ในงาน Computex 2018 ทาง NVIDIA เพิ่งเปิดตัว Jetson Xavier และ Isaac แพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์สำหรับสร้างหุ่นยนต์ แต่ประเด็นที่สื่อให้ความสนใจและตั้งคำถามกับซีอีโอ NVIDIA ว่า การ์ดจอ GeForce GTX รุ่นใหม่จะเปิดตัวเมื่อไหร่

ในช่วงหลายเดือนมานี้ข่าวลือของการ์ดจอรุ่นใหม่จากค่าย NVIDIA ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่เราใกล้จะก้าวข้ามยุค GeForce GTX 10 Series ที่ใช้กันมาหลายปี

ข้อมูลล่าสุดจาก Tom’s Hardware อ้างว่าได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับ NVIDIA ระบุว่าบริษัทจะเปิดตัวการ์ดจอ GeForce GTX 1180 ในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งจะเป็นแบบ Founder Edition ส่วนแบบ Custom versions จากผู้ผลิต third-party รายอื่นๆ จะเปิดตัวประมาณเดือนสิงหาคมหรือกันยายน

สำหรับ GeForce GTX 1180 คาดว่าจะมีสเปกดังนี้

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์พีซีแบบประกอบสมัยใหม่เพื่อตอบสนองกับความเร็ว แรง ความต้องการระบบระบายความร้อนถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ไม่จะในรูปแบบของพัดลม หรือแม้แต่ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าระบบเหล่านี้ล้วนมาพร้อมกับ ‘เสียงรบกวน’ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นแล้วคงจะดีไม่น้อย หากวันหนึ่งเราสามารถประกอบคอมพิวเตอร์ขึ้นมาสักเครื่องที่ให้ความเงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อไม่นานนี้ หนุ่มนักประดิษฐ์รายหนึ่ง ประสบความสำเร็จในการประกอบคอมพิวเตอร์พีซีที่เงียบที่สุด โดยระดับค่าความดังที่วัดใดอยู่ที่ 0 เดซิเบล แม้จะเปิดหรือปิดเครื่องก็จะไม่ได้ยินเสียงการทำงานใดๆ

Google Cloud Platform ประกาศรองรับ NVIDIA Tesla V100 (Volta) จีพียูตัวแรงที่สุดของ NVIDIA ในปัจจุบัน ผู้สนใจสามารถเช่าได้แล้วในราคาชั่วโมงละ 2.48 ดอลลาร์ (ใส่ได้สูงสุด 8 ตัว)

หากเลือกเช่า VM ตัวที่แรงที่สุดของกูเกิลในตอนนี้ จะได้ vCPU 96 ตัว, แรม 624GB, Tesla V100 อีก 8 ตัว แต่ถ้าอยากจ่ายในราคาถูกลงมาหน่อย ก็ยังมีจีพียูรุ่นเก่าลงมาอย่าง Tesla P100/K80 ให้เลือก

หลังจากเราอยู่กับยุค GeForce 10 (Pascal) กันมาหลายปี ก็ใกล้ถึงเวลาของสถาปัตยกรรมรุ่นใหม่ Turing ที่จะเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่เพื่อความง่าย หลายคนก็เรียกมันว่า GeForce 11 Series กันไปก่อน

ล่าสุดเว็บไซต์ข่าวฮาร์ดแวร์ Wccftech รายงานข้อมูลหลุดสเปกของ GeForce GTX 1180 ซึ่งจะเป็นจีพียูรุ่นท็อปตัวถัดไป โดยมีสเปกดังนี้

อินเทลเปิดตัวเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย 2 ตัวในงานสัมมนา RSA 2018

ตัวแรกคือ Intel Threat Detection Technology (IDT) เป็นชุดของฟีเจอร์ในระดับฮาร์ดแวร์ ที่ช่วยให้ซอฟต์แวร์ตรวจจับมัลแวร์ทำงานได้ดีขึ้น ฟีเจอร์สองอย่างแรกของ IDT ประกอบด้วย

• Accelerated Memory Scanning ระบบตรวจจับภัยคุกคามในปัจจุบันใช้วิธีสแกนหน่วยความจำเพื่อหาสิ่งผิดปกติ ปัญหาคือเปลืองทรัพยากรของซีพียูในการสแกน เทคนิคนี้เปลี่ยนมาใช้จีพียู (ออนบอร์ดของอินเทล) มาทำหน้าที่สแกนแทน ช่วยลดโหลดจากซีพียูเดิมที่ 20% ลงมาเหลือ 2% และตอนนี้ Microsoft Windows Defender Advanced Threat Protection (ATP) เริ่มใช้งานแล้ว
• Advanced Platform Telemetry ฟีเจอร์นี้จะนำข้อมูล telemetry ที่ส่งจากเครื่องของผู้ใช้กลับไปยังบริษัท มาผนวกกับเทคนิค machine learning เพื่อวิเคราะห์หาภัยคุกคามได้แม่นยำขึ้น (ทำงานในระดับฮาร์ดแวร์) ตอนนี้ Cisco Tetration นำไปใช้งานแล้ว

macOS High Sierra 10.13.4 อัพเดตล่าสุด เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือรองรับจีพียูภายนอก (external GPU หรือ eGPU) ผ่านพอร์ต Thunderbolt 3

ในโอกาสนี้แอปเปิลจึงอัพเดตข้อมูลบนเว็บไซต์ ระบุรายชื่อของจีพียูที่รองรับ ซึ่งตอนนี้ยังมีแค่ฝั่ง AMD เท่านั้น ไม่มีจีพียูฝั่ง NVIDIA แต่อย่างใด

• AMD Radeon RX 570, RX 580, Radeon Pro WX 7100
• AMD Radeon RX Vega 56
• AMD Radeon RX Vega 64, Vega Frontier Edition Air, Radeon Pro WX 9100

แอปเปิลยังเตือนว่าให้ระวังเรื่องพลังงาน เพราะการต่อเชื่อมกับกล่อง eGPU ต้องมีไฟพอที่ทั้งรันจีพียูและชาร์จคอมพิวเตอร์ด้วย รายชื่อสินค้าที่รองรับทั้งหมดสามารถดูได้จากที่มา

NVIDIA เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ DGX-2 สำหรับงาน deep learning โดยเฉพาะ โดยภายในเซิร์ฟเวอร์เป็นการ์ด Tesla V100 รุ่นแรม 32GB สูงสุด 16 ชุด เชื่อมต่อกันด้วย NVIDIA NVSwitch อัตราการส่งต่อข้อมูล 2.4TB/s

พลังประมวลผลรวมของ DGX-2 สูงกว่า 2 petaFLOPS (สำหรับงาน deep learning ที่ precision ต่ำ) แรมของชิปกราฟิกทั้ง 16 ชุดจะมองเป็น memory space เดียวกันรวม 512GB ตัวซีพียูหลักใช้ Xeon Platinum สองชุด หน่วยความจำหลัก 1.5TB และ NVMe SSD อีก 30TB

หน่วยความจำขนาดใหญ่เปิดทางให้สามารถฝึกโมเดลสำหรับภาพความละเอียดสูง เช่น ResNet-152 สำหรับภาพขนาดใหญ่ หรือโหลดโมเดล FAIRSeq lสำหรับการแปลภาษาขึ้นไปไว้บนหน่วยความจำทั้งหมด ทำให้ลดเวลาการฝึกโมเดลลงมาก โดยใช้เวลาเพียง 2 วัน จากเดิมใช้มากกว่านี้สิบเท่า

NVIDIA เปิดตัวจีพียูระดับสูงตัวใหม่ Quadro GV100 ที่ใช้สถาปัตยกรรมรุ่นใหม่ NVIDIA Volta และมีฟีเจอร์เด่นคือ NVIDIA RTX ที่สามารถประมวลผลแสงเงาสามมิติ ray-tracing แบบเรียลไทม์ได้เป็นครั้งแรกของวงการ

สเปกของ NVIDIA Quadro GV100 มาพร้อมกับแรม 32GB HBM2, มีจำนวน CUDA Core ทั้งหมด 5120 คอร์, Tensor Core ทั้งหมด 640 คอร์, สมรรถนะ 14.8 TFLOPS (FP32) อัตราการใช้พลังงาน 250 วัตต์ ฟีเจอร์อื่นคือสามารถต่อเชื่อม GV100 สองตัวผ่านอินเทอร์เฟซ NVLink เพื่อทำงานร่วมกันได้

กลุ่ม Khronos Group ประกาศออกสเปกกราฟิก Vulkan เวอร์ชัน 1.1 ถือเป็นการอัพเกรดครั้งแรกนับจาก Vulkan 1.0 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016

การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการนำส่วนขยาย (extensions) หลายตัวของ Vulkan 1.0 ที่เสถียรแล้ว ผนวกเข้ามาเป็นฟีเจอร์ของ Vulkan 1.1 ในระดับ Core

ความเข้าใจว่า GeForce รุ่นหน้าจะใช้สถาปัตยกรรม Volta อาจไม่เป็นความจริงเสียแล้ว เมื่อมีข่าวลือจาก Tom's Hardware ภาคภาษาเยอรมัน ว่า NVIDIA จะเปิดตัว GeForce รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ "Turing" (มาจาก Alan Turing) ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2018

ความนิยมขุดเงินคริปโตทำให้เกมเมอร์ทั่วโลกต้องหัวร้อนกันมานานหลายเดือนหลังจากการ์ดจอขาดตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้คนอีกกลุ่มที่เดือดร้อนไม่แพ้กันคือนักวิจัยจาก Search for Extraterrestrial Intelligence หรือโครงการ SETI ที่ไม่สามารถซื้อการ์ดจอมาทำวิจัยได้

SETI ต้องการชิปกราฟิกเหล่านี้เพื่อหารูปแบบคลื่นความถี่ ที่ไม่ได้เกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติ เพื่อตอบคำถามว่ามนุษยชาติโดดเดียวในอวกาศหรือไม่ กระบวนการนี้ต้องการพลังประมวลผลที่สูงมาก กล้องโทรทรรศน์วิทยุชุดเดียวอาจจะต้องการชิปกราฟิกนับร้อยชุด และตอนนี้ทาง SETI มีโครงการจะอัพเกรดกล้องโทรทรรศน์อีกสองชุด ทำให้ต้องการชิปกราฟิกเพิ่มขึ้นอีกมาก

ผลประกอบการ NVIDIA ไตรมาสที่ผ่านมายังคงเติบโตสูง แม้บริษัทไม่ยอมรับตรงๆ ว่ามาจากความต้องการซื้อการ์ดจอที่สูงมาก เพื่อไปทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล แต่ผู้บริหารก็พูดถึงปัญหาดังกล่าวเพิ่มเติม

โดยในช่วงแถลงผลประกอบการ Colette Kress ซีเอฟโอได้ยอมรับว่า ความต้องการซื้อสินค้าจากลูกค้ากลุ่มทำเหมืองเงินดิจิทัลนั้นสูงมากกว่าที่บริษัทประเมิน แต่เมื่อถามถึงตัวเลขว่าเป็นอัตราส่วนเท่าใดนั้นบริษัทบอกว่าตอบได้ยาก

Kress ย้ำว่าโฟกัสหลักของบริษัทคือกลุ่มเกมและกราฟิก โดยมองว่าตลาดเงินดิจิทัลมีความผันผวนสูง และเชื่อว่าในไตรมาสปัจจุบันยอดขายจากกลุ่มเหมืองจะไม่เพิ่มขึ้น

ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าปล่อยฟีเจอร์ชุดใหญ่ให้ Windows 10 Insider เตรียมพร้อมสู่อัพเดตใหญ่ตัวต่อไป Redstone 4 ที่จะออกในช่วงเดือนมีนาคมนี้

ของใหม่ใน Build 17093 ตัวล่าสุดมีมากมาย ที่น่าสนใจได้แก่หน้าจอ Settings อันใหม่สำหรับเครื่องที่มีจีพียู 2 ตัว (การ์ดจอออนบอร์ด+การ์ดจอแยก) เราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้แอพตัวไหนเรียกใช้การ์ดจอใด หรือจะเลือกเป็นค่าดีฟอลต์เพื่อให้ Windows ตัดสินใจแทนเราก็ได้

จากปัญหาการ์ดจอขาดแคลนเพราะถูกนำไปใช้ขุดเหมือง ทางแก้ไขดูจะมีไม่เยอะนักเพราะเป็นเรื่องกลไกตลาด

NVIDIA ในฐานะผู้ผลิตชิปเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ล่าสุดมีตัวแทนของบริษัทให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอรมัน ComputerBase.de ว่าสำหรับบริษัทแล้ว เกมเมอร์สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ GeForce เน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายหลักคือเกมเมอร์ และบริษัทก็อยากแนะนำ (we recommend) ให้ร้านค้าให้ความสำคัญกับกลุ่มเกมเมอร์ก่อนเช่นกัน

NVIDIA ย้ำว่าร้านค้ามีอิสระในการขายสินค้าให้ใครก็ได้ และบริษัทไม่มีสิทธิไปกำหนดว่าต้องขายการ์ดจอให้ลูกค้ากลุ่มใด แค่เพียง "แนะนำ" เท่านั้น

ความนิยมในตลาดเงินคริปโต ส่งผลให้การ์ดจอหลายรุ่นราคาพุ่งสูงผิดปกติ และต่อให้มีเงินก็อาจไม่สามารถซื้อได้ เพราะของหมดสต๊อกเกือบตลอดเวลา

จากสถิติของเว็บไซต์ PC Part Picker ที่เก็บข้อมูลชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ พบว่าราคาการ์ดจอพุ่งสูงขึ้นมากนับตั้งแต่หลังปีใหม่ 2018 เป็นต้นมา โดยรุ่นยอดนิยมคือการ์ดจอรุ่นสูงๆ อย่าง GeForce GTX 1070 Ti หรือ Radeon RX 570/580 ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิตของชาวเหมือง

ซัมซุงประกาศว่าเตรียมเริ่มผลิตชิปหน่วยความจำ GDDR6 ในปริมาณมากสำหรับการ์ดจอแล้ว โดยชิปจะถูกผลิตบนสถาปัตยกรรม 10 นาโนเมตร ความเร็วในการส่งข้อมูล 18Gbps อัตราส่งข้อมูลสูงสุด 72Gbps ใช้แรงดันไฟฟ้า 1.35V

ซัมซุงระบุว่าประสิทธิภาพของแรม GDDR6 ช่วยให้การ์ดจอประมวลผลวิดีโอ, เกมและขุดเหมืองเร็วกว่า GDDR5X มาก โดยจะสามารถพบแรม GDDR6 ได้ในการ์ดจอรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวหลังจากนี้

ที่มา - ArsTechnica

การใส่ฟิลเตอร์แบบ Instagram กลายเป็นแฟชั่นที่ลามไปยังแอพด้านโซเชียลและภาพถ่ายเกือบทุกตัว ล่าสุดมันระบาดมายังวงการเกมแล้ว

NVIDIA ประกาศฟีเจอร์ใหม่ให้กับซอฟต์แวร์ GeForce Experience มีชื่อว่า NVIDIA Freestyle มันคือการใส่ฟิลเตอร์ให้กับเกมขณะที่เล่น โดยมีฟิลเตอร์ 15 แบบ เช่น สีขาวดำ, ซีเปีย, ย้อนยุค ฯลฯ เพื่อสร้างอารมณ์แปลกใหม่ให้กับเกมเดิมๆ และนอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีฟิลเตอร์ Night Mode ที่ช่วยลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา และฟิลเตอร์ Colorblind สำหรับคนที่ตาบอดสี

ตอนนี้มีเกมที่รองรับ Freestyle มากกว่า 100 เกมแล้ว รายชื่อดูได้จาก NVIDIA

จากที่ อินเทลเคยประกาศไว้ว่าจะใช้จีพียูของ AMD และเพิ่งมีข่าวหลุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็ได้เวลาของข่าวอย่างเป็นทางการรับงาน CES 2018

ชื่ออย่างเป็นทางการของซีพียูตัวนี้คือ 8th Gen Intel Core processor with Radeon RX Vega M Graphics (ยาวมาก)

Google Cloud Platform มีบริการแบบ Preemptible Instances ที่ราคาถูกกว่าปกติ 50% แลกกับเงื่อนไขว่าเครื่องอาจถูกปิดได้ทุกเวลา บริการตัวนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2015 และค่อยๆ ขยับขยายให้ VM มีความสามารถมากขึ้น เช่น เพิ่มการเชื่อมต่อ SSD สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงๆ

ล่าสุด กูเกิลเปิดให้เช่า VM แบบมีจีพียูเชื่อมต่อได้แล้ว (Preemptible GPU) โดยเลือกได้ทั้ง NVIDIA Tesla K80 และ NVIDIA Tesla P100 ในราคาถูกกว่าปกติ 50% เช่นกัน

อินเทลประกาศจะใช้ส่วนกราฟิกของเอเอ็มดีมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีก็ยังไม่มีข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม จนกระทั่งอินเทลอินเดียนำข้อมูล Core i7-8809G ขึ้นเว็บ

Core i7-8809G เป็นซีพียู 4 คอร์ 8 เธรด รองรับแรม DDR4-2400 และใช้ส่วนกราฟิกทั้ง Intel HD630 และ Radeon RX Vega M

อัตราการปล่อยความร้อนของ i7-8809G ตั้งเป้าไว้ที่ 100 วัตต์ ใกล้เคียงกับซีพียู 4 คอร์อื่นๆ

ที่มา - PC World

NVIDIA ประกาศข้อมูลผ่านหน้าเว็บไซต์ ว่าจะหยุดการออกไดรเวอร์แบบ 32 บิตบนทุกระบบปฏิบัติการแล้ว จากนี้ไปจะมีเฉพาะไดรเวอร์แบบ 64 บิตเท่านั้น

ไดรเวอร์เวอร์ชัน Release 390 จะเป็นไดรเวอร์เวอร์ชันสุดท้ายที่มีแบบ 32 บิท ทั้งบน Windows 7/8/10, Linux, FreeBSD แต่บริษัทจะยังออกอัพเดตแพตช์คามปลอดภัยให้จนถึงเดือนมกราคม 2019

เหตุผลของ NVIDIA ก็ชัดเจนว่ามีผู้ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิทเป็นสัดส่วนน้อยลงมาก การเลิกซัพพอร์ตไดรเวอร์ 32 บิตจะช่วยลดภาระงานลง แต่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไม่มากเหมือนในอดีต

Titan V คือจีพียูตัวล่าสุดของ NVIDIA ที่เพิ่งเปิดตัววันนี้ วางตัวเป็นกราฟิกการ์ดที่แรงที่สุด โดยใช้จีพียูรหัส Volta ที่คาดว่าจะเป็นฐานของ GeForce รุ่น 2000 ในอนาคต รุ่นท็อปที่เปิดมาก่อนนี้มีคุณสมบัติน่าสนใจ อาทิ

• Titan V ใช้ชิป Volta GV100 มากับ CUDA Cores ที่ 5,120 หน่วย ความเร็ว 1.455GHz ทำงานกับแรม HBM2 ฝังในตัวชิปวางตัวแบบ 3D จุ 12GB กว้าง 3,072 บิท ความเร็ว 850MHz รีดแบนด์วิธได้ 652GB/s ผลิตบนเทคโนโลยี 12nm FinFET โดย TSMC
• งานด้าน ML จะได้อานิสงส์จากจีพียูนี้ ที่ทำงานได้มากถึง 110 TeraFLOPS โดยมี Tensor core ที่ 640 หน่วย
• ตัวการ์ดแบบ Founder Edition มาในโทนสีฮิตซิงค์ทองรมควัน ขอไฟจากหัว PCI-Express 8 และ 6 พินอย่างละหัว ใช้พลังงาน 250 วัตต์ ไม่มีขั้ว SLI
• ราคา 2,999 เหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 98,000 บาท) สั่งซื้อได้แล้ว จำกัดผู้ใช้ละสองตัว

ที่มา - NVIDIA

เมื่อประมาณต้นเดือนที่เพิ่งผ่านมา อินเทลได้ออกอัพเดตไดรเวอร์กราฟิกเวอร์ชัน 15.60 โดยได้เพิ่มการรองรับ Windows Mixed Reality และ HDR10 ให้กับจีพียู Intel HD Graphics 620 ซึ่งมาพร้อมกับซีพียู Core i5 รุ่นที่ 7 รวมถึงจีพียูรุ่นที่สูงกว่านั้นด้วย

การติดตั้งไดรเวอร์ดังกล่าวแน่นอนว่าจะทำให้เครื่องที่ผ่านสเปกสามารถใช้งานแว่น Mixed Reality ที่เริ่มทยอยวางขายแล้วได้ ส่วนการรองรับการแสดงผลภาพมาตรฐาน HDR10 นั้นจะช่วยให้สามารถเล่นเนื้อหาที่มีภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) บนจอที่รองรับไม่ว่าจะเป็นเกม วิดีโอ ไปจนถึงบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Youtube ที่ให้บริการวิดีโอแบบ HDR มาซักพักแล้ว

ช่วงนี้อินเทลมีความเคลื่อนไหวด้านจีพียูอย่างมาก ทั้งข่าว Core รุ่นใหม่ใช้จีพียูจากเอเอ็มดี และ การดึงตัว Raja Koduri หัวหน้าทีมจีพียูเอเอ็มดีมาร่วมทีม ทำให้คนที่ได้รับผลกระทบจากข่าวนี้มากที่สุดคือ NVIDIA

ซีอีโอ Jensen Huang ตอบคำถามเรื่องนี้ในงานแถลงผลประกอบการของ NVIDIA ดังนี้