นี่เป็นข่าวสุดท้ายในซีรีย์เก็บตกงานประชุมกับนักวิเคราะห์ทางการเงินที่ไมโครซอฟท์จัดขึ้น
สำหรับข่าวนี้จะพูดถึงสิ่งที่ สตีฟ บัลเมอร์ รู้สึกเสียดายมากที่สุดในยุคของเขาครับ
ไมโครซอฟท์จัดงานประชุมกับนักวิเคราะห์ทางการเงิน อธิบายแผนการและสภาพธุรกิจของบริษัทหลายอย่าง
ประเด็นสำคัญที่สุดที่ทุกคนอยากรู้ย่อมเป็นเรื่องซีอีโอคนใหม่ ซึ่งบัลเมอร์บอกว่ายังอยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาโดยบอร์ด (เช่นเดิม) เขายังเล่าเรื่องส่วนตัวว่ารู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยที่ประกาศเกษียณอายุไปแล้วแต่ยังไม่มีผู้สืบทอด และหลังจากเกษียณไปแล้วเขาจะยังถือหุ้นไมโครซอฟท์ 4% โดยยังไม่คิดขายออกไปในระยะอันใกล้นี้ และทรัพย์สินของเขา 70% มาจากไมโครซอฟท์
บัลเมอร์ยังบอกใบ้ (รึเปล่า?) ว่าบอร์ดแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้บริหารขององค์กรอื่นๆ เพื่อหาคนที่เหมาะสมมาสืบทอดอำนาจ แต่เขาลองไปคุยดูแล้วก็พบว่าผู้บริหารคนในของไมโครซอฟท์เก่งกว่ามาก
ประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอไมโครซอฟท์กล่าวในช่วงแถลงรายละเอียดการเข้าซื้อกิจการโนเกีย ตอนหนึ่งระบุว่าเขาเชื่อว่าหลังจากนี้สมาร์ทโฟนของโนเกียจะมีชื่อเรียกรุ่นที่สั้นลง
บัลเมอร์ยกตัวอย่างชื่อรุ่นปัจจุบันด้วย เช่น Nokia Lumia Windows Phone 1020 ว่าสาเหตุที่ต้องใช้ชื่อเต็มยาวขนาดนี้ก็เพื่อให้เกียรติกับสองบริษัทที่เป็นพันธมิตรร่วมกัน แต่เมื่อรวมเป็นบริษัทเดียวกันแล้ว ชื่อรุ่นสมาร์ทโฟนหลังจากนี้ก็สามารถหดย่อให้สั้นลงได้
ฉะนั้นสิ่งที่บางคนเดาไว้คงไม่เกิดขึ้นนะครับ
Steve Ballmer เปิดเผยกับสำนักข่าว The Seattle Times เกี่ยวกับประเด็นที่ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการโนเกียว่า ตอนนี้ Stephen Elop ได้กลายเป็นหนึ่งในรายชื่อว่าที่ซีอีโอคนใหม่ที่อยู่ภายในบริษัทของไมโครซอฟท์อย่างเป็นทางการแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ Elop ถูกบรรจุในรายชื่อว่าที่ซีอีโอของไมโครซอฟท์ แต่ต่างกันตรงที่ระบุว่าเป็นบุคคลภายนอกบริษัท
ตอนนี้เราก็ทราบรายชื่อว่าที่ซีอีโอคนถัดไปของไมโครซอฟท์คนหนึ่งแล้ว ต้องติดตามต่อไปว่าใครจะเป็นซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์
ข่าวนี้ขัดแย้งกับข่าวก่อนหน้านี้ สตีฟ บัลเมอร์ เตรียมหาผู้สืบทอดมาตั้งแต่ปี 2010? ในบางประเด็นนะครับ
เว็บไซต์ AllThingsD อ้างแหล่งข่าววงในของไมโครซอฟท์หลายราย ระบุว่าการประกาศเกษียณอายุของบัลเมอร์เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดขึ้นแบบปุบปับกว่าที่คิด (และที่บริษัทพยายามนำเสนอว่าเตรียมตัวมานานแล้ว)
แหล่งข่าวบอกว่าบัลเมอร์ไม่ตั้งใจจะเกษียณในเร็วๆ นี้ แต่บอร์ดของไมโครซอฟท์ (ซึ่งมีบิล เกตส์ เป็นประธาน) ตัดสินใจเลื่อนแผนการให้เร็วกว่าเดิม ซึ่งบัลเมอร์เองก็เห็นด้วยกับแผนการนี้
The New York Times มีบทความชุดใหญ่เกี่ยวกับแผนการเกษียณอายุของสตีฟ บัลเมอร์ ซึ่งบทความหนึ่งก็อ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า แผนการเกษียณของบัลเมอร์ไม่ใช่เพิ่งถูกคิดขึ้น แต่ถูกพูดกันมาเกือบสิบปีแล้ว และเริ่มมาจริงจังกันตั้งแต่ปี 2010
แหล่งข่าวยังบอกว่าเมื่อหลายเดือนก่อน บัลเมอร์แจ้งกับบอร์ดของไมโครซอฟท์ว่าควรเริ่มสรรหาผู้สืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และบัลเมอร์ก็แจ้งบอร์ดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะประกาศเรื่องการเกษียณอายุ
นอกจากนี้แหล่งข่าวยังบอกในรอบ 18-24 เดือนที่ผ่านมา บัลเมอร์ยังเดินทางไปพบกับผู้บริหารภายนอกบริษัทเป็นการส่วนตัวด้วย โดยผู้บริหารเหล่านี้มีประสบการณ์การเปลี่ยนผ่านในองค์กรขนาดใหญ่มาแล้ว
จากข่าว Steve Ballmer ประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอของไมโครซอฟท์เมื่อสองวันก่อน หลังจากทำหน้าที่บริหารบริษัทผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลกมากว่า 10 ปี ทั้งนี้ความเห็นของคนที่สนใจข่าวด้าน IT แสดงความพอใจกันเป็นจำนวนมาก เมื่อลองมาดูความเห็นของนักลงทุนกันบ้าง ดูท่านักลงทุนก็เห็นไม่ต่างกัน ผลจากข่าวนี้เป็นผลให้ราคาหุ้นของไมโครซอฟท์พุ่งสูงขึ้นถึง 7 เปอร์เซนต์ และเนื่องจากไมโครซอฟท์เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่เป็นอันดับสองในตลาดแนสแด็ก (ตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา) จึงทำให้ดัชนีแนสแด็กเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2556 ปรับเพิ่ม 19.08 จุด หรือ 0.52 เปอร์เซนต์ และทำให้ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 46.77 จุด หรือ 0.31 เปอร์เซนต์
เว็บไซต์ ZDNet มีโอกาสสัมภาษณ์ สตีฟ บัลเมอร์ เนื่องในการประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอของไมโครซอฟท์ และ จอห์น ธอมป์สัน หนึ่งในคณะกรรมการบริษัทไมโครซอฟท์ มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
จากข่าว Steve Ballmer ประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอของไมโครซอฟท์ภายใน 12 เดือน สื่อต่างประเทศก็เริ่มเก็งกันว่าใครจะเป็นซีอีโอของไมโครซอฟท์คนต่อไป
ZDNet มองว่ากลุ่ม "คนใน" ได้แก่
ข่าวใหญ่ประจำวันนี้ครับ
ไมโครซอฟท์ประกาศว่า Steve Ballmer ซีอีโอของไมโครซอฟท์จะลงจากตำแหน่งภายใน 12 เดือนต่อจากนี้ โดยในระหว่างที่ทางคณะกรรมการคัดเลือกซีอีโอคนใหม่ Steve Ballmer จะยังคงดำรงตำแหน่งซีอีโอชั่วคราวไปก่อน
ทั้งนี้ คณะกรรมการคัดเลือกซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์นั้นประกอบด้วย Bill Gates ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์, John Thompson, Chuck Noski และ Steve Luczo พร้อมทั้งประกาศเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านจากบริษัทด้านซอฟต์แวร์ไปสู่บริษัทด้านอุปกรณ์ และบริการ
ผมหวังว่าซีอีโอคนใหม่จะทำให้ไมโครซอฟท์มีความ "active" มากขึ้นนะครับ
ที่มา: Engadget
ในขณะที่ Steve Ballmer ให้สัมภาษณ์กับ BusinessWeek เรื่องการปรับโครงสร้างองค์กรนั้น มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
ตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ วันนี้ไมโครซอฟท์ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และประกาศ "วิสัยทัศน์ใหม่" ของตัวเองว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรในอนาคต
วิสัยทัศน์ใหม่
ในแถลงการณ์ของสตีฟ บัลเมอร์ เขาระบุว่าไมโครซอฟท์มาไกลเกินกว่าวิสัยทัศน์เดิม "คอมพิวเตอร์บนทุกโต๊ะในทุกบ้าน" (put a PC on every desk and in every home) มากแล้ว โลกไอทีเปลี่ยนไปจากเดิม ไมโครซอฟท์ต้องมองหาเป้าหมายใหม่ โดยประเมินจากจุดแข็งของตัวเอง 3 ประการคือ กิจกรรมที่มีมูลค่าสูง (high-value activities), เป็นขุมพลังของอุปกรณ์ชนิดต่างๆ (powering devices) และบริการในระดับองค์กร (enterprise services)
จากข่าว Don Mattrick ผู้บริหารทีม Xbox ย้ายไปเป็นซีอีโอของ Zynga จนทำให้ความเชื่อมั่นใน Xbox One สั่นคลอนอยู่บ้าง
สตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอไมโครซอฟท์จึงชิงจังหวะส่งอีเมลถึงพนักงานทุกคน (แถมเปิดเผยต่อสาธารณะในหน้าข่าวประชาสัมพันธ์ของไมโครซอฟท์เลยด้วย) ในประเด็นเรื่อง Don Mattrick ว่าเขาขอให้ Don ประสบความสำเร็จกับตำแหน่งใหม่ ตลอดการทำงาน 6 ปีที่ผ่านมา ทีมของ Don ประสบความสำเร็จมากมายกับ Xbox 360, Xbox Live และ Kinect
สำนักข่าว Bloomberg Businessweek สัมภาษณ์ Steve Ballmer ซีอีโอของไมโครซอฟท์เกี่ยวกับ Office 2013 โดย Ballmer ได้พูดถึง Dropbox ว่าจำนวนผู้ใช้ Dropbox ถือว่าน้อยมากในสายตาของเขา และมองว่า Dropbox เป็นเพียงบริษัทสตาร์ทอัพเล็ก ๆ เท่านั้นเอง แต่ Ballmer พยายามบอกว่าเขาไม่ได้จิก Dropbox แม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าการกัดจิกครั้งนี้ตั้งใจที่จะดึงลูกค้ามาใช้ SkyDrive ให้มากขึ้นนั่นเอง
Reed Hasting ซีอีโอของบริษัทเช่าวิดีโอออนไลน์ Netflix ดำรงตำแหน่งบอร์ดบริหารของไมโครซอฟท์มา 5 ปี เขาจะลงจากตำแหน่งสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และให้ความเห็นที่น่าสนใจต่อไมโครซอฟท์ไว้หลายประการ
ซีอีโอของไมโครซอฟท์ สตีฟ บัลเมอร์ ได้ออกมาสาดโคลนใส่คู่แข่งตัวเองเล็กน้อยจากการสัมภาษณ์กับ Ried Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn ว่า ecosystem ของแอปเปิลมีราคาที่แพง และแอปเปิลก็ควบคุมทุกอย่างมากจนเกินไป ส่วนของ Android นั้นก็ป่าเถื่อนและไร้การควบคุม
บัลเมอร์บอกว่าวิธีการตั้งราคาสินค้าของแอปเปิลนั้นไม่เหมาะสม โดยเขาบอกว่าถ้าคนทุกคนทั่วโลกอยู่ในประเทศที่มีตลาดมือถือที่ค่ายมือถือทำสัญญากับลูกค้าแล้วจ่ายเงินชดเชยค่าโทรศัพท์มือถือได้ก็คงจะไม่มีปัญหา แต่คนรัสเซียต้องจ่ายเงินมากถึง 1,000 ดอลลาร์เพื่อจะซื้อไอโฟนเครื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วในรัสเซียคงไม่มีใครซื้อไอโฟน (และยังมีการจิก Maps ของแอปเปิลเล็กน้อย)
สตีฟ บัลเมอร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Le Parisien ถึงยอดขายของ Surface with Windows RT โดยกล่าวเพียงว่ายอดขายนั้น "พอประมาณ" แต่เขาก็ไม่ได้ระบุตัวเลขแต่อย่างไร
บัลเมอร์ยังโฆษณา Surface with Windows Pro ที่จะใช้ชิปรุ่นใหม่จากอินเทลและมีหน้าจอความละเอียดสูง ว่าจะมาในเร็วๆ นี้ แต่เขาก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นแต่อย่างไร
หลังการเปิด Windows 8 และ Surface ไปไม่กี่วัน Wall Street Journal ได้สอบถามยอดขายแท็บเล็ตตัวแรกของไมโครซอฟท์ บัลเมอร์ก็บอกเพียงว่าตัวเลขยอดขายไม่น่าสนใจที่จะรายงาน
สตีฟ บัลเมอร์ ให้สัมภาษณ์กับ BBC เนื่องในโอกาสเปิดตัว Surface และ Windows 8 โดยเขาพูดถึงยุทธศาสตร์ฮาร์ดแวร์ในอนาคตของไมโครซอฟท์ว่า จะได้เห็นฮาร์ดแวร์รุ่นอื่นๆ ตามมาในอนาคตเมื่อโอกาสเอื้ออำนวย
เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าไมโครซอฟท์จะทำฮาร์ดแวร์อะไรต่อ (รวมถึง Surface Phone ที่คาดเดากัน) แต่บอกเพียงแค่ว่า ไมโครซอฟท์จะทำฮาร์ดแวร์เองในกรณีที่จำเป็นต้องผสานนวัตกรรมของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และกลุ่มเมฆเข้าด้วยกัน
ที่แน่ๆ เราจะได้เห็นฮาร์ดแวร์หมายเลขสอง Surface Pro ช่วงเดือนมกราคม 2013 ครับ
ที่มา - BBC
ในการประกาศผลประกอบการประจำปีงบประมาณของไมโครซอฟท์ สตีฟ บัลเมอร์ ได้ระบุในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่า
ปีที่แล้วผมเคยกล่าวในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่า คุณค่าทั้งหมดของซอฟต์แวร์ของบริษัทจะพบเห็นและรับรู้ได้จากวิธีการที่ผู้คนใช้ฮาร์ดแวร์และบริการในชีวิตประจำวัน สิ่งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทั้งในสิ่งที่บริษัทจะทำและวิธีการดำเนินธุรกิจเพื่อที่จะเป็นบริษัทด้านฮาร์ดแวร์-บริการ (devices and services company) มันส่งผลกระทบต่อวิธีการทำงานของบริษัท วิธีการที่บริษัทจะสร้างประสบการณ์ใหม่ และวิธีการที่บริษัทจะนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดผู้บริโภคทั่วไปและเชิงธุรกิจ สิ่งที่เราได้ดำเนินการไปเมื่อปีที่แล้วและการดำเนินตามโร้ดแม็ปนี้จะทำให้มันกลายเป็นความจริง
สตีฟ บัลเมอร์ เปิดใจให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Seattle Times มีประเด็นหลายอย่างดังนี้
ที่งาน Worldwide Partner Conference (WPC) สตีฟ บัลเมอร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ไมโครซอฟท์กำลังพยายามสร้างความชัดเจนว่าบริษัทจะไม่เปิดช่องให้แอปเปิลโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการสร้างผลิตผล (productivity) งานด้านองค์กร กระทั่งงานการสร้างนวัตกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และบริการบนกลุ่มเมฆเพื่อผู้บริโภค นอกจากนั้นบริษัทยังมีพลังที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่และเดินเคียงข้างไปกับคู่ค้า (partner) ของบริษัท
เมื่อนักข่าวถาม Ballmer ว่าไมโครซอฟท์จะทำสมาร์ทโฟนเองหรือไม่ เขาก็บอกแต่เพียงว่าบริษัทให้ความสนใจกับ Surface และคู่ค้าที่ผลิต Windows 8 แท็บเล็ต ส่วนสมาร์ทโฟนนั้นไมโครซอฟท์มีคู่ค้าที่ดีอย่างโนเกียอยู่แล้ว
หลังจากไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวแท็บเล็ต Surface ก็มีข่าวและข้อมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง เลยขอมาสรุปให้ฟัง ดังนี้
จากข่าว บัลเมอร์มั่นใจ หนึ่งปีแรก Windows 8 มีผู้ใช้งาน 500 ล้านราย ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นตัวเลขสุดโอเวอร์ ล่าสุดทีมประชาสัมพันธ์ของไมโครซอฟท์ออกมาแก้ข่าวแล้วว่าผู้สื่อข่าวของ AFP เข้าใจผิดไปเอง
ที่งานสัมมนาในเกาหลีใต้นั้น สตีฟ บัลเมอร์ พูดตัวเลข "500 ล้านราย" จริง แต่หมายถึงผู้ใช้วินโดวส์ในปัจจุบันที่คาดว่าน่าจะอัพเกรดเป็น Windows 8 ในอนาคต (ไม่ใช่ผู้ใช้ Windows 8 ในปีแรกอย่างที่เป็นข่าว)
สตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอของไมโครซอฟท์ไปพูดที่งาน Seoul Digital Forum ที่ประเทศเกาหลีใต้ เขาบอกว่า Windows 8 เป็นการ "ถือกำเนิดใหม่" ของระบบปฏิบัติการตระกูลวินโดวส์ และจะสร้างผลกระทบทั้งในวงกว้างและเชิงลึกมากที่สุดเท่าที่ไมโครซอฟท์เคยทำมา
บัลเมอร์ยังประเมินว่าจะมีผู้ใช้ Windows 8 มากถึง 500 ล้านรายในปีหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมาก เนื่องจากไมโครซอฟท์ใช้เวลาประมาณ 2 ปีสำหรับการขาย Windows 7 ให้ได้ 450 ล้านชุด (ปัจจุบัน Windows 7 ยังขายได้วันละ 633,000 ชุด)
นิตยสาร Forbes ประกาศอันดับมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2012 ออกมาเรียบร้อยแล้ว (อันดับของปี 2011) ปีนี้กลุ่มอันดับต้นๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงนัก โดยอันดับ 1 เป็นของ Carlos Slim มหาเศรษฐีชาวเม็กซิโกและครอบค