ในยุคสมัยที่เราอ่านรีวิวของทุกสิ่งอย่างก่อนตัดสินใจซื้อหรือจ่ายเงินใช้บริการ สิ่งที่ตามมาเป็นเงาตามตัวคือ "บริการรับจ้างรีวิว" เพื่อให้คะแนนออกมาดี (Blognone เคยนำเสนอข่าว โรงงานรีวิวแอพบน App Store มาแล้ว)

คราวนี้เป็นการรับจ้างรีวิวร้านอาหารบ้าง ต้นเรื่องคือ บริษัท Revleap ประกาศตัวรับจ้างรีวิวร้านค้า-ร้านอาหารบน Yelp, TripAdvisor, Facebook, Google+ โดยประกาศตัวอย่างชัดเจนบนเว็บตัวเองว่าธุรกิจของเราคือ "Create a large constant flow of positive reviews that stay on top of your profile" และ "Get All Positive Reviews for Your Business"

เอกสารของทาง Yelp แพลตฟอร์มค้นหาร้านอาหารในสหรัฐ ได้เปิดเผยว่าทางกูเกิลได้แสดงผลการค้นหาในสหรัฐ ที่เอื้อต่อผลิตภัณฑ์ในเครือของตัวเองอย่าง Google+ มากกว่าที่จะแสดงผลแบบ organic โดย Yelp มองว่าเป็นการกีดกันคู่แข่ง ขณะที่ผลการค้นหาในยุโรป ซึ่งกูเกิลกำลังมีปัญหาเรื่องการผูกขาด แสดงผลเป็นกลางมากกว่า

เอกสารเผยว่าหากค้นหาชื่อโรงแรม หรือรีวิวร้านอาหาร ผ่าน IP address ในสหรัฐ ผลการค้นหาจะโชว์แถบสีดำด้านบนสุด ที่แสดงรายการรีวิวโรงแรม หรือร้านอาหารจาก Google+ รวมไปถึงมี Google Card ที่จะสามารถจองโรงแรม เขียนรีวิว หรือค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จากผลิตภัณฑ์ของกูเกิลเพิ่มเติม ขณะที่ผลการค้นหาแบบ organic อื่นๆ ที่มีการจองโรงแรม เขียนรีวิวหรือให้บริการเหมือนกับที่ทางกูเกิลมี จะตกอยู่ในอันดับรองๆ ลงมา

แต่หากค้นหาผ่าน IP address จากประเทศในสหภาพยุโรป ที่มีกฎหมายต้านการผูกขาด ผลการค้นหาแทบจะไม่มีการแสดงผลิตภัณฑ์ของกูเกิลเลย รวมไปถึง Google Card เองก็แสดงแค่ Google Maps ที่ปักหมุดสถานที่ที่ค้นหาแต่เพียงเท่านั้น

ที่มา - TechCrunch

หลายครั้งที่เราพึ่งพาบริการเว็บไซต์รีวิวร้านอาหารต่างๆ เพื่อที่จะหาร้านอาหาร (ตัวอย่างเว็บไซต์เหล่านี้เช่น Wongnai หรือ Yelp) และในทางกลับกัน เราก็ใช้เว็บไซต์เหล่านี้ในการแสดงความเห็น หรือรีวิวร้านอาหารที่เราไปรับประทานด้วยเช่นกัน ซึ่งหลายครั้งที่เรามักจะระบุปัญหาในกรณีที่เราทานอาหารแล้วมีปัญหาด้านสุขภาพ (เช่น ท้องเสีย) ตามมา

ช่องทางของการใช้เว็บไซต์รีวิวต่างๆ นี้ ทำให้สำนักสุขภาวะและอนามัย (Department of Health and Mental Hygiene) ของมลรัฐนิวยอร์ก ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย จัดทำซอฟต์แวร์พิเศษที่จะค้นหารีวิวในเว็บไซต์ Yelp ที่เป็นรีวิวร้านอาหารในเมืองทั้งหมด โดยเจาะจงการค้นหาคำเฉพาะในรีวิวอย่าง "ป่วย" (sick), "อาเจียน" (vomit) หรือ "ท้องเสีย" (diarrhea) เป็นการเฉพาะ และเริ่มทดลองใช้งานจริงไปบ้างแล้ว

เมื่อคอมพิวเตอร์ตรวจเจอรีวิวที่เขียนในแนวทางลักษณะเดียวกัน และมากกว่า 2 รีวิวภายใน 10 ชั่วโมง ก็จะมีเจ้าหน้าที่ (ในขั้นตอนนี้คือนักวิจัยที่ทำงานกับเจ้าหน้าที่ของนครนิวยอร์ก) จะอีเมลไปหาผู้ใช้เพื่อให้ได้มีโอกาสติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็จะได้รับแจ้งและนำไปสู่การตรวจสอบร้านอาหารดังกล่าว (ซึ่งในช่วงทดลองและเข้าตรวจสอบร้านที่มีรีวิวเข้าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ก็พบว่ามีการกระทำที่เป็นการละเมิดระเบียบด้านสุขบัญญัติ เช่น พื้นผิวโต๊ะที่ทำงานไม่สะอาด หรือการใช้มือเปล่าในการสัมผัสอาหาร เป็นต้น)

ด้าน Yelp ออกมาระบุว่ากำลังทำงานร่วมกับเมืองอื่นๆ เช่นกัน และหวังว่าความร่วมมือลักษณะนี้ จะลดอาการป่วยที่เกิดจากอาหารได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

ที่มา - The New York Times

Yelp เว็บรีวิวร้านอาหารและบริการประกาศเพิ่มคุณสมบัติใหม่ในการีวิว โดยผู้รีวิวสามารถอัพโหลดคลิปวิดีโอสั้นประกอบในเนื้อหาได้ด้วย ซึ่งวิดีโอนั้นจะมีความยาวตั้งแต่ 3-12 วินาที

Madhu Prabaker ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Yelp บอกว่าการเพิ่มวิดีโอในรีวิวจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ประกอบการในการนำเสนอภาพบรรยากาศจริง และลูกค้าก็สามารถสัมผัสข้อมูลได้ดีมากยิ่งขึ้น

ในช่วงแรก Yelp จะเปิดคุณสมบัตินี้เฉพาะกลุ่ม Elite user ก่อนในเดือนมิถุนายน และจะเปิดสำหรับผู้ใช้ทั่วไปภายหลังจากนั้น

ที่มา: Business Insider

ปัญหาหนึ่งของผู้ที่ถือครอง Bitcoin คือบางครั้งก็ไม่อาจรู้ได้ว่าร้านค้าใดบ้างที่รับชำระเงินด้วย Bitcoin และนั่นทำให้การวางแผนจับจ่ายใช้สอยด้วยเงินอิเล็กทรอนิกส์นี้ไม่ง่ายนัก

ด้วยเหตุนี้ Yelp ผู้ให้บริการเว็บรีวิวและค้นหาร้านค้าและร้านอาหารในท้องถิ่น เปิดให้เจ้าของร้านค้าต่างๆ สามารถระบุข้อมูลของร้านได้ว่าพร้อมจะรับชำระเงินด้วย Bitcoin หรือไม่

แม้ว่าในการใช้งานจริงอาจติดขัดบ้าง โดยผู้ใช้อาจต้องเข้าไปยืนยันข้อมูลดังกล่าวในหน้าเว็บของร้านค้าบน Yelp อีกครั้ง รวมทั้งข้อมูลแผนที่ร้านค้าที่รับ Bitcoin อาจยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เนื่องจากผู้ประกอบการบางร้านอาจไม่ได้อัพเดตข้อมูล แต่ก็ถือว่า Yelp ก็ได้เสนอทางเลือกที่ดีให้แก่ผู้ใช้ Bitcoin

ที่มา - Engadget

เพิ่งมีข่าวลือเมื่อเดือนที่แล้ว วันนี้ Yelp และยาฮูประกาศข่าวข้อตกลงอย่างเป็นทางการแล้วครับ

ยาฮูจะนำข้อมูลสถานที่ในระบบของ Yelp ทั้งข้อมูลเวลาเปิดปิด เบอร์โทรศัพท์ รูปภาพ รีวิว ฯลฯ มาผนวกในผลการค้นหาของ Yahoo Search (เฉพาะในสหรัฐเท่านั้น) เมื่อเราค้นหาชื่อสถานที่นั้นๆ ในเว็บของยาฮู ก็จะเห็นรายละเอียดของสถานที่นั้นแสดงขึ้นมาทันทีโดยไม่ต้องกดลิงก์ใดๆ

Yelp คุยว่าตัวเองมีข้อมูลสถานที่มากถึง 53 ล้านแห่ง ส่วนยาฮูก็บอกว่าการค้นหาข้อมูลสถานที่ คิดเป็นสัดส่วน 25% ของทราฟิกด้านการค้นหาของยาฮู การจับมือกันครั้งนี้จึงถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองบริษัท

ตามข่าวที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ แผนการของ Marissa Mayer ในการพายาฮูกลับสู่วงการค้นหา จะเน้นไปที่การช็อปปิ้ง ข้อมูลท้องถิ่น และอุปกรณ์พกพา ซึ่งข้อตกลงครั้งนี้ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการใหญ่ของเธอด้วย

ที่มา - Yelp Blog

จากข่าวลือ โครงการลับ Marissa Mayer เตรียมดันยาฮูคืนวงการค้นหา ล่าสุดมีข้อมูลเพิ่มเติมจาก Wall Street Journal ว่ายาฮูจะจับมือเป็นพันธมิตรกับ Yelp บริษัทรวมข้อมูลร้านอาหาร-ร้านค้าท้องถิ่น เพื่อบุกตลาดนี้

ตามข่าวบอกว่า ยาฮูจะนำข้อมูลสถานที่และรีวิวของ Yelp มาใส่ในระบบค้นหาของตัวเอง เพื่อเป็นการสร้างความแตกต่างจากระบบค้นหาของกูเกิลและไมโครซอฟท์แบบที่เรารู้จักกันดี โดยฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดให้ใช้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าระบบค้นหาตัวใหม่ของยาฮูจะมีจุดเด่นอย่างไร เพราะ Yelp ก็มีสัญญาขายสิทธิการใช้งานข้อมูลลักษณะคล้ายๆ กันให้กับแอปเปิลและไมโครซอฟท์มาก่อนแล้ว

ที่มา - Wall street Journal

เว็บรีวิวร้านอาหารและบริการ Yelp ประกาศแผนต่อต้านกับร้านอาหารที่เล่นไม่ซื่อกับรีวิวด้วยฟีเจอร์ใหม่ Consumer alerts สำหรับแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบว่าห้างร้านกำลังซื้อรีวิวที่แสดงอยู่บน Yelp

Yelp ไม่ได้บอกรายละเอียดของระบบ Consumer alearts ว่าทำงานอย่างไรบ้าง แต่หากห้างร้านที่อยู่ในข่ายดังกล่าวจะถูกขึ้นป้ายเตือนเป็นเวลา 90 วัน (ดูหน้าตาได้จากที่มา) ซึ่งหลังจากเริ่มใช้งานระบบดังกล่าวก็มีร้านที่ถูกแจ้งเตือนไปแล้วทั้งสิ้น 9 ร้าน

แผนต่อไปของฟีเจอร์นี้คือการเปิดให้ผู้ใช้สามารถเห็น IP ของแต่ละรีวิวได้ ซึ่งพอจะช่วยในกรณีที่มีการจ้างโพสต์รีวิวจำนวนมากนั่นเอง

ที่มา - Yelp Blog

คำว่า "ศัตรูของศัตรูคือมิตร" อาจใช้ได้กับข่าวนี้ เพราะบริการรีวิวสถานที่ Yelp ซึ่งเคยมีเรื่องกับกูเกิลมาหลายครั้ง ประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์เพื่อพัฒนา Bing Local แล้ว

Yelp จะส่งข้อมูล รีวิว รูปภาพ ของสถานที่ต่างๆ ในฐานข้อมูลของตัวเองให้ไมโครซอฟท์ใช้งานใน Bing Local เป็นบางส่วน เพื่อช่วยให้ฐานข้อมูลของ Bing Local ค้นหาสถานที่ได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น แน่นอนว่างานนี้ชนกับ Google+ Local (ที่ดึงข้อมูลจาก Zagat ที่กูเกิลซื้อมา) เข้าเต็มๆ

เท่าที่ผมเช็คดู Yelp ยังมีข้อมูลเฉพาะในสหรัฐและเมืองใหญ่ของยุโรปเป็นบางเมืองเท่านั้น คงไม่กระทบอะไรกับการใช้งานในบ้านเรามากนัก แต่ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดนี้กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดครับ

ที่มา - Yelp Blog, The Next Web

เว็บรีวิวร้านอาหารและบริการ Yelp เริ่มทำการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากยื่นเอกสารไปก่อนหน้านี้ โดยหุ้นของ Yelp ใช้ตัวย่อว่า YELP มีราคาจองหรือราคาไอพีโอที่ 15 ดอลลาร์ แต่ในวันแรกของการซื้อขายหุ้นมีราคาปิดที่ 24.58 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าราคาไอพีโอถึง 64% นับเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอีกตัวที่เปิดตัววันแรกได้สูง โดยก่อนหน้านี้คือ LinkedIn ที่ราคาวันแรกสูงกว่าราคาไอพีโอหนึ่งเท่าตัว

ปัจจุบัน Yelp มีผู้เข้าชมเว็บเฉลี่ย 66 ล้านคนต่อเดือน และมีผู้เข้าชมผ่านแอพบนโทรศัพท์มือถือถึง 5.7 ล้านคนต่อเดือน Yelp มีรายได้หลักจากการขายโฆษณาบนเว็บซึ่งมีผู้ซื้อโฆษณาทั้งกิจการร้านค้า ตลอดจนแบรนด์สินค้ายักษ์ใหญ่ โดยในปี 2011 Yelp มีรายได้รวม 83.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 74% จากปี 2010 แต่ที่ผ่านมา Yelp ไม่เคยมีผลประกอบการสุทธิเป็นบวกเลย ปี 2011 นั้น Yelp ขาดทุน 16.7 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าถ้าดูตัวเลขเฉพาะไตรมาสล่าสุด Yelp เริ่มมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เป็นบวกเป็นครั้งแรก ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่าธุรกิจของ Yelp กำลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ที่มา: WSJ ภาพประกอบจาก Business Insider

ที่งาน CES 2012 ค่ายรถหรูอย่าง Mercedes-Benz นำระบบสั่งงานภายในรถยนต์ (telematics) ตัวใหม่ที่เรียกว่า mbrace2 มาโชว์

ความสามารถของ mbrace2 เหนือระบบสั่งงานในรถทั่วๆ ไปคือมันสามารถใช้งาน "แอพ" ได้ (ซึ่งก็เป็นทิศทางที่ค่ายรถอื่นๆ กำลังมุ่งไปเช่นกัน) โดยระบบที่ Mercedes-Benz นำมาโชว์มีแอพ 3 อย่าง

• Google Local Search ไว้ค้นหาสถานที่ และสามารถใช้ Google Street View ดูหน้าตาของสถานที่ปลายทางได้ด้วย
• Yelp ไว้ค้นข้อมูลร้านอาหาร
• Facebook ไว้สื่อสารและดูว่าเพื่อนๆ ของเรากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง

Yelp เว็บให้บริการรีวิวสถานที่บริการและร้านอาหารซึ่งมีข่าวว่าเตรียมเข้าตลาดหุ้นก่อนหน้านี้ ได้ยื่นเอกสารหรือทำไฟลิ่งเพื่อขอเข้าตลาดหุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีการประเมินว่า Yelp อาจระดมทุนเพิ่มในครั้งนี้ราว 100 ล้านดอลลาร์ โดยหุ้นจะเริ่มซื้อขายในต้นปีหน้า

Yelp จะเป็นอีกบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ตัดสินใจเข้าตลาดหุ้นตามกระแสในตอนนี้ตามหลัง Groupon และ Angie's List ที่เพิ่งเริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นล่าสุดและได้กระแสตอบรับในราคาหุ้นที่ดี โดย Yelp มีผลประกอบการในรอบ 9 เดือนล่าสุดขาดทุนอยู่ 7.76 ล้านดอลลาร์ จากยอดขาย 58.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก็เหมือนกับ Groupon ที่เข้าตลาดหุ้นแม้บริษัทยังขาดทุนอยู่

นักวิเคราะห์มองว่าความเสี่ยงทางธุรกิจของ Yelp คือผู้เข้าชมเว็บมากกว่าครึ่งนั้นไม่ได้เข้าจาก Yelp โดยตรง แต่เป็นการเข้าผ่านผลการค้นหาจากกูเกิล ขณะที่ตัวกูเกิลเองก็มีบริการรีวิวร้านค้าแบบนี้อยู่เช่นกัน จึงอาจเกิดข้อขัดแย้งได้ในอนาคต

ที่มา: Bloomberg

ข่าวที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้คือ Google ถูกสอบเรื่องการผูกขาดทางการค้าในสหรัฐฯ แล้ว ซึ่งกระบวนการไต่สวนกูเกิลในข้อหาผูกขาดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

ทางคณะกรรมาธิการด้านการผูกขาดของวุฒิสภาสหรัฐจะเริ่มไต่สวนในวันนี้ (21 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐ) ซึ่ง Eric Schmidt จะเป็นคนมาให้การต่อคณะกรรมาธิการฯ ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ทางคณะกรรมาธิการฯ จะเชิญคู่แข่งของกูเกิล 3 รายคือ Yelp, Nextag, Expedia มาให้การต่อหน้าคณะกรรมาธิการฯ ด้วย

Yelp บริการรีวิวร้านอาหารและสถานที่ต่างๆ (ยังไม่เปิดบริการสำหรับประเทศไทย) เคยกระโดดเข้ามาร่วมวงการขายส่วนลดแบบกลุ่ม (social commerce หรือที่เราเรียกติดปากว่า deals) ในช่วงที่กระแสบริการแบบนี้กำลังมาแรงเมื่อปีที่แล้ว แต่ผลลัพธ์กลับออกมาไม่ดีดังคาด และ Yelp ก็เริ่มลดจำนวนพนักงานฝ่ายนี้ลงแล้ว

Yelp ระบุว่าจะลดขนาดของฝ่ายขาย deals ลงครึ่งหนึ่ง โดยโยกพนักงานขายจำนวน 15 รายไปทำอย่างอื่นแทน ผู้บริหารของ Yelp บอกว่าต้องการโฟกัสที่คุณภาพของร้านค้าที่ร่วมโครงการ มากกว่าเพิ่มจำนวนร้านเยอะๆ และการขาย deals ไม่ได้เป็นธุรกิจหลักของ Yelp อยู่แล้ว

ยังคงมีข่าวบริษัทอินเทอร์เน็ทเตรียมเข้าตลาดหุ้นกันเรื่อยๆ ล่าสุด Yelp ซึ่งเป็นบริการรีวิวสถานที่และร้านอาหารในอเมริกาก็เตรียมตัวเข้าตลาดหุ้นอีกราย โดยในขั้นแรกนี้บริษัทกำลังหาซีเอฟโอที่มีคุณสมบัติตามระเบียบการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น หรือ IPO ก่อน

ปัจจุบัน Yelp มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ประมาณ 50 ล้านครั้งต่อเดือน รายได้หลักมาจากโฆษณาของร้านค้าในท้องถิ่น ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขรายได้และกำไรของ Yelp รวมถึงมูลค่ากิจการที่ถูกประเมิน แต่ก่อนหน้านี้กูเกิลเคยขอซื้อ Yelp ที่ราคา 550 ล้านดอลลาร์ซึ่งถูกปฏิเสธไป

บริการของ Yelp มีคู่แข่งทางอ้อมอยู่มากทั้ง Foursqaure ที่ปัจจุบันมีหน้า Explore คอยแนะนำร้านค้า ขณะเดียวกันการที่บริษัทมีรายได้จากร้านท้องถิ่น ก็ทำให้ซ้ำซ้อนกับการโฆษณาทางอ้อมของบรรดาเว็บขายดีลอย่าง Groupon หรือ LivingSocial เช่นกัน

ที่มา: The Wall Street Journal

Yelp เป็นบริการรีวิวสถานที่และร้านอาหารชื่อดังในสหรัฐ (ยังไม่มีบริการในไทย) ซึ่งเมื่อปลายปี 2009 มีข่าวออกมาว่า Yelp ปฏิเสธข้อเสนอซื้อ 500 ล้านเหรียญจากกูเกิล และหลังจากนั้นเราก็เห็นบริการแบบเดียวกันของกูเกิลอย่าง Place Page และ Hotpot ออกมาแข่ง

ล่าสุด Jeremy Stoppelman ซีอีโอของ Yelp ให้ข้อมูลกับหนังสือพิมพ์ Telegraph ว่าเบื้องหลังการเจรจาธุรกิจระหว่างกูเกิลกับ Yelp นั้น กูเกิลต้องการข้อมูลรีวิวสถานที่จาก Yelp มาแสดงบน Google Place Page ซึ่งตอนแรก Yelp ปฏิเสธเพราะเป็นบริการคู่แข่งกันโดยตรง ทำให้กูเกิลขู่ว่าถ้าไม่ให้ข้อมูล ก็จะนำ Yelp ออกจากผลการค้นหาของกูเกิลบ้าง สุดท้าย Yelp ก็ต้องยอมเพราะเป็นแหล่งที่มาของทราฟฟิกที่สำคัญ

โฆษกของกูเกิลปฏิเสธการตอบคำถามเรื่องนี้

ที่มา - Telegraph, Search Engine Land

ปีนี้เทรนด์ Location-Based Service เรียกว่ามาแรงไม่หยุดจริงๆ ไม่ว่าจะ Foursquare, Gowalla หรือ Facebook Places ล่าสุด Google ได้ต่อยอดและเปิดตัว "Google Hotpot"

Hotpot คือการรวมฟีเจอร์ของ Google Places เข้ากับระบบรีวิวและให้เรทติ้ง ที่ให้คนช่วยกันแนะนำร้านอาหารหรือสถานบริการต่างๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเรา (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Location-Based Recommendation Engine)

เมื่อปลายปีที่แล้ว Yelp ปฏิเสธข้อเสนอซื้อ 550 ล้านดอลลาร์ของกูเกิล และแน่นอนว่าการเปิดตัวครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Yelp ซึ่งเป็นเจ้าตลาดในบริการด้านนี้มาก่อน

ไปลองเล่นกันได้ครับที่ http://www.google.com/hotpot

ที่มา - Mashable

มีข่าววงในว่า Yelp เว็บไซต์รีวิวผลิตภัณฑ์แบบ 2.0 (แยกหมวดหมู่ตามเมืองในสหรัฐ คล้ายๆ กับ Craiglist แต่ให้บริการเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น) ซึ่งก่อนหน้านี้กำลังเจรจาขายกิจการให้กูเกิล ได้บอกปัดข้อเสนอมูลค่า 550 ล้านดอลลาร์จากกูเกิลแล้ว

มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า Yelp มีผู้ซื้อรายอื่นติดต่อเข้ามา (ไมโครซอฟท์หรือแอปเปิล?) แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า Yelp น่าจะมองถึงอนาคตที่จะขายหุ้นแก่สาธารณะชนทั่วไป (ทำ IPO) ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ Facebook และ Twitter น่าจะเริ่มทำในปีหน้า

ที่มา - TechCrunch