมูลที่ธนาคารสามารถนำไปใช้ในการพิจารณาเสนอผลิตภัณฑ์ บริการและข้อเสนอพิเศษต่างๆ ซึ่งสังคมมองว่าเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ล่าสุดทางธนาคารกสิกรได้ออกมาเปลี่ยนเงื่อนไข โดยปรับปรุง เงื่อนไขความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูล ข้อ 1.10 โดยตัดเอาข้อมูลการเมือง เชื้อชาติ ศาสนาออกไป ตามรูปภาพหน้าจอด้านล่าง
อัพเดตจากธนาคาร ขยายเวลาประกัน 30 วัน เป็น 90 วัน สำหรับลูกค้า K PLUS
ธนาคารกสิกรไทยมอบกรมธรรม์ประกันชีวิต COVID-19 ให้กับลูกค้า K PLUS ฟรี คุ้มครอง 30 วัน วงเงินสูงสุด 100,000 บาท และคุ้มครองชดเชยรายได้ 1,000 บาทต่อวันสูงสุด 15 วัน โดยลูกค้า K PLUS สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ผ่าน LINE KBank Live ตั้งแต่วันที่ 29 ก.พ. ถึง 15 มี.ค. 2563
วิธีการลงทะเบียนรับสิทธิ์
ธนาคารกสิกรไทยเปิดตัว Digital Loyalty Platform เป็นศูนย์กลางการสะสมคะแนนของธุรกิจต่างๆ ผ่านแอป K PLUS โดยตอนนี้มี 4 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่
โครงการนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจที่บัตรสะสมคะแนนต่างๆ จะเริ่มทำงานร่วมกันได้ อย่างไรก็ดีฟีเจอร์ที่ขาดไปคือการโอนคะแนนกลับเข้าเป็นคะแนนสะสมบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย ทำให้ผู้ใช้ยังไม่สามารถโอนคะแนนข้ามกันไปมาจากบัตรที่อาจจะไม่ได้ใช้งานมากนักไปยังบัตรที่อยากใช้สิทธิ์มากกว่า
ช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2019 ที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว "บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล" (K-eSavings) ผ่านแอป K PLUS ที่สามารถเปิดบัญชีโดยไม่ต้องเดินทางไปยังสาขาธนาคาร แต่ต้องยืนยันตัวตนที่จุด K Check ID ตามสาขาธนาคารกสิกรไทย
ล่าสุด ทางธนาคารเผยว่าจะขยายฐานลูกค้าบัญชี K-eSavings ให้ถึง 2.6 ล้านบัญชี จากปัจจุบันที่มี 180,000 บัญชี และจะเพิ่มจุดยืนยันตัวตน K Check ID ให้ครอบคลุม 1 แสนจุดทั่วประเทศ โดยจะสามารถยืนยันตัวตนผ่านจุดที่ตั้งครอบคลุมทั้งเคแบงก์ เซอร์วิส, ตู้เอทีเอ็ม, สาขาธนาคาร พร้อมเตรียมเปิดให้บริการร่วมกับพันธมิตร เช่น บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์, มินิบิ๊กซี, และที่ทำการไปรษณีย์ไทย
ช่วงนี้แวดวงธนาคารบ้านเรามีความเคลื่อนไหวน่าสนใจ โดยเฉพาะฝั่งงานด้านดิจิทัล-นวัตกรรม ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยเพิ่งประกาศตั้งบริษัทลูกอีก 2 แห่งคือ KAITAI Technology ที่ประเทศจีน และ KASIKORN X ที่เน้นสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นอกเหนือจากที่กลุ่มบริษัท KBTG ทำอยู่
Blognone มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณกระทิง” เรืองโรจน์ พูนผล ประธานของ KASIKORN Business- Technology Group หรือ KBTG ที่ประกาศตัวว่าจะไปนั่งเป็นประธานของ KAITAI Technology ในประเทศจีนด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง ถึงความจำเป็นของธนาคารกสิกรไทยในการตั้งบริษัทใหม่เพิ่มอีก
นายเรืองโรจน์ พูนผล หรือ "กระทิง" ประธานของกสิกร บิสซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ประกาศตั้งบริษัทลูก Kasikorn X หรือตัวย่อ KX
Kasikorn X มีภารกิจสร้าง Fintech Unicorn รายแรกของประเทศไทยให้ได้ โดยใช้โมเดลธุรกิจที่โตแบบก้าวกระโดด (S-Curve) เพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้กับเครือธนาคารกสิกรไทย
KX จะมีการดำเนินงานที่เป็นอิสระจากธนาคารกสิกรไทย และ KBTG โดยมีวัฒนธรรมองค์กรและรูปแบบการจ่ายผลตอบแทนพนักงานเหมือนกับสตาร์ตอัพ
นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ประกาศในงานแถลงวิสัยทัศน์ประจำปี 2020 ว่าธนาคารกสิกรไทยกำลังอยู่ระหว่างขอจัดตั้ง บริษัท ไคไต้ เทคโนโลยี จำกัด (KAITAI Technology Company Limited) ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน
เป้าหมายของ KAITAI Technology คือพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยในประเทศจีน และนำนวัตกรรมกลับมาใช้กับธนาคารกสิกรไทยในประเทศไทยด้วย
เหตุผลที่เลือกเมืองเซินเจิ้นเป็นที่ตั้ง เพราะเป็นแหล่งศูนย์รวมเทคโนโลยีของประเทศจีน ตามวิสัยทัศน์ Greater Bay Area ของรัฐบาลจีนที่ต้องการผลักดันพื้นที่ตรงนี้เป็นซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ประกาศข้อมูลการทำธุรกรรมที่สาขาของธนาคารกสิกรไทย ว่าลดลงอย่างชัดเจนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (เทียบตัวเลขปี 2017 กับ 2019)
ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน ธุรกรรมผ่านแอพ K PLUS เพิ่มจาก 2,900 ล้านครั้งในปี 2017 เพิ่มเป็น 8,500 ล้านครั้งในปี 2019 อัตราการเติบโตของธุรกรรมจากสาขาไปยังช่องทางดิจิทัลโตขึ้น 198%
ก่อนหน้านี้แอป K PLUS ของธนาคารกสิกรไทยบนแอนดรอยด์จะขอสิทธิการเข้าถึง (permission) ที่ดูไม่เป็นจำเป็นอย่างสิทธิ Phone ที่จำเป็นต้องให้สิทธิไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าใช้งานแอปได้ แม้กระทั่งให้สิทธิไปก่อนแล้วมาปิดในภายหลังก็ไม่ได้เช่นกัน
ล่าสุดผมค้นพบว่าเราสามารถปิดการเข้าถึงสิทธิของแอป K PLUS ทั้งหมดโดยที่ยังคงสามารถใช้งานตัวแอปได้ตามปกติแล้ว ขณะที่คู่แข่งอย่าง SCB สามารถทำได้มานานแล้ว
ทั้งนี้สิทธิ Phone บนแอนดรอยด์เป็นการอนุญาตให้แอปเข้าถึงความสามารถในการโทรเข้าโทรออก, เขียนและอ่านบันทึกการโทรเข้าออก (call log) ไปจนถึงเลข IMEI ของเครื่อง
ธนาคารกสิกรไทยออกมาเตือนผู้ใช้งาน KPLUS ให้อัพเดตระบบปฎิบัติการเป็นเวอร์ชันล่าสุด เป็นระบบปฏิบัติการ iOS ตั้งแต่ 10.0 ขึ้นไป และ Android ตั้งแต่ 6.0 ขึ้นไป
ซึ่งผู้ใช้ KPLUS ที่ใช้อุปกรณ์ iOS ต่ำกว่า 10.0 ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2563 เป็นต้นไป จะยังสามารถใช้งานต่อไปได้ แต่จะไม่สามารถอัปเดตเวอร์ชัน K PLUS ใหม่ได้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ใหม่ที่จะออกมาในอนาคตได้
ส่วนคนที่ใช้ K PLUS อุปกรณ์ Android ที่ต่ำกว่า 6.0 ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2563 เป็นต้นไปจะไม่สามารถใช้งาน K PLUS ได้เลย