ก่อนงานอีเวนต์ของแอปเปิล Time Flies จะเริ่มต้นในคืนนี้ ก็มีรายงานโค้งสุดท้ายออกมา ว่าแอปเปิลน่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใดบ้าง และผลิตภัณฑ์ใดที่อาจจะยังไม่เห็นในงานคืนนี้ รวบรวมมาให้ดูกันดังนี้ โดยเป็นข้อมูลจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg และ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำ
แอป Google Maps เวอร์ชันบน Apple Watch กลับมาให้ใช้งานอีกครั้ง ตามที่กูเกิลได้ประกาศไว้เมื่อเดือนที่แล้ว โดยผู้ใช้งาน iOS ต้องอัปเดตแอป Google Maps ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อน จากนั้นจึงสามารถเลือกเพิ่มแอปผ่านแอป Apple Watch บน iPhone
Google Maps บน Apple Watch เคยเปิดตัวเมื่อปี 2015 แต่ผ่านไปสองปีกูเกิลก็ตัดสินใจถอดแอปออกไป โดยไม่ได้อธิบายเหตุผลอย่างเป็นทางการ
Counterpoint Research เปิดข้อมูลว่าตลาดสมาร์ทวอทช์ เติบโตสวนทางตลาดมือถือในครึ่งปีแรกของปี 2020 เพราะปัจจัยความกังวลด้านสุขภาพของผู้คนทำให้ดีมานด์เพิ่มขึ้น และตลาดสมาร์ทวอทช์มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 20% จากครึ่งปีแรกของปี 2019 อันดับหนึ่งของตลาดยังเป็น Apple ที่ครองส่วนแบ่งรายได้ 51.4% ส่วนใหญ่มาจากดีมานด์ของ Apple Watch Series 5 ที่ยังสูงอยู่ รองลงมาเป็น Garmin ที่ 9.4%, Huawei 8.3%, Samsung 7.2% และ iMoo 5.1%
กูเกิลประกาศเพิ่มคุณสมบัติใน Google Maps สำหรับผู้ใช้ iOS ประกอบด้วย Apple Watch และ CarPlay มีรายละเอียดดังนี้
เริ่มที่ Apple Watch โดยแอปกลับมารองรับการทำงานบน watchOS อีกครั้ง (ถอดไปเมื่อหลายปีก่อน) ตัวแอปสามารถคำนวณระยะทาง-เวลา ในการเดินทางจากสถานที่ซึ่งบันทึกไว้ โดยสั่งผ่านแอปได้โดยตรง แต่หากเป็นเส้นทางอื่นต้องเริ่มจาก iPhone แอปจะเริ่มรองรับภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติใหม่ใน CarPlay โดยทำงานร่วมกับ CarPlay Dashboard สามารถแสดงผลแบบแยกส่วนหน้าจอ (Split View) ทำให้ใช้งานแผนที่ และควบคุมเพลงได้ในหน้าจอเดียวกัน เริ่มเปิดให้ใช้งานได้ในสัปดาห์นี้
รายงานจาก DigiTimes พบว่าแอปเปิลทำข้อตกลงกับ ASE Technology ในการผลิต Apple Watch ซีรี่ย์ 6 หรือซีรี่ย์ถัดไปที่จะเปิดตัวในปีนี้ รายงานระบุว่า Apple Watch ซีรี่ย์ 6 จะมีเซนเซอร์ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดมาด้วย ประกอบกับการค้นพบโค้ดรองรับเซนเซอร์ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดบน iOS 14
เป็นประจำทุกครั้ง เมื่อแอปเปิลประกาศระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ชุดใหญ่ในงาน WWDC ก็จะมีฮาร์ดแวร์รุ่นที่ยังสามารถอัพเกรดไปต่อ และฮาร์ดแวร์รุ่นที่แอปเปิลหยุดการสนับสนุน ซึ่งมีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้
แอปเปิลเปิดตัว watchOS 7 โดยเป็นอัพเดตย่อยที่เพิ่มฟีเจอร์ตามรอบปี ได้แก่
แอปเปิลออกอัพเดต watchOS ระบบปฏิบัติการสำหรับ Apple Watch เวอร์ชัน 6.2.5 โดยผู้ใช้ Apple Watch สามารถอัพเดตได้ผ่านแอปบน iPhone แล้วไปที่ General เลือก Software Update ซึ่งยังมีเงื่อนไขเดิม นั่นคือมีแบตเตอรี่อย่างต่ำ 50% ชาร์จไฟอยู่ และมี iPhone อยู่ในระยะขณะอัพเดต
ฟีเจอร์ใหม่ในเวอร์ชันนี้นอกจากแก้ไขบั๊กต่าง ๆ ยังมีรายการสำคัญนั่นคือ เพิ่มการรองรับ ECG และตรวจจับการเต้นหัวใจผิดปกติ สำหรับผู้ใช้งานในซาอุดีอาระเบีย
นอกจากนี้แอปเปิลยังเพิ่มลวดลายหน้าปัดในธีม Pride เพิ่มเติมอีก เพื่อให้เข้ากับสายนาฬิการุ่นใหม่ที่เพิ่งวางจำหน่ายด้วย
ที่มา: MacRumors
Imran Chaudhri อดีตผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้งาน (Human Interface) ของแอปเปิล ได้เปิดเผยภาพร่างและไอเดียหลายอย่าง ในการออกแบบ Apple Watch เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 5 ปี ที่ผลิตภัณฑ์นี้เริ่มจำหน่าย
อีกหนึ่งมาตรการในการช่วยลดการระบาดของแอปเปิล คือการสั่งให้พนักงานหน้าร้าน ไม่ว่าจะพาร์ทเนอร์หรือ Apple Store "เลิกแนะนำ" ให้ลูกค้าทดลองใช้งาน Apple Watch และ AirPods นอกเสียจากลูกค้าจะเป็นผู้ขอทดลองใส่เอง
ขณะที่มาตรการก่อนหน้านี้คือการเพิ่มพนักงานทำความสะอาดอุปกรณ์และติดตั้งเจลล้างมือเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ของร้าน โดยโฆษกแอปเปิลยืนยันว่ามีมาตรการที่ช่วยลดความหนาแน่นของลูกค้าภายในร้าน Apple Store อยู่แต่ไม่ได้ระบุว่ามาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งหรือไม่
ที่มา - Business Insider
แอปเปิลออกอัพเดตย่อย watchOS 6.1.3 สำหรับผู้ใช้ Apple Watch วันนี้ โดยเป็นอัพเดตลำดับที่ 5 นับตั้งแต่แอปเปิลออก watchOS 6 ออกมา
ในอัพเดตนี้แอปเปิลระบุว่าเป็นการแก้ไขบั๊กสำคัญ นั่นคือบั๊กเตือนการเต้นของหัวใจผิดปกติสำหรับผู้ใช้งานในไอซ์แลนด์
แอปเปิลยังออกอัพเดต watchOS 5.3.5 สำหรับ Apple Watch ที่ไม่สามารถใช้ watchOS 6 ได้ เนื่องจาก iPhone เป็นรุ่นเก่าด้วย
การอัพเดต watchOS ทำได้โดยไปที่แอป Apple Watch บน iPhone แล้วไปที่ General > Software Update โดยขณะอัพเดต Apple Watch ต้องชาร์จอยู่ และมีแบตเตอรี่อย่างน้อย 50%
ที่มา: MacRumros
Strategy Analytics บริษัทวิเคราะห์ตลาดเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ยอดขายของ Apple Watch ตลอดปี 2019 ที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 30.7 ล้านเรือน เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ถึง 36% ที่น่าสนใจคือยอดขายของ Apple Watch แบรนด์เดียวสูงกว่านาฬิกา Swiss-Made ทุกแบรนด์รวมกันที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว ๆ 21.1 ล้านเรือน เติบโตลดลง 13%
Strategy Analytics ระบุว่านาฬิกาแอนาล็อกส่วนใหญ่ยังคงรับความนิยมในหมู่ผู้สูงอายุมากกว่า ขณะที่คนรุ่นใหม่มักเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์ จากทั้งดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน และทำให้กลุ่มผู้ผลิตนาฬิกา Swiss-Made อย่าง Tissot หรือ TAG Heuer อาจพ่ายแพ้ในสงครามนี้ในระยะยาว
มีรายงานข่าวลือเกี่ยวกับสินค้าใหม่ของแอปเปิลที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาชุดใหญ่หลายตัว เลยรวบรวมมาไว้เป็นข่าวเดียวเลย รายละเอียดดังนี้ครับ
ในแผนงานระบุว่า แอปเปิลจะเริ่มติดต่อนักพัฒนาภายนอกเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ AR นี้ ในปี 2021 เพื่อให้ทันกำหนดจำหน่ายสินค้าปี 2022 นั่นเอง
บริษัทวิจัยตลาด Strategy Analytics ออกรายงานภาพรวมตลาดสมาร์ทวอทช์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2019 จำนวนส่งมอบเพิ่มขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เป็น 14.2 ล้านชิ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการด้านฟิตเนสและตัววัดสุขภาพ จากฐานผู้ใช้สมาร์ทโฟนเดิม ผลักดันให้ยอดขายสมาร์ทวอทช์เพิ่มขึ้น
ส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ยังเป็นของแอปเปิลต่อไป ที่ 47.9% ตามด้วยซัมซุง 13.4% และ Fitbit ในอันดับ 3 ที่ 11.3%
ในภาพรวมนั้นมีเพียงแอปเปิลและซัมซุงที่ทำส่วนแบ่งยอดขายได้เพิ่มสูงขึ้น ส่วน Fitbit มีส่วนแบ่งที่ลดลง นักวิเคราะห์ของ Strategy Analytics จึงตั้งข้อสงสัยว่าหลังการขายกิจการให้กูเกิลนั้น Fitbit จะมีอนาคตอย่างไรต่อไป ซึ่งจะเห็นผลที่ส่วนแบ่งการตลาดในอนาคตนั่นเอง
แอปเปิลออกอัพเดต watchOS 5.3.2 ให้กับผู้ใช้ Apple Watch Series 4 วันนี้ โดยอัพเดตนี้มีผลเฉพาะกับผู้ที่ใช้ Apple Watch Series 4 และทำงานคู่กับ iPhone รุ่นเก่าที่อัพเดตเป็น iOS 13 ไม่ได้ (iPhone 5s, iPhone 6) ทำให้ไม่สามารถอัพเดตเป็น watchOS 6 ได้
ก่อนหน้านี้แอปเปิลออกอัพเดต watchOS 5.3.2 ให้เฉพาะกับ Apple Wacth รุ่นเก่าที่อัพเดตเป็น watchOS 6 ไม่ได้
ทั้งนี้ watchOS 5.3.2 เป็นการอัพเดตโดยปรับปรุงด้านความปลอดภัย
ที่มา: 9to5Mac
แม้จะมีข่าวลือมาก่อนหน้านี้ แต่แอปก็ยังไม่มีออกมาจริง ๆ ล่าสุดก็มีผู้พบ ซึ่งอาจยืนยันว่าแอปเปิลน่าจะเตรียมออกแอปสำหรับตรวจจับการนอนหลับใน Apple Watch แล้ว ในชื่อแอปว่า Sleep
โดยในหน้า App Store ของแอป Alarms บน Apple Watch แอปเปิลได้แสดงภาพหน้าจอของแอป ซึ่งระบุข้อความว่า "ตั้งเวลานอนและตื่นในแอป Sleep" เท่ากับเป็นการพูดถึงแอปที่ชื่อ Sleep ซึ่งยังไม่มีออกมานั่นเอง ทั้งนี้แอปเปิลได้แก้ไขภาพหน้าจอแอปโดยลบข้อความดังกล่าวออกไปแล้ว
ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าแอป Sleep จะมีออกมาเมื่อใด เนื่องจากในเวอร์ชันเบต้าสำหรับทดสอบของ watchOS ล่าสุด ก็ยังไม่มีแอป Sleep แต่อย่างใด
หลังเปิดตัวไปเมื่อ 10 กันยายนที่ผ่านมา ตอนนี้ Apple Watch Series 5 ก็ได้วันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ โดยแบ่งเป็นสองรุ่นคือ GPS กับ GPS+Cellular เช่นเดิม
สำหรับ Apple Watch Series 5 (รุ่น GPS) ราคาเริ่มต้นที่ 13,400 บาท และ Apple Watch Series 5 (รุ่น GPS + Cellular) เริ่มต้นที่ 16,900 บาท ด้วยกัน โดยคาดว่านี่จะเป็นราคาของรุ่นหน้าปัด 40 มิลลิเมตร ที่ทางเว็บไซต์ iFixit ได้แกะดูภายในไปก่อนหน้านี้ และราคาของ Series 5 เมื่อเทียบราคากับ Series 4 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วจะถูกลง 1,000 บาททั้งรุ่น GPS และ GPS+Cellular
จาก iOS 13.1.2 วันนี้แอปเปิลก็ได้ออกอัพเดตย่อย ของระบบปฏิบัติการสำหรับ Apple Watch คือ WatchOS 6.0.1 ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นอัพเดตแรกนับตั้งแต่ watchOS 6 ออกมาเมื่อวันที่ 20 กันยายน
การอัพเดตสามารถทำได้โดยไปที่แอป Apple Watch ใน iPhone หรือหากอัพเดตเป็น watchOS 6 แล้ว ก็ทำได้ที่ Settings ใน Apple Watch โดยตรงก็ได้
รายการแก้ไขปรับปรุงในอัพเดตนี้ ได้แก่ แก้ไขปัญหาหน้าปัดมิกกี้เม้าส์-มินนี่เม้าส์ ไม่ขานเวลา, แก้ปัญหาปฏิทินอาจไม่แสดงกิจกรรม, แก้บั๊กที่กระทบการทำงานของหน้าจอแสดงผล
ที่ผ่านมา แบตเตอรีลิเธียมไอออนของ Apple Watch จะถูกบรรจุเอาไว้ในถุงฟอยล์เหล็กสีดำมาตลอด แต่หลังจากเว็บนักแกะซ่อมชื่อดังอย่าง iFixit จัดการเปิดฝา Apple Watch Series 5 ขนาด 40mm. ก็พบว่าแบตเตอรีถูกประกอบเอาไว้ในกล่องเหล็กแทน (แต่ไม่ทราบว่าเป็นโลหะชนิดไหน) ทำให้ประหยัดพื้นที่และปริมาณแบตเตอรีเยอะกว่าเดิม 10% อีกด้วย
ทาง iFixit ออกความเห็นว่าถ้าทำแบบนี้ ต่อไปใน Apple Watch รุ่นใหม่อาจจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามา และตอนซ่อมเครื่อง ช่างก็จะทำได้ง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องห่วงว่าจะพลาดทำไขควงหรือเหล็กแหลมที่นำมางัดแทงโดนแบตเตอรีเสียหายอีกด้วย แต่รุ่น 44mm. ยังเป็นถุงฟอยล์เหล็กสีดำเหมือนเดิม
ต่อเนื่องจาก iOS 13 แอปเปิลก็ได้ออกอัพเดตใหญ่ watchOS 6 ระบบปฏิบัติการบน Apple Watch มาด้วยเช่นกัน โดยผู้ใช้งานสามารถอัพเดตผ่าน iPhone ที่อัพเดตเป็น iOS 13 แล้วได้ในแอป Apple Watch โดยไปที่ General > Software Update โดยต้องจัดเตรียม Apple Watch ให้มีแบตเตอรี่อย่างน้อย 50%, ชาร์จไฟอยู่ และอยู่ใกล้กับ iPhone ตลอดการอัพเดต
ทั้งนี้ watchOS 6 อัพเดตถัดไป จะสามารถอัพเดตได้โดยตรงผ่าน OTA ไม่ต้องทำผ่านแอป
ของใหม่ที่น่าสนใจบน watchOS 6 มีหลายอย่าง อาทิ App Store แยกเฉพาะบน watchOS, เพิ่ม API สำหรับสตรีมรายการเสียง, เพิ่มแอปบันทึกเสียง, เครื่องคิดเลข และแอปเตือนรอบเดือนสำหรับสุภาพสตรี
นอกจากจะเปิดตัว iPhone 11 ในงาน Keynote ครั้งล่าสุดแล้ว Apple Watch Series 5 ก็ได้รับฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเข้าไปใกล้เคียงกับนาฬิกาที่เราคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น แต่จากการทดสอบของสื่อต่างประเทศหลายเจ้าแล้ว Apple Watch Series 5 ก็ยังมีเรื่องให้เปรียบกับรุ่นก่อน ๆ อยู่หลายส่วนเช่นกัน
จุดเด่นอย่างแรกคงหนีไม่พ้นฟีเจอร์ Always-On เพราะรุ่นที่ผ่าน ๆ มาตอนจะดูเวลาต้องพลิกข้อมือขึ้นมาตลอด แต่ Series 5 นั้นแค่เหลือบตาดูก็ได้ ช่วยให้เหมือนใช้นาฬิกาจริง ๆ อยู่ แม้จะดูเล็กน้อยแต่ก็สะดวกขึ้นมาก ที่สำคัญคือใช้พลังงานไม่เยอะมากอีกด้วย
นอกจากราคา iPhone 8 และ iPhone XR ที่ปรับลดลงมาแล้ว แอปเปิลก็ได้ปรับลดราคา Apple Watch Series 3 ลงมาด้วยเช่นกัน หลังการเปิดตัว Apple Watch Series 5 ส่วน Series 4 ได้ยุติการขายไปในร้านออนไลน์
ราคาขายใหม่ของ Apple Watch Series 3 นั้นน่าสนใจทีเดียว โดยเริ่มต้นที่ 6,400 บาท สำหรับรุ่น GPS จากเดิม 9,900 บาท และ 9,900 บาท สำหรับรุ่น GPS+Cellular จากราคาเดิม 13,400 บาท
Apple Watch Series 3 เปิดตัวในปี 2017 คุณสมบัติเด่นตอนนั้นคือการรองรับ e-sim เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายมือถือได้
เมื่อคืนนี้แอปเปิ้ลได้เปิดตัว Apple Watch Series 5 พร้อมกันนั้นได้มีการเปิด Research App ตัวใหม่ ให้ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ สามารถเข้าร่วมได้ง่ายมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ผู้ใช้งาน Apple Watch ที่ต้องการเข้าร่วมงานวิจัยต้องไปดาวโหลด App ของแต่ละงานวิจัยมาใช้เอง เช่น Apple Heart Study ที่ทำร่วมกับ Stanford แต่ด้วย App ใหม่ตัวนี้ผู้ใช้สามารถกำหนดได้ในที่เดียวว่าต้องการเข้าให้ข้อมูลกับงานวิจัยใดๆ บ้าง
แอปเปิลเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่ Apple Watch Series 5 ซึ่งมีขนาดหน้าจอและรูปร่างคล้ายกับ Apple Watch Series 4 แต่ฟีเจอร์ที่โดดเด่นมาก คือหน้าจอที่แสดงผลตลอดเวลา (Always-On) ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องพลิกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูหน้าจอทุกครั้ง แต่สามารถชำเลืองมองดูได้เหมือนนาฬิกาทั่วไป
เทคโนโลยีที่แอปเปิลบอกว่าอยู่เบื้องหลังการทำงานแบบ Always-On นี้เรียกว่า LTPO ซึ่งใช้พลังงานต่ำกว่าในการแสดงผลหน้าจอเวลาไม่ได้พลิกข้อมือขึ้นมาดู
มีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภายในว่า แอปเปิลได้พัฒนาฟีเจอร์ตรวจจับการนอนหลับสำหรับ Apple Watch มาระยะหนึ่ง มีโค้ดเนมภายในว่า Burrito และน่าจะเปิดตัวฟีเจอร์นี้ได้ในงานเปิดตัว iPhone สัปดาห์หน้า ซึ่งในงานนี้คาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัว Apple Watch รุ่นอัพเกรดสเป็กด้วยเช่นกัน
ฟีเจอร์นี้จะมีชื่อเรียกว่า Time in Bed tracking โดยต้องใส่ Apple Watch ไว้ขณะนอนหลับ ซึ่งหากมีผู้ใช้มี Apple Watch หลายเรือน ก็สามารถเลือกกำหนดได้ว่าเรือนไหนจะใช้ตรวจสอบการนอนหลับ