Qualcomm ร่วมกับ Thales เปิดตัว iSIM (Integrated SIM) ขั้นกว่าของ eSIM เพราะ iSIM เป็นระบบซิมที่ฝังมาในตัวชิปประมวลผลเลย ไม่ต้องนำแผ่น eSIM มาแปะลงที่บอร์ด PCB ของเครื่อง ลดการใช้พื้นที่ในตัวมือถือลงได้อีก
iSIM คือการฝังซิมในตัวชิป (ตอนนี้เริ่มรองรับที่ Snapdragon 8 Gen 2) แล้วจัดการที่ฝั่งซอฟต์แวร์แบบเดียวกับ eSIM ใช้มาตรฐานการจัดการซิม GSMA Remote SIM Provisioning แบบเดียวกัน มีความปลอดภัยเท่ากัน ต่างกันที่ตัวขนาดซิมเท่านั้น
Qualcomm ยังไม่ประกาศว่ามีโอเปอเรเตอร์ใดเตรียมใช้งาน iSIM แล้วบ้าง บอกแค่ตัวเลขคาดการณ์ว่าจะมีมือถือ 300 ล้านเครื่องใช้ iSIM ภายในปี 2027 ซึ่งคิดเป็นราว 17% ของการใช้งาน eSIM
มือถือตระกูล Pixel รองรับการใช้งาน eSIM มาตั้งแต่ Pixel 2 ในปี 2017 แต่กระบวนการย้าย eSIM ไปยังมือถือเครื่องใหม่ฝั่ง Android ยังทำได้ยาก ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งในฝั่งของผู้ผลิตและโอเปอเรเตอร์
ล่าสุดกูเกิลประกาศในงาน MWC 2023 สั้นๆ ว่าจะออกเครื่องมือย้าย eSIM (eSIM transfer) มาให้ภายในปีนี้ โดยอิงกับมาตรฐานของ GSMA และ Deutsche Telekom จะเป็นโอเปอเรเตอร์เจ้าแรกที่ใช้งานเครื่องมือตัวนี้
คาดว่าเครื่องมือ eSIM จะเพิ่มเข้ามาในอัพเดต Android 13 QPR2 ที่น่าจะออกพร้อมกับแพตช์รอบเดือนมีนาคม 2023
Cloudflare เปิดบริการ Cloudflare SIM บริการเน็ตเวิร์คสำหรับโทรศัพท์มือถือให้สามารถเชื่อมต่อเข้าองค์กรโดยไม่ต้องลงแอปใดๆ เพิ่มเติม แต่อาศัยการออก eSIM ให้พนักงาน เมื่อพนักงานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้วองค์กรจะดูแลความปลอดภัยผ่านทาง DNS ได้ทันที หรือจะตรวจสอบสถานะอุปกรณ์เพิ่มเติมผ่านแอป WARP ก็ได้เช่นกัน องค์กรจะรู้ได้ทันทีว่าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ามาเป็นของผู้ใช้คนใด
ตอนนี้ Cloudflare ยังไม่ประกาศว่า eSIM ที่ออกมานี้ใช้ในประเทศใดได้บ้างแต่บอกเพียงว่าจะพยายามขยายเครือข่ายไปทั่วโลก และอาจจะมีการออก SIM ปกติในอนาคต ตัว eSIM สามารถล็อกเข้ากับหมายเลข IMEI ของโทรศัพท์ได้
ทิศทางการผลักดัน eSIM ของแอปเปิลเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดย iPhone 14 ทุกรุ่นที่ขายในอเมริกา จะไม่มีถาดใส่ซิมในเครื่อง การใช้งานทำได้เฉพาะ eSIM เท่านั้น โดยรองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 เลขหมาย
ส่วน iPhone 14 ที่ขายในประเทศอื่นรวมทั้งไทย ยังมีถาดใส่ nano-SIM 1 ช่อง และรองรับการเปิดใช้ eSIM คู่ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ iPhone 13 แล้ว
แอปเปิลเริ่มรองรับ eSIM ตั้งแต่ iPhone XS และ XR ในปี 2018 รวมทั้งขยายการใช้งานใน Apple Watch กับ iPad ด้วย ตอนนี้ปัญหาจึงอาจเกิดกับผู้ใช้งานอเมริกา ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้วอยากซื้อซิมจากผู้ให้บริการประเทศนั้น ๆ เนื่องจากต้องหาเฉพาะผู้ให้บริการที่รองรับ eSIM
มีคุณสมบัติใหม่หนึ่งของ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro ที่แอปเปิลไม่ได้ประกาศในงานอีเวนต์ คือการรองรับ eSIM คู่ จากเดิมที่ iPhone รองรับ eSIM เพียงซิมเดียว โดยเป็นการใช้งานคู่กับ Nano-SIM ซึ่งแอปเปิลได้ระบุคุณสมบัตินี้ไว้ในหน้าข้อมูลทางเทคนิค โดยสามารถเลือกได้ทั้งการใช้ซิมคู่แบบเดิม หรือแบบเป็น eSIM ทั้งคู่
iPhone เริ่มรองรับ eSIM ตั้งแต่ iPhone XR และ iPhone Xs
ที่มา: 9to5Mac
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการย่อย iOS 12.1.2 มีผลเฉพาะกับ iPhone มีรายละเอียดดังนี้
ผู้ใช้ iPhone สามารถอัพเดตได้ผ่าน iTunes หรือผ่าน OTA ใน Settings
ที่มา: Apple Insider
ถือเป็นรูปแบบการใช้งาน eSIM ที่น่าสนใจ หลัง AIS ประกาศว่าซิมโรมมิ่ง SIM2Fly จากเดิมที่ต้องสลับซิมใหม่เสมอ จะเพิ่มการรองรับ eSIM ด้วย ทำให้สามารถใช้ SIM2Fly เป็นแพ็กเกจเน็ตโรมมิ่ง ควบคู่ไปพร้อมกับซิมการ์ดหลักที่เป็นเบอร์เดิมได้ทันที
เบื้องต้นการเปลี่ยนเป็น eSIM ยังรองรับเฉพาะ iPhone XS, XS Max, XR เท่านั้น โดยผู้ใช้ต้องไปเปลี่ยนเป็น eSIM ที่ร้าน AIS Shop ทุกสาขา ยกเว้นสาขาสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยช่วงแรก AIS จะงดเว้นค่าธรรมเนียมการเปิด eSIM จนถึงวันที่ 10 มกราคม 2562
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ AIS
เว็บไซต์ 9to5Mac รายงานข้อมูลจากเอกสารหลุดภายในของ Verizon ระบุว่าโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ในสหรัฐฯ เตรียมเปิดให้บริการระบบซิมคู่และ eSIM ใน iPhone XS, XR ต้นเดือนธันวาคมนี้
โดยก่อนหน้านี้ Verizon พบปัญหาการให้บริการระบบซิมคู่ใน iPhone รุ่นล่าสุด ไม่สามารถใช้เน็ต LTE ได้ในบางภูมิภาคที่ Verizon ให้บริการเครือข่ายเฉพาะ LTE เท่านั้น ทำให้บริษัทตัดสินใจหยุดการให้บริการระบบซิมคู่ชั่วคราวเพื่อรอให้ Apple จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับ iOS 12.1 ที่คาดการณ์ว่าต้นเดือนธันวาคม iOS 12.1.1 จะถูกปล่อยออกมาเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดกับ iOS 12.1
วันนี้ทาง dtac เริ่มทดลองเปิดให้บริการ (soft launch) เปิดใช้ eSIM ใน iPhone XR หรือ iPhone XS ที่มีสองซิมแต่ซิมหนึ่งเป็น eSIM ในเครื่อง
การนำเครื่องไปเปิดต้องไปยัง 5 สาขา ได้แก่
การเปิดใช้งานไม่มีค่าบริการ และใช้งานได้ทั้งแบบเติมเงินและรายเดือน ตอนนี้รายชื่อเครือข่ายที่รองรับ eSIM บนหน้าเว็บแอปเปิลยังไม่อัพเดต แต่สักพักเราน่าจะเห็นทุกค่ายกันครบเร็วๆ นี้
แอปเปิลประกาศอย่างเป็นทางการว่า iOS 12.1 จะออกมาให้อัพเดตกันในวันนี้ (คาดว่าเป็นเวลาเที่ยงคืน หลังจบงานเปิดตัวสินค้าใหม่) ซึ่งถือเป็นการอัพเดตใหญ่หลัง iOS 12 ออกมาเมื่อเดือนกันยายน โดยมีรายการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
แอปเปิลเพิ่มเอกสารในหน้าสนับสนุนเกี่ยวกับการใช้งาน 2 ซิม บน iPhone Xs และ iPhone Xs Max ซึ่งสำหรับทุกประเทศนอกจากจีน ซิมหนึ่งจะเป็นซิมการ์ดปกติ ส่วนอีกซิมจะเป็น eSIM มีรายละเอียดสำคัญดังนี้
สมาคม GSMA ออกสเปกซิมการ์ดแบบใหม่ที่ช่วยให้เจ้าของซิมสามารถย้ายอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องใช้ซิม ซิมแบบนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Consumer Remote SIM Provisioning (RSP) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า eSIM
eSIM จะถูกฝังมาในอุปกรณ์เลย ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้ เหมาะสำหรับอุปกรณ์แบบสวมใส่อย่างสมาร์ทวอทช์ หรือสายรัดข้อมือฟิตเนส ข้อดีของมันคือขนาดเล็กมากเพราะเป็นชิปเพียงตัวเดียว ไม่เปลืองพื้นที่แบบซิมการ์ดดั้งเดิม ผู้ใช้งานสามารถสั่ง activate ซิมเพื่อใช้งานกับเบอร์โทรที่ตัวเองมีอยู่แล้วได้เลย (ออกแบบมาใช้กับกรณี 1 เบอร์หลายเครื่องเป็นหลัก)
แอปเปิลกับซัมซุงกำลังเข้าเจรจากับ GSMA หน่วยงานที่กำกับดูแลมาตรฐาน GSM เกี่ยวกับการทำซิมการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-SIM Card ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานมือถือสามารถเลือกเปลี่ยนเครือข่ายได้ตามใจชอบเมื่อใดก็ได้โดยที่ไม่ต้องถอดเปลี่ยนซิมการ์ดใหม่แต่อย่างใด
โดยทางฝั่งผู้ให้บริการเครือข่ายที่คาดว่าจะเห็นด้วยกับโครงการนี้ ได้แก่ AT&T, Deutsche Telekom, Etisalat, Hutchison Whampoa, Orange, Telefonica และ Vodafone
แม้ว่าจะมีการเจรจากันแล้วก็ตาม ตัวแทนจาก GSMA บอกว่าขั้นตอนต่อไปก็คือการหาข้อตกลงร่วมกัน จากนั้นก็ต้องมีการกำหนดสเปค ซึ่งกว่าจะถึงขั้นนั้นก็จะต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี