Google ยกเลิกข้อบังคับที่ให้ผู้ใช้งาน Google+ ทุกคนต้องละทะเบียนด้วยชื่อและนามสกุลจริง

นับแต่ Google เริ่มให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ของตนเอง Google+ ได้ได้บังคับให้ผู้ใช้ลงทะเบียนใช้งานด้วยชื่อจริง-นามสกุลจริงมาโดยตลอด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเชื่อมต่อข้อมูลไปยังแพลตฟอร์มและบริการอื่นของ Google เข้าถึงตัวตนผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น แต่นั่นก็ทำให้บางคนรู้สึกอึดอัดที่จะใช้งาน Google+ ด้วยรู้สึกว่าเป็นการเปิดเผยตัวตนอย่างโจ่งแจ้งเกินไป มากกว่าจะรู้สึกผ่อนคลายเหมือนมีพื้นที่ส่วนตัวบนโลกอินเทอร์เน็ต และนั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ Google+ ไม่ได้รับความนิยมในบ้านเรามากนัก

สมาชิก Blognone น่าจะยังจำชื่อ Alan Mulally อดีตซีอีโอของ Ford ที่เคยมีข่าวเป็นตัวเต็งรับตำแหน่งซีอีโอของไมโครซอฟท์เมื่อปีที่แล้ว (ซึ่งภายหลังเขาประกาศชัดว่าไม่ไปไมโครซอฟท์แน่) ล่าสุดเขาเกษียณอายุ (มีผล 1 ก.ค.) และรับตำแหน่งบอร์ดกูเกิลแล้ว

Mulally ได้รับแต่งตั้งเป็นบอร์ดกูเกิลเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเขาจะเป็นทั้งกรรมการบริษัทของกูเกิล และรับตำแหน่งในคณะกรรมการตรวจสอบ (audit committee) อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย

กูเกิลประกาศเปิดคอร์ส Developing Android Apps: Android Fundamentals บนเว็บไซต์การศึกษาออนไลน์ Udacity

คอร์สนี้ออกแบบมาสำหรับโปรแกรมเมอร์ที่มีประสบการณ์ Java แต่ไม่เคยเขียน Android มาก่อน โดยจะหัดเขียนแอพผ่านคอร์สนี้ (ใช้ Android Studio เป็นเครื่องมือ) ใช้เวลาเรียนประมาณ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นเวลานานประมาณ 8 สัปดาห์ (อ่านรายการเนื้อหาที่สอนได้ตามลิงก์ข้างต้น)

คอร์สนี้เปิดวิดีโอบรรยายเนื้อหาและแบบฝึกหัดให้ทุกคนเข้าถึงได้ฟรี แต่ถ้าอยากได้คนตรวจการบ้าน-โค้ด และใบรับรองหลังเรียนจบ จะต้องสมัครเป็นสมาชิก Udacity แบบเสียเงินในราคา 150 ดอลลาร์ต่อเดือนก่อน

Google Project Zero มีรายงานออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ารายงานบั๊กจำนวนมากไปยังซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตรายอื่นๆ ทั้งแอปเปิลและไมโครซอฟท์ ก่อนหน้านี้มีแต่ชื่อโครงการตอนรายงานบั๊กเท่านั้น ไม่มีการเปิดตัวโครงการออกมา ตอนนี้กูเกิลก็เปิดตัวโครงการนี้เป็นทางการแล้ว

Chris Evans ผู้ดูแลนักวิจัย (ชื่อตำแหน่งจริงคือ Researcher Herder) ระบุว่าก่อนหน้านี้พนักงานของกูเกิลจำนวนหนึ่งที่สนใจความปลอดภัยทำวิจัยในเวลาว่างของตัวเองจนพบช่องโหว่สำคัญอย่าง Heartbleed จนตอนนี้ทางกูเกิลเห็นความสำคัญจึงตั้งโครงการเป็นทางการ มีพนักงานทำงานเต็มเวลา

หลังจากที่เปิดตัวคอนแทคเลนส์อัจฉริยะไปเมื่อต้นปี ล่าสุดทางกูเกิลประกาศจับมือกับ Novartis บริษัทยายักษ์ใหญ่สัญชาติสวิต ในการร่วมพัฒนาคอนแทคเลนส์นี้ โดยพุ่งเป้าไปที่การพัฒนาให้ตรวจวัดระดับน้ำตาล และให้รองรับสายตาสำหรับคนสายตายาว

ทางฝั่งกูเกิลจะอาศัยองค์ความรู้เกี่ยวกับดวงตาและเลนส์จาก Alcon แผนก eye care ของ Novartis ในการพัฒนาคอนแทคเลนส์ โดยเป้าหมายของความร่วมมือ นอกจากคอนแทคเลนส์จะสามารถวัดระดับน้ำตาลจากน้ำตาแล้ว จะสามารถรองรับสายตายาวได้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดีทางกูเกิลและ Novartis ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะเปิดตัวหรือวางขายคอนแทคเลนส์นี้เมื่อใด

วันนี้ Google ประกาศผ่าน Google Webmaster Central Blog ว่าทางบริษัทได้ปรับอัลกอริทึมการค้นหา โดยจะกรองเว็บที่เปิดไม่ได้บนอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น เว็บที่ใช้ Flash จะไม่แสดงข้อมูลในหน้าผลการค้นหาของ iOS หรือ Android เวอร์ชัน 4.1 ขึ้นไป โดยจะแสดงเป็น "Use Flash. May not work on your device." เพื่อผู้ใช้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์และพบกับหน้าสีขาวพร้อมเครื่องหมายคำถามซึ่งหมายความว่าดูไม่ได้

นอกจากนี้ Google ยังแนะนำให้นักพัฒนาศึกษาการทำเว็บยุคใหม่ด้วย โดยผู้สนใจสามารถศึกษาได้จาก Web Fundamentals หรือ Web Starter Kit

คดี 4 บริษัทไอทีรายใหญ่ ได้แก่ กูเกิล, แอปเปิล, อินเทล, และ อโดบี ร่วมมือกันทำสัญญาไม่ชิงตัวพนักงานระหว่างกัน มีการเปิดเผยหลักฐานใหม่เป็นอีเมลภายในของกูเกิลที่พูดถึงการชิงตัววิศวกรกับเฟซบุ๊กที่ได้อยู่ในกลุ่มพันธมิตรไม่ชิงตัวพนักงาน

อีเมลระบุว่ากูเกิลมีนโยบายยื่นข้อเสนอให้กับพนักงานของตัวเองเพื่อดึงตัวพนักงานไว้ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังทราบว่าพนักงานคนใดได้รับเสนอตำแหน่งงานจากเฟซบุ๊ก แสดงให้เห็นว่าการที่มีบริษัทขนาดใหญ่นอกกลุ่มพันธมิตรไม่แย่งตัวพนักงานกันเช่นนี้ทำให้กูเกิลต้องแข่งขันด้วยการเพิ่มผลตอบแทนให้พนักงาน

บริษัทไอที 7 แห่ง ประกอบด้วย Asana, Canon, Dropbox, Google, Newegg, Pure Storage, SAP ประกาศตั้งกลุ่ม License on Transfer (LOT) Network หรือ LOTNET ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรกันระหว่างสมาชิก เพื่อใช้ป้องกันตัวถ้าหากต้องเจอคดีฟ้องสิทธิบัตรในอนาคต

LOTNET ระบุว่ามีสิทธิบัตรในมือทั้งหมดเกือบ 300,000 รายการ (นับรวมสิทธิบัตรที่อยู่ระหว่างการยื่นจด) ในจำนวนนี้มีสิทธิบัตรที่จดในสหรัฐมากกว่า 50,000 รายการ

LOTNET ประกาศชัดเจนว่าความเสี่ยงจากการถูกฟ้องสิทธิบัตรโดย patent troll หรือบริษัทที่จดสิทธิบัตรเพื่อตั้งใจฟ้องมีสูงขึ้นเรื่อยๆ และตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา มีคดีฟ้องร้องด้านสิทธิบัตรมาแล้วมากกว่า 10,000 คดี

เว็บไซต์ Android Police ได้เผยข้อมูลว่ากูเกิลเตรียมที่จะปล่อยอัพเดตของ Google Play Store ตัวใหม่เร็วๆ นี้ โดยการเปลี่ยนแปลงหลักๆ จะเปลี่ยนรูปแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ใหม่ทั้งหมด จากเดิมที่เป็น Holo ผสม CardUI ที่ปล่อยอัพเดตไปเมื่อเดือนเมษายนปี 2013 มาเป็นรูปแบบ Material Design ที่เปิดตัวไปพร้อมกับ Android L

โครงการ Docker กำลังมาแรงมากๆ ในโลกฝั่งเซิร์ฟเวอร์-กลุ่มเมฆ อย่างไรก็ตาม Docker ทำตัวเป็นแค่ "ลังใส่ของ" (container) เพื่อใส่สภาพแวดล้อมของแอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น สิ่งที่ยังขาดอยู่คือ "ตัวจัดการลัง" (container manager) ในกรณีที่ต้องบริหาร container เป็นจำนวนมากๆ (บริษัท Docker มีเครื่องมือชื่อ libswarm ที่เพิ่งเริ่มต้นพัฒนา)

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กูเกิลประกาศโครงการ Kubernetes ตัวจัดการ "คลัสเตอร์" ของ container โดยมุ่งเป้าใช้งานกับ Google Compute Engine แต่ก็เปิดซอร์สโค้ดให้หน่วยงานอื่นๆ ใช้งานด้วย

จินตนาการถึงเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวก เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์เสมอมา ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดทางความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้มนุษย์ไม่สามารถทำให้จินตนาการเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงได้ เป็นได้เพียงความฝันที่รอวันที่จะกลายเป็นจริงขึ้นมาในอนาคต และหนึ่งนวัตกรรมที่เคยเป็นเพียงจินตนาการอย่างรถยนต์ไร้คนขับ ทุกวันนี้ก็ใกล้ที่จะเป็นแค่อดีตและถูกนำมาวิ่งจริงบนท้องถนนเข้าไปทุกเมื่อแล้ว

ที่มาที่ไปและจุดเริ่มต้น

ใช่ว่ารถยนต์ไร้คนขับเพิ่งเกิดมาไม่นาน จริงๆ แล้วความคิดริเริ่มในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเกิดขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 1920s หรือไม่นานหลังจากรถยนต์เริ่มถูกผลิตเป็นสินค้าจำนวนมากด้วยซ้ำไป

ฟีเจอร์การวัดระยะทางเคยมีอยู่ใน Labs ของ Google Maps เวอร์ชันเก่า แต่เมื่อกูเกิลเปลี่ยนเวอร์ชัน Google Maps เป็นของใหม่ ฟีเจอร์นี้ก็หายสาบสูญไป

วันนี้มันกลับมาแล้วใน Google Maps เวอร์ชันเว็บครับ วิธีใช้งานแค่คลิกขวาบนแผนที่ เลือก Measure Distance แล้วคลิกจุดมุ่งหมายเพื่อวัดระยะทางระหว่างจุดได้เลย ถ้าไม่พอใจยังสามารถลากจุดเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งได้ด้วย

ที่มา - +Google Maps

หลังจากที่ Google Glass วางขายในสหราชอาณาจักรไม่นาน ก็ถูกบริษัทสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งของอังกฤษแฮกเข้าแล้ว โดยการแฮกนี้ ทำให้ Glass สามารถรับคำสั่งจากคลื่นสมองได้ ผ่านแอพพลิเคชัน MindRDR และอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นสมองหรือ electroencephalography (EEG) ที่ต้องติดตั้งเพิ่มเข้าไปกับตัวแว่นนั่นเอง

เมื่อติดตั้งแล้ว ผู้ใช้สามารถสั่งให้ Glass ถ่ายรูปแล้วโพสต์ขึ้นโซเชียลมีเดียได้ด้วยการคิดเท่านั้น ทั้งนี้เกิดจากการที่ตัวแอพสามารถตรวจจับคลื่นสมองที่เปลี่ยนแปลง เมื่อผู้ใช้เพ่งสมาธิมากขึ้น

เอกสารของทาง Yelp แพลตฟอร์มค้นหาร้านอาหารในสหรัฐ ได้เปิดเผยว่าทางกูเกิลได้แสดงผลการค้นหาในสหรัฐ ที่เอื้อต่อผลิตภัณฑ์ในเครือของตัวเองอย่าง Google+ มากกว่าที่จะแสดงผลแบบ organic โดย Yelp มองว่าเป็นการกีดกันคู่แข่ง ขณะที่ผลการค้นหาในยุโรป ซึ่งกูเกิลกำลังมีปัญหาเรื่องการผูกขาด แสดงผลเป็นกลางมากกว่า

ปกติ Google Now ถือได้ว่ารับคำสั่งเสียงค่อนข้างแม่นยำอยู่พอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกด้วยเช่นเสียงรบกวน และความชัดถ้อยชัดคำของผู้พูด กรณีเกิดความผิดพลาดในการรับคำสั่งเสียงขึ้น ล่าสุดกูเกิลอัพเดตให้ Google Now สามารถรับคำสั่งแก้เฉพาะคำที่ฟังผิดพลาดได้แล้ว โดยไม่ต้องสั่งคำสั่งใหม่ทั้งประโยค

เพียงแค่พูดว่า "No, I said ..." ทันทีหลังจากที่ Google แสดงผลการรับคำสั่ง เพื่อแก้คำที่ผิด เช่น "No, I said Savannah" ระบบก็จะแก้คำว่า Savannah แทนคำว่า banana ให้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องสั่งคำสั่งใหม่ทั้งประโยค

ให้หลังการเปิดตัว Android Wear ชุดแรกมา เจ้าถิ่นอย่างกูเกิลก็เร่งสนับสนุนแพลตฟอร์มใหม่ของตัวเองอย่างแข็งขัน ล่าสุดอัพเดตแอพ Google Camera ให้สามารถใช้งานร่วมกับ Android Wear ได้แล้ว

ฟีเจอร์ใหม่บน Google Camera สำหรับใช้งานกับ Android Wear คือการเปลี่ยนนาฬิกาอัจฉริยะให้กลายเป็นชัตเตอร์แบบไร้สายซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งการถ่ายทันที ถ่ายแบบตั้งเวลา และยังสามารถดูภาพที่ถ่ายไปจากหน้าจอนาฬิกาได้อีกด้วย (แม้อาจจะเล็กไปหน่อยก็ตามที)

จากกรณี พบบั๊กแรกบน Android Wear ใช้งานกับแอพเสียเงินไม่ได้ กูเกิลออกมาประกาศวิธีแก้ปัญหานี้แบบชั่วคราว (workaround) แล้ว

วิธีแก้ปัญหาคือให้ย้ายที่เก็บไฟล์ APK สำหรับใช้บนอุปกรณ์ wearable จากเดิมที่เก็บไว้ในไดเรคทอรี assets/ ให้มาอยู่ที่ res/raw แทน โดยนักพัฒนาจะต้องเป็นคนปรับแพ็กเกจของแอพด้วยมือ ไม่สามารถใช้ตัวช่วยสร้างแพ็กเกจ Gradle ได้

กูเกิลบอกว่าจะปรับปรุง Gradle ใน Android SDK เวอร์ชันหน้า แต่ระหว่างนี้ให้ใช้วิธีนี้ไปพลางๆ ก่อน

ที่มา - Android Developers Blog

กูเกิลประกาศเตือนว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีใบรับรองจาก National Informatics Centre (NIC) หน่วยงานของรัฐบาลอินเดียออกใบรับรองในโดเมนของกูเกิลมาหลายฉบับ

ใบรับรองของ NIC ได้รับการรับรองโดย India CCA อีกทีหนึ่ง ตัว India CCA นั้นอยู่ในรายชื่อของ root CA ที่ไมโครซอฟท์ยอมรับ ทำให้ใบรับรองโดเมนของกูเกิลที่ออกโดย NIC ใช้งานได้ใน Internet Explorer และ Chrome ขณะที่ไฟร์ฟอกซ์ใช้ API ของตัวเอง ส่วน Chrome นั้นล็อกใบรับรองของตัวเอง (public-key pinning) ไว้ในหลายโดเมนทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ ส่วนระบบปฎิบัติการอื่นๆ ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

Avery Pennarun วิศวกรไฟเบอร์ของกูเกิล เขียนบันทึกการทำงานในกูเกิลลงบนบล็อกของตัวเอง เล่าว่าพนักงานกูเกิลส่วนใหญ่เป็นคนฉลาด แต่มีปัญหาในการมองสังคมภายนอก ทำให้ดูเหมือนมีโลกส่วนตัวและตัดขาดจากโลกความเป็นจริง

กูเกิลถอดมือถือและแท็บเล็ตตระกูล Play edition รุ่นที่ขายในปี 2013 ออกจากหน้าร้าน Google Play Store ได้แก่

• Xperia Z Ultra
• LG G Pad 8.3
• HTC One M7

ทำให้ตอนนี้มือถือ Play edition ที่มีขายอยู่เหลือเพียง 3 รุ่นคือ HTC One M8, Moto G และ Galaxy S4 โดยในจำนวนนี้มี Galaxy S4 เพียงตัวเดียวที่วางขายในปี 2013 (อาจเป็นเพราะยังไม่มี S5 รุ่น Play edition)

ต้องรอดูกันว่าการลดจำนวนรุ่นของอุปกรณ์ Play edition ครั้งนี้เป็นแค่การโละของเก่า หรือเป็นการทำทางเตรียมรอโครงการ Android Silver ตามข่าวลือก่อนหน้านี้

สองผู้ก่อตั้งกูเกิล Larry Page และ Sergey Brin ให้สัมภาษณ์กับ Vinod Khosla นักลงทุนชื่อดัง (อันเดียวกับข่าวนี้) เล่าประวัติศาสตร์กูเกิลในช่วงแรกที่เกือบจะขายให้ Excite เว็บค้นหารายใหญ่ในช่วงนั้น

Brin เล่าว่าตอนนั้นพวกเขาพัฒนาเทคนิคค้นหา PageRank (เขากล่าวติดตลกว่าเสียดายที่ไม่ชื่อ BrinRank) แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะมีแต่ข้อมูล title และ URL ของเว็บเพจ ไม่มีตัวเนื้อหาของเพจจริงๆ ในช่วงนั้นเขาโชว์เทคโนโลยีนี้ให้บริษัทด้านค้นหาหลายราย เช่น Infoseek, Excite, Lycos แต่ไม่มีรายไหนสนใจมากนัก

แอปเปิลปล่อยอัพเดต OS X 10.9.4 มาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อแก้ปัญหาความปลอดภัยไปหลายจุด แต่ที่น่าสนใจคือการแพตช์ปัญหารอบนี้มีช่องโหว่ความปลอดภัย 21 จุด ในจำนวนนี้ 9 จุดพบโดย Ian Beer จาก Google Project Zero

Project Zero ยังมีผลงานการรายงานช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ของแอปเปิลอีกหลายตัว เช่น launchd ของแอปเปิลที่ได้รับรายงานบั๊ก 4 ตัว ซึ่งมีผลกระทบทั้ง OS X และ iOS และช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ของไมโครซอฟท์ก็ได้รับรายงานจาก Tavis Ormandy จาก Project Zero เช่นกัน

Google ทำการปรับปรุงให้ Gmail บริการอีเมลของตนเองรองรับการใช้งานกับภาษาต่างๆ เพิ่มอีก 13 ภาษา รวมแล้วตอนนี้ Gmail สามารถใช้งานได้กับ 71 ภาษา

13 ภาษาที่ว่านี้ได้แก่ ภาษาอาฟริกัน, อาร์เมเนียน, อาร์เซอร์ไบจัน (Azeri), จีน (ฮ่องกง), ฝรั่งเศส (แคนาดา), กาลีเซียน, จอร์เจียน, เขมร, ลาว, มองโกล, เนปาล, สิงหล และภาษาซูลู

สิ่งที่น่าสนใจคือ 71 ภาษาที่ใช้งาน Gmail ได้ในขณะนี้ คิดเป็น 94% ของการใช้ภาษาสื่อสารระหว่างกันของประชากรอินเทอร์เน็ตทั่วโลก เรียกได้ว่า Google เข้าใกล้เป้าหมายแห่งโลกอินเทอร์เน็ตที่ไร้พรมแดนภาษาไปอีกนิดแล้ว

ที่มา - Ubergizmo

ในงานสนทนา Fireside ซึ่งจัดโดย Khosla Ventures โดยมีผู้ก่อตั้งกองทุน Vinod Khosla เป็นผู้สัมภาษณ์และมี Larry Page กับ Sergey Brin เป็นแขกร่วมสนทนา เนื้อหาตอนหนึ่ง Khosla ถามว่ากูเกิลมีวิธีบริหารจัดการโครงการใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นตลอดอย่างไร ซึ่ง Page บอกว่าวิธีการก็ตรงไปตรงมา เมื่อมีโครงการมากขึ้น ก็เพิ่มจำนวนคนให้มากขึ้น

Page ได้เปิดประเด็นต่อไปว่ากูเกิลเป็นบริษัทใหญ่ และการที่มีพนักงาน 30,000 คนทำงานแค่ไม่กี่อย่างนั้นทำให้กูเกิล "ดูไม่น่าสนใจ" เอาเสียเลย เขายังยกตัวอย่างแอปเปิลว่าเป็นบริษัทที่ใหญ่มาก แต่กลับทำผลิตภัณฑ์ขายแค่ไม่กี่อย่าง ซึ่งในอดีตเขาเองก็เคยถูกสตีฟ จ็อบส์บอกว่ากูเกิลทำหลายอย่างพร้อมกันมากเกินไป

ตอนนี้คงมีบางคนได้ใช้งาน Android Wear อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้จากกูเกิลกันบ้างแล้ว และก็มีผู้คนไปพบกับบั๊กตัวแรกๆ ที่เกิดกับผู้ใช้ภายนอกเข้าจนได้ ก็คือเจ้า Android Wear ในขณะนี้ยังใช้งานร่วมกับแอพแบบเสียเงินไม่ได้นั่นเอง

ก่อนอื่นมาอธิบายการทำงานของ Android Wear กันเสียก่อน ในการเปิดใช้งาน Android Wear ครั้งแรก ตัวนาฬิกาจะสแกนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกันว่ามีแอพอะไรบ้างที่รองรับ Android Wear และลงแอพ companion ไปยังตัวนาฬิกาอีกที และเจ้าตัวที่มีปัญหาในตอนนี้ก็คือพวกแอพเสียเงินบนสมาร์ทโฟนนั้นไม่ถูกติดตั้งลงไปบนตัวนาฬิกา แม้ว่าจะสแกนเจอก็ตามที