Nikkei หนังสือพิมพ์ใหญ่แดนปลาดิบ รายงานว่า อเมซอนพร้อมนำเครื่อง Kindle Touch มาขายในประเทศญี่ปุ่นในเดือนเมษายนนี้ เชื่อกันว่าราคาจะต่ำกว่า 20,000 เยน (ประมาณ 7,490 บาท)
ส่วนเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทางอเมซอนจะจับมือกับ NTT DoCoMo ผู้ให้บริการมือถืออันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ให้บริการ 3G กับเครื่องอ่านอีบุ๊กตระกูล Kindle ในรุ่นที่สามารถเชื่อมต่อ 3G ได้
ที่มา: The Verge
จากที่เขียนไว้เป็นเกร็ดเรื่องสำนักพิมพ์เพนกวินบุ๊คส์ในข่าวอเมซอนเปิดศึกดึงตัวนักเขียนขายอีบุ๊คกับอเมซอนเท่านั้นไว้เมื่อสองเดือนก่อน วันนี้มีความคืบหน้าแล้วครับว่า สำนักพิมพ์ชื่อดังอย่างเพนกวินบุ๊คส์ประกาศเพิ่มข้อจำกัดการให้บริการ OverDrive ว่าตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.นี้เป็นต้นไป สำนักพิมพ์จะไม่ขายสิทธิ์หนังสือและหนังสือเสียงของสำนักเพนกวินบุ๊คส์ให้กับบริการ OverDrive เพิ่มเติม และยังเพิ่มข้อจำกัดว่าหนังสือในเครือสำนักพิมพ์เพนกวินบุ๊คส์ที่ยังให้บริการอยู่สำหรับคินเดิลจะต้องดาวน์โหลดผ่านสาย USB เท่านั้น ซึ่งนั้นหมายความว่าในที่สุดจะไม่มีหนังสือและหนังสือเสียงของเพนกวินบุ๊คส์ให้บริการผ่านบริการ OverDrive ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งใ
Amazon ปล่อยโฆษณาตัวล่าสุดของ Kindle มาล้อเลียน iPad อีกครั้ง
ในโฆษณาแสดงให้เห็นถึง Kindle รุ่นล่าสุด โดยยังคงเน้นที่จุดเด่นในการอ่านกลางแจ้งเช่นเคย พร้อมกับแท็บเล็ต Kindle Fire สำหรับใช้งานด้านบันเทิง ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่บอกว่า "ราคารวมของ Kindle จำนวน 3 เครื่อง ก็ยังถูกกว่า iPad เครื่องเดียวซะอีก"
ที่มา The Next Web
Kindle รุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวปีที่แล้ว มีข้อจำกัดตรงที่เกือบทุกตัวยังขายในสหรัฐเท่านั้น แต่ล่าสุด Amazon เปลี่ยนนโยบาย หันมาขาย Kindle Touch (เฉพาะรุ่น Wi-Fi) นอกสหรัฐแล้ว
บริษัทไอทีต่างๆ ออกมาเผยความสำเร็จของยอดขายในช่วงคริสต์มาสกันยกใหญ่ คราวนี้เป็นคิวของ Amazon เจ้าพ่อแห่งร้านค้าปลีก ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เด่นอย่าง Kindle ด้วย
Amazon ประกาศอันดับหนังสือขายดี (นับทั้งฉบับกระดาษและอีบุ๊กรวมกัน) ประจำปี 2011 แชมป์เดาไม่ยาก เป็นของ Steve Jobs โดย Walter Isaacson ตามความคาดหมาย
อันดับสองเป็นของหนังสือ Bossypants โดย Tina Fey พิธีกรรายการทีวีชื่อดัง และอันดับสามเป็นชีวประวัติเช่นกันคือ A Stolen Life โดย Jaycee Dugard
ที่น่าสนใจที่สุดคืออันดับสี่เป็นหนังสือที่ขายแบบอีบุ๊กบนแพลตฟอร์ม Kindle เท่านั้น เป็นนิยายชื่อ Mill River Recluse โดย Darcie Chan
อันดับที่เหลือดูได้จาก Amazon: The Best-Selling Books of 2011
จากข่าวลือเรื่องที่ว่าอเมซอนกำลังวางแผนซื้อตัวนักเขียนเมื่อสามเดือนก่อน มาบัดนี้ข่าวเป็นจริงแล้วครับ
อเมซอนเปิดตัวแคมเปญที่ชื่อว่า "KDP Select" โดยที่ผู้เขียนที่ร่วมโครงการนี้ต้องขายอีบุ๊คเล่มนั้นกับอเมซอนเท่านั้น สิ่งที่นักเขียนจะได้รับพิเศษนอกเหนือจากส่วนแบ่งรายได้ซึ่งสูงสุดถึง 70% (นับว่าสูงสุดในบรรดาสำนักพิมพ์ทั้งหลาย) นั้นก็คือส่วนแบ่งในเงินกองกลาง 500,000 เหรียญต่อเดือนทุกๆเดือนนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีนี้ไปถึงสิ้นปีหน้า ถ้าอีบุ๊คของนักเขียนถูกยืมมากครั้งก็จะได้ส่วนแบ่งจากเงินก้อนนี้มากขึ้นโดยตามสัดส่วนไป ส่วนสิทธิ์ในการตีพิมพ์เป็นเล่มนั้นตัวนักเขียนจะเลือกพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไหนก็ได้
สำหรับลูกค้าอเมริกา สามารถเลือกสั่งซื้อเครื่องคินเดิลแต่ละโมเดลมีสองแบบ แบบรุ่นธรรมดาและรุ่นคินเดิลรุ่นพิเศษ (with Special Offers) ซึ่งอย่างหลังจะมีราคาถูกลงไปยี่สิบถึงยี่สิบห้าเปอร์เซนต์แล้วแต่โมเดล ซึ่งสิ่งที่จะติดมาคือมันจะมาพร้อมกับโฆษณาหรือโปรโมชันกับสินค้าที่ร่วมรายการ เช่น โอเลย์, วีซ่า, อเมริกันเอ็กเพรส ฯลฯ หรือโฆษณาแจ้งส่วนลดบริการต่างๆของอเมซอนเอง เช่น ซื้อหนังสือคินเดิลได้ในราคาเล่มละเหรียญ, ซื้อกิฟท์การ์ดในราคาลดครึ่งหนึ่ง เป็นต้น
Amazon ออกมาประกาศความสำเร็จของ Kindle ทุกรุ่นในเทศกาลจับจ่าย Black Friday ของสหรัฐ โดยยอดขายของ Kindle ทุกรุ่น (รวม Kindle Fire) ของช่วง Black Friday ในปีนี้ เยอะกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4 เท่าตัว
Dave Limp รองประธานฝ่าย Kindle ยังระบุว่าลูกค้าจำนวนมากสั่งซื้อ Kindle มากกว่าหนึ่งเครื่อง โดยเครื่องหนึ่งให้ตัวเอง และเครื่องที่เหลือให้เป็นของขวัญแด่คนรอบข้าง ส่วนร้านขายปลีก Target ระบุว่า Kindle Fire เป็นแท็บเล็ตที่ขายดีที่สุดของร้านในช่วงนี้
Amazon เพิ่งเปิดตัว Kindle ใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่นในปีนี้ แถมลดราคารุ่นเก่า และเมื่อรวมกับกระแสอีบุ๊กและแท็บเล็ตที่โตอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้ Kindle ขายดีตามที่เป็นข่าว
นักวิเคราะห์จาก Citigroup ประเมินข้อมูลจากบริษัทผลิตชิ้นส่วนในเอเชีย แล้วฟันธงว่า Amazon เตรียมวางขายสมาร์ทโฟนของตัวเองช่วงปลายปีหน้า 2012
Citigroup คาดว่า Foxconn (Foxconn Interantional Holdings - FIH) กำลังซุ่มพัฒนาสมาร์ทโฟนร่วมกับ Amazon อยู่ในตอนนี้ แต่การผลิตจริงอาจใช้โรงงานของ Hon Hai แทน
สเปกของฮาร์ดแวร์ที่คาดเดาคือ TI OMAP4 และหน่วยประมวลผลสัญญาณของ Qualcomm ส่วนต้นทุนของฮาร์ดแวร์จะอยู่ที่ราว 150-170 ดอลลาร์ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าระบบปฏิบัติการเป็น Android หรือไม่
ที่มา - AllThingsD
หลังจากที่ Amazon เปิดตัว Kindle Cloud Reader สำหรับหนังสือผ่านหน้าเว็บที่ทำงานได้บน Safari มาสามเดือน มาบัดนี้อเมซอนได้ปรับปรุงให้รองรับการทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ FireFox เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความสามารถยังเท่าเดิม คือ เปลี่ยนขนาดฟอนต์ได้, เปลี่ยนสีพื้นหลังได้, อ่านออฟไลน์ได้, บุ๊คมาร์กได้, อ่านโน็ต/ไฮไลท์ได้ แต่ที่ยังทำไม่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีพจนานุกรม, ทำไฮไลท์ข้อความ/โน้ตไม่ได้, เปลี่ยนฟอนต์เฟซไม่ได้
อเมซอนประกาศโครงการ Kindle Owners’ Lending Library โดยอนุญาตให้ลูกค้าที่ซื้อบริการ Amazon Prime สามารถ 'ยืม' หนังสือได้ฟรี โดยมีโควต้าเดือนละหนึ่งเล่มและต้องโหลดผ่านทางเครื่องคินเดิลเท่านั้น สำหรับโปรแกรมคินเดิลบนอุปกรณ์อื่นๆ นั้นไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ 'ยืมฟรี' ได้
นอกเหนือจากหนังสือแล้วหากผู้ใช้มีคินเดิลรุ่น Fire ที่กำลังจะส่งมอบ ถ้าสมัคร Prime ด้วยก็สามารถโหลดหนังและรายการทีวีต่างๆ ที่ร่วมโครงการกับอเมซอนมาดูบนเครื่องได้ฟรีๆ
สภาพความสัมพันธ์ระหว่างอเมซอนและสำนักพิมพ์นั้นเป็นความสัมพันธ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจากการที่อเมซอนครองตลาดอีบุ๊กอยู่เป็นส่วนใหญ่โดยที่สำนักพิมพ์ไม่มีศักยภาพในการทำตลาด และคู่แข่งรายอื่นๆ เช่น Barnes & Noble หรือ Apple iBook นั้นยังตามหลัง Kindle อยู่ห่าง ที่ผ่านมาอเมซอนพยายามกำหนดราคาอีบุ๊กไม่ให้สำนักพิมพ์กำหนดราคาด้วยตัวเอง แต่ก็จบลงด้วยการยอมแพ้ต่อสำนักพิมพ์ ในปีนี้สงครามรอบใหม่อาจจะกำลังเกิดขึ้นเมื่ออเมซอนกำลังเปลี่ยนตัวเองมาเป็นสำนักพิมพ์เสียเอง
หนังสือพิมพ์ The New York Times อ้างแหล่งข่าวภายใน ระบุว่าปีนี้อเมซอนกำลังพิมพ์หนังสือของตัวเองทั้งหมด 122 เล่มโดยขายทั้งรูปแบบอีบุ๊กและหนังสือปรกติ
Amazon เปิดตัว Kindle with Special Offers ถูกกว่าเดิม 18% แต่มีโฆษณา ที่แสดงผลโฆษณาในช่วง screensaver ไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ทีนี้ถ้าเกิดว่าซื้อ Kindle รุ่นดังกล่าวมา แล้วเกิดรำคาญโฆษณาขึ้นมาล่ะจะทำไงดี ?
ทางออกง่ายๆ ก็ไปยกเลิกโฆษณา (unsubscribe) ไงล่ะ แต่ว่ามีค่าธรรมเนียมในการยกเลิกเป็นเงิน 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ วิธีการคือเข้าไปที่หน้า Manage Your Kindle และกดปุ่มสีส้มที่เขียนว่า 'unsubscribe from the adverts' เท่านี้ก็เรียบร้อยไร้โฆษณาแล้ว
แม้หลัง Kindle เปิดตัวชุดใหม่ตัวที่เป็นข่าวมากที่สุดจะเป็น Kindle Fire แต่ Kindle ตัวอื่นๆ ก็อยู่ในความสนใจ โดยเฉพาะ Kindle Touch ที่หลายคนรอคอยกัน ล่าสุดปรากฏว่า Kindle Touch จะไม่สามารถเล่นเว็บอื่นๆ นอกเหนือจากเว็บ Amazon เองหรือ Wikipedia เท่านั้นไม่สามารถใช้เว็บอื่นๆ ได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ดี ผู้ใช้ Kindle Touch จะสามารถเชื่อมต่อผ่าน Silk (Amazon เรียกว่า Experimental Web Browsing) ได้ผ่านทางเครือข่าย Wi-Fi ซึ่งจะทำงานเร็วกว่าเบราเซอร์ทั่วไป
เรื่องรองๆ หลังจากนั้นคือ Kindle จะเลิกแถมตัวชาร์จมาในกล่องแล้วทั้งรุ่น Kindle (4) และ Kindle Touch
มีรายงานการประเมินจาก Gene Munster นักวิเคราะห์จาก Piper Jaffray ว่าอเมซอนอาจต้องขาดทุนจากการขาย Kindle Fire เครื่องละ $50
แม้ว่าจากตัวเลขนี้จะดูน่าเป็นห่วง แต่จริงๆ แล้วเรื่องราวอาจไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพราะโมเดลการหารายได้หลักของอเมซอนอยู่ที่การขายเนื้อหาและบริการมากกว่า ซึ่งจุดนี้ดูจะเป็นจุดเด่นของอเมซอนที่น่าจะได้เปรียบกว่าแพลตฟอร์มคู่แข่งอื่นๆ อยู่พอสมควร ด้วยเหตุนี้ การใช้ราคาเป็นจุดขายสำคัญน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วของอเมซอนในปัจจุบัน
นอกจากแท็บเล็ต Kindle Fire ที่เป็น "พระเอก" ของงานแถลงข่าว Amazon ครั้งนี้ เรายังได้เห็น Kindle รุ่นใหม่ที่หลายคนรอคอยอีก 2 รุ่น
Kindle 4
Amazon เรียกมันว่า "Kindle" เฉยๆ ไม่มีชื่อรุ่นห้อยท้าย (หรือ New Latest Generation Kindle ซึ่งตอนออก Kindle 3 ก็เรียกแบบนี้) แต่เพื่อป้องกันความสับสน ผมขอเรียกมันเป็น Kindle 4 ตามลำดับชั้นของมันนะครับ
นอกจาก Kindle Fire แล้ว วันนี้ Amazon ยังได้เปิดตัว Kindle รุ่นใหม่อีกภายใต้ชื่อ Kindle Touch โดยมีราคาวางขายอยู่ที่ 139 ดอลลาร์สำหรับรุ่นที่ไม่มีโฆษณา และ 99 ดอลลาร์สำหรับรุ่นมีโฆษณา (149 ดอลลาร์สำหรับรุ่น 3G)
ข่าวต่อหลังจากที่มีข่าวหลุดของแท็บเล็ต Kindle Fire ออกมาก่อนงานแถลงข่าวจะเริ่มขึ้นจริงเล็กน้อยนะครับ
ขณะที่เขียนข่าวนี้เป็นช่วงที่เปิดให้สื่อได้ทดลองใช้งานอุปกรณ์จริงๆ (hands-on) ซึ่งวันนี้อเมซอนไม่ได้เปิดตัวสินค้าเพียงชิ้นเดียว แต่เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ถึง 4 ชิ้นด้วยกัน พร้อมกับเทคโนโลยีใหม่อีก 1 ตัว ขอแจกแจงเป็นรายการโดยมีข้อมูลพอสังเขปดังนี้ (อ่านต่อพร้อมวิดีโอเปิดตัวด้านใน)
สำนักข่าว Bloomberg ปล่อยข่าวของแท็บเล็ต Kindle Fire มาก่อนการแถลงข่าวในคืนนี้
แท็บเล็ตตัวนี้ใช้หน้าจอขนาด 7" รองรับมัลติทัชสองจุด, พื้นที่เก็บข้อมูล 8GB, ไม่มีกล้องหรือไมโครโฟน, ไม่มี 3G ต่อได้แต่ Wi-Fi เท่านั้น ฟังดูจำกัดมาก แต่จุดขายของมันคือ ราคา เพียง 199 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6 พันบาท
Kindle Fire ใช้ระบบปฏิบัติการ Android รุ่นปรับแต่งพิเศษ และผูกกับบริการสารพัดชนิดของ Amazon ไม่ว่าจะเป็น Amazon Appstore, Kindle e-book และมีสมาชิก Amazon Prime (บริการส่งของด่วน+สตรีมหนังเพลง) ให้ทดลองใช้ 30 วัน (ราคาเต็ม 79 ดอลลาร์ต่อปี)
Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon ให้สัมภาษณ์ว่า "เราไม่มองว่ามันเป็นแท็บเล็ต มันคือบริการของเราต่างหาก"
ข่าวลือรอบล่าสุดก่อนที่ Amazon จะแถลงข่าววันพรุ่งนี้ (28 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐ)
Amazon ประกาศวันนี้ว่าผู้ใช้งานอุปกรณ์ Kindle และแอพ Kindle บนแพลตฟอร์มต่างๆ สามารถยืมหนังสือในรูปแบบ Kindle ได้แล้วจากห้องสมุดมากกว่า 11,000 แห่งในอเมริกา โดยสามารถใช้ Whispersync กับหนังสือที่ยืมในรูปแบบ Kindle นี้ได้ด้วย และข้อมูลอย่าง บันทึกเพิ่มเติมหรือไฮไลท์ ก็จะยังอยู่เมื่อผู้ใช้งานยืมหนังสือในคราวถัดไป หรือซื้อหนังสือเล่มจริง ซึ่ง Amazon กล่าวว่าปกติแล้วหนังสือที่ยืมในห้องสมุดจะมาขีดเขียนอะไรลงไปไม่ได้ แต่ไม่ใช่กับหนังสือ Kindle นี้
ในส่วนขั้นตอนการยืมนั้น ผู้ใช้งานเพียงค้นหาหนังสือที่ต้องการจากเว็บของห้องสมุดที่เปิดให้บริการนี้ และเลือกส่งหนังสือมายัง Kindle จากนั้นผู้ใช้งานก็รอรับหนังสือส่งเข้ามาใน Kindle ได้เลย
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่า Amazon กำลังเจรจากับสำนักพิมพ์หลายราย เพื่อเปิดบริการเช่าอีบุ๊กแบบเหมาจ่ายรายปี
บริการนี้จะมีลักษณะเดียวกับการใช้เช่าวิดีโอ-ดีวีดีของบริษัท Netflix นั่นคือลูกค้าจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนหรือรายปี โดยมีโควต้าในการยืมวิดีโอจำนวนหนึ่ง (เช่น 3-5 เรื่อง) กระบวนการคือลูกค้าเลือกวิดีโอผ่านหน้าเว็บ ได้รับวิดีโอทางไปรษณีย์ ดูจนจบแล้วส่งคืนทางไปรษณีย์ ก็จะได้โควต้าคืนกลับมาเพื่อวิดีโอเรื่องอื่นต่อไป
กรณีของ Amazon คาดว่ามันจะอยู่บนแพลตฟอร์มอีบุ๊ก Kindle ที่มีอยู่แล้ว โดยเปลี่ยนจากการส่งไปรษณีย์เป็นสิทธิในการโหลดอีบุ๊กมาอ่านแทน แต่ระบบการนับโควต้าน่าจะคล้ายๆ กัน
จากข่าวรั่วเรื่องแท็บเล็ตของอเมซอนก่อนหน้านี้ ทั้ง ข่าวลือเรื่องแท็บเบล็ต และ ปัญหาด้านซอฟท์แวร์ นาย MG Siegler จาก TechCrunch ได้อ้างว่ามีโอกาสใช้งานเครื่องรุ่นทดสอบแท็บเบล็ตแล้วคาบข่าวมาเล่ากันให้พัง
สำนักงานทนายความ Hagens Berman ได้ยื่นฟ้องแบบกลุ่มทั่วประเทศต่อแอปเปิลและสำนักพิมพ์ 5 สำนักได้แก่ HarperCollins Publishers, Hachette Book Group, Macmillan Publishers, Penguin Group Inc., และ Simon & Schuster Inc. โดยระบุว่าทั้งหมดร่วมกันกำหนดราคาอีบุ๊กตายตัว