เว็บไซต์ ZDNet ได้ไปเห็นอีเมลภายในฉบับหนึ่งของแผนก Sales, Marketing, Services, IT, & Operations Group (SMSG) ของไมโครซอฟท์ซึ่งส่งมาจากซีเอฟโอ Alain Crozier โดยมีใจความเกี่ยวกับนโยบายใหม่ของแผนก SMSG ว่าต่อจากนี้ไปจะไม่อนุญาตให้ใช้งบประมาณของบริษัทในการจัดซื้อ iPad และ Mac อีกต่อไป โดยจะเริ่มใช้นโยบายนี้ในสหรัฐก่อนแล้วจึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนในประเทศอื่นๆ นอกสหรัฐต่อไป ในอีเมลยังมีบอกเพิ่มเติมว่าถึงแม้ปริมาณในการซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวนี้จะมีไม่มาก แต่ก็จำเป็นต้องมีกระบวนการในการปรับเปลี่ยนอยู่บ้างเหมือนกัน
Korea Times รายงานว่าหนึ่งในผู้บริหารของซัมซุงที่ไม่อาจจะเปิดเผยชื่อได้ ได้ออกมารายงานว่าแอปเปิลได้เซ็นสัญญาซื้อชิ้นส่วนกับซัมซุงเป็นมูลค่าอย่างน้อย 9.7 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ และคาดว่ายอดนี้อาจจะสูงขึ้นถึง 11 พันล้านดอลลาร์หากมีกระแสความต้องการสินค้าของแอปเปิลที่สูง
ทั้งหมดนี้มาจากการที่แอปเปิลได้เลือกใช้ชิ้นส่วนจากซัมซุงในอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หน้าจอบน iPad ไปจนถึง MacBook Air ที่ใช้ SSD จากซัมซุง "รวมไปถึง iPad ขนาดเล็ก"
นอกจากนี้ในรายงานยังบอกอีกว่าซัมซุงจะเป็นผู้ผลิตจอ PLS LCD สำหรับ iPad รุ่นเล็กให้กับแอปเปิล และแอปเปิลเองก็สนใจในเทคโนโลยีจอแสดงผล OLED ของซัมซุง เพียงแต่ว่าตอนนี้ซัมซุงอาจจะไม่สามารถผลิตจอดังกล่าวในจำนวนที่แอปเปิลต้องการได้ในตอนนี้
หลังเปิดตัวรายละเอียดของ iPad รุ่นใหม่ไปแล้ว บรรดานักวิเคราะห์จากหลายสำนักก็ทยอยปรับประเมินตัวเลขยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดของแท็บเล็ตปีนี้ ซึ่งออกมาเป็นดังนี้ครับ
นักวิเคราะห์จาก Gene Munster บอกว่าสเปก iPad ตัวใหม่นี้ น่าประทับใจ มีการก้าวกระโดดจาก iPad 2 อย่างมีนัยสำคัญ และถึงแม้กรณีเลวร้ายที่สุด ส่วนแบ่งในตลาดแท็บเล็ตของแอปเปิลจะลดลงไปเหลือ 50% แต่แท็บเล็ตรวมจะแย่งลูกค้าจากตลาดพีซีมาด้วย ทำให้ยอดขาย iPad ปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 26% จากปีก่อน
นักวิเคราะห์จาก UBS มองว่า iPad รุ่นใหม่นี้จะเร่งยอดขายได้เร็วมากขึ้นจากกำหนดการจำหน่ายทั่วโลกที่เร็วขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับตอน iPad 2 โดยในไตรมาสปัจจุบันนี้ iPad รวมน่าจะขายได้ราว 12 ล้านเครื่อง
สิ่งที่พลิกโผที่สุดของงานแถลงข่าว iPad รุ่นใหม่เมื่อคืนนี้ คงเป็นเรื่อง "ชื่อ" ที่สุดท้ายแล้วเป็นแค่ "iPad" สั้นๆ ห้วนๆ ไม่มีชื่อรุ่นต่อท้ายเหมือน iPad 2
หลังจากมีการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่กันไปแล้วในชื่อ "The New iPad" ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจว่าทำไมแอปเปิลถึงเลือกที่จะใช้ชื่อนี้แทนที่จะเป็น "iPad 3", "iPad HD" หรือ “iPad Epic Pro Super X 4G LTE Touch” ซึ่ง Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิลได้ให้เหตุผลสั้นๆว่า
"ก็เพราะเราไม่อยากให้ใครคาดเดาได้น่ะสิ"
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะแอปเปิลมักจะขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีก็มีเสียงตอบรับในเชิงไม่เห็นด้วยซักเท่าไหร่ เช่น Charles Rashall ประธานและผู้ก่อตั้ง Brandadvisors ได้กล่าวว่า "เมื่อคุณพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ไม่ตั้งชื่อให้ต่างจากเดิม อาจทำให้เกิดความสับสนได้"
ในงานเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ได้มีสถิติที่น่าสนใจของแอปเปิลออกมาหลายอย่าง โดยแอปเปิลจงใจพูดถึงอุปกรณ์ยุคหลังพีซี (Post PC) ที่หมายถึง iPod, iPhone และ iPad ว่าสามารถทำรายได้ถึง 76% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาสที่สี่ปีก่อน ส่วนสถิติอื่นๆ มีดังนี้
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับ iPad รุ่นใหม่ของปีนี้ โดยรวมแล้วหน้าตาตัวเครื่องไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม (iPad 2) มากนัก ส่วนสเปคก็แทบจะตรงกับข่าวลือที่หลุดมาก่อนหน้าทุกประการดังนี้
เป็นที่รู้กันดีกว่าในชาตินี้ แอปเปิลอาจไม่มีวันที่จะออกสไตลัสมาใช้ร่วมกับอุปกรณ์ในบริษัทตัวเอง (เพราะว่าจ็อบส์เกลียด)แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ต้องการใช้จริงๆ เพราะมีสไตลัสสำหรับไอโฟน ไอแพดวางขายอยู่มากมาย และ Ten One Design เองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนั้นที่ไม่ได้เพียงทำให้มันเป็นสไตลัส แต่ทำให้ทัดเทียมกับคู่แข่งต่างระบบปฏิบัติการคือสามารถรองรับแรงกดได้นั่นเอง
สไตลัสที่ว่านี้ยังไม่มีชื่อ แต่มีโค้ดเนมว่า Project Blue Tiger ที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ iDevice ผ่านบลูทูธ 4.0 ที่รัน iOS 5 ขึ้นไป และหากทำแอพที่รองรับกับสไตลัสนี้แล้ว จะสามารถทำให้อุปกรณ์รับการเขียนผ่านสไตลัสอย่างเดียวได้ หรือวางมือบนจอได้นั่นเอง
จากคำเชิญที่ว่า "We have something you really have to see. And touch." คำว่า "And touch" คงจะสะดุดใจหลายคนบ้างเพราะปกติ iPad ก็สัมผัสได้อยู่แล้ว ทำไมสองคำนี้ถึงกับถูกนำมาขึ้นเป็นประโยคใหม่เลยทีเดียว
ข่าวลือล่าสุดในวินาทีสุดท้ายก่อนเปิดตัว iPad ใหม่ในคืนนี้กล่าวว่า แอปเปิลอาจจะมีเทคโนโลยีหน้าจอแบบ "ผิวไม่เรียบ" (on-screen texture) มาด้วย โดยเป็นเทคโนโลยีจากบริษัทหนึ่งในประเทศฟินแลนด์ที่ชื่อว่า Senseg ที่มีข่าวว่ามีความร่วมมือกับแอปเปิลมาก่อนหน้านี้
งานนี้ทำให้คำว่า "And touch" ดังกล่าวฟังดูน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมาเลยทีเดียว อีกไม่กี่ชั่วโมง รอชมกันครับ
มีรายงานว่าคืนนี้แอปเปิลเตรียมตัว iPad 3 พร่้อมกับแพลทฟอร์ม system-on-a-chip ใหม่ A5X ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผล dual core ตัวเดียวกันกับ A5 ที่มีอยู่ใน iPhone 4S กับ iPad 2 เพียงแต่ A5X จะมาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลกราฟฟิกที่สูงกว่า และมีหน่วยความจำมากกว่า A5
ในส่วนของความสามารถในการเชื่อมต่อ iPad 3 จะมีตัวเลือกมากกว่า iPad 2 คือจะมีรุ่นที่รองรับ LTE บนเครือข่าย AT&T และ Verizon และอีกรุ่นที่รองรับเฉพาะ HSPA กับ CDMA สำหรับตลาดนอกสหรัฐ
ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ รายงานเดียวกันอ้างว่าแอปเปิลจะเปิดตัว Apple TV ใหม่ที่รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอ 1080p ซึ่งสามารถนำไปใช้งานร่วมกับ AirPlay และ mirror display บน iPad 3 กับ OS X Mountain Lion ได้
ขอสรุปหลักใหญ่ใจความ
ผลงานสุดสร้างสรรค์จาก Amidio ออกแบบมาเพื่อคนรักอูคูเลเล่โดยเฉพาะคุณ ตัวโปรแกรมใช้การเชื่อมต่อผ่านระบบบลูทูธ โดยมีการจำลองสายอูคูเลเล่ขึ้นมาสี่เส้นบน iPad ส่วนการจับคอร์ดผ่าน iPhone ด้านตัวโปรแกรมคาดว่าน่าจะมีการวางขายในช่วงเมษายน ส่วนจะมีการพัฒนาให้ใช้ร่วมกับ iPad 3 คงต้องเป็นเรื่องของอนาคต อย่างไรก็ดีถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ถือว่าดีเลยทีเดียว รับชมตัวอย่างแอพ Futuleleในวิดีโอคลิปครับ
ที่มา - Engadget
เราเคยเสนอข่าวก่อนหน้านี้ไปแล้วว่า Gizmodo เชื่อว่า iPad รุ่นถัดไปที่เตรียมเปิดตัววันที่ 7 มีนาคมนี้
เว็บขายของออนไลน์ PriceGrabber ได้สำรวจความเห็นลูกค้าจำนวน 1,829 คน พบว่า 42% ของผู้มี iPad อยู่แล้วบอกว่าตนน่าจะซื้อ iPad รุ่นถัดไปหรือที่เรียกกันตอนนี้ก่อนว่า iPad 3 เมื่อลงรายละเอียดพบว่า 39% บอกจะซื้อในปี 2012 นี้, 20% บอกจะซื้อภายในเดือนแรกที่วางจำหน่าย และ 11% บอกจะซื้อในสัปดาห์แรกเลย
แม้จะไม่มีรายละเอียดของ iPad 3 ออกมาในตอนนี้ แต่การสำรวจก็ถามต่อไปว่าอะไรคือเหตุผลที่คุณจะซื้อ iPad 3 ซึ่งผลที่ออกมาทำให้เห็นความคาดหวังได้พอสมควร
54% ซื้อเพราะราคาจะถูกลง, 53% บอกว่าแบตเตอรี่ดีขึ้น, 49% บอกเพราะรองรับการ์ด SD, 44% บอกเพราะกล้องจะดีขึ้นแถมมีแฟลชด้วย, 44% บอกเพราะมาพร้อมซีพียู A6, 41% บอกรองรับ HDMI และ 36% บอกรองรับการถ่ายโอนข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สาย
ใกล้มาแล้วครับกับวันเปิดตัว iPad 3 ที่หลายๆ คนเฝ้ารอคอยสำหรับรายงานข่าวนี้มีการเปิดเผยว่า iPad 3 นั้นจะมาในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาของ iPad 2 ช่วงเปิดตัว และจะมีความจุในการเก็บข้อมูลเดียวกันด้วยคือ 16GB, 32GB และ 64GB
สำหรับแหล่งที่มาของข่าวนี้คือได้มีการเปิดเผยข้อมูลของตัวเลขที่ปรากฎอยู่บนคลังสินค้าปลีกของ Apple ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะคงราคาเอาไว้ เพราะเป็นธรรมดาของ Apple อยู่แล้วที่จะไม่ปรับราคาให้สูงขึ้นจนเกินไปตั้งแต่ประวัติศาสตร์การขายสินค้ามา
ที่มา - MacRumors
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กองทัพอากาศสหรัฐได้เปิดเผยว่าจะเปลี่ยนคู่มือของนักบินจากกระดาษเป็นดิจิตอลผ่านแท็บเล็ต การจัดซื้อครั้งนี้ทำผ่านบริษัท Executive Technology แท็บเล็ตที่ได้รับการเลือกครั้งนี้คือ iPad 2 รุ่น WiFi 32 GB เครื่องเหล่านี้จะถูกใช้โดยลูกเรือของเครื่องบินรุ่น C-5, C-17, C-130, KC-10 และ KC 135 (เป็นเครื่องบินลำเลียงและเครื่องบินเติมน้ำมันทางอากาศ)
การจัดซื้อครั้งนี้เป็นมูลค่ากว่า 9.36 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยังไม่ได้ระบุจำนวนแน่นอนของจำนวนเครื่องที่จะซื้อ แต่ด้วยเงินจำนวนนี้นั้นสามารถซื้อ iPad ได้กว่า 18,000 เครื่อง ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดของการจัดซื้อภาครัฐที่แอปเปิลเคยได้รับ
แน่นอนแล้วว่า iPad รุ่นใหม่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 7 มีนาคมนี้ แต่ที่ยังไม่แน่นอนคือชื่อของ iPad รุ่นใหม่นี้จะใช้ชื่อว่าอะไร จะเป็น iPad 3 จริงหรือไม่ หรือจะแค่ iPad 2S
ขึ้นชื่อว่าข่าวลือแอปเปิลก็ต้องมาจาก DigiTimes เช่นเคย คราวนี้มีรายงานว่างานเปิดตัวสินค้าที่คาดว่าจะเป็น iPad รุ่นใหม่ของแอปเปิลในวันที่ 7 มีนาคมนี้นั้น แอปเปิลจะเปิดตัว iPad 2 รุ่นเล็กความจุ 8GB ด้วย เพื่อให้สินค
แอปเปิลประกาศจัดงานเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ในวันพุธที่ 7 มีนาคมนี้ เวลา 10 โมงเช้าในเมืองซานฟรานซิสโก (ตีหนึ่งของวันที่ 8 ตามเวลาประเทศไทย) โดยคำเชิญที่ The Verge ได้รับนั้นบอกไว้ว่า
We have something you really have to see. And touch.
พร้อมด้วยภาพ iPad ที่มีจอภาพความละเอียดสูง ซึ่งน่าจะเป็นการยืนยันข่าวลือที่ว่า iPad รุ่นใหม่จะมาพร้อม Retina Display ได้เป็นอย่างดี
จากที่ปล่อยให้ Photoshop Touch ชิงไปลง Android ก่อนหลายเดือน ในที่สุด Adobe ก็เริ่มขาย Photoshop Touch for iPad อย่างเป็นทางการ โดยใช้เวที MWC เป็นงานแถลงข่าวเปิดตัว
เว็บ Apple.pro ได้ออกมาบอกว่าพวกเขามีหลักฐานว่ามีสินค้าจำนวนหนึ่งถูกส่งออกมาจาก Foxconn ไปยังสหรัฐอเมริกา โดยดูจากระยะเวลาและการ "เพิ่มการรักษาความปลอดภัย" ให้กับสินค้าที่ส่งออกไปผ่านทางคาร์โกเครื่องบินชุดนี้ ทำให้เชื่อว่าสินค้าดังกล่าวน่าจะเป็น iPad 3
นอกจากนี้ ทาง 9to5Mac ยังบอกอีกว่าแอปเปิลอาจจะเริ่มรับสั่งซื้อ iPad 3 ล่วงหน้าเช่นเดียวกับ iPad รุ่นแรก และอาจจะเปิดรับสั่งซื้อวันแรกในวันที่ 7 มีนาคมที่จะถึงนี้ หรือไม่ก็ไม่กี่วันหลังจากนั้น และเป็นไปได้ว่าแอปเปิลอาจจะเลิกการขาย iPad 2 ทุกรุ่นยกเว้น iPad 2 ขนาด 16GB เพียงรุ่นเดียวที่อาจจะจำหน่ายต่อไปในราคาที่ต่ำกว่าเดิม (ซึ่งหมายความว่า iPad 3 จะมาแทนที่ iPad 2 ไม่ใช่อีกรุ่นที่ขายแยก)
หลังจากที่ศาลของเซี่ยงไฮ้ไม่รับฟ้องจาก Proview บริษัทที่ต้องการฟ้องเรียกค่าเสียหายแอปเปิลกรณีนำเครื่องหมายทางการค้า iPad ไปใช้ ล่าสุด Proview ได้เปลี่ยนมาฟ้องแอปเปิลในสหรัฐอเมริกาแทน แต่ในคราวนี้ Proview เลือกที่จะเล่นงานแอปเปิลในข้อหา "ฉ้อโกงและหลอกลวง" แทน
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานวันนี้ว่า Proview ได้ยื่นฟ้อง Apple ถึงถิ่นที่ศาลแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่า Apple ใช้อุบายไม่ซื่อในการเข้าซื้อชื่อ iPad ดังนั้น Apple จึงไม่ควรมีสิทธิ์ในการครอบครองชื่อดังกล่าว โดย Proview ได้ให้เหตุผลว่า Apple ได้ใช้บริษัทชื่อ IP Application Development, Ltd.
เว็บ iMore อ้างว่าแอปเปิลกำลังจะเปลี่ยนจากพอร์ต dock connector ที่ใช้และชาร์จไฟอุปกรณ์ iOS ต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้มาเป็นพอร์ตที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม และกินพื้นที่ภายในตัวอุปกรณ์น้อยลง ซึ่งแอปเปิลสามารถที่จะนำพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นมาไปใช้ในการเพิ่มขนาดแบตเตอรี่ หรือใส่ชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่อาจจะมีขนาดใหญ่กว่าอย่างชิป 4G ได้
ทางเว็บบอกว่าแอปเปิลพยายามอย่างหนักที่จะลดขนาดของ dock connector ลง โดยเห็นได้ชัดจากการที่แอปเปิลเป็นค่ายมือถือค่ายแรกที่เปลี่ยนมาใช้ micro-SIM อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อที่จะลดขนาดชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ดูเหมือนว่าฟ้า (ศาลจีน) จะเข้าข้าง Apple เมื่อศาลเซี่ยงไฮ้มีคำสั่งไม่รับฟ้องกรณีบริษัท Proview ร้องขอให้ศาลห้ามไม่ให้ Apple ขาย iPad จากกรณีพิพาทในเรื่องการใช้ชื่อ iPad โดยศาลได้ระบุเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า เนื่องจากกรณีพิพาทดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาโดยศาลกวางตุ้ง คำร้องของ Proview จึงไม่มีน้ำหนัก
เป็นที่ทราบกันดีว่าข่าวลือเกี่ยวกับ Office for iPad นั้นเริ่มมาตั้งแต่ช่วงที่ iPad รุ่นแรกได้ทำการเปิดตัว ซึ่งหลังจากนั้นก็เงียบไป แต่ล่าสุดมีรายงานจาก The Daily แสดงภาพหลุดต้นแบบของแอพ Office for iPad และยังรายงานอีกว่าแอพนี้กำลังจะวางจำหน่าย App Store ในไม่ช้า ซึ่งต่อมา The New York Times ได้รายงานว่าไมโครซอฟท์ได้ออกมาปฏิเสธเกี่ยวเรื่องดังกล่าวดังนี้
"สิ่งที่ The Daily นำเสนอเป็นเพียงข่าวลือและการคาดการณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เราไม่มีความเห็นมากไปกว่านี้"
หลังจากนั้นก็มีการอัพเดตเกี่ยวกับเรื่องนี้ถึง 4 ครั้งดังนี้