กูเกิลประกาศถอดฟีเจอร์ของ Chromium เวอร์ชันโอเพนซอร์ส ไม่ให้เข้าถึงการซิงก์ข้อมูลของ Chrome ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
กูเกิลอธิบายว่ามีเบราว์เซอร์จำนวนหนึ่งที่ดัดแปลงจาก Chromium แล้วสามารถเข้าถึงไฟล์ส่วนตัวของผู้ใช้ Google Account ซึ่งควรเข้าถึงได้จากผลิตภัณฑ์ของกูเกิลเท่านั้น (ในที่นี้คือ Google Chrome) จึงตัดสินใจปิดฟีเจอร์นี้ในฝั่ง Chrome API มีผลวันที่ 15 มีนาคม 2021
ประกาศนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้จำนวนน้อยที่เลือกใช้ Chromium แทน Chrome แล้วล็อกอินบัญชี Google Account ผ่าน Chromium ซึ่งกูเกิลก็แนะนำให้ใช้ Chrome แทน
ที่มา - Chromium Blog
วงการเบราว์เซอร์สัปดาห์นี้มีประเด็นใหญ่คือ Chrome 88 Beta เปิดใช้ Manifest V3 ที่ส่งผลกระทบต่อส่วนขยายบล็อคโฆษณาจำนวนมาก
Manifest V3 เป็นประเด็นมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2019 หลังวิศวกรกูเกิลเปิดเผยสเปก API ใหม่ ที่ห้ามส่วนขยายแก้ไขหน้าเว็บเพจเองผ่าน webRequest API และให้ไปเรียกใช้ declarativeNetRequest API ที่ให้เบราว์เซอร์เป็นฝ่ายแก้หน้าเพจแทน โดยเหตุผลของกูเกิลคือเรื่องความปลอดภัย ลดโอกาสที่ส่วนขยายจะเห็นข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บนหน้าเพจ
กูเกิลประกาศยืดระยะเวลาซัพพอร์ต Chrome บน Windows 7 นานขึ้นอีก 6 เดือน เป็นสิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม 2022 เนื่องจากตลาดองค์กรยังใช้งาน Windows 7 กันอยู่มาก
กูเกิลอ้างสถิติจากบริษัท Kantar ที่ถูกจ้างให้สำรวจตลาดองค์กร พบว่า 78% ย้ายจาก Windows 7 แล้ว แต่ยังมีอีก 22% ที่ยังใช้งาน Windows 7 อยู่ แม้มีแผนการย้ายมาใช้ Windows 10 ก็ตาม
เพียง 1 วันนับจากที่แมคที่ใช้ Apple Silicon รุ่นแรกส่งถึงมือลูกค้าในกลุ่มประเทศแรกๆ วันนี้กูเกิลเปิดตัว Chrome 87 ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ผ่านการคอมไพล์ใหม่สำหรับ Apple Silicon โดยเฉพาะ
แต่หลังการเปิดตัว ทีมพัฒนาพบปัญหาในแมคบางเครื่อง จึงหยุดการปล่อยรุ่นดังกล่าว และจะเปิดให้ดาวน์โหลดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด Chrome รุ่นสำหรับ Intel และ Apple Silicon ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ ระหว่างนี้ผู้ใช้แมคสามารถใช้ Chrome รุ่น Intel ผ่าน Rosetta 2 ได้
ตั้งแต่ Google รีแบรนด์ G Suite เป็นชื่อใหม่ Google Workspace พร้อมเปลี่ยนไอคอนแอพในชุดทั้ง 5 ตัวคือ Gmail, Google Calendar, Google Docs, Google Drive, Google Meet รื้อสีเดิมออกทั้งหมด ใช้สีใหม่ที่มีมากถึง 4 สี นำมาสู่เสียงสะท้อนจากผู้ใช้งานที่บอกว่า ทุกไอคอนดูคล้ายกันไปหมด แยกแยะยาก ไม่สามารถกดหาเจอได้ในการมองแว่บแรก
ในบทความนี้จึงแนะวิธีนำไอคอนเก่ากลับมาใช้งานเหมือนเดิม ทั้งบนเดสก์ทอป และมือถือ
กูเกิลนับเป็นบริษัทที่สนับสนุนแนวทางการสร้างโปรโตคอลใหม่มาทดแทน HTTP บน TCP มายาวนาน นับแต่ SPDY ตั้งแต่ปี 2009 และ QUIC ในปี 2012 แม้ที่ผ่านมา IETF จะมีแนวทางยอมรับ QUIC ให้เป็นส่วนหนึ่งของ HTTP/3 แต่ตัวโปรโตคอลก็มีการแก้ไขหลายส่วน ทำให้ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ Google QUIC ที่กูเกิลพัฒนาและใช้งานเองระหว่างเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลและ Chrome ล่าสุดกูเกิลก็ประกาศจะย้ายผู้ใช้ Chrome จำนวน 25% ของทั้งหมด หันมาใช้ IETF QUIC แล้ว
กูเกิลออก Chrome 86 รุ่นเสถียร ฝั่งเดสก์ท็อปมีของใหม่ดังนี้
ส่วน Chrome 86 เวอร์ชันอุปกรณ์พกพา ได้ฟีเจอร์ด้านจัดการรหัสผ่าน ที่ฝั่งเดสก์ท็อปเคยได้ไปก่อนแล้ว
กูเกิลเพิ่มความปลอดภัยรหัสผ่านใน Chrome เวอร์ชั่นโทรศัพท์มือถือ โดยมีฟีเจอร์สำคัญคือการแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อกำลังใช้งานรหัสผ่านที่เคยหลุดออกสู่สาธารณะมาก่อน และยังนำผู้ใช้ไปยังหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านโดยอัตโนมัติ
ฟีเจอร์ใหม่บน iOS/Android คือการรองรับ Enhanced Safe Browsing ที่ตัวเบราว์เซอร์จะส่งข้อมูลกลับไปยังบริการ Safe Browsing เพื่อเช็คว่าเว็บที่กำลังเข้ามีความเสี่ยงหรือไม่ ฟีเจอร์นี้มีบน Chrome เวอร์ชั่นเดสก์ทอปมาก่อนแล้ว โดยกูเกิลระบุว่าผู้ใช้ที่เปิดใช้งานมีอัตราการพิมพ์รหัสผ่านลงเว็บฟิชชิ่งลดลง 20%
Google ประกาศรองรับ DNS-over-HTTPS บน Chrome 85 สำหรับแอนดรอยด์แล้วในชื่อฟีเจอร์ Secure DNS หลังเปิดใช้บนเดสก์ท็อปมาตั้งแต่ Chrome 83 หลักการทำงานแทบไม่ต่างกันคือหาก ISP รองรับก็จะเปิดใช้อัตโนมัติ
ผู้ใช้งานจะเจอหน้า Secure DNS ใน Settting บน Chrome 85 สำหรับเปิดปิดฟีเจอร์นี้ รวมถึงสามารถเลือก DNS Provider ได้เอง ขณะที่ Google จะทยอยปล่อย Secure DNS ให้ผู้ใช้แบบสุ่ม ไม่ได้ปล่อยทีเดียวพร้อมกันหมด
ที่มา - Chromium Blog
Google เตรียมอัพเดต Chrome เพิ่มความเร็วให้การโหลดหน้าเว็บใหม่บนแท็บถึง 10% ด้วย Profile Guided Optimization (PGO) บน Chromium ช่วยปรับคอมไพเลอร์ให้เลือกโฟกัสเพื่อรันโค้ดในส่วนที่จำเป็นได้ไวขึ้น
ถัดมาคือเพิ่มฟีเจอร์ Tab groups จัดประเภทให้แท็บ และรวบแท็บไปอยู่ในหัวข้อเดียวไม่ให้เกะกะหน้าจอได้ หรือถ้าใครยังใช้แท็บปกติอยู่ Chrome ก็มีฟีเจอร์ Tab previews เลื่อนเม้าส์ไปวางบนแท็บ แล้วจะมีตัวอย่างหน้าเว็บแสดงขึ้นมาให้ดู ช่วยให้หน้าแท็บที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
กูเกิลเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Chrome 85 beta บนมือถือแอนดรอยด์ ติดป้ายกำกับ Fast page ให้เว็บไซต์ที่โหลดไว โดยอาศัยตัวชี้วัดจาก Core Web Vitals ที่ประเมินประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ Chrome ประเมินความสามารถในการใช้งานเว็บไซต์ ระยะเวลาโหลด การตอบสนอง ความเสถียรของเนื้อหาระหว่างดาวน์โหลด เป็นต้น
Google เตรียมยกระดับความปลอดภัย Chrome ขึ้นไปอีกขั้นให้แสดงว่าไม่ปลอดภัยหากกำลังกรอกฟอร์มประเภท mixed forms ที่ไม่ได้ส่งผ่าน HTTPS
ปัจจุบัน เมื่อ Chrome เจอ mixed form จะใช้วิธีหยุดแสดงไอคอนกุญแจที่ใช้กับ HTTPS แต่ทีมความปลอดภัยของ Chrome เห็นว่ายังไม่เพียงพอเพราะว่าข้อมูลที่ส่งยังเป็นแบบไม่ปลอดภัย จึงต้องยกระดับการแจ้งเตือนให้ชัดเจนกว่านี้
เมื่อต้นปีนี้ กูเกิลประกาศหยุดซัพพอร์ต Chrome Apps (ซึ่งเป็นคนละอย่างกับ Extension) ในเดือนมิถุนายน 2020
ล่าสุดกูเกิลประกาศปรับแผน ยืดระยะเวลาซัพพอร์ตไปจนถึงปี 2021 สำหรับแพลตฟอร์มหลัก และปี 2022 สำหรับ Chrome OS (แผนเดิมคือ 2020 และ 2021 ตามลำดับ ยืดจากเดิม 1 ปี)
Google เริ่มทดสอบระบบ trust token สำหรับนักพัฒนาเว็บบน Chrome เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่คาดว่าจะนำมาใช้ทดแทนระบบคุกกี้จากบุคคลที่สามเพื่อตอบโจทย์ทั้งฝั่งผู้ใช้งานและนักโฆษณา
ปัจจุบัน ระบบโฆษณาบนเว็บนิยมใช้คุกกี้จากบุคคลที่สามเพื่อติดตามโฆษณา แต่ปัญหาคือต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และตอนนี้ก็ยังไม่มีระบบที่ตอบโจทย์ทั้งฝั่งผู้โฆษณา, ผู้ใช้งานเว็บ และนักพัฒนาเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ Google เริ่มพัฒนาระบบ trust token ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเลือกใช้งานทดแทนคุกกี้จากบุคคลที่สาม
ตอนนี้ trust token กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบ โดย Google จะนำระบบใหม่นี้เข้ามาใช้ทดแทนคุกกี้จากบุคคลที่สามให้ได้ และมีเป้าหมายจะบล็อคคุกกี้จากบุคคลที่สามบน Chrome ภายในปี 2022
Google เปิดตัวส่วนขยาย Chrome คือ Ads Transparency Spotlight ดูรายละเอียดของผู้ลงโฆษณาตามเว็บไซต์ได้ดีขึ้นว่าเป็นใคร มาจากไหน
เมื่อติดตั้งส่วนขยายแล้วผู้ใช้งานจะสามารถมองเห็นข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโฆษณาบนหน้าเว็บ, ดูรายชื่อผู้ให้บริการโฆษณาที่รับผิดชอบ, มีบริษัทใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาชิ้นนี้ รวมถึงสาเหตุที่โฆษณาปรากฏบนเว็บ เป็นต้น ส่วนขยาย Ads Transparency Spotlight เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ว
หลังจากปล่อยทดสอบไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ล่าสุด Chrome บน Android สามารถใช้การยืนยันตัวตนแบบ Biometric เช่นการสแกนนิ้วมือ เพื่อใช้บัตรเครดิตบนเว็บไซต์ต่างๆได้แล้ว ไม่ต้องใส่เลข CVC อีกต่อไป
ในอัพเดทเดียวกัน Google ยังเพิ่มฟีเจอร์ Touch-to-fill อีกด้วย ผู้ใช้สามารถ Sign in เข้าเว็บไซต์ได้ง่าย เพียงแค่เลือกบัญชีที่ต้องการ ไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านเอง โดยจะใช้ข้อมูลที่บันทึกไว้ใน Chrome's password manager
ทั้งสองฟีเจอร์จะปล่อยให้ใช้งานบน Android ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนเวอร์ชั่น iOS ยังต้องรอติดตามต่อไป
หลังจากอัพเดทเป็นเวอร์ชั่น 64-bit ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ล่าสุด Chorme บน Andriod จะสามารถตั้งเวลาดาวน์โหลดหรือเลือกให้ดาวน์โหลดเมื่อต่อ Wi-Fi ได้แล้ว
ฟีเจอร์นี้เพิ่งปล่อยบน Chrome Canary และสามารถเปิดได้ที่ตัวเลือก Enable Download Late ใน Flags หรือเปิดตัวเลือกดาวน์โหลดไฟล์ภายหลังแม้จะต่อ Wi-Fi อยู่ก็ได้เช่นกันที่ตัวเลือก Show download later dialogue on WiFi
Chrome 84 เข้าสถานะเสถียร ของใหม่ในเวอร์ชันนี้หลายอย่างเป็นสิ่งที่เคยประกาศไปก่อนแล้ว
สถิติส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์ของ NetMarketShare ประจำเดือนมิถุนายน 2020 พบว่า Chrome มีส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปเกิน 70% เรียบร้อยแล้ว
อันดับสองคือ Edge ที่แซงหน้า Firefox ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 8.05% ส่วนอันดับสาม Firefox กลับมาเพิ่มเล็กน้อยเป็น 7.58%
แม้ Google จะเริ่มบีบนักพัฒนาเรื่องการส่งแอป 64-bit ขึ้น Play Store มาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่แอปของตัวเองอย่าง Chrome ที่รองรับ 64-bit บนพีซีมานาน กลับยังคงเป็น 32-bit บนแอนดรอยด์เท่านั้น
ล่าสุด Android Police พบว่า Chrome 85 บนแอนดรอยด์ที่ยังอยู่ในแชนแนล Dev เริ่มรองรับเวอร์ชัน 64-bit แล้ว อย่างไรก็ตาม เวอร์ชัน 64-bit กลับรองรับเฉพาะเครื่องที่รัน Android 10 ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งสัดส่วนถือว่ายังค่อนข้างน้อย
ที่มา - Android Police
แอปเปิลประกาศ Safari เวอร์ชันใหม่ใน macOS 11 Big Sur รองรับส่วนขยายที่เขียนด้วย WebExtensions API ซึ่งหมายถึงส่วนขยายของ Chrome
การที่ Safari รองรับ WebExtensions API ทำให้ส่วนขยายของ Chrome สามารถพอร์ตมาได้แทบจะทันที (ลักษณะเดียวกับที่ Edge หรือ Firefox ทำอยู่ ซึ่ง Firefox เริ่มรองรับในปี 2015) ส่วนการแจกจ่ายสามารถทำผ่าน Mac App Store โดยจะมีหมวด Extension เพิ่มเข้ามาให้ (หมายเหตุ: เป็นคนละตัวกับ Safari App Extensions ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้)
กูเกิลปล่อยส่วนขยายใหม่สำหรับเบราว์เซอร์ Chrome ในชื่อ Link to Text Fragment โดยเป็นส่วนขยายสำหรับสร้างลิงก์ตามร่างมาตรฐาน Text Fragment ที่กำลังเสนอเข้า W3C ทำให้เบราว์เซอร์สามารถลิงก์ไปยังข้อความใดๆ ก็ได้ในหน้าเว็บ โดยตอนนี้เบราว์เซอร์โครมนั้นรองรับฟีเจอร์นี้ในตัว แต่ยังไม่สาารถสร้างลิงก์ได้ด้วยตัวเอง
Text Fragment จะกำหนดลิงก์แบบ anchor แบบใหม่ต่อท้าย URL ของเว็บในรูปแบบ #:~:text=[ข้อความ]
เมื่อเบราว์เซอร์ได้รับลิงก์แบบนี้และรองรับฟีเจอร์ Text Fragment ก็จะเลื่อนไปยังจุดที่มีข้อความพร้อมกับไฮไลต์ข้อความให้ชัดเจนทันที
จากข่าวเก่า Microsoft Edge เริ่มใช้ระบบหน่วยความจำแบบใหม่ Segment Heap ลดการใช้แรมลง 27% ระบบหน่วยความจำแบบ Segment Heap เดิมทีใช้กับแอพที่เขียนแบบ UWP เท่านั้น โดยไมโครซอฟท์เพิ่งเปิดใช้แอพแบบ Win32 ใช้งานได้ด้วยใน Windows 10 v2004 โดยมี Edge เป็นแอพตัวแรกที่ใช้งาน
การที่ Edge พัฒนาบน Chromium ทำให้เบราว์เซอร์ตระกูลนี้ตามมาใช้ Segment Heap ได้ไม่ยากนัก ที่สำคัญคือไม่ต้องรอกันนาน ไม่ต้องเรียกร้องอะไรให้เหนื่อย เพราะวิศวกร Chrome ประกาศแล้วว่าจะเปลี่ยนมาใช้ Segment Heap ด้วย
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา หนึ่งในทีมพัฒนา Chrome ส่งแพตช์เปลี่ยนโค้ดที่ระบุรายชื่อต้องห้ามจากคำว่า blacklist เป็นคำว่า blocklist สอดรับกับสถานการณ์การประท้วง #Blacklivesmatter ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา
เมื่อต้นปี กูเกิลประกาศจะบล็อคข้อความแจ้งเตือนของ Chrome ที่ก่อให้เกิดความรำคาญ ตอนนี้กูเกิลประกาศแผนดำเนินงานแล้ว ว่าจะเริ่มใน Chrome 84 ที่มีกำหนดออก 14 กรกฎาคม 2020
เว็บไซต์ที่จะถูกบล็อคข้อความแจ้งเตือน จะต้องเข้าข่าย "abusive notifications" ซึ่งแยกเป็น 2 กรณีคือ