สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งออกมาประท้วงต่อต้านคำสั่งกักตัวอยู่บ้านในหลายมลรัฐ จากช่วงแรก ๆ แค่ 3-4 มลรัฐจนล่าสุดขยายไปเกือบ 20 มลรัฐแล้ว ล่าสุดเฟซบุ๊กจัดการกับโพสต์สนับสนุนการประท้วงดังกล่าวแล้ว
เฟซบุ๊กได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย, นิวเจอร์ซีและเนแบรสกาและลบโพสต์ที่สนับสนุนกิจกรรมการประท้วง โดยให้เหตุผลว่าเพราะเป็นกิจกรรมที่ละเมิดคำสั่ง social distancing ของภาครัฐ หากไม่มีคำสั่งดังกล่าว ทางเฟซบุ๊กก็คงไม่ลบ อย่างไรก็ตามหากเป็นโพสต์หรือกรุ๊ปที่เกี่ยวข้องกับการประท้วง (แต่ไม่สนับสนุนการออกไปประท้วงหรือละเมิดคำสั่ง social distancing) เฟซบุ๊กจะยังคงปล่อยเอาไว้
ที่สหรัฐฯมีการประท้วงต่อต้านการกักตัวเนื่องจากการระบาดของโรค COVID-19 โดยการประท้วงเกิดขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย, นิวเจอร์ซีย์, เนบราสกา ล่าสุด Facebook ได้ปรึกษากับหน่วยงานกำกับดูแลเมือง และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้เริ่มทำการลบโพสต์และรูปภาพ รวมถึงการประท้วงจากการสร้าง Event ใน Facebook ด้วย
Mark Zuckerberg โชว์ผลงานใหม่ของ Facebook คือ COVID-19 Symptom Map แผนที่รวบรวมสถิติชาวอเมริกันในแต่ละพื้นที่ว่า มีอาการป่วยโรค COVID-19 มากน้อยแค่ไหน โดยข้อมูลนำมาจากแบบสำรวจที่ Facebook ร่วมกับมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon สอบถามผู้ใช้งาน Facebook
Mark Zuckerberg บอกว่าการเข้าใจว่าผู้ที่มีอาการป่วยโรค COVID-19 มีจำนวนเท่าไร ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐวางแผนรับมือได้ง่าย เช่น ประเมินล่วงหน้าว่าจะจัดชุดป้องกันตัว (PPE) หรือเครื่องช่วยหายใจไปไว้ที่จุดใดบ้าง รวมถึงวางแผนว่าจะ "เปิดเมือง" กลับมาอีกครั้งดีหรือไม่
รัฐบาลออสเตรเลียสั่งให้ Competition and Consumer Commission (ACCC) หรือหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในออสเตรเลีย ร่างกฎที่จะบังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง Google, Facebook ต้องจ่ายเงินให้สำนักข่าวในกรณีที่มีการใช้เนื้อหาข่าวบนแพลตฟอร์ม แนวคิดของกฎหมายใหม่นี้ นอกจากจะแบ่งรายได้จากข่าวให้กับสำนักข่าวแล้ว ยังต้องเปิดเผยข้อมูลให้สำนักข่าวเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลลำดับของข่าวที่แสดงผล คาดว่าร่างแรกของกฎนี้จะเสร็จในเดือนกรกฎาคมนี้
The New York Times รายงานว่าได้ข้อมูลมาจากเฟซบุ๊กว่าบริษัทเตรียมจะเปิดตัวแอป Facebook Gaming ในวันจันทร์นี้ตามเวลาในสหรัฐ (คืนนี้หรือพรุ่งนี้บ้านเรา) บนแอนดรอยด์และ iOS
ตัวแอปจะออกมาลักษณะเดียวกับ YouTube Gaming ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้ ทั้งการสร้างคอนเทนท์และรับชมการสตรีมเกม รวมถึงมีเกมง่าย ๆ ขนาดเล็กให้เล่นและคอมมิวนิตี้เกมภายในตัว โดยแผนเดิมของเฟซบุ๊กคือจะออกแอปนี้ในช่วงเดือนมิถุนายน แต่โรคระบาดที่ทำให้คนอยู่บ้านกันหมดกลายเป็นตัวเร่งให้เฟซบุ๊กรีบออกแอปมาตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้
Facebook เปิดตัวปุ่ม "reaction" ตัวใหม่ชื่อว่า "Care" ทั้งบนบริการโซเชียลหลัก และ Messenger เพื่อให้คนแสดงความห่วงใยให้กันในยุควิกฤต COVID-19
ตัวบริการโซเชียล Facebook จะได้ไอคอนรูปหน้ายิ้มกอดหัวใจ ส่วน Messenger จะได้ไอคอนหัวใจตามภาพ ไอคอนทั้งสองจะเพิ่มมาเป็นไอคอนตัวที่ 7 จาก reaction เดิมทั้ง 6 แบบที่มีอยู่แล้ว
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Alexandru Voica ผู้บริหารของ Facebook เลือกประกาศข่าวนี้ทางทวิตเตอร์เป็นที่แรก (ขณะที่เขียนข่าวยังไม่เห็นประกาศเรื่องนี้บนช่องทางของ Facebook เอง)
เฟซบุ๊กเตรียมส่งการแจ้งเตือนในหน้า News Feed ผู้ใช้ทั้งหมดที่เคยคลิก, ไลค์, หรือคอมเมนต์ในข่าวปลอมที่เกี่ยวกับโรค COVID-19 นับเป็นความพยายามล่าสุดของเฟซบุ๊กที่จะลดข่าวปลอมเกี่ยวกับ COVID-19 ลง
Mark Zuckerberg โพสถึงมาตรการต่างๆ ของเฟซบุ๊กต่อ COVID-19 ว่าการแสดงลิงก์ไปยังหน่วยงานทางการของประเทศต่างๆ ที่ให้ข้อมูลโรค ทำให้คน 350 ล้านคนคลิกเข้าไปอ่านข้อมูลทางการ และกระบวนการตรวจข่าวปลอมผ่านทางหน่วยงานอิสระทำให้เฟซบุ๊กแจ้งเตือนโพสประมาณ 40 ล้านโพส โดยเมื่อโพสใดถูกเฟซบุ๊กแจ้งเตือน 95% ของผู้ที่เห็นโพสจะไม่คลิกเข้าไปอ่าน
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook ประกาศว่า Facebook จะยกเลิกการจัดอีเวนต์ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 50 คนทุกงาน มีผลไปจนถึงเดือนมิถุนายนปีหน้า 2021 โดยบางงานจะเปลี่ยนมาจัดแบบออนไลน์แทน ซึ่งงานสำคัญที่จะถูกปรับรูปแบบด้วยก็คือ F8 ในปีหน้า และ Oculus Connect
ก่อนหน้านี้ Facebook ประกาศยกเลิกงาน F8 ของปีนี้ และเปลี่ยนมาเป็นแบบออนไลน์แทน
นอกจากนี้ Mark ยังอัพเดตสถานการณ์ว่า พนักงานส่วนใหญ่ของ Facebook สามารถทำงานจากที่บ้านได้ มีเพียงบางส่วนที่ยังต้องไปสำนักงาน เช่น ผู้ตรวจสอบเนื้อหา, ทีมวิศวกรที่พัฒนาฮาร์ดแวร์
ที่มา: Engadget
ทีม NPE ของ Facebook ยังคงออกแอปทดลองตลาดมาเรื่อย ๆ โดยแอปล่าสุดมีชื่อว่า Kit ที่ย่อมาจาก Keep in touch และทำงานเฉพาะบน Apple Watch เท่านั้น
Kit เป็นแอปสนทนาที่ทำงานร่วมกับบัญชี Facebook Messenger แนวคิดคือให้ผู้ใช้งาน พูดคุยติดต่อกับเพื่อนที่สนิทมากไม่กี่คนใน Messenger ผ่าน Apple Watch โดยทำได้ทั้งกดปุ่มส่งข้อความเสียง ส่งอีโมจิ ส่งโลเคชัน คล้ายกับการใช้งาน iMessage บน Apple Watch
Kit มีให้ดาวน์โหลดผ่าน Apple Watch Store ซึ่งตอนนี้มีเฉพาะของแคนาดา
Facebook ประกาศเพิ่มคุณสมบัติเรียกชื่อว่า Quiet Mode ซึ่งเป็นหนึ่งในอัพเดตสำหรับช่วงสถานการณ์ COVID-19 โดยเป็นการลดการเตือนแบบพุชส่วนใหญ่ในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อให้ผู้ใช้ Facebook รักษาสมดุลในการใช้งาน ได้พักผ่อน ได้ใช้เวลากับครอบครัว และไม่ติดกับ Facebook มากเกินไป โดยหากเปิดแอปในช่วงเวลาทีกำหนด ตัวแอปก็จะเตือนด้วยว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ Quite Mode ทำงาน
ทั้งนี้ Facebook ไม่ได้ระบุว่าการเตือนแบบไหนที่ยังส่งมาแม้เปิด Quite Mode แต่น่าจะเป็นการเตือนเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน
นอกจากนี้ Facebook ยังระบุว่าได้เพิ่มทางลัดสำหรับจัดการการแจ้งเตือน และเนื้อหาที่แสดงใน News Feed เพื่อให้ผู้ใช้งานควบคุมประเภทของเนื้อหาที่แสดงได้ตรงความต้องการมากขึ้น
Facebook ร่วมมือกับ NHS หรือระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ มอบ Portal อุปกรณ์วิดีโอคอล 2,050 ตัว เอาไปใช้ในโรงพยาบาล, สถานดูแลผู้ป่วยต่างๆ ให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถออกไปไหนได้ สามารถติดต่อกับเพื่อนและญาติได้ผ่านอุปกรณ์วิดีโอคอล โดยเฉพาะในช่วง lockdown ที่คนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้
OmniVirt สตาร์ตอัพคนไทยในซิลิคอนวัลเลย์ (ข่าวเก่า) ขายกิจการให้ Facebook โดยไม่เปิดเผยมูลค่า และทีมงานบางส่วนของ OmniVirt จะเข้าไปเป็นพนักงานของ Facebook ต่อไป
OmniVirt เป็นบริษัทที่ทำด้านโฆษณา 3D/360/VR ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจด้าน VR ของ Facebook ที่เป็นหนึ่งในขาใหญ่ด้าน VR ของโลก จากสายผลิตภัณฑ์ด้าน Oculus
นิตยสาร Consumer Reports ออกรายงานเกี่ยวกับการโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Facebook ว่าตอนนี้ทางบริษัทได้ทดสอบซื้อโฆษณาเพื่อโปรโมตข้อมูลปลอมบนแพลตฟอร์ม Facebook
Consumer Reports รายงานว่า ทางบริษัทสามารถซื้อโฆษณาที่ฝ่าฝืนกฎของแพลตฟอร์ม Facebook ซึ่งเป็นข้อมูลปลอมเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส เช่น ปล่อยข่าวว่าให้ดื่มสารฟอกข่าวเล็กน้อยเพื่อกำจัดไวรัส, โคโรนาไวรัสเป็นเรื่องหลอกลวง อย่าเชื่อ propaganda ให้ดำเนินชีวิตตามปกติ เป็นต้น ซึ่งทาง Consumer Reports ถอดโฆษณาออกไปก่อนที่จะรันจริง และอีกไม่นาน Facebook ก็แบนบัญชี
โฆษก Facebook ระบุว่า ทางบริษัทยังคงมีระบบอัตโนมัติที่คอยจัดการโฆษณาแม้ว่าจะซื้อไปแล้วและกำลังรันอยู่ก็ตาม ซึ่งทางบริษัทได้นำโฆษณาที่ฝ่าฝืนกฎออกจากแพลตฟอร์มไปแล้วนับล้านรายการ
ทีม NPE ซึ่งเป็นหน่วยงานสำหรับพัฒนาแอปทดลองตลาดของ Facebook ได้ออกแอปทดลองล่าสุดชื่อว่า Tuned สำหรับคู่รักไว้ติดต่อพูดคุยกันเพียงสองคน
คำอธิบายของแอปนั้นบอกว่า เมื่อเป็นแอปไว้คุยกันเพียงสองคน จึงเป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งคุณสามารถเป็นตัวของตัวเองอย่างไรก็ได้ ตัวแอปสามารถแชร์ข้อความ เนื้อหาและการสนทนาในหลากหลายแบบ เช่น เชื่อมต่อ Spotify เพื่อแชร์เพลง แชร์ความรู้สึกตอนนั้น ไปจนถึงรูปภาพ การ์ด ข้อความเสียง ฯลฯ
เนื่องจากเป็นแอปโครงการทดลอง Facebook จึงอาจไม่ได้นำมาพัฒนาต่อเป็นแอปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ตอนนี้มีให้ดาวน์โหลดเฉพาะบน iOS ใน App Store อเมริกา
พร้อม ๆ กับการมียอดผู้ใช้พุ่งขึ้นมหาศาล Zoom กำลังถูกมรสุมรุมล้อมเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย หนึ่งในนั้นคือการใช้ Facebook SDK ที่ทำให้ตัว SDK แอบส่งข้อมูลผู้ใช้กลับไปให้ Facebook ซึ่งถึงแม้ Zoom จะประกาศเลิกใช้งานไปแล้ว แต่ก็ไม่แคล้วถูกฟ้องร้องจนได้
Robert Cullen ผู้ใช้งาน Zoom จาก Sacramento แคลิฟอร์เนียเสนอตัวเป็นตัวแทนกลุ่มผู้ใช้งานฟ้องร้อง Zoom ว่าแอบเก็บข้อมูลผู้ใช้และส่งให้ผู้ให้บริการภายนอก (third party) อย่าง Facebook และน่าจะ (potentially) รายอื่น ๆ ด้วย โดยฟ้อง Zoom ศาลแขวงแคลิฟอร์เนียเหนือ กล่าวหาว่า Zoom ละเมิดกฎหมายแคลิฟอร์เนียว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค
Facebook เปิดตัวแอพเดสก์ท็อปของ Messenger มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2019 และเปิดทดสอบแบบเบต้ามาสักพักใหญ่ๆ ตอนนี้เวลาผ่านมาเกือบ 1 ปีพอดี ก็ถึงเวลาเปิดให้ทุกคนใช้งานกัน
Messenger Desktop มีให้ใช้งานทั้งบน Windows และ MacOS มีฟีเจอร์ของ Messenger ครบครัน ตั้งแต่แชท, วิดีโอคอลล์, ซิงก์ข้อความข้ามอุปกรณ์, รองรับ Dark Mode, รองรับ Notification ของ OS
ผู้ที่สนใจใช้งานสามารถดาวน์โหลดได้จาก Microsoft Store และ Mac App Store
ที่มา - Facebook
Facebook เปิดตัว Community Help มาตั้งแต่ปี 2017 เป้าหมายคือให้คนขอความช่วยเหลือกันระหว่างวิกฤต เช่น ก่อการร้าย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ล่าสุด Facebook ขยายมาให้ครบคลุมโรคระบาด COVID-19 แล้ว จะเริ่มเปิดตัวในสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย
ผู้ใช้งานสามารถโพสต์ขอความช่วยเหลือ หรือให้ความช่วยเหลือต่างๆ ระหว่างต้องกักตัวได้ และข้อมูลจะเป็น localize ตามท้องถิ่น เช่น บริจาคเงิน สิ่งของให้โรงพยาบาล, องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เสนอสิ่งของ ข้าวปลาอาหารให้คนที่จำเป็นต้องออกไปทำงานในช่วงนี้ การสนับสนุน ช่วยเหลือธุรกิจท้องถิ่น เป็นต้น
ทาง Facebook ระบุด้วยว่าจะขยาย Community Help ไปยังประเทศเสี่ยงอื่นๆ เพิ่มเติม
นักวิจัยสายแกะหลังบ้านแอปคนเดิม Jane Manchun Wong เผยว่าได้ค้นพบฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook ซึ่งสถานะอยู่ในขั้นทดสอบ โดยเป็นปุ่มแสดงความรู้สึก (Reactions) แบบเดิม ที่เปลี่ยนไปคือหัวใจ กลายเป็นสัญลักษณ์รูปหัวใจ Stay Home ซึ่งผู้ใช้ Facebook และ Instagram คงคุ้นตาในช่วงที่ผ่านมา
Facebook และ Instagram เริ่มเผยแพร่สติกเกอร์ Stay Home มาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อรณรงค์การอยู่บ้าน รักษาระยะห่างระหว่างผู้คน ลดการระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ยังเพิ่มหน้าข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ ทั้งหมดใช้สัญลักษณ์รูปหัวใจลักษณะนี้เช่นกัน
Facebook ลงทุนช่วยเหลือสื่อ สำนักข่าวที่กำลังแย่เพราะโดนพิษไวรัสเล่นงานถึงกว่า 3 พันล้านบาท หรือ 100 ล้านเหรียญ โดยแบ่งเป็นลงทุน 25 ล้านเหรียญช่วยเหลือสำนักข่าวท้องถิ่นแบบฉุกเฉินผ่านโครงการ Facebook Journalism Project และอีก 75 ล้านเหรียญเป็นการลงทุนช่วยเหลือสำนักข่าวทั่วโลก
เป้าหมายของการลงทุนครั้งนี้ Facebook ว่าเป็นไปเพื่อให้สำนักข่าวได้ทำงานเสนอข่าวต่อไปโดยเฉพาะในห้วงเวลาที่คนต้องการข่าวสารมากที่สุดในเวลานี้ แต่ในขณะเดียวกันสื่อก็กำลังแย่เพราะเงินโฆษณาเข้าน้อยลง โดยเม็ดเงินจะไปยังสื่อในประเทศที่โดนไวรัสเล่นงานหนักที่สุดก่อน
หลายวันที่ผ่านมา Zoom ถูกวิจารณ์ว่าแอป iOS ส่งข้อมูลผู้ใช้บางส่วนให้กับเฟซบุ๊ก แม้ผู้ใช้จะไม่ได้ใช้บริการอะไรที่เกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊กเลยก็ตาม ล่าสุดทาง Zoom ออกมารับทราบปัญหานี้และแก้ปัญหาแล้ว
ปัญหานี้เกิดจากการใช้ Facebook SDK ในแอป โดยตัว SDK จะเก็บข้อมูลบางส่วนของผู้ใช้ ได้แก่ หมายเลขประจำแอป, เวอร์ชั่นของแอป, เครือข่ายที่โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เชื่อมต่ออยู่, หมายเลขประจำเครื่องสำหรับโฆษณา, จำนวนซีพียู, พื้นที่ดิสก์, ขนาดจอ, รุ่นเครื่อง, ภาษาที่ใช้งาน, โซนเวลา, เวอร์ชั่น iOS, และหมายเลขไอพี
การไลฟ์สดช่วงโรคระบาดเพิ่มขึ้น คนดูก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน Facebook จึงมองเห็นโอกาส ซุ่มพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่ให้คนดูไลฟ์สดบนมือถือได้ แม้ไม่มีบัญชี Facebook เลยก็ตาม
แต่เดิมถ้าคนที่ไม่มีบัญชี Facebook จะเข้าดูเนื้อหา หรือไลฟ์ต่างๆใน Facebook จะสามารถทำได้บนเดสก์ทอปเท่านั้น ซึ่งฟีเจอร์ใหม่เปิดให้ดูบนมือถือได้ด้วย เริ่มเปิดใช้งานในกลุ่มผู้ใช้แอนดรอยด์บางส่วนแล้ว และจะปล่อยให้ใช้บน iOS ในสัปดาห์ต่อไป
Facebook ยังพัฒนาฟีเจอร์ให้สามารถ "ฟัง" ไลฟ์ผ่านการใช้เน็ตมือถือแบบจำกัดได้ หรือเป็นการฟังแบบ audio เฉยๆ นั่นเอง เข้าฟังได้ทั้งคนที่ไม่มีบัญชี Facebook และมีปริมาณอินเทอร์เน็ตในมือถือน้อย
LINE ประกาศเปลี่ยนแปลงวิธีการสมัครเปิดใช้งานบัญชีใหม่ โดยจะมีผลตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนเมษายน ซึ่งผู้สมัครใช้งาน LINE ใหม่ จะไม่สามารถสมัครใช้งานโดยใช้บัญชี Facebook ได้อีก
จากการเปลี่ยนแปลงนี้ LINE แนะนำให้ผู้ใช้งานไปเพิ่มข้อมูลส่วนบุคคลในบัญชีเพิ่มเติม เนื่องจากหากมีการเปลี่ยนระบบล็อกอินบัญชี หรือมีการเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ จะได้ใช้งานต่อได้เนื่องจากไม่สามารถล็อกอินด้วย Facebook ได้อีก
LINE ยังระบุว่าสำหรับผู้ใช้ iOS จะมีทางเลือกใหม่ในการสมัครใช้งานโดยล็อกอินด้วย Apple ID ได้อีกด้วย
ที่มา: LINE
ในภาวะโรคระบาดที่คนพึ่งพาออนไลน์กันมากขึ้น พบว่ายอดการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูง การโทรคุยแบบกลุ่มสูง อาจทำให้หลายคนสงสัยว่า โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook คงจะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม Facebook ชี้แจงผ่านบล็อกบอกว่า การใช้งานส่งข้อความของแอปในเครือ Facebook สูงขึ้น รวมถึงการใช้งานบนหน้าฟีดด้วย แต่ Facebook ก็ได้รับผลกระทบรายได้เช่นกันกับอุตสาหกรรมอื่น ทางบริษัทไม่ได้สร้างรายได้จากบริการที่มี engagement มากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าในพื้นที่ที่มีโรคระบาดสูง ธุรกิจโฆษณาก็ลดลงด้วยเช่นกัน
Facebook เผยการใช้งานส่งข้อความในหลายประเทศที่เป็นพื้นที่แพร่ระบาด มีการใช้งานเพิ่มขึ้น 50% ช่วงเดือนที่ผ่านมา และในประเทศอิตาลีที่มีการแพร่ระบาดสูงสุดขณะนี้ก็พบว่าผู้ใช้งาน ใช้เวลาในแอปต่างๆ ของ Facebook มากขึ้น 70% นับตั้งแต่มีวิกฤตโรคระบาดเกิดขึ้น ยอดดูไลฟ์ใน Facebook และ Instagram เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในสัปดาห์เดียว
Facebook บอกเพิ่มเติมว่ายังพบการส่งข้อความเพิ่มขึ้น 50% และเวลาที่ใช้ไปกับการการโทรแบบกลุ่มมากกว่า 3 คนขึ้นไปเพิ่มขึ้น 1,000% ภายใน 1 เดือน
มีรายงานว่า Facebook ได้เริ่มเจรจาเพื่อขอถือหุ้น 10% ใน Reliance Jio หรือ Jio ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของอินเดีย ซึ่งมูลค่าดีลนั้นคาดว่าจะสูงระดับหลายพันล้านดอลลาร์
Jio เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่ก่อตั้งมาเพียง 3 ปีครึ่ง อยู่ในเครือของ Reliance Industries กลุ่มทุนรายใหญ่ของอินเดีย ประเมินว่ามูลค่ากิจการปัจจุบันของ Jio นั้นสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เท่ากับว่าดีลของ Facebook เพื่อถือหุ้น 10% นี้ อาจสูงถึง 6 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
แม้ก่อตั้งมาไม่นาน แต่จำนวนผู้ใช้งานของ Jio นั้นมีสูงกว่า 300 ล้านคน จากวิธีทำการตลาดด้วยการให้ส่วนดาต้าและโทรฟรี เครือข่ายของ Jio รองรับเฉพาะ 4G เท่านั้น ไม่มีบริการ 2G หรือ 3G แบบคู่แข่งรายอื่นในอินเดีย