Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2014 มีรายได้รวม 1,409.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมาจากบริการสตรีมมิ่ง 1,223 ล้านดอลลาร์ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นส่วนนี้ 18.0% และมีกำไรสุทธิ 110 ล้านดอลลาร์

Netflix มีสมาชิกเพิ่มขึ้น 3.02 ล้านราย โดยมาจากตลาดนอกอเมริกา 2.04 ล้านราย น้อยกว่าที่บริษัทคาดการณ์ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้บริษัทมีสมาชิกทั่วโลกรวมถึง 53.1 ล้านรายแล้ว

ถ้าพูดถึงวงการ "ดูหนังที่บ้าน" ในสหรัฐอเมริกา คงไม่มีการต่อสู้ไหนโดดเด่นไปกว่า "สื่อเก่า" HBO ปะทะ "สื่อใหม่" Netflix (แม้ช่วงหลัง HBO จะหันมาทำระบบดูหนังออนไลน์ HBO Go ก็ตาม)

ล่าสุด Reed Hasting ซีอีโอ Netflix ออกมาคุยทับ HBO ว่ารายได้ไตรมาสล่าสุดของ Netflix อยู่ที่ 1.146 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้ารายได้ของ HBO ที่ 1.141 พันล้านดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า Netflix ยังตามหลัง HBO ในเรื่องกำไรและรางวัล Emmy ที่ได้รับอยู่ แต่ก็จะพยายามเต็มที่ในการไล่ให้ทันในเรื่องนี้

ปัจจุบัน HBO มีสมาชิก 130 ล้านคนทั่วโลก ในขณะที่ Netflix ยังมีสมาชิกประมาณ 50 ล้านคน

ที่มา - Ars Technica

ปัญหาความเป็นกลางของอินเทอร์เน็ต หรือ net neutrality ในสหรัฐฯ เริ่มเป็นปัญหาที่กระทบผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปแล้ว เมื่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือ ISP เริ่มจำกัดความเร็วในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ เว้นแต่ว่าเจ้าของบริการนั้น ๆ ยอมเสียเงินให้กับทาง ISP เอง ซึ่งก่อนหน้านี้บริการที่กระทบกับนโยบายเก็บเงินสองทางของ ISP นี้อย่างจัง คือบริการสตริมมิ่งภาพยนตร์อย่าง Netflix

ถึงแม้ Netflix ยังไม่เปิดให้บริการในเมืองไทย แต่ข่าวนี้แสดงให้เห็นทิศทางของโลกวิดีโอออนไลน์ได้ดีครับ

เจ้าพ่อแห่งบริการดูหนังออนไลน์ Netflix เดิมทีนั้นให้บริการผ่านระบบ Silverlight ของไมโครซอฟท์ (ด้วยเหตุผลเรื่อง DRM เป็นสำคัญ) แต่ก็เคยประกาศว่ากำลังเปลี่ยนผ่านจาก Silverlight มาเป็น HTML5 หลังจากวิดีโอบน HTML5 เริ่มมีฟีเจอร์ตามทัน Silverlight/Flash มากขึ้น

Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2014 มีรายได้ 1,066 ล้านดอลลาร์ อัตรากำไรขั้นต้น 15.6% และมีกำไรสุทธิ 53 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา Netflix มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 4 ล้านราย รวมมีสมาชิกตอนนี้ 48.35 ล้านราย แบ่งเป็นสมาชิกในอเมริกา 35.67 ล้านราย และนอกอเมริกา 12.68 ล้านราย

การเติบโตของฐานสมาชิก Netflix ในอเมริกาค่อนข้างคงที่ ขณะที่ในต่างประเทศโตแบบก้าวกระโดด โดยบริษัทคาดหวังว่าจะมีสมาชิกนอกอเมริกาจำนวนใกล้กับในอเมริกาเร็วๆ นี้

ปัจจุบัน Netflix มีอัตราค่าสมาชิก 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยมีแผนจะปรับราคาขึ้นเฉพาะสมาชิกใหม่เร็วๆ นี้ ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นให้คนที่ยังไม่สมัคร Netflix ตัดสินใจเร็วขึ้น

ปัจจุบันมีบริการดูหนังออนไลน์เกิดขึ้นมากมายในบ้านเรา ทั้งแบบถูกต้องและละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมองหาบริการดูหนังออนไลน์ในบ้านเราที่มีลักษณะเดียวกับ Netflix คือ 1) ถูกลิขสิทธิ์ 2) หนังเยอะ 3) คุณภาพความคมชัดสูง คงบอกได้ว่าไม่มีเลย

Hollywood HD เป็นบริการของคนไทยที่น่าจะใกล้เคียงกับนิยามข้างต้นมากที่สุด บริการนี้พัฒนาขึ้นโดยทีมงาน Fly Digital Media ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้จักชื่อมาก่อน (แต่ถ้าบอกว่าเป็นทีมเดียวกับบริษัทเพลินจิตมีเดีย ที่ทำระบบให้ AIS Mobile British Premier League ก็น่าจะคุ้นๆ แล้วใช่ไหมครับ)

ข่าวนี้อาจแสดงให้เห็นถึงอนาคตของรายการทีวีที่เริ่มย้ายขึ้นมาอยู่บนโลกออนไลน์ครับ

ค่ายการ์ตูนฝรั่ง Marvel (ปัจจุบันเป็นบริษัทลูกของ Disney) ประกาศว่าจะทำซีรีส์การ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ของตัวเอง 4 เรื่อง เพื่อฉายเฉพาะบนบริการดูหนังออนไลน์ Netflix เท่านั้น โดยจะเริ่มฉายในปี 2015 เป็นต้นไป

ฮีโร่ของ Marvel ที่จะได้ไปอยู่บน Netflix คือ Daredevil, Jessica Jones, Iron Fist, Luke Cage โดยซีรีส์หนึ่งจะมีความยาว 13 ตอน ฉายต่อๆ กันไปเป็นเวลาหลายปี และจะมีมินิซีรีส์รวมฮิตซูเปอร์ฮีโร่อีกหนึ่งภาคด้วย

ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2013 มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 พันล้านดอลลาร์ และมีกำไรต่อหุ้น 52 เซนต์

ตัวเลขที่น่าสนใจคือจำนวนสมาชิกที่สมัครใช้บริการ ซึ่งไตรมาสนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านคนเฉพาะในอเมริกา มีจำนวนชั่วโมงในการสตรีมวิดีโอรวมมากกว่า 5 พันล้านชั่วโมงเฉพาะไตรมาสที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 4 พันล้านชั่วโมงในไตรมาสที่ 2 อันเป็นผลจากการมีรายการที่ผลิตเพื่อฉายทาง Netflix โดยเฉพาะอย่างซีรี่ส์ House of Cards ที่ได้ถึง 3 รางวัลเอ็มมี่ และ Arrested Development ซีซั่นที่ 4

ข่าวนี้อาจไม่กระทบกับผู้ใช้ในประเทศไทยที่ Netflix ไม่ได้ให้บริการ แต่แสดงให้เห็นถึงทิศทางของโลกวิดีโอออนไลน์ที่มุ่งไปทาง HTML5 อย่างชัดเจน

Netflix ผู้ให้บริการสตรีมภาพยนตร์ชื่อดังซึ่งใช้ระบบ Silverlight ของไมโครซอฟท์ในปัจจุบัน เตรียมเปลี่ยนระบบจาก Silverlight (ที่ไมโครซอฟท์จะหยุดพัฒนาแล้ว) มาเป็น HTML5 แทน

Netflix ให้ข้อมูลว่าเข้าร่วมพัฒนามาตรฐาน HTML5 ส่วนขยายเพิ่มเติม (HTML5 Premium Video Extensions) กับกลุ่ม W3C เพื่อให้การเผยแพร่วิดีโอบน HTML5 มีความสามารถเท่าที่ตัวเองต้องการ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ

Reed Hasting ซีอีโอของบริษัทเช่าวิดีโอออนไลน์ Netflix ดำรงตำแหน่งบอร์ดบริหารของไมโครซอฟท์มา 5 ปี เขาจะลงจากตำแหน่งสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และให้ความเห็นที่น่าสนใจต่อไมโครซอฟท์ไว้หลายประการ

ค่ายหนัง Warner Bros. จะเปลี่ยนเงื่อนไขของภาพยนตร์ที่ฉายทางโรง จะถูกส่งมายังร้านเช่าหนังอย่าง Blockbuster, Redbox และ Netflix ช้ากว่าที่เคย จากเดิมที่ต้องรอให้แผ่นวางขายไปแล้ว 28 วัน จึงจะเปิดให้เช่าได้ ตอนนี้ตัวเลขเปลี่ยนมาเป็น 56 วัน

เหตุผลก็ตรงไปตรงมาครับ Warner Bros. ต้องการเพิ่มยอดขายแผ่นดีวีดีนั่นเอง

เงื่อนไขใหม่นี้ทำให้บริษัทเช่าหนังไม่พอใจ และมีข่าวว่า Coinstar ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ Redbox กำลังเจรจากับ Warner Bros. ใหม่

ที่มา - AllThingsD

ในที่สุด Netflix ก็ยอมถอยแล้วหลังจากบริษัทประกาศว่าจะแยกธุรกิจเช่าดีวีดีทางไปรษณีย์เป็น Qwikster และแยกบัญชีผู้ใช้งานสองระบบขาดออกจากกัน ทำให้ลูกค้า Netflix เดิมแสดงความไม่พอใจกันเป็นจำนวนมาก

หลังจาก Netflix ประกาศแยกธุรกิจเช่าดีวีดีทางไปรษณีย์เป็น Qwikster ไม่ทันไร ก็ได้รับเสียงคัดค้านจากลูกค้าของ Netflix มหาศาล จนสุดท้าย Netflix ต้องยอมล้มเลิกแผนการนี้แล้ว

ข่าวนี้ขยายความจาก งาน Facebook f8 วันนี้: Timeline และ Open Graph รุ่นใหม่ ในส่วนของ Open Graph ใครยังไม่ได้อ่านข่าวเก่าก็ย้อนไปอ่านก่อนครับ

นอกจากเรื่อง Timeline แล้ว สิ่งที่ Facebook ประกาศในงาน F8 คือ Open Graph API แบบใหม่ที่แอพสามารถโพสต์เนื้อหาบนวอลล์ของเราได้มากขึ้น โดยจะแสดงอัตโนมัติในส่วนของ Ticker ที่แสดงกิจกรรมแบบเรียลไทม์ และ "อาจจะ" ไปแสดงผลต่อบน News Feed กับ Timeline ได้

Netflix ผู้ให้บริการเช่ายืมดีวีดีทางไปรษณีย์รายใหญ่ในอเมริกา ซึ่งต่อมาเปิดให้บริการสตรีมมิ่งวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติมและประสบความสำเร็จอย่างดีประกาศวันนี้ว่าบริษัทจะแยกธุรกิจหลักสองส่วนนี้เป็นสองบริษัทจากกัน โดยส่วนการให้บริการเช่ายืมดีวีดีทางไปรษณีย์ซึ่งเป็นธุรกิจแรกเริ่มนั้นจะไปตั้งเป็นบริษัทใหม่ชื่อ Qwikster ขณะที่ Netflix จะเหลือให้บริการเพียงสตรีมมิ่งวิดีโออย่างเดียว

หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่า Amazon กำลังเจรจากับสำนักพิมพ์หลายราย เพื่อเปิดบริการเช่าอีบุ๊กแบบเหมาจ่ายรายปี

บริการนี้จะมีลักษณะเดียวกับการใช้เช่าวิดีโอ-ดีวีดีของบริษัท Netflix นั่นคือลูกค้าจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนหรือรายปี โดยมีโควต้าในการยืมวิดีโอจำนวนหนึ่ง (เช่น 3-5 เรื่อง) กระบวนการคือลูกค้าเลือกวิดีโอผ่านหน้าเว็บ ได้รับวิดีโอทางไปรษณีย์ ดูจนจบแล้วส่งคืนทางไปรษณีย์ ก็จะได้โควต้าคืนกลับมาเพื่อวิดีโอเรื่องอื่นต่อไป

กรณีของ Amazon คาดว่ามันจะอยู่บนแพลตฟอร์มอีบุ๊ก Kindle ที่มีอยู่แล้ว โดยเปลี่ยนจากการส่งไปรษณีย์เป็นสิทธิในการโหลดอีบุ๊กมาอ่านแทน แต่ระบบการนับโควต้าน่าจะคล้ายๆ กัน

บนเวที CES 2011 นอกจากที่ไมโครซอฟท์ประกาศความสำเร็จของ Kinect กับยอดขาย 8 ล้านเครื่องแล้ว ไมโครซอฟท์ยังประกาศฟีเจอร์ใหม่ของ Kinect อีก 2 อย่าง

อย่างแรก Avatar Kinect ใช้กล้องของ Kinect จับความเคลื่อนไหวแล้วมาทำเป็นคาแรกเตอร์ประจำตัว ที่ไม่ธรรมดาคือมันจับความเคลื่อนไหวได้ถึงระดับส่วนต่างๆ ของใบหน้า (เช่น การยักคิ้ว) รวมไปถึงการขยับนิ้วมือ นอกจากนี้ยังใช้ avatar ประจำตัวสนทนากับเพื่อนๆ avatar ด้วยกันได้ด้วย

ในการเปิดตัวฟีเจอร์นี้ สตีฟ บัลเมอร์ได้ส่ง avatar ของตัวเองขึ้นเวทีทำหน้าที่แทน เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย