ไมโครซอฟท์ประกาศเปิดรับแอพสำหรับ Windows Store แบบเสียเงินใน 120 ประเทศทั่วโลก (ผมไม่แน่ใจว่าประเทศไทยเข้าตั้งแต่รอบที่แล้วหรือว่ารอบนี้ แต่เอาเป็นว่าใช้ได้เต็มรูปแบบแล้ว)
สำหรับนักพัฒนาสายไมโครซอฟท์ยังมีข่าวดีอีกอย่างคือ สมาชิก MSDN ทุกคนจะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนักพัฒนา Windows Store ฟรี 1 ปี (จ่ายเอง 1,490 บาท) ซึ่งสิทธินี้ครอบคลุมบัญชีแบบ DreamSpark สำหรับภาคการศึกษา และ BizSpark สำหรับภาคธุรกิจด้วย
เนื่องในวันนี้ที่ Windows 8, Windows Server 2012, Visual Studio 2012 และ .NET Framework 4.5 เข้าสู่สถานะ RTM พร้อมกัน ทางไมโครซอฟท์ก็ได้ประกาศว่านับตั้งแตวันนี้ Windows Store จะเปิดรับแอพแบบเสียเงินขึ้นไปวางขายแล้ว
ใกล้วันเปิดตัวของ Windows 8 ในเดือนตุลาคมเข้ามาเรื่อยๆ ไมโครซอฟท์ก็เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดอธิบายกระบวนการคิดเงินแอพใน Windows Store แล้ว
เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าแอพแบบ Metro เท่านั้นที่จะสามารถวางขายบน Windows Store ได้ (ดูรายละเอียดการส่งแอพแบบ Metro ขึ้นสโตร์ได้จากข่าวเก่า) ส่วนแอพแบบเดสก์ท็อปนั้น Windows Store จะทำหน้าที่แสดงข้อมูลเท่านั้น ลูกค้าที่สนใจจะต้องกดลิงก์ Go to developer's website เพื่อไปยังหน้าเว็บแล้วซื้อ-ดาวน์โหลดเอง (ข่าวอ้างอิง) ซึ่งล่าสุดไมโครซอฟท์ก็ได้เผยรายละเอียดการนำข้อมูลแอพแบบเดสก์ท็อปขึ้นไปแสดงบน Windows Store แล้ว โดยนักพัฒนาจะต้องดำเนินการ ดังนี้
นับจนถึงวันนี้ Windows Store ร้านขายแอพบน Windows 8 ยังมีเฉพาะแอพแบบ Metro เท่านั้น แต่ล่าสุดไมโครซอฟท์เพิ่มแอพแบบเดสก์ท็อปลงบน Windows Store เรียบร้อยแล้ว และแอพแรกก็ไม่ใช่ใครอื่น Office 2010 นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม Office 2010 บน Windows Store เป็นแค่หน้าแสดงข้อมูลของแอพเท่านั้น เราไม่สามารถกดปุ่มเพื่อซื้อหรือติดตั้ง Office 2010 ได้จาก Windows Store โดยตรง ซึ่งไมโครซอฟท์ทำเป็นลิงก์คำว่า Go to developer's website เพื่อให้เราเปิดเบราว์เซอร์ไปยังหน้าเว็บแล้วซื้อ-ดาวน์โหลดเองอยู่ดี
ไมโครซอฟท์ยังไม่ให้ข้อมูลว่าเราจะได้เห็นแอพเดสก์ท็อปตัวอื่นๆ ทั้งของไมโครซอฟท์เองและนักพัฒนารายอื่นบน Windows Store อีกเมื่อไรครับ
Windows Store คือร้านขายแอพของ Windows 8 ซึ่งในรุ่น Consumer Preview ที่ออกเมื่อต้นปีนี้ ยังจำกัดนักพัฒนาที่จะส่งแอพขึ้นไปยัง Store เพียงแค่ 5 ประเทศเท่านั้น (สหรัฐ, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย) ส่วนตัว Store เองก็มีหมวดแอพเฉพาะประเทศสำหรับ 5 ประเทศนี้เช่นกัน (สำหรับประเทศอื่นๆ ทั้งหมดจะเข้าหมวด Rest of the World)
ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกมาประกาศว่า ใน Windows 8 รุ่นทดสอบรุ่นถัดไป (RC?) ไมโครซอฟท์จะเพิ่มประเทศที่สามารถส่งแอพขึ้นไปยัง Store ได้อีก 33 ประเทศ เพียงแต่ในรอบนี้ยังไม่มีประเทศไทยครับ
ไมโครซอฟท์ได้เปิดเผยโมเดลการให้ไลเซนส์แอพฯ บน Windows Store แก่ผู้ที่ต้องการใช้ รายละเอียดมีดังนี้
ไมโครซอฟท์ได้เผยแนวคิดและวิธีการที่นักพัฒนาจะส่งแอพฯ ขึ้น Windows Store โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายของการออกแบบกระบวนการส่งแอพฯ ขึ้น Windows Store ดังนี้
ไมโครซอฟท์เผยหน้าตาและรายละเอียดของ Windows Store ร้านขายแอพบน Windows 8
โครงสร้างของหน้าจอ Windows Store ไม่ต่างอะไรจากร้านขายแอพอื่นๆ ในปัจจุบัน โดยมีหน้าแรกที่แสดงหมวดหมู่และแอพแนะนำ (รายชื่อหมวดหมู่), หน้าค้นหาแอพที่ค้นได้จากทุกหน้าจอของ Windows 8, หน้ารายละเอียดแอพ (ภาพประกอบแบบเต็มๆ ดูกันเองตามลิงก์)
ประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆ
ไมโครซอฟท์เผยรายละเอียดเพิ่มเติมของ Windows Store ผ่านเว็บบล็อกของบริษัท รายละเอียดที่สำคัญสรุปได้ดังนี้
นักพัฒนาแอพฯ เห็นข่าวนี้แล้วคงจะมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า Windows Store บน Windows 8 นั้นเปิดกว้างกับแอพฯ ประเภทโอเพนซอร์สด้วยเช่นกัน โดยข้อตกลงผู้ใช้ (user agreement) ของ Windows Store ระบุไว้ว่านักพัฒนาสามารถส่งโอเพนซอร์สแอพฯ ขึ้น Windows Store ได้หากไลเซนส์ที่ใช้ได้รับการรับรองจาก OSI (Open Source Initiative)
The Register ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ไมโครซอฟท์ไม่ระบุชนิดของไลเซนส์ที่ชัดเจนแสดงให้เห็นว่า Windows Store จะไม่สนับสนุน GPL (General Public License)
ไมโครซอฟท์เผยรายละเอียดของ Windows Store ร้านขายแอพที่จะรวมอยู่ใน Windows 8
Windows Store จะใช้ธีม Metro (หน้าตาจะคล้ายกับ Dashboard ของ Xbox 360 รุ่นหลังๆ) แต่มีจุดที่น่าสนใจดังนี้
ระหว่างที่ไมโครซอฟท์กำลังเร่งให้นักพัฒนาช่วยกันสร้างแอพพลิเคชั่นบน Metro UI อย่างหนักเพื่อให้มีแอพพลิเคชั่นทันกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ก่อนที่จะเปิดตัว แต่ข่าวร้ายคือ แอพพลิเคชัั่นที่เป็น Metro UI นั้นจะไม่เปิดให้ผู้ซื้อนำไปติดตั้งกันได้เองแบบแอพพลิเคชั่นบนวินโดวส์เดิมๆ แล้ว แต่จะต้องเป็นนักพัฒนาหรือลูกค้าองค