เพื่อชนกับ Amazon Prime Day ที่เพิ่งเริ่มลดแหลกในวันนี้ ยักษ์ใหญ่ขายปลีกระดับโลกอย่าง Walmart ออกมาเกทับด้วยการปล่อยแคมเปญลดราคาของตัวเองบ้างวันเดียวกัน

แคมเปญลดราคาของ Walmart ไม่มีชื่องาน แต่เคลมว่าเหนือกว่า Prime Day หลายด้านทั้งการเปิดให้ทุกคนสามารถซื้อสินค้าราคาพิเศษได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าแรกเข้า (ก็คือ Amazon Prime) เป็นเงินกว่า 100 เหรียญ และดีลยังไม่ได้ลดแค่วันเดียว แต่จะมีผลต่อเนื่องไปอีก 90 วัน

นอกจากเรื่องลดราคาแล้ว Walmart ยังลดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำในการส่งสินค้าฟรี จากเดิม 50 เหรียญ ลงมาเหลือ 35 เหรียญเท่ากับของ Amazon ในปัจจุบัน

งานนี้เรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใครครับ

Amazon วางแผนจัดงานครบรอบ 20 ปีครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว Prime Day มหกรรมลดราคาครั้งใหญ่ที่เคลมว่าจัดหนักยิ่งกว่า Black Friday อันเลื่องลือ

Prime Day จะจัดขึ้นในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ตั้งแต่เที่ยงคืน (ตามเวลา ET) โดยจะมีดีลลดราคาจากสินค้าทุกประเภทออกมาทุกๆ สิบนาที ซึ่งผู้ที่จะซื้อสินค้าในดีลของ Prime Day ได้นั้น จะต้องเป็นสมาชิก Amazon Prime ใน 9 ประเทศที่ร่วมรายการ ประกอบไปด้วยสหรัฐฯ และแคนาดา ประเทศใหญ่ในแถบยุโรป และญี่ปุ่น

Amazon ร้านค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่ได้ขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบเข้าไปยังลาตินอเมริกาเป็นครั้งแรกแล้ว ซึ่งประเดิมในประเทศเม็กซิโกเป็นประเทศแรกโดยการเปิดหน้าเว็บ Amazon.com.mx ทาง Amazon กล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่ Amazon จะมีสินค้าขายมากกว่าร้านค้าของตนในประเทศอื่นๆ นอกสหรัฐอเมริกา

รายได้สองในสามของ Amazon มาจากทวีปอเมริกาเหนือ โดยปีที่แล้วมีรายได้เพิ่มขึ้น 25% มาเป็น 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทวิจัยการตลาด EMarketer Inc. คาดการณ์ไว้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเม็กซิโกจะเติบโต 30% ขึ้นไปแตะระดับ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้

Amazon เริ่มทดสอบบริการรับสินค้าเองในพื้นที่ใกล้เคียงรูปแบบใหม่ (local pickup) เน้นสินค้าราคาพิเศษจากร้านค้าในท้องถิ่น โดยให้ลูกค้ามารับสินค้าเองจากรถบรรทุกในชื่อ Treasure Truck

Treasure Truck เป็นรถบรรทุกสำหรับบรรจุสินค้าราคาพิเศษจำนวนจำกัดรายวัน ที่ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อ และไปรับได้เองจากรถบรรทุกดังกล่าว โดยการสั่งซื้อสินค้าจะต้องทำผ่านแอพของ Amazon ผ่านเมนู Treasure Truck เท่านั้น เมื่อเลือกสินค้า และจ่ายเงินแล้วจึงไปรับสินค้าด้วยตัวเอง

คุณเอกชัย รุกขจันทรกุล หัวหน้าฝ่ายการค้าระหว่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ eBay ออกมาเผยสถิติที่น่าสนใจของผู้ค้าชาวไทยบน eBay ดังนี้

ต่อจากความพยายามส่งสินค้าด้วยโดรน Amazon ยังขยับหาวิธีการส่งแบบใหม่ไปเรื่อยๆ ล่าสุดแม้แต่ลูกค้าก็อาจกลายเป็นคนส่งของให้กับ Amazon ได้เสียแล้ว

โครงการนี้ถูกเรียกกันภายในว่า "On My Way" เป็นขั้นกว่าของจากเดิมที่ Amazon เช่าพื้นที่ร้านค้าเอาไว้เพื่อเก็บสินค้า ไปสู่การให้คนทั่วไปสามารถนำสินค้าชิ้นนั้นไปส่งแก่ผู้สั่งโดยจะได้ค่าตอบแทนกลับมา

การควบคุมกระบวนการส่งสินค้า จะทำผ่านแอพ On My Way เพื่อแจ้งเตือน และให้ข้อมูลสินค้าที่ต้องไปรับ-ส่ง รวมถึงเก็บรายได้เอาไว้ในนั้นด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันว่าบริการนี้จะเปิดใช้จริงหรือไม่

เว็บไซต์ The Wall Street Journal ลงบทความเกี่ยวกับทิศทางการทำธุรกิจของบริษัท Alibaba ซึ่งเขียนโดย คุณ Jack Ma CEO ของบริษัท Alibaba เองนั้น เขาเขียนเกี่ยวกับการเปิดโอกาสทางการค้าออนไลน์ของอเมริกาให้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งเขาต้องการที่จะร่วมทำธุรกิจกับต่างประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นว่า ผู้บริโภคชาวจีนชนชั้นกลางนั้นมีความต้องการที่จะซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอเมริกาและประเทศทางฝั่งยุโรป

เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ Amazon ประกาศฟรีค่าขนส่งนับพันรายการสินค้าขนาดเล็กโดยที่ไม่จำกัดขั้นต่ำการสั่งซื้อสินค้า ทั้งนี้ลูกค้าทุกคนจะได้รับสิทธิการส่งสินค้าฟรี และนโยบายนี้รวมอยู่กับการขนส่งสินค้าภายในสองวันแล้ว ซึ่ง Amazon ใช้สิ่งนี้เป็นกลยุทธ์เพื่อซื้อใจลูกค้า โดยเฉพาะกับลูกค้าประจำของเว็บไซต์ eBay

นโยบายจัดส่งสินค้าฟรีนี้จะทำให้ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์สามารถซื้อสินค้าราคาถูกโดยที่ไม่ต้องกังวลถึงค่าใช้จ่ายในการจัดส่งที่อาจจะแพงกว่าราคาสินค้าเสียอีก ส่วนการส่งสินค้าฟรีครอบคลุมสินค้าที่มีน้ำหนัก 8 ออนซ์ (230 กรัม) หรือน้อยกว่า ซึ่งราคาสินค้านั้นมักจะมีราคาไม่เกิน 10 เหรียญ และเวลาในการจัดส่งสินค้า ใช้เวลาตั้งแต่ 4 – 8 วันทำการจากศูนย์กลางการจัดส่งสินค้าใน Florence รัฐ Kentucky

บริษัท Automattic ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ WordPress และผู้ให้บริการ WordPress.com ประกาศข่าวการซื้อกิจการบริษัท WooThemes ผู้พัฒนาปลั๊กอินสำหรับอีคอมเมิร์ซชื่อดัง WooCommerce

ปัจจุบัน WooCommerce ถือเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลก WordPress โดยมียอดดาวน์โหลด 7.5 ล้านครั้ง และมีเว็บไซต์มากกว่า 1 ล้านแห่งใช้ระบบของ WooCommerce (ความนิยมแซงหน้า Magento แล้ว)

หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่ากูเกิลเตรียมเพิ่มปุ่ม "Buy" เข้ามาในหน้าผลการค้นหา เมื่อกดแล้วจะเข้าไปยังหน้า Shop on Google เพื่อซื้อสินค้าจากผู้ขายต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ

ตามข่าวบอกว่าปุ่ม Buy จะโผล่ขึ้นมาในกรณีที่เราค้นหาข้อมูลสินค้าบางอย่างบนอุปกรณ์พกพา และจะแสดงในตำแหน่งด้านบนสุดของเพจ (ตำแหน่งเดียวกับ AdWords ที่โผล่มาอันดับแรกในผลการค้นหา แต่จะไม่ทับกัน และแสดงทั้ง AdWords กับ Shop on Google) โดยการแสดงปุ่ม Buy จะไม่ยุ่งกับผลการค้นหาปกติ 10 อันดับต่อเพจ

คาดว่ากูเกิลจะใช้พื้นที่ Shop on Google เปิดให้ร้านค้าต่างๆ มาลงโฆษณา แล้วทำเงินจากค่าโฆษณาโดยตรง ไม่ได้หักส่วนแบ่งจากราคาสินค้าแต่อย่างใด

Etsy เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซสำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนงานฝีมือ-งานแฮนด์เมด-ของเก่า เติบใหญ่และไปไกลถึงขั้นขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กแล้ว

Etsy เปิดมาตั้งแต่ปี 2005 และค่อยๆ เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเว็บไซต์มีสินค้าเกือบ 30 ล้านรายการ ผู้ขาย 1.4 ล้านราย ผู้ซื้อเกือบ 20 ล้านราย และยอดขายปีละ 1.9 พันล้านดอลลาร์

บริษัทแบ่งหุ้น 15% มาขายในตลาดหลักทรัพย์ ระดมทุนไปได้ 267 ล้านดอลลาร์ เงินทุนที่ได้จะนำมาใช้ขยายระบบลอจิสติกส์ให้ครอบคลุมประเทศต่างๆ มากขึ้น

ชาว Blognone คงคุ้นเคยกับชื่อคุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ Tarad.com ที่ประสบความสำเร็จในการขายหุ้นให้กับกลุ่ม Rakuten จากประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นตำนานอีกบทหนึ่งของวงการเว็บไทย

แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา คุณภาวุธก็ทยอยเปิดบริษัทใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสายงานไอที-ออนไลน์อย่างต่อเนื่อง บริษัทเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Tarad.com แต่ถือเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ของคุณภาวุธเอง และเมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มบริษัทนี้ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการในชื่อ efrastructure หรือเรียกสั้นๆ ว่า "efra"

หลายคนคงประสบปัญหาของใช้สิ้นเปลือง เช่น สบู่ ยาสีฟัน กาแฟ น้ำตาล ฯลฯ หมดกระทันหัน ครั้นจะออกไปซื้อใหม่ก็ลำบากและเสียเวลา

เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซ Amazon ที่มีบริการ Amazon Fresh ส่งของสดถึงบ้าน และฮาร์ดแวร์ Amazon Dash ใช้สแกนบาร์โค้ดของสินค้าที่ต้องการสั่ง จึงพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการออก Amazon Dash Button ที่ใช้ง่ายกว่า Amazon Dash เข้าไปอีก เพราะมันเป็นปุ่มจริงๆ ที่กดเพียงครั้งเดียวสั่งของได้เลย

แอพพลิเคชัน Priceza ผู้ช่วยในการเปรียบเทียบราคา และค้นหาสินค้าเพื่อให้นักชอปปิงได้ซื้อสินค้าในราคาที่โดนใจที่สุดโดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยการสมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินด้วย Account Facebook

ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งบน iOS และ Android

อเมซอนทดสอบเปิดหน้าร้านในเว็บ Tmall ที่เน้นขายสินค้าในจีน หลังจากพยายามบุกตลาดจีนด้วยตัวเองมานานถึงสี่ปีแล้ว แต่กลับกินส่วนแบ่งตลาดได้เพียง 1.3% ขณะที่ Tmall กินตลาดไปถึง 57.6%

ตอนนี้หน้าร้านของอเมซอนขายสินค้าไม่มากนัก ส่วนมากเป็น LEGO, เสื้อผ้า, และขนมจากต่างประเทศ ความได้เปรียบสำคัญคือชื่อเสียงที่ช่วยให้คนซื้อมั่นใจได้ว่าจะไม่เจอสินค้าปลอมที่เป็นปัญหาสำคัญของเว็บขายสินค้าจีน

เพื่อให้งานขายทำได้สะดวกขึ้น ล่าสุด Facebook เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้าไปใน Facebook Group ให้ผู้ใช้สามารถโพสต์ขายสินค้าในกลุ่มได้สะดวกขึ้นกว่าการโพสต์ติดภาพแบบเดิมๆ

ฟีเจอร์ขายของในกลุ่มที่เพิ่มเข้ามานี้ ยังไม่เปิดใช้ทั้งหมด แต่จะให้ทดลองใช้งานกับกลุ่มที่มีการซื้อขายเกิดขึ้นบ่อยครั้งก่อน โดยจะส่งคำเชิญ "For Sale Groups" ไปยังเจ้าของกลุ่ม หลังจากนั้นผู้ใช้ในกลุ่มจะมีปุ่ม Sell เพิ่มขึ้นมา สามารถใส่ชื่อสินค้า อัพรูปภาพ ตั้งราคา ใส่สถานที่ และบรรยายสินค้าได้ ดูคร่าวๆ แล้วไม่ต่างจากการโพสต์แบบปกตินัก เพราะไม่ได้ครอบคลุมถึงการจ่ายเงิน และรับส่งสินค้า แต่ก็ช่วยให้งานขายในกลุ่มมีรูปแบบที่จัดการได้ง่ายขึ้น

ไม่ใช่บริษัทฝั่งสหรัฐฯ เท่านั้นที่แข่งขันกันเรื่องความไวในการส่งสินค้า เพราะยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Alibaba ก็สนใจเรื่องนี้เช่นกัน และมาในทิศทางเดียวกันด้วยการทดสอบส่งสินค้าด้วยโดรนที่การันตีส่งถึงในหนึ่งชั่วโมงแล้ว

แน่นอนว่าบริการทดสอบย่อมมากับข้อจำกัด โดยการส่งด้วยโดรนนั้นสามารถส่งได้เฉพาะชาขิงเท่านั้นในขณะนี้ น้ำหนักรวมต้องไม่เกิน 340 กรัม โดยมีร้านค้าเข้ามาร่วมในการทดสอบครั้งนี้มากกว่า 450 ราย

เรียกได้ว่าอีคอมเมิร์ซในจีนกำลังบูมสุดขีดจริงๆ หลังจากที่ Huawei ออกมาประกาศยอดขายของสมาร์ทโฟนซีรีส์ Honor รุ่นราคาย่อมเยาที่ขายผ่านออนไลน์เท่านั้น ทำยอดขายเพิ่มขึ้นจากล้านเครื่องในปีก่อน กลายเป็น 20 ล้านเครื่องไปแล้ว

แผนการขายผ่านออนไลน์เท่านั้นสำหรับรุ่นราคาถูกนี้ เรียกได้ว่ามาตามแนวทางของน้องเล็กร่วมประเทศอย่าง Xiaomi ไม่มีผิด Huawei บอกว่าการขายผ่านออนไลน์ช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนของบริษัทกระจายสินค้าลงได้ถึง 30% ของราคาตัวเครื่องเลยทีเดียว

จากยอดขายอันมหาศาลนี้ ล่าสุด Huawei ก้าวขึ้นไปเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับสามของโลกตามรายงานของ Gartner แล้ว

ที่มา - Reuters

แม้ว่า Amazon PrimeAir บริการส่งพัสดุทางอากาศด้วยโดรนใน 30 นาทีที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วจะยังไม่เริ่มเปิดให้บริการ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว ทาง Amazon ก็ได้เปิดตัวบริการใหม่ที่มีตัวเลือก "ภายใน 1 ชั่วโมง" ในชื่อ Prime Now แล้ว

ซอฟท์เบค บริษัทผู้พัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่น Page365 ประกาศได้รับเงินเพิ่มทุนรอบใหม่อีก 420,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 13.8 ล้านบาท โดยมาจากกองทุน Inspire Ventures และจาก Galaxy Ventures ที่ลงทุนในซอฟท์เบคตั้งแต่ต้นปีอยู่ก่อนหน้าแล้ว

คุณประธาน ธนานาถ ผู้ร่วมก่อตั้งซอฟท์เบค เปิดเผยว่า Page365 ตอนนี้มีร้านค้าที่ใช้บริการอยู่มากกว่า 9,000 ร้านแล้ว โดย Page365 ปัจจุบันรองรับการจัดการคำสั่งซื้อสินค้าผ่าน Facebook และ LINE และกำลังศึกษาการรองรับเครือข่ายสังคมอื่น อาทิเช่น Instagram

เนื้อหาเกี่ยวข้อง: สัมภาษณ์ทีม Page365

จากที่เคยมีข่าว Starbucks เตรียมทดลอง "สั่งกาแฟ" ผ่านแอพ ล่าสุด Starbucks เปิดบริการนี้แล้ว โดยเริ่มที่เมือง Portland ในรัฐ Oregon ของสหรัฐ บริษัทเรียกชื่อบริการนี้ว่า Mobile Order & Pay

กระบวนการใช้งานคือเปิดแอพ สั่งกาแฟ จ่ายเงิน แล้วเดินไปรับที่ Starbucks สาขาที่ใกล้ที่สุดได้เลย ปัจจุบันฟีเจอร์นี้ยังใช้ได้เฉพาะแอพ Starbucks บน iPhone แต่ก็มีแผนจะขยายเป็น Android ในภายหลัง

แผนการของ Starbucks คือจะค่อยๆ ขยายบริการนี้ไปทีละเมืองในปี 2015 โดยเมืองที่เปิดให้บริการจะมีแถบ Order โผล่เข้ามาในแอพด้วย

ที่มา - Wired

Lazada เว็บอีคอมเมิร์ซที่มีสาขา 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย และเวียดนาม ของบริษัท Rocket Internet แห่งเยอรมนี ประกาศว่าบริษัทได้เงินเพิ่มทุนรอบใหม่อีก 250 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ลงทุนเดิม แต่มีผู้ลงทุนใหม่รายใหญ่หนึ่งรายคือเทมาเส็กโฮลดิงส์ ของรัฐบาลสิงคโปร์

Lazada ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขสถิติมากนัก ระบุเพียงธุรกิจ marketplace (เป็นหน้าร้านให้ธุรกิจอื่นอีกที) ถือเป็นรายได้หลักกว่า 70% ของบริษัท และมียอดขายครึ่งปีแรก 91.4 ล้านดอลลาร์

Lazada เพิ่มทุนครั้งล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ได้เงินมา 250 ล้านดอลลาร์เช่นกัน

Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของประเทศจีนเข้ามารุกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วยการนำสองแพลตฟอร์มสำหรับอีคอมเมิร์ซมาเปิดให้บริการในประเทศไทยได้แก่ Thai One Mall ในเครือ Tmall และ Alipay เครื่องมือจ่ายเงินออนไลน์ยอดนิยมของประเทศจีน

วันนี้ทาง Blognone ได้จดหมายเชิญงานเปิดตัวเว็บ "ไทย วัน มอลล์" เตรียมเปิดตัวในไทย ระบุว่าเป็นเว็บอีคอมเมิร์ชที่อยู่บนแพลตฟอร์มของ Alibaba

ยังไม่มีข้อมูลว่า ไทย วัน มอลล์ จะเกี่ยวข้องอย่างไรกับ Alibaba แต่ผู้บริหารที่ร่วมในงานเปิดตัวก็มีทั้งผู้บริหารจาก Tmall, Alipay, ผู้บริหารจากที่ปรึกษาธุรกิจการเงินและการธนาคาร, รวมถึงท่านอุปทูตฝ่ายพาณิชย์ของสถานทูตจีนประจําประเทศไทย จากรายชื่อคงพอบอกได้ว่า ไทย วัน มอลล์ จะเกี่ยวข้องกับ Alibaba อย่างใกล้ชิด

สงครามอีคอมเมิร์ชไทยตอนนี้ดูจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากผู้เล่นที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ที่มา - จดหมายเชิญงานเปิดตัว

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ของตลาดซื้อขายออนไลน์ โดยบริษัท Naspers (เจ้าของ OLX), Schibsted Media, Telenor Group และ Singapore Press Holding ตกลงที่จะรวมตัวกันในตลาดซื้อขายออนไลน์ของเอเชียหลังจากที่เป็นคู่แข่งกันมานาน โดยการรวมตัวในครั้งนี้จะมีผลในประเทศบราซิล, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, บังคลาเทศ และประเทศไทย ดังต่อไปนี้: