หลายคนคงคุ้นเคยกับเว็บไซต์หรือบริการออนไลน์ที่มีการตรวจสอบตำแหน่งภูมิศาสตร์ของผู้ใช้ และอนุญาตให้ใช้งานได้จากเฉพาะประเทศเท่านั้น ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหม่ของนิวซีแลนด์ที่ใช้ชื่อว่า FYX จึงนำเสนอจุดขายเป็น "global mode" ที่จะพยายามหลบเลี่ยงการปิดกั้นดังกล่าวไป

นิวซีแลนด์นั้นเป็นประเทศที่มีประชากรน้อย ทำให้ธุรกิจออนไลน์หลายแห่งไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปทำตลาด ถึงแม้ว่าทาง FYX เองจะกล่าวเพียงกว้างๆ โดยไม่ได้เจาะจงหรือยืนยันว่าใช้ได้กับบริการใดเป็นพิเศษ แต่ก็เชื่อว่าเป้าหมายที่น่าจะดึงดูดลูกค้าคือบริการอย่าง Netflix และ Hulu ที่ยังไม่เปิดให้บริการในนิวซีแลนด์

ศาลสูงของอังกฤษมีคำตัดสินให้ ISP ทุกรายภายในประเทศปิดกั้นไม่ให้ลูกค้าของตัวเองใช้งานเว็บไซต์แชร์ไฟล์ยอดฮิต The Pirate Bay ด้วยเหตุผลเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์

คดีนี้เกิดจากสมาคมอุตสาหกรรมดนตรีของอังกฤษ (British Phonographic Industry - BPI) ขอให้ ISP บล็อคทราฟฟิกของ The Pirate Bay ซึ่งเป็นแหล่งละเมิดลิขสิทธิ์รายใหญ่ ซึ่งทางกลุ่ม ISP ปฏิเสธคำขอนี้ โดยระบุว่าต้องมีคำสั่งของศาลมาด้วย ทางสมาคม BPI จึงยื่นฟ้องศาลและศาลก็ตัดสินให้บล็อคตามคำขอ

ในพื้นที่ Fauquier County รัฐ Virginia ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเขตชนบท พื้นที่ราว ๆ 60 เปอร์เซ็นของเขตนี้ไม่มีการให้บริการอินเทอร์เน็ตมานาน เพราะว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตนั้นคิดว่ามันไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าไปเว็บไซต์ของทำเนียบขาวได้แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากทำเนียบขาวเพียง 65 ไมล์เท่านั้น

ศาลประเทศออสเตรเลียตัดสินยกฟ้องบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต iiNet ในคดีที่กลุ่มเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ฟ้องร้องโทษฐานที่อนุญาตให้ผู้ใช้แชร์ไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์ได้

คดีดังกล่าวเป็นการอุทธรณ์จากคำตัดสินเมื่อปีที่แล้ว ที่ศาลชั้นต้นตัดสินว่าผู้ให้บริการไม่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน

หลายๆ คนคงได้ลองใช้ Open DNS ของ Google ที่ 8.8.8.8 กันไปแล้ว ล่าสุด
Google ได้ประกาศผ่านบล็อกอย่างเป็นทางการ ว่าได้เริ่มเปิดตัวบริการใหม่ที่เป็นธุรกิจมากขึ้น โดยการกระโดดมาเป็นผู้ให้บริการ ISP เองแล้ว

ศาลของออสเตรเลียตัดสินว่า ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบกับการที่ผู้ใช้บริการดาวน์โหลดไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์

ในคดีนี้ iiNet ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่เป็นอันดับสามของออสเตรเลีย มีเหตุต้องขึ้นศาล เมื่อกลุ่มผู้ผลิตภาพยนตร์ 34 ราย ซึ่งรวมถึงสาขาในออสเตรเลียของ Universal Pictures, Warner Bros. และ 20th Century Fox ฟ้องว่า iiNet มีความผิด เนื่องจากไม่ยับยั้งการดาวน์โหลดภาพยนตร์ผิดกฎหมาย

กลุ่มผู้ผลิตภาพยนตร์ต้องการให้ iiNet เตือนผู้ใช้ที่กระทำความผิด และระงับการให้บริการ นอกจากนี้ยังต้องการให้บล็อคบางเว็บไซต์ด้วย แต่ผู้พิพากษาตัดสินว่า iiNet ไม่ต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมออนไลน์ของลูกค้า

ฟังดูอาจจะแปลกดีเหมือนกัน ไม่เคยทราบมาก่อนว่าสหภาพยุโรปเองสามารถที่จะทำการฟ้องร้องประเทศของตัวเองได้

ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนข่าวเกี่ยวกับการที่ ISP รายใหญ่หลาย ๆ รายตัดสินใจที่จะไม่เก็บ Log ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้เพื่อที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นขัดกับความต้องการของสหภาพยุโรป ซึ่งได้มีการผ่านกฎหมาย Data Retention Directive หรือกฎหมาย "การเข้าถึงและควบคุมข้อมูล" เมื่อปีที่แล้ว

หลังจากที่ประเทศสวีเดนได้ทำการผ่านกฎหมายว่าด้วยอำนาจศาล ศาลสามารถสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ให้ข้อมูลที่บริษัทได้เก็บไว้เกี่ยวกับลูกค้า (User Log) กับรัฐได้ เพื่อที่จะลดการละเมิดลิขสิทธิออนไลน์ภายในประเทศ หลังจากการตัดสินคดีของ The Pirate Bay และการอนุมัติผ่านกฎหมายนี้ในสวีเดน ทำให้ปริมาณการใช้แบนด์วิธในประเทศสวีเดนนั้นตกลงถึง 50%

กฎหมายนี้ส่งผลให้สอง ISP รายใหญ่ที่สุดในประเทศตัดสินใจที่จะปกป้องสิทธิของลูกค้าของตนเอง โดยการไม่เก็บ Log ลูกค้าอีกต่อไป หากศาลสั่งให้ส่งข้อมูลลูกค้า จะไม่สามารถให้ข้อมูลกับศาลได้ เพราะว่าไม่มีข้อมูลจะให้ แม้ว่าการตัดสินใจของสอง ISP นี้เห็นได้ชัดว่าขัดกับกฎหมายใหม่นี้ก็ตาม แต่ ณ เวลานี้ถือว่ามาตราการของ ISP เหล่านี้ยังไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

Time Warner Cable ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านระบบเคเบิ้ลในสหรัฐอเมริกา เริ่มทดลองคิดค่าบริการอินเทอร์เน็ตตามจำนวนไบต์ที่ลูกค้าใช้งาน (ข่าวเก่า) ด้วยเหตุผลที่ว่าบริษัทต้องลงทุนในเครือข่ายที่มีราคาแพง และเพื่อป้องกันลูกค้าที่ดาวน์โหลดหรืออัพโหลดข้อมูลมากเกินไป ซึ่งจะกระทบต่อความเร็วของลูกค้าคนอื่น

อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสังเกตว่า แบนด์วิดท์ของระบบเคเบิ้ลอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถอัพเกรดได้ง่ายและใช้เงินลงทุนไม่มาก ดังนั้นเหตุผลที่ Time Warner Cable ยกมา อาจเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อที่จะปรับโครงสร้างอัตราค่าบริการให้แพงขึ้น

นโยบายรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจหนึ่งที่มักจะถูกนำมาใช้จากรัฐบาลคือการลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นถนน ทางด่วน หรือแม้แต่โครงสร้างทางด้านไอที โดยรัฐบาลออสเตรเลียประกาศเตรียมสร้างโครงข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูง ซึ่งเร็วกว่าเดิม 100 เท่าและครอบคลุมพื้นที่กว่า 90% ของทุกบ้านในประเทศ

ออสเตรเลียจัดเป็นประเทศที่มีอินเตอร์เน็ตราคาแพงและช้าที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว การลงทุนของรัฐบาลกว่าแสนล้านบาทในครั้งนี้ หากสำเร็จจริงจะเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่รัฐบาลเคยทำมา โดยคาดว่าจะเริ่มทำการวางระบบต้นปี 2010

สืบเนื่องจากการค้นพบก่อนหน้านี้ว่า CS Loxinfo ไอเอสพีเจ้าหลักรายหนึ่งของประเทศไทย มีการบล็อคเว็บแบบแปลก ๆ ทั้งบล็อคเว็บไซต์ที่ไม่น่าจะโดนบล็อค เช่น เว็บไซต์ Mashable.com ซึ่งเป็นเว็บข่าวไอทีต่างประเทศที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่ง หรือการบล็อคเว็บแบบหว่านแห ใช้ keyword filtering จัดการบล็อคทุก url ที่มีคำที่กำหนด โดยไม่สนใจว่าเนื้อหาในลิงก์ดังกล่าวจะเป็นอะไร (ซึ่งกรณีนี้ขัดกับกฎหมายอย่างชัดเจน เพราะตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 นั้น ศาลจะมีคำสั่งให้บล็อคเว็บไซต์ได้เป็นราย url เท่านั้น)

NTT หนึ่งในผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เตรียมตัวเพิ่มลิมิตบนบริการอินเทอร์เน็ตของตัวเอง โดยจะเพิ่มลิมิตในสำหรับผู้ใช้ที่มักอัพโหลดข้อมูลเป็นประจำ โดยต่อไปนี้จะมีการจำกัดอัพโหลดที่ 30GB ต่อวันตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้

สำหรับการดาวน์โหลดนั้นยังไม่มีการจำกัดแต่อย่างใด

สำหรับการจำกัดข้อมูลดาวน์โหลดในครั้งนี้นั้น คาดว่าจะกระทบผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในญี่ปุ่นประมาณ​เจ็ดล้านคนที่มักจะแชร์ไฟล์เป็นหลัก

NTT ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านไฟเบอร์ออฟติคที่ความเร็ว 100Mbps ในราคาประมาณ​ 46 ดอลลาร์หรือประมาณ 1,600 บาทต่อเดือน

ไอเอสพีหลาย ๆ รายทั่วโลกตอนนี้ได้ใช้ข้ออ้างเรื่องลิขสิทธิในการปรับลดความเร็วการเชื่อมต่อ P2P ของผู้ใช้ลง โดยบริษัทที่ตกเป็นเป้าของกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหรัฐคือ Comcast ที่ได้ออกมาประกาศในภายหลังว่าได้ทำการจำกัดความเร็วในการเชื่อมต่อ P2P จริง

แต่ Verizon บริษัทโทรคมนาคมนั้นกลับสวนกระแสโลก โดยการทดลองวิธีการใหม่ที่จะทำให้การเชื่อมต่อ P2P นั้นเร็วกว่าเดิมโดยในขณะเดียวกันไม่ทำให้แบนด์วิธของบริษัทเต็ม โดยวิธีใหม่นี้มีชื่อว่า P4P

ผู้ใช้บริการ FiOS (Fiber to the Home หรือ FTTH ของ Verizon) ในเขตรัฐนิวยอร์ก, คอนเนคติคัตและนิวเจอร์ซีย์ในสหรัฐจะได้เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่มีความเร็ว 20 Mbps ทั้ง Upstream และ Downstream ในราคา 64.99 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 2,200 กว่าบาทได้แล้ว

โดย FiOS จะเป็นบริการแรกที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลรับและส่งเท่า ๆ กันไม่เหมือนกับผู้ให้บริการรายอื่นในสหรัฐที่มักจะให้ความเร็วดาวน์โหลดมากถึง 10Mbps แต่กลับให้อัพโหลดเพียงแค่ 256Kbps ถึง 1.5Mbps เท่านั้น

บ้านเราตอนนี้หลายๆ คงชินชากับการบล็อค BitTorrent ของบรรดา ISP ทั้งหลาย แต่กับทางเมืองนอกแล้วปัญหานี้ที่เรียกกันว่า Network Neutrality นั้นเป็นปัญหาในระดับนโยบายกันมานาน และมีคดีความกันยาวเหยียด ล่าสุดคงมีสองประเด็นใหญ่ๆ คือ