Canonical ออก Ubuntu Core 20 ดิสโทรลินุกซ์สำหรับอุปกรณ์ฝังตัวและ IoT ที่ดัดแปลงมาจาก Ubuntu 20.04 LTS
จุดเด่นของ Ubuntu Core คือการปรับแต่งมาเพื่ออุปกรณ์ขนาดเล็ก ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นเพื่อลดพื้นที่การโจมตี (minimal attack surface) มีฟีเจอร์ความปลอดภัยหลายอย่างตั้งแต่ secure boot, full disk encryption, secure device recovery และแอพทั้งหมดจะถูกรันแยก (isolated) เพื่อไม่ให้โจมตีมาถึง OS ได้
Canonical ยังระบุว่าทำงานร่วมกับผู้ผลิตชิปและบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายราย เพื่อการันตีว่ากระบวนการอัพเดตทั้งหมดจะราบรื่น
Ubuntu Core รองรับทั้งสถาปัตยกรรม ARM และ x86 โดยมีพาร์ทเนอร์เข้าร่วมหลายราย เช่น Bosch Rexroth, Dell, ABB, Rigado, Plus One Robotics, Jabil, Intel, Raspberry Pi
Alex Murray ทีมงานความมั่นคงปลอดภัยของลินุกซ์ประกาศเปลี่ยนค่าสิทธิ์เริ่มต้นของ home folder ใน Ubuntu 21.04 จากเดิมก่อนหน้าที่ทุกเวอร์ชั่นใช้สิทธิ์แบบ 0755 หมายถึงทุกคนในเครื่องสามารถอ่านข้อมูลของผู้ใช้อื่นได้ มาเป็นสิทธิ์แบบ 0750 นั่นคือเฉพาะผู้ใช้ในกลุ่มเดียวกันเท่านั้นจึงอ่านข้อมูลได้
Ubuntu ออกเวอร์ชัน 20.10 โค้ดเนม Groovy Gorilla ของใหม่ที่สำคัญคือการจับมือกับ Raspberry Pi Foundation ปรับแต่งอิมเมจให้ Ubuntu Desktop ตัวเต็มทำงานบน Raspberry Pi ได้อย่างเต็มที่ (RPi เวอร์ชัน 2, 3, 4 รุ่นที่มีแรม 4GB ขึ้นไปจะเป็น certified hardware)
ของใหม่อย่างอื่นได้แก่
ก่อนหน้านี้ Lenovo ประกาศว่าโน้ตบุ๊ก ThinkPad ซีรีส์ P และเดสก์ท็อป ThinkStation รองรับลินุกซ์ (เลือกได้เป็น RHEL/Ubuntu) แต่ยังจำกัดช่องทางการขายเฉพาะผ่านการสั่งซื้อแบบองค์กรเท่านั้น
ล่าสุด Lenovo ประกาศขยายรุ่นของสินค้าที่รองรับลินุกซ์ ให้ครอบคลุม ThinkPad เกือบทุกรุ่น ซึ่งรวมถึงซีรีส์ขวัญใจมหาชนทั้ง T, X, L และตัวแพงแบบ X1 ด้วย โดยเกือบทุกรุ่นสามารถสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บ Lenovo.com แบบพรีโหลด Ubuntu 20.04 LTS มาได้เลย (ยกเว้นซีรีส์ L จะได้เป็น 18.04)
ThinkPad ที่พรีโหลด Ubuntu จะเริ่มวางขายทั่วโลก (global expansion) ในเดือนกันยายน และทยอยขยายให้ครบทุกรุ่นที่ประกาศไว้ตลอดปี 2021
เมื่อต้นปีนี้ เราเห็นข่าวจากผู้บริหารกูเกิลว่า Chrome OS จะรัน Steam ได้ แล้วเงียบหายไปพักใหญ่ๆ
ล่าสุดเว็บไซต์ 9to5google ไปค้นพบโค้ดใน Chromium OS อ้างถึงโครงการโค้ดเนม "Borealis" ที่เกี่ยวข้องกับ Steam แล้ว
Chrome OS เริ่มรองรับการรันโปรแกรมจากลินุกซ์มาตั้งแต่ปี 2018 โดยใช้โค้ดเนมว่า "Crostini" มันเป็นการนำลินุกซ์ทั้งตัว (ในที่นี้คือ Debian) มารันใน VM อีกทีหนึ่ง
Dell มีโน้ตบุ๊ก XPS 13 Developer Edition รุ่นที่ใช้ Ubuntu มาตั้งแต่ปี 2012 และตามอัพเดตให้เรื่อยมา
ล่าสุด Dell เปิดตัว XPS 13 รุ่นปี 2020 ที่เป็น Developer Edition โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Ubuntu 20.04 LTS รุ่นใหม่ที่สุดด้วย (ก่อนหน้านี้เคยขายมาแล้ว แต่เป็น Ubuntu 18.04 LTS)
ในแง่ฮาร์ดแวร์คงไม่มีอะไรต่างจาก XPS 13 (2020) รุ่นปกติ ที่ใช้ดีไซน์ใหม่ขอบบาง, หน้าจอ 16:9, ซีพียู Intel 10th Gen เปิดให้สั่งซื้อได้แล้วในราคาเริ่มต้น 1,099.99 ดอลลาร์
Andrea Righi พนักงานของ Canonical และทีมงานพัฒนาเคอร์เนลลินุกซ์ของ Ubuntu เสนอแพตช์เข้าเคอร์เนลลินุกซ์ ช่วยให้ระยะเวลาการ hibernate/resume ของลินุกซ์เร็วกว่าเดิมมาก
หลักการทำงานของ hibernate คือนำข้อมูลจากในแรมเก็บลงดิสก์ และเรียกกลับคืนแรมตอน resume ซึ่งเคอร์เนลสั่งอาจคืนบางส่วนของแรมออกก่อนเพื่อประหยัดพื้นที่ดิสก์ โดยสร้างข้อมูลเหล่านี้ใหม่หลัง resume
จากประเด็น Linux Mint ประกาศไม่ใช้แพ็กเกจ Snap ตาม Ubuntu ตัวแทนของบริษัท Canonical ก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า Chromium เป็น Snap มาตั้งแต่ Ubuntu 19.10 แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเปลี่ยนในเวอร์ชัน 20.04 LTS
ส่วนเหตุผลที่ทำแพ็กเกจ Chromium เป็น Snap เพียงอย่างเดียวเป็นเพราะ
Linux Mint เป็นดิสโทรลินุกซ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตัวมันพัฒนาต่อมาจาก Ubuntu อีกทีหนึ่ง แต่ล่าสุดทีมพัฒนา Linux Mint ประกาศไม่ใช้ ระบบแพ็กเกจแบบ Snap ที่ Ubuntu พยายามผลักดันแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ เราเพิ่งเห็น Lenovo ออก ThinkPad Fedora Edition ล่าสุด Lenovo ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการประกาศว่าพีซี ThinkStation ทุกรุ่น และโน้ตบุ๊ก ThinkPad P Series จะผ่านการรับรองว่าใช้งานลินุกซ์ได้
ดิสโทรที่ Lenovo รับรองมีทั้ง Red Hat Enterprise Linux (RHEL) และ Ubuntu LTS ซึ่งเป็นดิสโทรยอดนิยมในโลกองค์กรอยู่แล้ว
Lenovo บอกว่าในอดีต บริษัทรองรับลินุกซ์กับฮาร์ดแวร์เพียงบางรุ่น แต่คราวนี้ตั้งใจรองรับทั้งซีรีส์ (ทุกตัวที่เป็นสินค้ากลุ่มเวิร์คสเตชันคือ ThinkStation และ ThinkPad P) เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าลงทุนกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้แล้วใช้ได้ยาวๆ
Ubuntu 20.04 LTS Focal Fossa เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ นับเป็นเวอร์ชั่นซัพพอร์ตระยะยาวตัวที่ 8 นับจาก Ubuntu 6.06 เป็นต้นมา
เวอร์ชั่นนี้ปรับซอฟต์แวร์ต้นน้ำ เช่น GNOME 3.36, เคอร์เนล Linux 5.4 LTS พร้อมพอร์ต WireGuard ใส่มาให้ รองรับซีพียูรุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น รวมถึง RISC-V 64 บิต, สำหรับผู้ดูแลระบบ OpenSSH ปรับเป็นเวอร์ชั่น 8.2 ซึ่งรองรับกุญแจ U2F
Python จะถูกปรับเป็น Python 3 ทั้งหมด และตัว Python 2.7 จะต้องติดตั้งผ่าน Universe เท่านั้น ภาษาโปรแกรมมิ่งอื่นอัพเดตเวอร์ชั่น เช่น PHP 7.4, Ruby 2.7
หากทุกท่านยังจำกันได้ โครงการ UBports ได้รับช่วงต่อการพัฒนา Ubuntu Touch และ Unity 8 ที่ Canonical ยุติการพัฒนาไปในปี 2017 ขณะนี้ โครงการ UBports ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อ Unity 8 รวมทั้งส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องเป็น Lomiri (อ่านว่า โล-มี-รี)
เหตุการณ์นี้ต้องย้อนต้นเรื่องไปถึงปี 2012 ที่ Ubuntu 12.10 เริ่มพ่วงโฆษณาสินค้าจาก Amazon เข้ามาในระบบค้นหา เพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้ Canonical อีกทางหนึ่ง
แน่นอนว่าผู้ใช้ย่อมคัดค้าน และ Canonical ยอมปรับให้สามารถปิดการส่งข้อมูลกลับไปยัง Amazon ได้ แต่ข้อตกลงนี้ยังคงอยู่ต่อมาอีกยาวนาน ในรูปแบบของไอคอน Amazon พรีโหลดมาที่ตัว launcher
เวลาผ่านมา 8 ปี ข้อตกลงระหว่าง Canonical กับ Amazon ดูเหมือนจะหมดอายุแล้ว เพราะใน Ubuntu เวอร์ชันถัดไป 20.04 Focal Fossa ถอดไอคอน Amazon ออกไปเรียบร้อยแล้ว (Canonical และ Amazon ไม่ได้แถลงการณ์ใดๆ ในเรื่องนี้)
Ubuntu ประกาศขาย Ubuntu Pro Images for AWS อิมเมจ Ubuntu รุ่น LTS 3 รุ่น ได้แก่ 14.04, 16.04, และ 18.04 โดยเพิ่มฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติม ได้แก่
Ubuntu 19.10 โค้ดเนม Eoan Ermine ได้ออกรุ่นจริงแล้ว โดยฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับอัพเดตครั้งนี้ได้แก่
อะไรก็เกิดขึ้นได้กับไมโครซอฟท์ยุคนี้ ล่าสุดเราจะได้เห็นงานสัมมนาด้านลินุกซ์ WSLconf ไปจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของไมโครซอฟท์ที่เมือง Redmond ช่วงเดือนมีนาคม 2020
งานสัมมนา WSLconf เป็นงานที่จัดขึ้นโดยชุมชน (ไม่ใช่งานของไมโครซอฟท์เอง) แต่ก็มีพนักงานของไมโครซอฟท์เข้าร่วมด้วย โดยเนื้อหาหลักเกี่ยวกับ Windows Subsystem for Linux (WSL) ของไมโครซอฟท์
จากกำหนดการเบื้องต้นของงานมีการนำเสนอจากทีม WSL, ดิสโทร Pengwin ซึ่งเป็นการนำ Debian มารันบน WSL และการนำเสนอจากทีม Ubuntu ด้วย
งานเข้าฟังได้ฟรี ใครสนใจไปร่วมงานสามารถดูรายละเอียดได้จาก เว็บเพจ
หลังจาก Ubuntu ยอมถอยเรื่องการซัพพอร์ตไลบรารี 32 บิต ล่าสุด Valve ก็ออกมาตอบรับแล้วว่าจะซัพพอร์ต Ubuntu ต่อไป
Valve อธิบายว่าต้องใช้ไลบรารี 32 บิตกับทั้งตัว Steam client และเกมอีกจำนวนมากที่รองรับเฉพาะ 32 บิตเท่านั้น สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไม Valve ไม่ทำ Steam client แบบ 64 บิตล้วนๆ คำตอบคือทำได้ในทางเทคนิค แต่จะทำให้เกมจำนวนมากใช้งานไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับหลักการของ Valve ที่พยายามทำให้คนที่ซื้อเกมไปแล้ว สามารถเล่นเกมของตัวเองให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
ต่อเนื่องจากประเด็น Ubuntu 19.10 หยุดซัพพอร์ตสถาปัตยกรรม x86 แบบ 32 บิต (i386) จนเป็นเหตุให้ Steam เตรียมเปลี่ยนดิสโทรที่ซัพพอร์ตเวอร์ชันลินุกซ์
ล่าสุด Canonical ยอมถอยแล้ว โดย Ubuntu อีก 2 เวอร์ชันถัดไปคือ 19.10 และ 20.04 LTS จะยังซัพพอร์ต 32 บิต โดยออกแพ็กเกจซอฟต์แวร์ 32 บิต "บางส่วน" เพื่อรองรับซอฟต์แวร์เก่าที่ยังใช้งานอยู่ ส่วนกระบวนการคัดเลือกว่าจะมีแพ็กเกจอะไรบ้างนั้น เป็นกระบวนการของชุมชนในการหารือกันต่อไป และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
จากประเด็น Ubuntu 19.10 หยุดซัพพอร์ตสถาปัตยกรรม x86 แบบ 32 บิต (i386)
Pierre-Loup Griffais นักพัฒนาของ Valve ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า Steam จะไม่ซัพพอร์ต Ubuntu 19.10 เป็นต้นไป รวมถึง Valve จะไม่แนะนำให้ลูกค้า Steam ใช้งานด้วย โดยทางออกของ Valve จะหันไปโฟกัสที่การทำงานบนลินุกซ์ดิสโทรอื่นแทน
สาเหตุของปัญหาเกิดจากเกมจำนวนมากคอมไพล์มาเป็น 32 บิต (โดยเฉพาะเกมที่เก่าหน่อย) และจะไม่ได้รับการอัพเดตใดๆ อีกแล้ว เกมเหล่านี้จำเป็นต้องเรียกใช้ไลบรารี 32 บิตด้วย การที่ Ubuntu จะหยุดซัพพอร์ตไลบรารี 32 บิต (บนระบบปฏิบัติการ 64 บิต) จึงทำให้เกมเหล่านี้ใช้งานไม่ได้ตามไปด้วย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Valve จึงต้องหยุดซัพพอร์ต Ubuntu เช่นกัน
Ubuntu ประกาศหยุดซัพพอร์ตสถาปัตยกรรมซีพียู x86 แบบ 32 บิต (i386) โดยจะมีผลตั้งแต่เวอร์ชันหน้า 19.10 “Eoan Ermine” ที่จะออกในเดือนตุลาคมนี้
ทีมงาน Ubuntu บอกว่าเตรียมตัวเรื่องหยุดซัพพอร์ต i386 มาตั้งแต่ปี 2018 และตอนนี้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว จากนี้ไป Ubuntu จะไม่ออกแพ็กเกจซอฟต์แวร์ที่เป็น 32 บิตอีก ส่วนผู้ที่ใช้ Ubuntu เวอร์ชันเก่า เช่น 18.04 LTS แบบ 32 บิต ก็จะไม่สามารถอัพเกรดเป็น Ubuntu เวอร์ชันใหม่ได้อีกเช่นกัน (แต่ 18.04 LTS ยังสามารถใช้ได้จนถึงหมดระยะซัพพอร์ตปี 2023)
Ubuntu ให้สถิติว่าตอนนี้มีผู้ใช้แบบ 32 บิตอยู่ไม่ถึง 1% ของผู้ใช้ทั้งหมด
มีคนตาดีไปเห็นว่า ในบรรดา ThinkPad P Series ที่เพิ่งเปิดตัวปีนี้ สามารถเลือกใส่ระบบปฏิบัติการลินุกซ์มาได้ตั้งแต่โรงงาน โดยเลือกได้ว่าจะเป็น Ubuntu 18.04 LTS (พรีโหลดมาให้จากโรงงาน) หรือถ้าต้องการ Red Hat Linux ก็รองรับอย่างเป็นทางการ (certified)
ThinkPad ที่เข้าข่ายคือ P1 Gen 2, P53, P73, P53s, P43s แต่เนื่องจากตอนนี้บนหน้าเว็บของ Lenovo US ยังไม่เปิดให้สั่งซื้อ จึงไม่สามารถดูราคาได้ว่าถ้าเลือกระบบปฏิบัติการเป็นลินุกซ์ ราคาจะแตกต่างจากวินโดวส์หรือไม่
ปัญหาสำคัญอันหนึ่งของโลกลินุกซ์คือไดรเวอร์จีพียู โดยเฉพาะฝั่ง NVIDIA เป็นไดรเวอร์ที่ไม่โอเพนซอร์ส ทำให้ดิสโทรลินุกซ์หลายค่ายตัดสินใจไม่รวมไดรเวอร์มากับไฟล์ ISO ด้วย ถึงแม้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดไดรเวอร์มาติดตั้งเองในภายหลัง แต่ประสบการณ์ใช้งานตั้งแต่แรกก็ไม่ดีนัก (ปกติแล้วดิสโทรส่วนใหญ่จะติดตั้งไดรเวอร์ Nouveau เวอร์ชันโอเพนซอร์สมาให้แทน แต่ประสิทธิภาพและฟีเจอร์เทียบกับเวอร์ชันของ NVIDIA ไม่ได้)
ล่าสุดโครงการ Ubuntu ปรับนโยบายเรื่องนี้ใหม่ ตั้งแต่ Ubuntu 19.10 เวอร์ชันหน้าเป็นต้นไป จะรวมไดรเวอร์ NVIDIA มาให้ในไฟล์ ISO เลย โดยมีเหตุผลว่าต้องการให้ผู้ใช้ติดตั้งไดรเวอร์ได้แม้ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และทาง NVIDIA ก็อนุญาตให้ Ubuntu แจกจ่ายไฟล์ไดรเวอร์แล้ว
Canonical บริษัทผู้พัฒนาลินุกซ์ Ubuntu ประกาศความร่วมมือกับ AWS นำบริการ Greengrass มารันบน Ubuntu ผ่านแพ็กเกจแบบ snap โดยได้รับซัพพอร์ตจากทาง AWS เอง
การติดตั้งหลักๆ มีเพียงสองขั้น คือการติดตั้งแพ็กเกจ aws-iot-greengrass
และการคอนฟิกใบรับรองสำหรับ Greengrass จากนั้นก็สามารถสั่ง deploy ฟังก์ชั่น lambda ลงมาจากคลาวด์ของ AWS ได้เลย
เนื่องจากเป็นงาน IoT หลังการติดตั้งแล้ว ผู้ใช้อาจจะต้องคอนฟิกเพิ่มเติมเพื่อให้ snap สามารถเข้าถึงพอร์ตต่างๆ เช่น serial หรือ GPIO ได้ โดยทาง Ubuntu มีเอกสารออกมาให้พร้อมกัน
Dell ยังตามออกโน้ตบุ๊กรุ่นที่ใช้ลินุกซ์อย่างต่อเนื่อง (นับจากออกครั้งแรกในปี 2012) หลังจากเปิดตัว Dell XPS 13 (9380) รุ่นปี 2019 ที่ย้ายเว็บแคมกลับมาไว้ด้านบน ไปไม่นาน บริษัทก็ออกรุ่น Developer Edition ตามมาทันที
Dell XPS 13 (9380) Developer Edition ใช้ฮาร์ดแวร์ชุดเดียวกับ 9380 รุ่นวินโดวส์ ซีพียูเป็น Core i3/i5/i7 Whisky Lake U, แรมใส่ได้สูงสุด 16GB, สตอเรจเป็น NVMe ใส่ได้สูงสุด 2TB, จอภาพมีทั้ง Full HD และ Ultra HD, ระบบปฏิบัติการเป็น Ubuntu 18.04 LTS
Max Justicz นักวิจัยความปลอดภัยรายงานถึงบั๊กของโปรแกรม apt (apt-get) ที่อ่านข้อมูล HTTP response ไม่ตรงตามมาตรฐาน ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งข้อมูลหลอก จนกระทั่งยิงไฟล์แพ็กเกจปลอมเข้ามารันบนเครื่องได้ และเนื่องจาก apt มักรันบนสิทธิ์ root ทำให้แพ็กเกจที่ได้รับมารันบนสิทธิ์ root ไปด้วยส่งผลกระทบร้ายแรงถึงระดับยึดเครื่องได้
ปัญหาเกิดจากกระบวนการทำงานของ apt เมื่อผู้ใช้สั่งดาวน์โหลดโปรแกรม ตัวโปรแกรมจะ fork โปรเซสลูกเพื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ (fetcher) ซึ่งอาจจะเป็นโปรโตคอลต่างๆ กันไป ปัญหาคือ fetcher นี้มีบั๊กในการอ่าน HTTP Redirect ที่มันจะเชื่อข้อมูลฟิลด์ Location ใน HTTP Header เสมอ และส่งต่อไปยังโปรเซสแม่เพื่อแจ้งสถานะว่าเกิดการ Redirect โดยไม่ตรวจสอบ