จากที่กูเกิลได้ประกาศจะถอด root CA ของไซแมนเทคออกทั้งหมดใน Chrome 70 มาได้เกือบหนึ่งปีแล้วนั้น ตอนนี้ Chrome 70 ก็เริ่มปล่อยรุ่นทดลองมาแล้ว โดยโค้ดสำหรับบล็อคใบรับรองที่ออกโดย Symantec รวมไปถึงแบรนด์ลูกอย่าง RapidSSL, GeoTrust และ Thawte ก็ได้เข้าสู่ Chrome Canary ในเวอร์ชั่น 70.0.3503.0 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสองวันที่ผ่านมา โดยข้อความแจ้งเตือนจะระบุว่าเป็น ERR_CERT_SYMANTEC_LEGACY
update: ล่าสุดธนาคารทหารไทยแก้ไขเปลี่ยนใบรับรองเรียบร้อยแล้ว
ผู้ที่ใช้บริการธนาคารออนไลน์ของธนาคารทหารไทยสองสามวันนี้หลายคนเจอปัญหาไม่สามารถเข้าเว็บได้ เพราะ Chrome บนวินโดวส์เริ่มแจ้งปัญหาว่าใบรับรองเข้ารหัสถูกยกเลิกไปแล้ว
AWS เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่คือ Private Certificate Authority หรือ Private CA อยู่ภายใต้บริการจัดการใบรับรองหรือ AWS Certificate Manager (ACM)
แต่เดิมนั้น การรับรองส่วนตัวเพื่อใช้งานภายในกลุ่มหรือองค์กร จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานแบบพิเศษรวมถึงความรู้ด้านความปลอดภัย ซึ่งทำให้การจัดการและดำเนินงานมีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ฟีเจอร์ Private CA ของ AWS จะเข้ามาตอบโจทย์นี้ โดยระบบจะถูกรวมเข้ากับ ACM จึงทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการใบรับรองส่วนตัวได้ง่าย และใช้โมเดลจ่ายเงินแบบ pay as you go
กูเกิลเตรียมบังคับใบรับรองเข้ารหัสเว็บทุกใบต้องผ่านการบันทึกบนเซิร์ฟเวอร์ Certification Transparency (CT) ภายในเดือนเมษายนนี้ ตอนนี้ผู้ออกใบรับรองรายใหญ่อย่าง Let's Encrypt ก็ออกมาประกาศเพิ่มข้อมูลยืนยันการบันทึกลงล็อก (Signed Certificate Timestamps - SCT) ลงในใบรับรองโดยตรง เพื่อให้ใบรับรองใช้งานได้ต่อไปโดยผู้ดูแลระบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอีก
ข้อมูล SCT เป็นข้อมูลที่หน่วยงานออกใบรับรอง (CA) ได้รับจากเซิร์ฟเวอร์ CT เพื่อยืนยันว่าใบรับรองนี้ถูกบันทึกต่อสาธารณะแล้วจริง โดยนโยบายการบันทึกลง CT ของ Let's Encrypt จะตรงกับของ Chrome คือต้องบันทึกอย่างน้อยสองเซิร์ฟเวอร์ เป็นของกูเกิลหนึ่งแห่งและของบริษัทอื่นอีกหนึ่งแห่ง
Jeremy Rowley จาก DigiCert แจ้งเตือนในกลุ่ม mozilla.dev.security.policy ว่าบริษัทกำลังประกาศยกเลิก (revoke) ใบรับรองรวดเดียวจำนวน 23,000 ใบ หลังยืนยันได้ว่ากุญแจสำหรับใบรับรองเหล่านั้นหลุดออกไปยังผู้อื่นแล้วจริง
อีเมลของ Rwoley ระบุว่าใบรับรองเหล่านี้ขายผ่านบริษัทตัวแทน Trustico ที่แจ้งขอยกเลิกใบรับรองเหล่านี้มาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์แต่กลับสื่อสารผิดพลาดจึงไม่เดินหน้าไปไหน โดยทาง DigiCert ขอหลักฐานว่ากุญแจรั่วไหลออกไปแล้วจริง
ภายหลังทาง DigiCert ได้รับไฟล์กุญแจลับที่ตรงกับใบรับรอง 23,000 ใบ ทำให้บริษัทเตรียมยกเลิกใบรับรองเหล่านี้ทั้งหมด อย่างไรก็ดีรายชื่อใบรับรองที่ได้รับแจ้งมา แต่ยังไม่ส่งหลักฐานนั้นมากกว่านี้ โดยรวมแล้วมีประมาณ 50,000 รายการ
เวลาเราเข้าเว็บธนาคาร ผู้ใช้มักถูกสอนให้มองหาใบรับรองแบบ EV (Extended Validation) ที่แสดงชื่อบริษัทเอาไว้หน้า URL โดยหน่วยงานใบรับรองจะต้องตรวจสอบชื่อบริษัทหรือหน่วยงานจากเอกสารรับรองของทางการในแต่ละประเทศ Ian Carroll นักวิจัยด้านความปลอดภัยแสดงให้เห็นว่าใบรับรองแบบ EV มีข้อจำกัดสำคัญที่คนสามารถขอใบรับรองที่ชื่อเหมือนกันได้ เพียงแค่ตั้งชื่อบริษัทให้เหมือนกันแต่อยู่คนละรัฐ โดยเขาสามารถขอใบรับรองของบริษัท Stripe บริษัทรับจ่ายเงินที่มีผู้ใช้จำนวนมากในสหรัฐฯ
กูเกิลประกาศตารางเวลาการถอด root CA ของไซแมนเทคและแบรนด์ลูกต่างๆ ออกจาก Chrome หลังมีรายงานว่า มีใบรับรองที่ออกอย่างไม่ถูกต้องกว่า 30,000 ใบ หลังจากเจรจากันอยู่หลายรอบข้อยุติคือไซแมนเทคจะต้องล้างระบบออกใบรับรองใหม่ที่ให้บริการโดยผู้ให้บริการรายอื่น และตอนนี้ไซแมนเทคก็เลือกให้ DigiCert เป็นผู้ให้บริการหลังจากประกาศขายกิจการออกใบรับรองทั้งหมดให้ DigiCert ไปด้วยเมื่อเดือนที่แล้ว
WoSign CA Limited ผู้ให้บริการออกใบรับรองจากจีนที่มีปัญหาการออกใบรับรองจนกระทั่งเบราว์เซอร์และระบบปฎิบัติการหลักๆ ล้วนถอนความเชื่อถือออก ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น WoTrus CA Limited ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา
ชื่อภาษาจีนของ WoTrus ยังคงเดิม และเร็วๆ นี้จะสร้างเว็บ wotrus.com ขึ้นมาใหม่ ส่วนเว็บ wosign.com จะขายใบรับรองจาก sub-CA ที่สร้างขึ้นมาใหม่ภายใต้ root-CA ใหม่ แต่ได้รับความเชื่อถือจากทุกเบราว์เซอร์
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลการขอให้เบราว์เซอร์เชื่อถือ root CA ใหม่จาก WoTrus แต่อย่างใด
ที่มา - WoSign
ไซแมนเทคประกาศขายกิจการการออกใบรับรองและความปลอดภัยเว็บให้กับ DigiCert ด้วยเงินสด 950 ล้านดอลลาร์ และหุ้นของ DigiCert อีก 30%
ธุรกิจออกใบรับรองดิจิตอลของไซแมนเทคมีปัญหาในช่วงหลัง จากการออกใบรับรองผิดพลาดจำนวนมากจนกระทั่งผู้ผลิตเบราว์เซอร์กำหนดเส้นตายในการหยุดรับรองใบรับรองจากไซแมนเทค ล่าสุดมอซิลล่าประกาศว่าจะปรับระยะเวลาการยกเลิกรองรับใบรับรองจากไซแมคเทคให้ตรงกับโครม โดยจะเหลื่อมกันเล็กน้อยขึ้นกับช่วงเวลาที่ออกเวอร์ชั่นใหม่
ไซแมนเทคระบุว่าการขายครั้งนี้จะทำให้บริษัทมุ่งเป้าไปยังระบบความปลอดภัยสำหรับองค์กรได้ดีขึ้น
จากกรณีที่กูเกิลโครมเตรียมปลดสถานะ EV และหดระยะเวลาการรับรองใบรับรองดิจิตอลที่ออกโดยไซแมนเทคให้สั้นลงกว่าอายุจริงของใบรับรองเองจากสาเหตุการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการออกใบรับรองของไซแมนเทคในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น โคโมโด (Comodo) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการออกใบรับรองที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในเวลานี้ก็ได้ออกโปรฯพิเศษสำหรับลูกค้าไซแมนเทคที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว ซึ่งครอบคลุม CA ทั้ง 3 แบรนด์ภายใต้ไซแมนเทค คือ Symantec, Thawte และ GeoTrust โดยให้สิทธิ์การขอรับใบรับรองใบใหม่จากโคโมโดไปใช้แทนของเดิมได้ฟรีเป็นเวลา 1 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน ระบุว่าไซแมนเทคบริษัทให้บริการด้านความปลอดภัยกำลังหาผู้ซื้อกิจการออกใบรับรอง และอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อหลายราย คาดว่าจะขายได้ราคาสูงถึงพันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดียังไม่มีการตกลงแน่ชัดกับผู้ซื้อรายใดๆ
ธุรกิจออกใบรับรอง (certification authority - CA) ของไซแมนเทคเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ แต่หลังจากมีความผิดพลาดจากการเปิดให้หน่วยงานภายนอกออกใบรับรองแทน (registration authority - RA) ทางไซแมนเทคจึงกลายเป็นผู้ต้องรับผิดชอบ การเจรจารอบล่าสุดทั้งกูเกิลและมอซิลล่าต่างเสนอให้ไซแมนเทควางมือจากการออกใบรับรองด้วยตัวเอง และทำหน้าที่ฝ่ายขายเพียงอย่างเดียว
กูเกิลประกาศหยุดเชื่อถือใบรับรองของ WoSign และ StartCom (ที่ถูก WoSign ซื้อในปี 2015) ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยตอนนี้ยังมีเซิร์ฟเวอร์จำนวนหนึ่งใช้งานใบรับรองของทั้งสองบริษัทอยู่ แต่ในเวอร์ชั่นล่าสุดกูเกิลก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะถอดใบรับรองของ CA ทั้งสองออกอย่างถาวร
มาตรการก่อนหน้านี้ของกูเกิลคือการไม่เชื่อถือใบรับรองที่ออกหลังวันที่ 21 ตุลาคม 2016 หลังจากนั้นมีการจำกัดเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานได้ไว้สำหรับหนึ่งล้านเว็บแรกตามอันดับของ Alexa เท่านั้น
ตั้งแต่ Let's Encrypt ออกใบรับรองฟรีให้กับเว็บทั่วโลก ความลำบากก็ตกอยู่กับผู้ให้บริการใบรับรองแบบเสียเงินที่เคยคิดค่าบริการรายปีสำหรับการออกใบรับรอง แต่ผู้ให้บริการเหล่านั้นก็ยังมีสินค้าสำคัญ คือการออกใบรับรองแบบใช้กับ subdomain ได้ทั้งหมด หรือเรียกว่าใบรับรอง wildcard (เช่น *.blognone.com
)
บริการที่ใช้ใบรับรอง wildcard เช่นนี้ เช่น บริการโฮสต์หรือบริการเว็บบล็อก เช่น WordPress ที่ลูกค้ามักได้โดเมนเป็นของตัวเองทุกราย
การออกใบรับรอง wildcard เป็นส่วนหนึ่งของการรองรับโปรโตคอล ACMEv2 โดยจะรองรับผ่านการยืนยันตัวตนแบบ DNS เท่านั้น ไม่สามารถใช้ certbot เพื่อยืนยันตัวตนแบบทุกวันนี้ได้
Koen Rouwhorst วิศวกรซอฟต์แวร์ของเว็บ Blendle แกะโปรแกรม NOW TV ของเครือข่าย Sky แล้วพบว่ามีใบรับรองของโดเมน drmlocal.cisco.com พร้อมกับกุญแจลับฝังอยู่ในตัวโปรแกรม แนวทางเช่นนี้ทำให้แฮกเกอร์สามารถสร้างเว็บ https://drmlocal.cisco.com/
ได้เหมือนเป็นเซิร์ฟเวอร์ของซิสโก้เอง และหากมีคุกกี้จากโดเมนอื่นที่ตั้ง scope ไว้เป็น cisco.com แฮกเกอร์ก็จะสามารถดึงคุกกี้ออกไปได้
ผู้ออกใบรับรองนี้คือ HydrantID แม้จะไม่ได้ทำผิดพลาดด้วยตัวเอง แต่ต้องรีบยกเลิกใบรับรองที่รู้ว่ารั่วไหลออกไปแล้วโดยเร็ว ล่าสุด CRL ของ HydrantID ก็ประกาศยกเลิกใบรับรองนี้แล้ว
StartCom เป็นหน่วยงานออกใบรับรองอิสราเอลที่ WoSign จากจีนซื้อไปตั้งแต่ปี 2015 แต่ภายหลังจากมีเหตุการณ์ WoSign ออกใบรับรองผิดพลาด ก็ทำให้ มอซิลล่า และ Chrome เลิกเชื่อถือทั้ง WoSign และ StartCom ไปพร้อมกัน วันนี้กลับมีเหตุการณ์ความผิดพลาดอีกครั้ง เมื่อ StartCom ประกาศยกเลิกใบรับรอง Intermediate CA ของ WoSign ที่ทำการ cross-sign กันเอาไว้
ความขัดแย้งระหว่างผู้ผลิตเบราว์เซอร์หลักสองรายคือกูเกิลและมอซิลล่า (ผู้สร้างไฟร์ฟอกซ์) กับธุรกิจออกใบรับรองดิจิตอลของไซแมนเทคยังไม่จบและความขัดแย้งยังดูไม่มีทีท่าว่าจะหาทางออกที่พอใจทั้งสองฝ่ายได้ หลังจากที่กูเกิลเสนอให้บีบอายุใบรับรองของไซแมนเทคเหลือเพียง 9 เดือน ล่าสุดกูเกิลก็ส่งตัวแทนไปเจรจากับไซแมคเทคอีกครั้ง และได้ข้อเสนอใหม่ออกมา
ข้อเสนอใหม่ของกูเกิลระบุให้ไซแมนเทคสร้าง sub-CA ขึ้นใหม่พร้อมกับ cross-sign กับ root CA ของไซแมนเทคเอง แต่ sub-CA นี้จะต้องดำเนินการจากผู้ให้บริการอื่นที่ได้รับความเชื่อถือ ขณะที่ตัวไซแมนเทคเองจะกลายเป็นเพียงฝ่ายขายที่ทำหน้าที่ขายใบรับรองอย่างเดียว ส่วนลูกค้าจะยังคงเห็นใบรับรองว่ามาจากไซแมนเทคอยู่
กรณีปัญหาระหว่างกูเกิลกับไซแมนเทคเกี่ยวกับการออกใบรับรองดิจิตอลที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานมาเป็นเวลานาน (ทั้งที่ออกโดยไซแมนเทคเองและที่ออกโดย (อดีต) ตัวแทนของไซแมนเทค) ซึ่งทำให้กูเกิลได้เตรียมมาตรการเพื่อปกป้องผู้ใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ Chrome เอาไว้แล้วนั้น ได้พบว่าการยกเลิกการโชว์สถานะ EV หรือที่เรียกกันว่าแถบ Green Bar ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการที่กูเกิลได้เตรียมที่จะนำมาใช้นั้นเหมือนจะได้มีผลบังคับใช้ไปแล้วทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนดเวลา โดยเฉพาะ
หลังจากกูเกิลประกาศเตรียมลดระดับความเชื่อถือของหน่วยงานออกใบรับรองจากไซแมนเทคทั้งหมด ให้สามารถออกใบรับรองได้ไม่เกินเพียง 9 เดือนและไม่สามารถออกใบรับรองระดับ EV ได้อีกต่อไป คำถามหนึ่งคือใบรับรองที่ออกผิดพลาดทั้งหมดเป็นเท่าใด เพราะกูเกิลอ้างว่ามีใบรับรองผิดพลาดถึง 30,000 ใบ แต่ไซแมนเทคยืนยันว่ามีเพียง 127 ใบเท่านั้น
กูเกิลชี้แจงเพิ่มเติมว่าใบรับรองที่ออกผิดพลาด ออกโดยหน่วยงานภายนอกที่ไซแมคเทคอนุญาตให้ตรวจสอบความเป็นเจ้าของโดเมนก่อนออกใบรับรอง (registration authority - RA) แทนไซแมนเทค แม้ข้อกำหนด CA/Browser Forum จะอนุญาตแต่ก็ระบุว่า root CA ต้องรับผิดชอบผลทั้งหมดหากมีความผิดพลาดกับ RA เหล่านี้
หลังจากเมื่อวานนี้กูเกิลออกมาระบุว่าไซแมนเทคและหน่วยงานออกใบรับรองในเครือ ได้ออกใบรับรองผิดพลาดรวมกว่า 30,000 ใบ ตอนนี้ทางฝั่งไซแมนเทคก็ออกมาโต้ตอบว่าการเขียนข้อความของกูเกิลเป็นการระบุปัญหาใหญ่เกินจริง และใบรับรองที่ออกผิดพลาดมีทั้งหมด 127 ใบ ไม่ใช่ 30,000 ใบ
ไซแมนเทคระบุว่าบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการยกเลิกหน่วยงานรับลงทะเบียน (registration authority - RA) และเดินหน้าปรับปรุงความปลอดภัยของกระบวนการออกใบรับรอง และหน่วยงานออกใบรับรองขนาดใหญ่ก็ล้วนมีการออกใบรับรองผิดพลาดบ้างทั้งสิ้น แต่กูเกิลเลือกโจมตีไซแมนเทคบริษัทเดียว
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมามีรายงานใบรับรองจาก Symantec ที่ออกโดยไม่ได้รับอนุญาตรวม 108 ใบ ล่าสุดกูเกิลออกมารายงานว่าการสอบสวนขยายผลไปจนพบว่ามีใบรับรองที่ออกโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างน้อย 30,000 ใบ และตอนนี้กูเกิลเตรียมประกาศบทลงโทษด้วยการบีบอายุใบรับรองจาก Symantec ซึ่งรวมถึง GeoTrust และ Thawe ทั้งหมดเหลือไม่เกิน 9 เดือน (279 วัน)
CA Browser Forum ผ่านมติการปรับอายุใบรับรองจากเดิมออกได้สูงสุด 39 เดือน มาเหลือ 825 วัน (27 เดือน) เป็นข้อตกลงร่วมกันที่ฝั่งเบราว์เซอร์และหน่วยงานออกใบรับรองเห็นชอบแทบทั้งหมด มีหน่วยงานงดออกเสียงเพียงผู้ออกใบรับรอง 3 หน่วย และฝั่งผู้ผลิตเบราว์เซอร์มีเพียงมอซิลล่าผู้ผลิตไฟร์ฟอกซ์เท่านั้น
มอซิลล่าและกูเกิลเห็นตรงกันว่าการบีบอายุใบรับรองในอนาคตควรบีบให้สั้นลงกว่านี้อีก แต่ทั้งสองหน่วยงานออกเสียงโหวตต่างกัน โดยมอซิลล่าตั้งกระทู้ถามว่าการบีบอายุใบรับรองครั้งนี้จะเป็นเพียงการเตรียมพร้อมสำหรับการบีบอายุลงครั้งต่อๆ ไปหรือไม่ แต่ยังไม่ได้คำตอบจึงงดออกเสียง ส่วน Let's Encrypt โหวตผ่านแต่ก็แสดงความหวังว่าจะมีการบีบอายุใบรับรองลงอีกในอนาคต
กระบวนการออกใบรับรองดิจิตอลทุกวันนี้มีช่องว่างสำคัญคือหน่วยงานออกใบรับรองดิจิตอล (certification authority - CA) ทุกรายสามารถออกใบรับรองให้กับโดเมนใดๆ ก็ได้ ตอนนี้มาตรการเพิ่มเติมในการจำกัดสิทธิ์ของ CA ก็เตรียมบังคับใช้เดือนกันยายนนี้ หลังการโหวตมาตรฐาน Certification Authority Authorization (CAA) โดย CA/Browser Forum ผ่านไปแล้ว
CAA เป็นมาตรฐาน rfc6844 มาตั้งแต่ปี 2013 ระบุให้เจ้าของโดเมนสามารถล็อก CA ที่จะออกใบรับรองให้กับโดเมนของตนได้ ผ่าน Resource Record (RR) ใน DNS เช่น example.org. CAA 128 issue "letsencrypt.org"
จะล็อกให้ Let's Encrypt เท่านั้นที่สามารถออกใบรับรองให้กับ example.com ได้
Let's Encrypt นอกจากจะเป็นหน่วยงานออกใบรับรองดิจิตอลฟรีแล้ว ยังออกแบบโปรโตคอล ACME สำหรับการยืนยันตัวตนของเจ้าของโดเมนเพื่อออกใบรับรองอัตโนมัติไปพร้อมกัน แม้ว่าจะเกิดมาคู่กันแต่โปรโตคอล ACME ก็สามารถนำไปใช้งานกับหน่วยงานออกใบรับรองอื่นๆ ที่อาจจะเก็บเงินก็ได้ ตอนนี้ GlobalSign ก็ประกาศรองรับ ACME บน Auto Enrollment Gateway (AEG) เกตเวย์สำหรับออกใบรับรองในองค์กร
กูเกิลส่งข้อเสนอเข้าไปยัง CA/Browser Forum ในการโหวตครั้งที่ 185 เสนอให้แก้ข้อกำหนดในเอกสาร Baseline Requirement (BR) เพิ่มเติม โดยกำหนดให้ใบรับรองทั้งหมดที่ออกหลังวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ต้องมีอายุใช้งานไม่เกิน 398 วัน จากเดิมกำหนดอายุให้ 39 เดือน แต่หลังจากการโหวตมีทีท่าว่าจะไม่ผ่าน กูเกิลก็แสดงท่าทีว่าอาจจะบีบหน่วยงานออกใบรับรองด้วยการบังคับกฏนี้ใน Chrome เสียเอง
จากที่ได้มีการนำเสนอไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเรื่องที่ ไมโครซอฟท์ได้ให้การรับรอง root certificate จาก CA แห่งชาติของไทยคือ NRCA แล้ว อีกทั้งได้มีการนำเสนอ การทดสอบการติดตั้ง root certificate ตัวนี้บนเว็บเบราซ์เซอร์ซึ่งยังไม่ได้ให้การรับรองอย่าง Mozilla Firefox ไปแล้วเช่นกัน และได้มีการแสดงความคิดเห็นทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการมี root certificate เป็นของไทยเอง และความกังวลว่ารัฐบาลอาจใช้ root certificate ตัวนี้เป็นเครื่องมือในการดักฟังหรือสอดแนมการสื่อสารทางเว็บ จนถึงขั้นที่มีการนำเสนอวิธีการลบหรือบล๊อค root certificate ตัวนี้ออกไปจากเครื่องนั้น ไมโครซอฟท์ดูเหมือนจะตกเป็นจำเลยอยู่กลายๆ