Initial Public Offering
ข่าวนี้ หนุ่มๆ Blognone คงตาร้อนเป็นแถบ เพราะเราจะนำเสนอชีวิตของ Evan Spiegel ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Snapchat ที่ประสบความสำเร็จในการทำสตาร์ทอัพตั้งแต่อายุยังน้อย (ปัจจุบันเขาอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น) และสร้าง Snapchat จนโด่งดัง ตอนนี้มีมูลค่าบริษัทกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์
ดูเหมือน Spiegel รู้ตัวว่าชีวิตของเขาช่างน่าอิจฉา เขาเคยยอมรับว่าเขาโชคดี เป็นคนผิวขาว บ้านมีฐานะ ได้รับการศึกษาดี มีเงิน ก่อนปิดท้ายว่า ชีวิตก็ไม่ยุติธรรมแบบนี้แหละ
Snap บริษัทเจ้าของแอพ Snapchat ซึ่งเตรียมเข้าตลาดหุ้นในปีหน้า (ไอพีโอ) ได้เริ่มขั้นตอนการโรดโชว์ หรือนำเสนอบริษัทต่อนักลงทุนรายใหญ่ โดย WSJ มีข้อมูลว่าเนื้อหาที่ Snap เลือกนำเสนอ ร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินนั้น มีความน่าสนใจหลายอย่าง อาทิ
อย่างไรก็ตามนักลงทุนมองว่า Snap นั้นมีราคาหุ้นเบื้องต้นที่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับตอนที่ Facebook และ Twitter เข้าตลาดหุ้น (วัดจากอัตราส่วน มูลค่าบริษัทต่อรายได้) จึงเป็นความท้าทายของทีมนำเสนอนั่นเอง
ที่มา: WSJ
Wall Street Journal รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า Garena ได้เชิญตัวแทนธนาคารมาพูดคุยในสิงคโปร์ ถึงแผนการขายหุ้น IPO ในสหรัฐช่วงต้นปี 2018 เป็นอย่างเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่า Garena จะระดมทุนได้ราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ที่เลือกสหรัฐ เพราะเป็นประเด็นที่มีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมากที่สุดประเทศหนึ่ง โดยเล็งไปที่ตลาดหุ้นในนิวยอร์ค แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าเป็นตลาดหุ้นไหนและขายทั้งหมดกี่หุ้น
Trivago บริการค้นหาโรงแรมที่พักแบบเปรียบเทียบราคา ได้ไอพีโอเข้าตลาดหุ้น Nasdaq ไปเรียบร้อยแล้ว โดยราคาไอพีโออยู่ที่ 11 ดอลลาร์ต่อหุ้น และปิดการซื้อขายวันแรกที่ 11.85 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.73%
Trivago ได้เงินจากการไอพีโอครั้งนี้ 287 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัทจะนำไปใช้ขยายธุรกิจและเข้าซื้อกิจการ ความน่าสนใจคือ Trivago นั้นมีลูกค้าหลักอยู่ในอเมริกา ซึ่งซีอีโอ Rolf Schromgens บอกว่าสะท้อนความสามารถของ Trivago ที่สามารถแทรกเข้าไปในพื้นที่ซึ่งมีรายใหญ่อย่าง Kayak และ Priceline อยู่ก่อนแล้วได้
Expedia เป็นผู้ถือรายใหญ่ของ Trivago และหลังไอพีโอก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลักต่อไป
ที่มา: TechCrunch ภาพจาก @NASDAQ
Meitu แอพพลิเคชั่นเซลฟี่หน้าสวยของจีนที่เคยตั้งเป้าว่าจะได้รับเงินลงทุนจากไอพีโอฮ่องกง 500 - 1,000 ล้านดอลลาร์ ความคืบหน้าล่าสุดคือกำลังจะเข้าตลาดฮ่องกงภายในอาทิตย์นี้
Meitu เตรียมเสนอขายหุ้นในตลาดฮ่องกง 57,400,000 หุ้นซึ่งเป็น 10% ของการเสนอขายในทั่วโลก ราคาอยู่ที่ 8.50-9.60 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น จะสามารถสร้างมูลค่าได้ 5.58 พันล้านดอลลาร์ และน่าจะเป็นราคาหุ้นบริษัทไอทีที่สูงรองจากราคาหุ้นอาลีบาบาในฮ่องกง
Meitu มีผู้ใช้แอพกว่า 400 ล้านคน แต่รายได้ส่วนใหญ่มาจากขายสมาร์ทโฟน ซึ่ง Jessie Ding นักวิเคราะห์การตลาด ของสถาบัน Canalys เห็นว่า Meitu ต้องการนำเงินที่ได้จากไอพีโอไปลงทุนด้านฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฟนมากขึ้น
การเสนอขายหุ้นไอพีโอของ Meitu จะเริ่มขึ้นวันจันทร์นี้ และปิดช่วงกลางวันของวันพฤหัสบดี
Trivago บริการค้นหาโรงแรมที่พักออนไลน์โดยการเปรียบเทียบข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น เตรียมทำไอพีโอเข้าตลาดหุ้น Nasdaq ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งมีรายงานว่าบริษัทได้จ้างที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว
ปัจจุบัน Expedia เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Trivago ซึ่งได้เข้าซื้อหุ้นเมื่อปี 2012 และผู้บริหาร Expedia ก็เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าต้องการให้ Trivago เข้าตลาดหุ้น แต่บริษัทก็ยังไม่มีแผนขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมา
แหล่งข่าวระบุว่า Trivago คาดว่าจะมีมูลค่ากิจการหลังไอพีโอราว 5 พันล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มทุน 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ยอดระดมทุนเป็นรอง Line เท่านั้น
WSJ รายงานว่า Snap เจ้าของแอพ Snapchat (เพิ่งเปลี่ยนชื่อบริษัท) มีแผนจะขายหุ้น IPO อย่างเร็วที่สุดภายในเดือนมีนาคมปีหน้า โดยประเมินมูลค่ากิจการราว 25,000 ล้านดอลลาร์
มูลค่ากิจการของ Snap จากการเพิ่มทุนรอบล่าสุดในเดือนพฤษภาคมอยู่ราว 17,800 ล้านดอลลาร์ รายงานระบุว่า Snap เคยแจ้งกับนักลงทุนว่าบริษัทคาดรายได้ในปี 2016 อยู่ที่ 250-350 ล้านดอลลาร์ และปี 2017 จะสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยไม่มีการเปิดเผยเรื่องกำไร-ขาดทุน
Snapchat มีผู้ใช้ปัจจุบัน 150 ล้านคน รายได้หลักมาจากการขายโฆษณาบนแพลตฟอร์ม การเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น Snap ก็เพื่อรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ อย่างสุดก็คือแว่น Spectacles ที่ใช้ถ่ายคลิปวิดีโอสั้น
ที่มา: WSJ
Nutanix บริษัทเซิร์ฟเวอร์แนวคิดใหม่ hyperconverged (Blognone เคยสัมภาษณ์) เตรียมขายหุ้น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq แล้ว โดยใช้ตัวย่อว่า NTNX
Nutanix จะขายหุ้นออกมา 14 ล้านหุ้น โดยตั้งราคาระหว่าง 11-13 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ราคาจริงจะกำหนดใกล้ๆ วันเปิดขาย) ซึ่งจะทำให้บริษัทระดมทุนจากการขายหุ้นได้ 174 ล้านดอลลาร์ และบริษัทมีมูลค่าตามราคาหุ้นที่ 1.67 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นการขายหุ้น IPO ของบริษัทไอทีสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปีนี้
Meitu แอพพลิเคชั่นเซลฟี่หน้าสวยของจีนที่ได้รับความนิยมมากทั้งในจีนและอาเซียน ตั้งเป้าจะระดมทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวระบุว่าคาดว่าจะได้รับเงินลงทุน 500-1,000 ล้านดอลลาร์ และมูลค่ารวมของบริษัทอาจจะสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อหุ้นเข้าตลาดในไตรมาสสี่ของปีนี้
LINE ได้เริ่มเข้าทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กแล้วเมื่อคืนนี้ตามเวลาในไทย โดยใช้ตัวย่อ LN และก็ช่วยให้กระแสของหุ้นไอพีโอกลุ่มเทคโนโลยีสดใสต่อเนื่อง เพราะปิดการซื้อขายวันแรกที่ 41.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าราคาไอพีโอซึ่งอยู่ที่ 32.80 ดอลลาร์ (เช่นเดียวกับหุ้นเทคโนโลยีก่อนหน้านี้ Twilio)
หุ้นของ LINE จะซื้อขายในตลาดหุ้นทั้งนิวยอร์กและโตเกียว โดยของโตเกียวจะเริ่มซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ (15 กรกฎาคม) โดย LINE ถือเป็นหุ้นไอพีโอกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการระดมทุนสูงที่สุดจนถึงตอนนี้ของปี 2016
ความท้าทายของ LINE จากนี้คือการแสดงให้เห็นทิศทางว่าบริษัทจะโตไปทางใด ปัจจุบัน LINE ได้รับความนิยมใน 3 ประเทศหลักคือญี่ปุ่น, ไทย และไต้หวัน โดยมีเป้าหมายที่ 4 คืออินโดนีเซีย ผู้ใช้งานรวมทั่วโลก 218 ล้านคน ซึ่งผู้บริหาร LINE กล่าวว่าการเติบโตจะมุ่งไปที่การขยายบริการที่หลากหลายครอบคลุม และเน้นเจาะท้องถิ่นให้มากขึ้น
ก่อนจะเปิดตลาดขาย IPO อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ LINE ประกาศราคาเริ่มต้นของ IPO ล่าสุดขึ้นไปอยู่ที่หุ้นละ 32.80 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากการประกาศก่อนหน้านี้มาประมาณ 8 เหรียญ
Tech in Asia ระบุว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากความผันผวนในตลาดหลังประชามติในสหราชอาณาจักร และจะทำให้ยอดระดมทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมมาอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดย LINE จะขาย IPO ที่ 35 ล้านหุ้น พร้อมด้วยเป็นหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Portion) อีก 5.25 ล้านหุ้น
ที่มา - Tech in Asia
Lei Jun ซีอีโอของ Xiaomi เคยออกมาบอกแล้วว่าเปิดโอกาสในการขาย IPO ของบริษัท ล่าสุดดุเหมือนเจ้าตัวจะตัดสินใจและมีเป้าหมายชัดเจนแล้วว่าจะเริ่มขาย IPO ในช่วงปี 2025 หรืออีก 9 ปีข้างหน้า
ซีอีโอ Xiaomi ระบุว่าการขายหุ้นของบริษัทต้องใช้เวลา เพราะโมเดลธุรกิจของ Xiaomi ค่อนข้างซับซ้อน ขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่นของผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า
Lei Jun ระบุด้วยว่าต้องการให้ Xiaomi เป็นเหมือนร้าน Muji ที่ขายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน โดยปัจจุบันเราเห็นความพยายามของ Xiaomi ในการสร้างผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมที่หลากหลาย รวมถึง ecosystem เพื่อมารองรับด้วย
ข่าวการขายหุ้น IPO ที่น่าจับตามองคือ LINE ที่จะขายหุ้นวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ คาดว่าจะระดมทุนได้ราว 1 พันล้านดอลลาร์ และน่าจะเป็นการขายหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในปี 2016 นี้
อย่างไรก็ตาม ในแวดวงนักลงทุนกลับประเมินว่า LINE กำลังเผชิญปัญหาการเติบโตช้าลง โดยบริษัท Bayview Asset Management มองว่า LINE มีฐานที่มั่นใน 4 ประเทศคือญี่ปุ่น ไต้หวัน ไทย อินโดนีเซีย ซึ่งมีเพียงอินโดนีเซียประเทศเดียวที่ยังโตได้อีก นอกจากนี้นักลงทุนอีกรายหนึ่งที่ยังไม่ระบุชื่อแสดงความเห็นว่าโมเดลธุรกิจของ LINE ยังมีแค่การโฆษณาเพียงอย่างเดียว และยังไม่มีโมเดลการทำเงินแบบอื่นๆ ให้เห็นด้วย
Twilio ผู้ให้บริการ API บนคลาวด์สำหรับติดต่อกับโทรศัพท์และ SMS ได้ไอพีโอเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กไปเรียบร้อยแล้ว โดยราคาหุ้นไอพีโออยู่ที่ 15 ดอลลาร์ต่อหุ้น และปิดการซื้อขายในวันแรกที่ 28.53 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 90% ทำให้บริษัทมีมูลค่ากิจการตามราคาหุ้น 2.03 พันล้านดอลลาร์
บริการของ Twilio ทำให้นักพัฒนาแอพสามารถเรียกใช้ API เพื่อต่อสายโทรศัพท์ หรือส่งข้อความสั้นไปยังลูกค้าได้ โดยมีลูกค้ารายสำคัญอย่างเช่น Uber รวมอยู่ด้วย
ไอพีโอของ Twilio ที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นจากราคาจองยังส่งสัญญาณบวก สำหรับหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ที่ชะลอตัวในการเข้าตลาดหุ้นที่ผ่านมา อาจทำให้กลับเข้ามาเป็นที่สนใจอีกครั้ง
ที่มา: VentureBeat ภาพ Twilio
วันนี้ LINE ประกาศวันขายหุ้น IPO แล้ว เป็นวันที่ 15 กรกฎาคม (ตรงกับ 14 กรกฎาคมในสหรัฐ) สำหรับตลาดหุ้นทั้งในกรุงโตเกียวและนิวยอร์ก
LINE ตั้งราคาเริ่มต้นที่หุ้นละ 26.21 เหรียญสหรัฐและตั้งเป้าว่าจะระดมทุนได้ไม่ต่ำกว่า 917 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้ LINE เป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้ และจะทำให้บริษัทมีมูลค่าเกินกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
LINE มีผู้ใช้รายเดือนอยู่ที่ราว 218.4 ล้านคน แต่ทว่าในช่วงปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้รายเดือนเพิ่มขึ้นเพียง 13 ล้านคน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับ WhatsApp และ Facebook Messenger ที่มีผู้ใช้รายเดือนเพิ่มขึ้นหลายร้อยล้านคน
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า LINE จะจัดโรดโชว์เพื่อเตรียมขายหุ้นไอพีโอ ที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนนี้ และราคาหุ้นจะถูกประกาศภายใน 1-2 สัปดาห์ต่อมา (ก่อนหน้านี้มีข่าวลือแต่ไม่ระบุช่วงเวลา)
ประเด็นที่น่าสนใจคือมูลค่าไอพีโอนั้นคาดว่า LINE จะระดมทุนได้ราว 2,000-3,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนนี้ LINE จะกลายเป็นหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้
LINE มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) 218.4 ล้านคน อย่างไรก็ตาม LINE ถูกเปรียบเทียบกับ WhatsApp มากในเรื่องการเติบโต เพราะช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา LINE มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นราว 13 ล้านคนเท่านั้น
ที่มา: Reuters และ Tech In Asia
สวนกระแสเทคสตาร์ตอัพฟองสบู่ เมื่อ Didi Chuxing (ตีติ ชูซิ่ง หรือชื่อเก่า Didi Kuaidi ตีติ ไคว่ตี) บริการเรียกรถแท็กซี่ของจีนประกาศจะเข้า IPO ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ในปี 2017 ตามรายงานของ Bloomberg สืบเนื่องจากประเด็นที่ Apple ลงทุนกับบริการรายนี้ไปกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทว่าคนของ Didi Chuxing ยังไม่เปิดเผยอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้
ที่มา - Reuters
ความร้อนแรงของวงการสตาร์ตอัพในสหรัฐอเมริกา อาจเริ่มถึงเวลาต้องหยุดชะงักลง เพราะในไตรมาสแรกของปี 2016 ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้ ไม่มีสตาร์ตอัพเข้าไปขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์เลยแม้แต่บริษัทเดียว
ตัวเลขนี้ลดลงมากจากไตรมาสที่แล้ว (Q4/2015) ที่มีสตาร์ตอัพขายหุ้น IPO ประมาณ 10 บริษัท และลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2014 ที่มีสตาร์ตอัพขายหุ้น IPO มากถึง 24 บริษัท และถ้าย้อนกลับไปดูสถิติในอดีต ช่วงเวลาที่ไม่มีสตาร์ตอัพขายหุ้นเลยแม้แต่บริษัทเดียวเป็นครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นในไตรมาส 1/2009 ช่วงที่มีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์นั่นเอง
การที่ไตรมาสล่าสุดไม่มีสตาร์ตอัพจดทะเบียนเลย ทั้งที่เศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้มีวิกฤตอะไรร้ายแรง (แถมยังอยู่ในช่วงขาขึ้นจากการเติบโต) จึงสร้างความประหลาดใจให้วงการ และเกิดคำถามว่าหมดยุคทองของสตาร์ตอัพแล้วหรือยัง?
สตาร์ตอัพฝั่งเอเชียอีกรายที่โดนตั้งคำถามเรื่อง IPO อยู่เรื่อยๆ คือ LINE ซึ่งล่าสุดสำนักข่าว Reuters ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า LINE เตรียมขายหุ้น IPO ที่ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว และตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐ (ยังไม่ชัดว่าเป็น NYSE หรือ Nasdaq) ช่่วงกลางปีนี้
ตามข่าวบอกว่าหุ้นที่ LINE เสนอขายจะมีมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ โดยมี Morgan Stanley, Goldman Sachs, JPMorgan, Nomura ช่วยในกระบวนการขายหุ้นด้วย ส่วนโฆษกของ Naver ให้ความเห็นว่าบริษัทกำลังพิจารณาเรื่อง IPO แต่ยังไม่ตัดสินใจอะไรในตอนนี้
คำถามที่สตาร์ตอัพสุดร้อนแรงอย่าง Xiaomi ต้องพบเจออยู่เสมอคือ "จะขายหุ้น IPO เมื่อไร" ซึ่งตลอดมา Xiaomi ก็ยืนยันว่าไม่สนใจขายหุ้นในเร็วๆ นี้ ทาง Lei Jun ซีอีโอของบริษัทเองก็เพิ่งพูดไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนว่า "Xiaomi ยังไม่สนใจขายหุ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า"
แต่สัปดาห์ที่แล้ว โทนเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยน หลังให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนว่าถึงแม้ตัวเขาเองยังไม่มีเหตุผลที่ดีพอในการพา Xiaomi เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาสการขายหุ้นแต่อย่างใด (Xiaomi is not ruling out an IPO) และตอนนี้เขาก็เริ่มคิดวางระบบภายในบริษัท เพื่อให้พนักงานที่มีหุ้นสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องรอเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว ซึ่งเป็นระบบที่ Alibaba เคยทำมาก่อน
รอบ 4-5 ปีที่ผ่านมาถือเป็นยุคทองของการระดมทุนสตาร์ตอัพ มีบริษัทหน้าใหม่จำนวนมากระดมทุนได้มหาศาล บริษัทที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ มักถูกจัดกลุ่มเป็น "ยูนิคอร์น" (unicorn) ม้าเขาเดียวในเทพนิยาย ปัจจุบันจากสถิติของ Fortune มีบริษัทที่เข้าข่ายมากถึง 173 บริษัท เพิ่มจากสถิติเมื่อปีก่อนที่มีเพียง 80 บริษัท (รายชื่อทั้งหมด)
เส้นทางชีวิตของบริษัทหน้าใหม่เหล่านี้คือเข้าขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ก่อตั้งและนักลงทุน VC ก็มีกำไรกันถ้วนหน้าจากราคาหุ้น IPO ในวันเริ่มขาย และหุ้นของบริษัทเหล่านี้ก็มักพุ่งสูงขึ้นหลังวัน IPO ซึ่งสะท้อนเสียงตอบรับจากตลาดนักลงทุนทั่วไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังมานี้ บริษัทที่เคยเป็นดาวรุ่งของวงการ กลับมีราคาหุ้นตกต่ำลงจากช่วง IPO มาก ตัวอย่างของบริษัทกลุ่มนี้ได้แก่ Zynga (ราคาตกไป 75% เทียบกับราคา IPO), Twitter (ตก 30%), Groupon (ตก 85%), Etsy (ตก 56%), Nimble Storage (ตก 67%), Lending Club (ตกเกือบ 50%), GoPro (ตกเกิน 50%) และ Fitbit
Dell เตรียมแยกบริษัทความปลอดภัย SecureWorks ที่ซื้อมาในปี 2011 เป็นบริษัทอิสระ และจดทะเบียนขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของสหรัฐปีหน้า (ใช้ตัวย่อว่า SCWX)
SecureWorks มีผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยหลากหลาย ทั้งระบบตรวจสอบมัลแวร์ และบริการที่ปรึกษารวมถึงทดสอบ-ประเมินความเสี่ยง (testing and assessments)
เหตุผลสำคัญที่ Dell เตรียมขายหุ้น SecureWorks ออกไปก็เพื่อระดมทุนเข้ามาใช้ซื้อกิจการ EMC ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก และคาดว่าเราอาจเห็น Dell ทยอยขายกิจการบริษัทอื่นๆ ในเครือเพิ่มเติมด้วย (บริษัทที่มีชื่อปรากฏว่าอาจโดนขายคือ Perot Systems ที่รับงานเอาต์ซอร์สระบบไอที)
เมื่อวานนี้ Square เข้าขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) เป็นวันแรก ตั้งราคาเริ่มต้นที่หุ้นละ 9 ดอลลาร์ พอตลาดเปิดทำการ ราคาหุ้นดีดขึ้นมาที่ 11.20 ดอลลาร์ และปิดตลาดด้วยราคา 13.07 ดอลลาร์ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมาราว 45%
Square แบ่งหุ้นออกมาขายไม่เยอะนัก ระดมทุนจากหุ้น IPO คิดเป็น 237 ล้านดอลลาร์ ราคาหุ้นที่ 9 ดอลลาร์ตีเป็นมูลค่าบริษัท 2.9 พันล้านดอลลาร์
ความสำเร็จในการขายหุ้น IPO ของ Square ถือเป็นสัญญาณที่ดีของบรรดาสตาร์ตอัพทั้งหลายที่คาดหวังว่าจะขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ครับ
Match Group บริษัทเจ้าของแอพและเว็บไซต์หาคู่อย่าง Tinder, Match.com และ OkCupid ประกาศตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) คาดระดมทุนได้กว่า 466 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยจะแบ่งขายออกมา 33.3 ล้านหุ้น คิดเป็น 14% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด (ที่เหลือ 86% อยู่ในมือกลุ่ม IAC/InterActiveCorp) ในราคาหน่วยละ 12 ถึง 14 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมา Match Group เติบโตกว่า 12% ในช่วงปี 2012-2014 และสามไตรมาสที่ผ่านมาก็โตไปแล้วกว่า 16% ด้านตัวเลข active user อยู่ที่ 59 ล้านรายต่อเดือน และมี 4.7 ล้านคนในจำนวนนี้ใช้แอพแบบเสียเงิน
Atlassian บริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังจากออสเตรเลีย เจ้าของซอฟต์แวร์ด้านทำงานร่วมกัน เช่น Jira (issue tracker), HipChat (สนทนาภายในทีม), Confluence (แชร์เอกสาร) และ Bitbucket (คู่แข่งของ GitHub) เตรียมขายหุ้น IPO ในสหรัฐอเมริกาแล้ว
บริษัทจะขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ใช้ตัวย่อหุ้นว่า "TEAM" และระดมทุนเพิ่ม 250 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันคาดว่าบริษัทมีมูลค่าราว 3 พันล้านดอลลาร์จากการขายหุ้นให้นักลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์