ดิสนีย์รายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนมิถุนายน โดยธุรกิจสตรีมมิ่งทั้งหมดของดิสนีย์ (กลุ่ม Direct-to-Consumer หรือ DTC รวมกับ ESPN+) มีกำไรจากการดำเนินงานเป็นครั้งแรก 47 ล้านดอลลาร์ จากไตรมาสก่อนหน้านี้เฉพาะ DTC (Disney+ และ Hulu) ที่มีกำไร
Bob Iger ซีอีโอดิสนีย์กล่าวว่าไตรมาสที่ผ่านมาธุรกิจบันเทิงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งภาพยนตร์ใน Box Office และธุรกิจสตรีมมิ่งที่มีกำไรเป็นครั้งแรก โดย Inside Out 2 ทำรายได้ทั่วโลกมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ เป็นภาพยนตร์อนิเมชันทำเงินสูงสุดตลอดกาล
Disney+ มีจำนวนสมาชิกทั่วโลก 118.3 ล้านบัญชี โดยยังไม่รวม Disney+ Hotstar ที่มีสมาชิก 35.5 ล้านบัญชี ส่วน Hulu มีสมาชิก 51.1 ล้านบัญชี
Disney Entertainment และ Warner Bros. Discovery สองค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของโลกที่เป็นคู่แข่งกันมายาวนาน ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกันในธุรกิจสตรีมมิ่ง โดยจะออกแพ็กเกจสตรีมมิ่งใหม่ที่มัดรวมเอาบริการสตรีมมิ่งทั้งสองค่ายเข้าด้วยกัน
แพ็กเกจบันเดิลตัวใหม่จะได้ทั้ง Disney+, Hulu (ปัจจุบันเป็นของ Disney 100% แล้ว) และ Max (HBO Max เดิม) ตอนนี้ยังไม่ประกาศราคา แต่จะมีให้เลือกทั้งแบบมีและไม่มีโฆษณา และจะเริ่มให้บริการในสหรัฐอเมริกาช่วงฤดูร้อนกลางปีนี้
Disney+ เริ่มผนวกคอนเทนต์จาก Hulu เข้ามา ตามที่เคยประกาศไว้ ตัวอย่างคอนเทนต์ของ Hulu ที่เพิ่มเข้ามาใน Disney+ ได้แก่ Grey’s Anatomy, Only Murders in the Building, Poor Things, The Bear
Hulu เป็นบริการสตรีมมิ่งที่มีเฉพาะในสหรัฐ ที่ค่ายสื่อยักษ์ใหญ่ 3 ค่ายเคยร่วมลงขันกัน หลังจากนั้น Disney ซื้อหุ้นทั้งหมดของ Hulu คืนมาได้สำเร็จในช่วงปลายปี 2023 และประกาศแผนระยะยาวในการควบรวมแอพ Hulu เข้ากับ Disney+
ดิสนีย์รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมา บริการสตรีมมิ่ง Disney+ มีสมาชิกเพิ่มขึ้น 6.9 ล้านบัญชี รวม 112.6 ล้านบัญชี โดยมีคอนเทนต์เด่นในไตรมาสคือภาพยนตร์ Elemental, Little Mermaid และ Guardians of the Galaxy Vol. 3 ส่วนซีรี่ส์ออริจินัลมี Ahsoka และซีรี่ส์เกาหลี Moving
การเติบโตนี้ทำให้ภาพรวมส่วนธุรกิจ Direct-to-Consumer มีรายได้เฉพาะส่วนเพิ่มขึ้น 12% เป็น 5,036 ล้านดอลลาร์ ขาดทุนจากการดำเนินงานลดลงเป็น 420 ล้านดอลลาร์
ดิสนีย์ประกาศซื้อหุ้นจำนวน 33% ของ Hulu แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ให้บริการในสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนที่ NBC Universal ถืออยู่ โดยดิสนีย์คาดว่าจะต้องจ่ายเงินส่วนนี้ราว 8.61 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้จึงสะท้อนมูลค่าของ Hulu ว่าอยู่ที่อย่างน้อย 2.75 หมื่นล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ Hulu มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นคือดิสนีย์ถือหุ้นอยู่ 2 ใน 3 ซึ่งดิสนีย์ได้หุ้น Hulu จากการซื้อกิจการ 21st Century Fox เมื่อปี 2017 รวมกับอีกส่วนที่ WarnerMedia ขายให้ โดยมีอีก 1 ใน 3 ที่เป็นของ NBC Universal อย่างไรก็ตาม Comcast บริษัทแม่ของ NBC Universal ได้ทำข้อตกลงไว้ในปี 2019 ให้บริษัทสามารถขายหุ้น Hulu ส่วนนี้กับดิสนีย์ได้เมื่อครบกำหนดเวลา และทำให้ดิสนีย์เป็นเจ้าของ Hulu ทั้งหมด
ดิสนีย์รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2023 จำนวนสมาชิก Disney+ ลดลงต่ออีกไตรมาส โดยลดลง 4 ล้านบัญชี จำนวนสุทธิเป็น 157.8 ล้านบัญชี จำนวนที่ลดลงส่วนใหญ่มาจากผู้ใช้งานในอินเดียที่เป็นลูกค้า Disney+ Hotstar ลดลง 6 แสนราย
ถึงแม้จำนวนสมาชิกสตรีมมิ่งจะลดลง แต่ตัวเลขทางการเงินส่วนธุรกิจ Direct-to-Consumer ก็ขาดทุนเฉพาะส่วนนี้ลดลงเป็น 659 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ส่วนนี้เพิ่มขึ้น 12% เป็น 5.51 พันล้านดอลลาร์
Bob Iger ซีอีโอ Disney เปิดเผยว่าสำหรับผู้ใช้งานในอเมริกา คอนเทนต์ของ Hulu แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอีกตัวของดิสนีย์ จะนำมารวมกับใน Disney+ เพื่อให้ผู้ใช้งานใช้แอปเดียวเข้าถึงเนื้อหาได้ทั้งหมด
Marissa Mayer อดีต CEO ของ Yahoo! ได้เปิดเผยความรู้สึกเสียใจจากการที่ Yahoo! ได้ซื้อเข้าแพลตฟอร์ม Tumblr ในราคา 1.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2013 แทนที่ควรจะซื้อ Netflix หรือ Hulu ที่ตอนนั้น Netflix มีมูลค่าอยู่ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ และ Hulu มีมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์
Mayer เล่าว่าตอนนั้นบริษัทต้องการซื้อกิจการที่พลิกโฉมบริษัท โดยพิจารณาทั้ง Tumblr, Netflix และ Hulu แต่ก็ตัดสินใจเลือกเจ้าแรกไป ขณะที่ธุรกิจสตรีมมิ่ง Yahoo! ดันเอา Yahoo! Screen ที่เดิมให้ผู้ใช้อัปโหลดวิดีโอเหมือน YouTube ก่อนจะเปลี่ยนโมเดลเป็นวิดีโอออนดีมานด์แทนการซื้อกิจการ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และปิดตัวไปเมื่อ 2019
Hulu ประกาศวันฉายมินิซีรีส์เรื่อง "The Dropout" เล่าเรื่องของ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้งบริษัท Theranos สตาร์ตอัพด้านสุขภาพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก็ถูกจับโกหกได้และเป็นคดีในชั้นศาลอยู่ตอนนี้
ซีรีส์เรื่องนี้ได้ Amanda Seyfield มารับบทเป็น Elizabeth Holmes มีกำหนดฉายวันที่ 3 มีนาคม 2022 (สำหรับบ้านเราก็ต้องลุ้นกันว่าจะได้ดูใน Disney+ Hotstar หรือไม่)
เรื่องราวของ Theranos ถูกดัดแปลงเป็นซีรีส์บ้างแล้ว โดย HBO เคยทำสารคดีชื่อ The Inventor เมื่อปี 2018 และหนังสือที่เล่าประวัติ Theranos ชื่อว่า Bad Blood อยู่ระหว่างการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ แสดงโดย Jennifer Lawrence และจะฉายทาง Apple TV+ โดยยังไม่ระบุช่วงเวลา
Nielsen เปิดตัว The Gauge การจัดเรตติ้งการดูเนื้อหาในทีวีทั้งหมด หรือ Total Usage of Television (TUT) เป็นรายเดือน ให้รู้กันไปเลยว่า คนใช้งานสตรีมมิ่งเยอะกว่าเคเบิลทีวีแล้วจริงหรือไม่ โดยแบ่งประเภทเนื้อหาออกเป็นเนื้อหาสำหรับออกอากาศ, สตรีมมิ่ง, เคเบิล และอื่นๆ
จากรายงานใหม่ของ The Gauge ซึ่งจัดเรตติ้งในทีวีสหรัฐฯ พบว่าคนยังคงดูทีวีแบบเก่า คือดูรายการออกอากาศ และเคเบิลทีวี คิดเป็น 25% และ 39% ตามลำดับ ส่วนสตรีมมิ่งนั้นอยู่ที่ 26%
Hulu บริการสตรีมมิ่งเปิดแพ็กเกจใหม่สำหรับนักศึกษาแค่เดือนละ 1.99 ดอลลาร์ หรือราว 60 บาท สำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป และมีการยืนยันตัวตนว่าเป็นนักศึกษาอยู่จริง สามารถใช้งานและสตรีมเนื้อหาได้เหมือนแพ็กเกจ 5.99 ดอลลาร์ทุกอย่าง มีโฆษณารองรับ สตรีมได้สองอุปกรณ์ และสตรีมแบบ Watch Party ดูหนังพร้อมเพื่อนๆ ได้สูงสุด 7 คน
การแชร์รหัสผ่านบริการสตรีมมิ่งให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเป็นพฤติกรรมปกติ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมนี้ของผู้ใช้งาน ไม่ส่งผลดีต่อรายได้บริษัทสตรีมมิ่ง
บริษัทวิจัยข้อมูล Parks Associates เผยว่า การแชร์รหัสผ่านสตรีมมิ่งร่วมกัน การเอารหัสผ่านไปขายต่อ ทำให้อุตสาหกรรมสตรีมมิ่งเสียรายได้ที่ควรจะได้ไปถึง 9.1 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2019 และจะสูงถึง 12.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024
งานวิจัยจาก Hub Entertainment Research พบว่าร้อยละ 31 ของผู้ใช้งานสตรีมมิ่งทั้งหมด ให้รหัสผ่านแก่คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว และเป็นพฤติกรรมกระจุกอยู่ในกลุ่มผู้ใช้ช่วงอายุ 13-24 ปี
ผู้ใช้งาน Netflix อาจคุ้นกับพฤติกรรม binge watching หรือลงซีรีส์ทีเดียวทั้งซีซั่นดูรวดเดียวทั้งคืน ถือเป็นพฤติกรรมเสพคอนเทนต์แบบใหม่ จากเดิมที่คนต้องรอซีรีส์ตอนใหม่เป็นรายสัปดาห์ซึ่งเป็นธรรมเนียมเดิมของเคเบิลทีวี
อย่างไรก็ตาม บรรดาคู่แข่งหน้าใหม่ของ Netflix กลับยึดถือแนวทางเดิม ในงาน D23 ที่ดิสนีย์ประกาศไลน์อัพเนื้อหาใหม่ๆ ที่จะลงสตรีมมิ่ง Disney+ ก็ระบุด้วยว่าเนื้อหาซีรีส์จะลงเป็นรายสัปดาห์ เช่นเดียวกันกับ HBO Now ที่ยังคงยึดแนวทางลงคอนเทนต์ในรูปแบบของ HBO ด้านแอปเปิลก็มีข่าวลือว่าจะลงเป็นรายสัปดาห์ด้วย กล่าวคือเป็นการเลือกลงคอนเทนต์แนวทางนี้โดยสมัครใจแม้จะไม่มีข้อผูกมัดกับเคเบิลทีวี
มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากสตรีมมิ่ง Disney+ ที่ใกล้จะเปิดตัวเต็มที ว่าในราคา 12.99 ดอลลาร์นี้ รวมบริการ Hulu และ ESPN แล้ว เท่ากับว่าได้ดูคอนเทนต์สามเจ้าในราคาที่ถูกกว่า Netflix
เว็บไซต์ข่าวธุรกิจบันเทิง Variety ของสหรัฐอเมริกา รายงานข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า Disney กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาขอซื้อหุ้น Hulu หนึ่งในบริการสตรีมมิ่งวิดีโอยอดนิยมของสหรัฐอเมริกา ส่วนที่ AT&T ถือไว้อยู่ 10% ผ่าน WarnerMedia เปิดทางให้บริษัทควบคุมแพลตฟอร์มและบริการนี้อย่างเบ็ดเสร็จ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่กว่า 70%
เว็บไซต์ Streaming Observer รายงานว่า แม้หนังใน Amazon Prime จะมีจำนวนมากกว่าสตรีมมิ่งเจ้าอื่นรวมกัน และ Netflix ก็โดนวิจารณ์ว่ามีปริมาณหนังน้อยลงจากปี 2010 มาก แต่ปริมาณก็ไม่ได้ส่งผลแต่อย่างใด เพราะหนังที่ได้คะแนนรีวิวดีมาจาก Netflix มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น
หลังจาก Netflix ประกาศเพิ่มราคาเพียงวันเดียว Hulu ก็ใช้โอกาสนี้ประกาศลดราคาเลย โดยราคาเบสิคจากที่ 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน เหลือ 5.99 ดอลลาร์ต่อเดือน มีผล 26 กุมภาพันธ์นี้
อย่างไรก็ตาม Hulu ใช้วิธีเพิ่มราคาในแผนอื่นแทน ไม่เหมือน Netflix ที่เพิ่มราคาทุกแผน โดย Hulu ไปเพิ่มใน Live TV แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเนื้อหาสำหรับสมาร์ททีวี เพิ่มจาก 39.99 ดอลลาร์ เป็น 44.99 ดอลลาร์
Hulu ประกาศว่าตอนนี้ยอดผู้สมัครสมาชิกมีจำนวนถึง 25 ล้านคนแล้ว โดยจำนวนสมาชิกของ Hulu ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 50% ซึ่งแม้ว่าจะน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง Netflix อยู่มาก แต่แนวโน้มจำนวนสมาชิกของ Hulu ก็ยังคงเติบโตอยู่เรื่อย ๆ
Bob Iger ซีอีโอของ Disney กล่าวถึงแผนการขยายคลังคอนเทนต์ของ Hulu ว่า จะต้องทำ original content รวมถึงซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์จากต่างประเทศมาฉายบนแพลตฟอร์มแบบ exclusive ให้มากกว่าเดิม รวมถึงมีโอกาสที่ Disney จะขยาย Hulu ออกไปให้บริการในต่างประเทศด้วย ทั้งนี้จะต้อง Disney จะต้องรอให้กระบวนการซื้อกิจการของ Fox ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Hulu ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
ประกาศออกมาแล้วสำหรับแคนดิเดตผู้ที่จะได้รับรางวัลต่างๆ ของ Emmy Awards ที่เป็นรางวัลทางโทรทัศน์เทียบเท่าได้กับรางวัลออสการ์ของทางฝั่งภาพยนตร์เลยทีเดียว และปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่รายการทีวีบน Netflix ได้เข้าชิงรางวัลมากกว่า HBO เป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี โดย Netflix เข้าชิง 112 รางวัล ขณะที่ HBO เข้าชิง 108 รางวัล
ซีรีส์ Netflix ที่น่าจับตาดูในการประกาศรางวัลครั้งนี้คือ Ozark ที่ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และ Black Mirror ที่เข้าชิง Best Television Movie
ด้าน Hulu ได้เข้าชิง 72 รางวัล มี The Handmaid’s Tale ที่เข้าชิงรางวัลใหญ่อีกครั้ง ส่วน Amazon ได้เข้าชิง 20 รางวัล
ก่อนหน้านี้ Spotify ร่วมกับ Hulu ทำโปรโมชั่นสองแพลตฟอร์มราคาเดียว 12.99 ดอลลาร์ต่อเดือน และล่าสุด ดูเหมือนว่าความร่วมมือจะไม่หยุดแค่นี้ เมื่อ Spotify อาจเพิ่ม อ่านอีบุ๊ก Scribd เว็บไซต์รับฝากไฟล์ PDF เข้ามาในแพ็กเกจพรีเมี่ยมด้วย
จัดเต็มทั้งหนังเพลง เมื่อ Spotify กับ Hulu ทำโปรโมชั่นลดราคาร่วมกัน โดยจ่ายรายเดือน 12.99 ดอลลาร์ ได้ทั้งแพ็กเกจฟังเพลงพรีเมี่ยมของ Spotify และได้ดูคอนเทนต์จาก Hulu ด้วย ใช้ได้ทั้งผู้ใช้ที่จะสมัครใหม่ และผู้ใช้เดิม เริ่มเปิดใช้ในสหรัฐฯช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้
ส่วนแพ็กเกจที่ผู้ใช้จะได้จาก Hulu เป็น Limited Commercials ที่มีคอนเทนต์กว่า 75,000 เรื่องบนแพลตฟอร์ม ซึ่งปกติราคา 7.99 ดอลลาร์ ถือว่าประหยัดสตางค์ไปได้เยอะทีเดียว สำหรับคอนเทนต์เด่นๆ ของ Hulu คือซีรี่ส์แนวดิสโธเปีย The Handmaid’s Tale
The Handmaid’s Tale ซีรีส์จากสตรีมมิ่งค่าย Hulu จุดประเด็นเป็นที่น่าจับตามองอีกครั้งเมื่อซีรีส์ซิวสองรางวัลใหญ่ Goglen Globes ครั้งที่ 75 ในสาขาซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมและนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
ด้านผู้เข้าชิงสาขาซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมรายอื่นคือ The Crown, Game of Thrones, Stranger Things และ This is Us
Hulu ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งแบบ on-demand กระโดดเข้ามาร่วมวง eSports เป็นครั้งแรก ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับ ESL ผู้จัดทัวร์นาเมนต์การแข่งขันเกมยักษ์ใหญ่ เตรียมสร้าง 4 ซีรีส์ใหม่ที่โฟกัสเกี่ยวกับเนื้อหาในแง่มุมต่างๆ ของวงการ eSports
The Handmaid’s Tale ซีรี่ส์แนวดิสโทเปียจากช่องสตรีมมิ่ง Hulu กวาดรางวัลใหญ่จาก Emmy Awards ไปหลายรายการ คือ ซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประเภทซีรีส์ดราม่า ผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม ส่งผลให้ Hulu เป็นสตรีมมิ่งรายแรกที่ทำคอนเทนต์ซิวรางวัลใหญ่จาก Emmy Awards แม้ตัวซีรีส์จะไม่ลงทุนสูงเท่า HBO และ Netflix
รางวัลครั้งนี้เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับ Hulu เพราะไม่เพียงเอาชนะเจ้าอื่นที่เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่งด้วยกันอย่าง Amazon และ Netflix แต่ยังเอาชนะช่องใหญ่ด้วย เพราะแต่ไหนแต่ไรมา รางวัลเวที Emmy Awards ซีรีส์ที่ได้รางวัลใหญ่มักจะมาจาก Big Four คือ ABC, CBS, Fox และ NBC
Hulu บริการสตรีมมิ่งดูรายการทีวี-ซีรีย์ออนไลน์ของสหรัฐฯ เตรียมจะปิดบริการฟรีสำหรับผู้ใช้ โดยจะทำให้บริการมีแต่การจ่ายเงินเพื่อบอกรับสมาชิกเท่านั้น คือ บริการที่ถูกกว่าที่ยังมีโฆษณาบ้าง จ่ายที่ราคา 7.99 ดอลลาร์ และบริการที่แพงกว่าและไม่มีโฆษณา จ่ายที่ราคา 11.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
นอกจากนี้ Yahoo ก็เพิ่งจะเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งใหม่ชื่อว่า Yahoo View ซึ่งบริการนี้จะมี Hulu ด้วย โดยจะให้ผู้ชมดูรายการย้อนหลังได้ 5 รายการล่าสุดฟรี ซึ่งจากบริการใหม่ของ Yahoo นี้ก็น่าจะทำให้ Hulu ย้ายบริการฟรีทั้งหมดไปอยู่ได้ไม่ยาก (คือเป็นบริการฟรีเหมือนเดิม แต่ย้ายที่อยู่) และ Hulu จะเหลือแค่สมาชิกที่จ่ายเงินเท่านั้น และผู้ที่ต้องการดูฟรีก็ให้ไปดูผ่าน Yahoo View
IBM Cloud Video ได้ทำผลสำรวจผู้สมัครบริการบอกรับสมาชิกวิดีโอ เช่น Netflix, Hulu, Amazon โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,007 คนในสหรัฐเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยคำถามในแบบสอบถามก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานบ่อย ๆ, การยกเลิกสมาชิก ฯลฯ
ผลสำรวจของ IBM นั้นเผยว่า 31% ของผู้สำรวจบอกว่าพวกเขาได้ยกเลิกสมาชิกวิดีโอไปแล้ว ซึ่งเมื่อสนใจเฉพาะที่บริการของ Amazon หรือ Hulu นั้น ยอดยกเลิกบริการมีสูงถึง 40% และเมื่อถามถึงเหตุผลว่าทำไมผู้ใช้จึงยกเลิกบริการ 27% ตอบว่าเพราะมีโฆษณามากเกินไป, 25% เลิกเพราะเหตุผลด้านราคา, 20% บอกว่าเพราะมีวิดีโอน้อยไป และ 17% บอกว่าเพราะปัญหาด้านเทคนิค โดย 73% ในนั้นกล่าวถึงปัญหาการรอโหลดวิดีโอ