Microsoft Edge เป็นเว็บเบราว์เซอร์รายล่าสุดที่ออกมาประกาศว่า จะปิดการแสดงผล Flash เป็นค่าดีฟอลต์ โดยมีผลกับ Windows 10 Creators Update ที่จะออกตัวจริงช่วงต้นปีหน้า และเริ่มใช้กับ Windows Insider ในเร็วๆ นี้

ก่อนหน้านี้ใน Windows 10 Anniversary Update ไมโครซอฟท์หยุดเล่น Flash ส่วนที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาหลักของเว็บไซต์ (เช่น โฆษณา) มาแล้ว รอบนี้ Edge จะหยุดเล่น Flash ทุกอย่างบนเว็บเพจเป็นดีฟอลต์ โดยผู้ใช้สามารถเลือกเปิด Flash เองได้ครั้งต่อครั้ง (allow once) หรือจะสั่งให้เปิด Flash ตลอดเวลาก็ได้ (always allow)

Microsoft Edge มีส่วนขยายของตัวจัดการรหัสผ่าน LastPass มาได้สักระยะแล้ว ล่าสุดทีมพัฒนา Edge ประกาศว่ากำลังร่วมมือกับ 1Password ตัวจัดการรหัสผ่านอีกค่าย เพื่อทำส่วนขยายให้ Edge ด้วยเช่นกัน

ส่วนขยาย 1Password จะเปิดให้กลุ่มผู้ทดสอบ Windows Insider ในเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาแน่ชัด

ไมโครซอฟท์ยังไม่เปิดกว้างให้นักพัฒนาทั่วไปสร้างส่วนขยายสำหรับ Edge และยังใช้วิธีเจรจากับพาร์ทเนอร์ทีละรายอย่างช้าๆ (รายชื่อส่วนขยายทั้งหมดในปัจจุบัน)

ที่มา - OnMSFT

ไมโครซอฟท์ประกาศจะเริ่มแจ้งเตือนเว็บไซต์ที่ใช้ใบรับรอง SHA-1 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2017 ซึ่งจะมีผลทั้งบนเบราว์เซอร์ Microsoft Edge และ Internet Explorer 11 แต่ในส่วนของผู้ใช้ยังคงมีตัวเลือกในการเข้าชมหน้าเว็บได้อยู่

ใบรับรอง SHA-1 ที่ได้รับผลกระทบคือ ใบรับรองที่เกี่ยวข้อง (chain to) กับ Microsoft Trusted Root CA เท่านั้น แต่ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ก็ยังแนะนำให้รีบย้ายไปใช้ใบรับรอง SHA-256 แทน

ที่มา - Microsoft Edge Developer

บทความที่เกียวข้อง: เตรียมลา SHA-1 ตอบคำถามทำไมเข้ารหัสยุ่งยากแล้วต้องอัพเดตใหม่

ไมโครซอฟท์ออก Windows 10 Insider Build 14971 สำหรับพีซี มีของใหม่ดังนี้

• Microsoft Edge รองรับการอ่านไฟล์อีบุ๊กฟอร์แมต EPUB แบบไม่ติดระบบป้องกันสิทธิแล้ว ส่งผลให้ Edge มีสถานะเป็นตัวอ่านอีบุ๊กแบบกลายๆ มีธีมสีให้เลือก 3 สีคือสว่าง ซีเปีย เข้ม, สามารถเปลี่ยนฟอนต์และขนาดข้อความได้ แถมยังใส่ bookmark คั่นหน้าที่อ่านค้างไว้ได้
• Paint 3D โปรแกรม Paint โฉมใหม่ที่เปิดตัวในงานแถลงข่าว Windows 10 Creator Update เริ่มถูกผนวกมาให้ลองในรุ่น Insider แล้ว
• เปลี่ยน Command Prompt เดิมที่ใช้ cmd.exe มาเป็น PowerShell แทน (สามารถเปลี่ยนกลับได้ในภายหลัง) และสัปดาห์นี้ยังถือเป็นครบรอบ 10 ปีของ PowerShell ด้วย

ที่มา - Windows Experience Blog

ทีมแฮ็กเกอร์จากจีนในนาม Qihoo 360 โชว์ผลงานการแฮ็กสมาร์ทโฟน Google Pixel ที่งาน PwnFest ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ด้วยการใช้ช่องโหว่ zero-day เพื่อรันโค้ดประสงค์ร้ายบนสมาร์ทโฟนดังกล่าว โดยสามารถสั่งเปิด Google Play Store ขึ้นมา พร้อมเปิดเบราว์เซอร์ Google Chrome และแสดงข้อความว่า "Pwned by 360 Alpha Team" โดยทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึง 60 วินาที (ดูภาพได้จากที่มา)

ทีมงานได้รับเงินรางวัลจากการโจมตีดังกล่าวไปถึง 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ และต้องส่งรายละเอียดการแฮ็กทั้งหมดให้กูเกิลเพื่อออกแพตช์แก้ไขต่อไป

หลังจากนั้นทีมเดียวกันนี้ก็ไปโชว์แฮ็ก Adobe Flash โดยใช้ช่องโหว่เก่าร่วมกับช่องโหว่เคอร์เนล win32k และสุดท้ายได้แฮ็กเบราว์เซอร์ Microsoft Edge รวมแล้วได้เงินรางวัลกลับไปมากถึง 520,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 18.4 ล้านบาท

ที่มา - The Register

ขอหยิบข่าวเมื่อต้นเดือนมาเล่าสู่กันฟังครับ

ไมโครซอฟท์เผยว่า ในอนาคตจะปล่อยอัพเดตเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ผ่าน Windows Store แบบเดียวกับแอปแบบ UWP อื่นๆ ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ได้เร็วขึ้น

ในส่วนของเอนจินที่เบราว์เซอร์ใช้นั่น ไมโครซอฟท์เผยว่าจะอัพเดตผ่าน Windows Update เช่นเดิม เพราะถูกใช้ร่วมกับแอปแบบ UWP อื่นๆ และต้องการเวลาทดสอบเป็นการภายในก่อนปล่อยออกสู่สาธารณะต่อไป

ไมโครซอฟท์ไม่ได้เผยว่าเมื่อไรจะเริ่มแยกอัพเดตตัวเบราว์เซอร์กับเอนจิน แต่คาดว่าสิ่งนี้จะมากับอัพเดตโค้ดเนม Redstone 2 ซึ่งน่าจะถูกปล่อยสู่สาธารณะราวไตรมาสแรกของปีหน้าครับ

ที่มา: Thurrott.com

ดูเหมือนว่าฟีเจอร์ประหยัดพลังงานจะกลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่เบราว์เซอร์หลักในตลาดให้ความสำคัญไปซะแล้ว เมื่อดูจากที่ทั้ง Microsoft Edge, Opera และ Google Chrome ต่างก็ออกผลทดสอบซึ่งแสดงความสามารถในการประหยัดพลังงานของเบราว์เซอร์ของค่ายตนเองกันเกือบครบทุกเจ้า

และล่าสุดก็เป็นทางฝั่งไมโครซอฟท์ที่ออกมาโชว์ผลการทดสอบอีกหนเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการปรับปรุงการใช้พลังงานของ Microsoft Edge บน Windows 10 Anniversary Update ไปอีกขั้น ซึ่งก็ส่งให้ Microsoft Edge ได้รับตำแหน่งเบราว์เซอร์ประหยัดพลังงานอันดับหนึ่งไปอีกครั้ง

ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ใหม่ของ Windows 10 ชื่อ Windows Defender Application Guard for Microsoft Edge มันคือการนำเบราว์เซอร์ Edge ไปรันใน VM เพื่อยกระดับความปลอดภัยอีกชั้น

เบราว์เซอร์รุ่นใหม่ๆ ทำงานใน sandbox เพื่อจำกัดความเสียหายของมัลแวร์ที่อาจทะลุช่องโหว่ของเบราว์เซอร์เข้ามา แต่ sandbox ที่ว่านี้คือซอฟต์แวร์ที่ยังอาจมีช่องโหว่ได้ แต่ฟีเจอร์ตัวใหม่นี้แยก Edge ไปรันใน VM ที่ใช้เทคโนโลยี Hyper-V ของไมโครซอฟท์ ซึ่งรันบนฮาร์ดแวร์ที่รองรับ (Intel VT-d) อีกทีหนึ่ง การแยกส่วนหรือ isolation ตัวเบราว์เซอร์ออกจากระบบปฏิบัติการหลัก จึงเข้มแข็งกว่ากันมาก ต่อให้มัลแวร์ทะลุเข้ามาก็ถูกจำกัดวงอยู่แต่ใน VM เท่านั้น

ไมโครซอฟท์ประกาศว่าได้เริ่มพัฒนาการสนับสนุน WebVR บน Microsoft Edge แล้ว ซึ่งจะทำให้เบราว์เซอร์รองรับการแสดงผลคอนเทนต์ VR บนอุปกรณ์ VR ได้

Chrome และ Firefox สนับสนุนมาตรฐานนี้แล้ว เว็บไซต์ MSPoweruser คาดว่าการสนับสนุนนี้จะมากับอัพเดต Windows 10 โค้ดเนม Redstone 2 ซึ่งจะมาในต้นปีหน้าครับ

ที่มา: Microsoft ผ่าน MSPoweruser

หลังจากที่ Microsoft Edge ได้เพิ่มการรองรับส่วนขยายใน Windows 10 Anniversary Update ที่ผ่านมาก็ได้มีส่วนขยายชื่อดังหลายตัวออกมารองรับเป็นอย่างดี ตอนนี้ส่วนขยาย userscript manager ชื่อดังอย่าง Tampermonkey ได้ปล่อยรุ่นทดลองออกมาให้ใช้กันแล้วครับ เนื่องจากยังเป็นรุ่นทดลองอยู่จึงไม่ได้เปิดให้สามารถค้นหาโดยตรงจากบนสโตร์ได้ แต่สามารถเข้าไปดาวน์โหลดบนสโตร์ได้ผ่านทางลิงก์นี้ครับ

ส่วนใครที่มีปัญหารู้สึกว่าคอมเมนต์ของ Blognone ที่ถูกจำกัดลำดับขั้นนั้นอ่านยาก กดเข้ามารับสคริปต์ได้ด้านในครับ

เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้พิการ (Assistive Technology) เป็นหนึ่งในสิ่งที่ไมโครซอฟท์ให้ความสำคัญบน Windows 10 Anniversary Update ซึ่งเป็นอัพเดตใหญ่ของ Windows 10 ที่เพิ่มอะไรๆ ใหม่มาเยอะพอควรและนั่นก็รวมถึงเวอร์ชันใหม่ของ Microsoft Edge ที่ได้ปรับปรุงฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้พิการไปอย่างมากจนได้รับคะแนนเต็ม 100% เป็นอันดับหนึ่งจากผลการทดสอบการรองรับฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการโดยเว็บไซต์ HTML5 Accessbility

จากประกาศบนบล็อกของไมโครซอฟท์ได้เผยรายละเอียดของการปรับปรุงข้างต้นพอสรุปได้ดังนี้

Microsoft ได้เริ่มเปิดให้นักพัฒนาเริ่มส่งรายงานบั๊กผ่านช่องทางใหม่คือ Twitter โดยติดแท็ก #EdgeBug ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งนอกจาก UserVoice และ Platform Issue ที่ทางบริษัทมีการรับรายงานอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว

สำหรับวิธีแจ้งบั๊ก คือผู้ที่รายงานเพียงแค่ใส่เทสเคสที่จะสามารถทำให้เกิดบั๊กเข้าไปที่ codepen.io, jsfiddle.net, jsbin.com หรือ dabblet.com พร้อมแนบลิงก์ไว้ในทวีต และใช้ข้อความอธิบายบั๊กแค่เฉพาะหัวข้อให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย พร้อมติดแท็ก #EdgeBug

หลังจากที่ไมโครซอฟท์เคยบอกว่ากำลังทำเครื่องมือสำหรับพอร์ตส่วนขยายของ Chrome มาลง Microsoft Edge ตอนนี้เครื่องมือที่ว่าได้เสร็จเรียบร้อยและปล่อยลง Windows Store แล้วในชื่อ Microsoft Edge Extension Toolkit โดยสามารถติดตั้งได้ที่นี่ ครับ

ผมเคยเห็นความเห็นของหลายคนสนใจที่จะย้ายมาใช้ Microsoft Edge แต่ก็ยังติดที่ไม่มี extension ตัวที่ใช้ประจำอยู่ด้วย ในรีวิวนี้ผมจึงจะพาไปทดสอบการแปลง extension ทั่วไปที่ดาวน์โหลดมาใช้ผ่าน chrome web store ธรรมดากันครับ

หมายเหตุ - เช่นเคยอย่างที่เคยพยายามทำ ผมพยายามใส่คำอธิบายให้กับทุกรูปทุกลิงก์ในรีวิวนี้นะครับ เอาเมาส์ชี้อ่านกันดูได้ และรูปผมจะใส่ลิงก์ให้ไปดูรูปใหญ่ไว้ด้วย

เมื่อต้นปีนี้ ไมโครซอฟท์เปิดซอร์ส Chakra เอนจินจาวาสคริปต์ของ Edge โดยใช้ชื่อโครงการว่า ChakraCore พร้อมประกาศว่าจะพอร์ตมันไปยังระบบปฏิบัติการอื่นด้วย

ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศว่า ChakraCore สามารถรันบนลินุกซ์และแมคได้แล้ว โดยทำงานได้กับ Ubuntu 16.04 LTS และ OS X 10.9 ขึ้นไป (ลินุกซ์ดิสโทรอื่นก็สามารถรันได้ แต่ไมโครซอฟท์ทดสอบบน Ubuntu เป็นหลัก) อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ยอมรับว่า ChakraCore บนวินโดวส์ยังมีความสามารถ-ประสิทธิภาพเหนือกว่า และจะเดินหน้าพัฒนาให้ ChrakaCore บนทุกแพลตฟอร์มมีความสามารถทัดเทียมกันต่อไป

Microsoft ได้เพิ่ม Windows Tips ชุดใหม่บน Windows 10 โดยจะเป็นการเตือนผู้ใช้ว่า เบราว์เซอร์ Google Chrome หรือ Mozilla Firefox นั้นกินแบตเตอรี่ของแล็ปท็อป และแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้โดยการไปใช้ Microsoft Edge แทน

ผู้ค้นพบ Windows Tips นี้คือ Rudy Huyn นักพัฒนาแอพบน Windows Phone โดยเขาพบขณะที่กำลังใช้ Chrome อยู่ ซึ่งเมื่อได้ถามไปยัง Microsoft ก็ได้รับคำยืนยันว่าเมื่อใช้งาน Firefox ก็จะขึ้นเตือนแบบนี้เช่นกัน และเพิ่งเปิดใช้งาน Tips เหล่านี้เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งก็เป็นช่วงหลังจากที่ Microsoft เผยผลการทดสอบ Edge ประหยัดพลังงานที่สุด โดยนำมาเทียบกับ Chrome, Firefox, Opera

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์เผยในเว็บเพจ Windows 10 Roadmap ว่า Microsoft Edge บน Windows 10 Mobile อยู่ในระหว่างการพัฒนาให้รองรับส่วนขยาย (extension) แต่ล่าสุดมีคนพบว่าแผนข้างต้นได้ถูกถอดออกจากเว็บดังกล่าวแล้ว

อนึ่ง ไมโครซอฟท์เคยกล่าวในงาน BUILD 2015 ว่าไม่มีแผนเพิ่มการสนับสนุนส่วนขยายของ Microsoft Edge บน Windows 10 Mobile ในช่วงแรก ต้องมาตามกันต่อว่าจะมีข่าวดีในอนาคตหรือไม่ครับ

เมื่อเร็วๆ นี้เราเห็นวิวาทะระหว่าง Microsoft Edge และ Opera ว่าใครเป็นเบราว์เซอร์จอมประหยัดพลังงานกว่ากัน ปัญหาของผลการทดสอบทั้งสองชุดคือวัดผลโดยบริษัทต้นสังกัดเอง จึงมีข้อกังขาเรื่องความน่าเชื่อถือ

นิตยสาร PCWorld ในฐานะคนกลางจึงพยายามทดสอบเรื่องนี้ โดยใช้ชุดทดสอบชื่อ EMBC ที่รันเว็บเพจในสภาพแวดล้อมจำลอง (เบราว์เซอร์ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์จำลองที่ปลอมตัวเป็นเว็บเพจจริง มีการเซ็ตแบนด์วิดท์ให้คงที่ จำลองการเลื่อนหน้าจอขึ้นลง เพื่อตัดปัจจัยผันแปรออกจากการทดสอบออกให้หมด)

ไมโครซอฟท์ปล่อย Windows 10 และ Windows 10 Mobile รุ่นทดสอบ 14372 ให้ Windows Insider กลุ่ม Fast ring แล้ว

รุ่นทดสอบนี้เน้นแก้บั๊กเป็นหลัก มี known issue ฝั่งพีซี คือ คลิกการเชื่อมต่อเครือข่ายหรือ VPN ที่ทาสก์บาร์แล้วไม่เข้าหน้าตั้งค่า และเมื่อเปิดใช้โหมดนักพัฒนาจะเจอ error ส่วน known issue ฝั่งโมบายนั้น คือ มีการปรับฟอร์แมตของไฟล์สำรองข้อมูล หากถอยกลับไป Windows 10 Mobile ตัวจริง (รุ่น 10586) แล้วกู้คืนข้อมูลจะไม่คืนค่า Start screen รวมถึงมีปัญหาแบตเตอรี่บนเครื่องใช้ชิปรุ่น 8974 อย่าง Lumia 830, 930 และ 1520 หมดเร็ว และการเชื่อมต่อไวไฟหลุดเอง

หลังจากที่ไมโครซอฟท์ออกผลการทดสอบการใช้พลังงานของเบราว์เซอร์หลักอย่าง Microsoft Edge, Google Chrome, Mozilla Firefox และ Opera ซึ่งในผลการทดสอบออกมาว่า Microsoft Edge ชนะ

Opera เผยว่า ไมโครซอฟท์ไม่ได้บอกระเบียบวิธีในการทดสอบ ทำให้การทดสอบอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

ในส่วนของผลการทดสอบบน Lenovo Yoga 500 หน้าจอ 14 นิ้ว, หน่วยประมวลผล Intel Core i3 5005U, แรม 4 GB, พื้นที่เก็บข้อมูล 500 GB, ระบบปฏิบัติการ Windows 10, เปิดไฟ backlight ไว้ที่ 100% ปิดการทำงานเบื้องหลังทุกอย่าง

ดูเหมือนกว่าโหมดประหยัดพลังงานของ Opera ที่ช่วยประหยัดแบตถึง 50% จะไม่ได้เจ๋งที่สุดเสียแล้ว

เมื่อไมโครซอฟท์เทียบการใช้พลังงานของเบราว์เซอร์ชั้นนำสี่ตัว คือ Microsoft Edge, Chrome, Firefox และ Opera ในสามรูปแบบ ผลการทดสอบโดยไมโครซอฟท์นี้ก็แสดงให้เห็นว่า Microsoft Edge ชนะในทุกกรณี

ไมโครซอฟท์ยังคงเดินหน้าปรับปรุง Enterprise Mode เพื่อช่วยลดปัญหาความเข้ากันได้กับเว็บเก่าภายในองค์กร ซึ่งอาจทำงานได้ไม่ดีนักเมื่อเปิดด้วยเบราว์เซอร์ที่ไม่รองรับมาตรฐานเก่าอย่าง Microsoft Edge และการปรับปรุงครั้งนี้จะมาพร้อมกับ Windows 10 Anniversary Update ที่จะออกตัวจริงกลางปีนี้

โดยได้ปรับปรุงฟีเจอร์เดิมอย่างการใช้รายการ Enterprise Mode List ในการเลือกเปิดเว็บแอพแบบเก่าด้วย IE11 และในทางกลับกันคือใช้ Enterprise Mode เลือกเปิดเว็บมาตรฐานใหม่ด้วย Microsoft Edge ด้วยการข้ามหน้าแจ้งเตือนก่อนสลับเบราว์เซอร์เป็นค่าตั้งต้น ทำให้การสลับเบราว์เซอร์เป็นไปอย่างอัตโนมัติกว่าเดิมเพื่อลดความสับสนของผู้ใช้งาน

แอพจัดการรหัสผ่าน LastPass ออกส่วนขยาย (extension) สำหรับเบราว์เซอร์ Microsoft Edge แล้ว เบื้องต้นคนที่อยากใช้งานต้องติดตั้ง Windows 10 Insider รุ่นล่าสุด 14352 เท่านั้น (ดาวน์โหลดได้จาก Windows Store)

LastPass ถือเป็นหนึ่งในส่วนขยายชื่อดังที่ไมโครซอฟท์เคยประกาศชื่อไว้ ตอนนี้ส่วนขยายที่มีให้ใช้แล้วคือ AdBlock, AdBlock Plus, Add to Pocket, OneNote และในอนาคตจะมี Amazon กับ Evernote ตามมา

ที่มา - Neowin, WinSuperSite

StatCounter บริษัทที่เก็บสถิติด้านการเข้าเว็บของอินเทอร์เน็ต เปิดเผยว่าตอนนี้ยอดการเข้าชมเว็บไซต์บนเดสก์ท็อปผ่าน Firefox นั้นมากกว่าทั้ง Microsoft Edge และ Internet Explorer รวมกันแล้ว ส่วน Chrome ยังคงเป็นอันดับ 1 อยู่

จากข้อมูลของ StatCounter ระบุว่า Chrome นั้นมีผู้ใช้นับพันล้านคนทุกแพลตฟอร์ม คิดเป็นยอด 60.5% ของ StatCounter แต่สิ่งที่น่าสนใจในสถิติรอบนี้คือ Firefox อยู่ที่ 15.6% แซง Microsoft Edge และ Internet Explorer ที่คิดรวมกันเป็น 15.5% ไปอย่างฉิวเฉียด และตามมาห่างๆ ด้วย Safari และ Opera

ไมโครซอฟท์ออก Windows 10 Insider Build 14342 อัพเดตตัวล่าสุดในสาย Redstone (ต่อจาก Build 14332 เมื่อปลายเดือนเมษายน)

ของใหม่ที่สำคัญในเวอร์ชันนี้ เน้นไปที่ตัวเบราว์เซอร์ Microsoft Edge

• รองรับการดาวน์โหลดส่วนขยายของ Edge โดยตรงจาก Windows Store แล้ว (เวอร์ชันก่อนหน้านี้ต้องดาวน์โหลดไฟล์มาติดตั้งเอง)
• ส่วนขยายสำหรับบล็อคโฆษณา AdBlock และ Adblock Plus (ไมโครซอฟท์แนะนำให้เลือกติดตั้งตัวใดตัวหนึ่ง เดี๋ยวตีกัน)
• Edge รองรับการแจ้งเตือนจากเว็บเพจแบบเรียลไทม์แล้ว ช่วยให้การใช้งานเว็บแอพอย่าง Skype for Web สะดวกขึ้นมาก
• Edge รองรับท่าปัดเพื่อถอยกลับหนึ่งหน้า (swipe to back) โดยปัดนิ้วตรงไหนก็ได้ของหน้าจอ

AdBlock และ AdBlock Plus ได้ออกส่วนเสริมสำหรับ Microsoft Edge เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากรรอให้ Microsft อนุมัติอยุ่ช่วงหนึ่ง

ปัจจุบัน Microsoft Edge ที่สามารถติดตั้งส่วนเสริมได้ยังอยู่ในช่วงพรีวิวเท่านั้น ผู้ที่จะทดสอบต้องลงทะเบียน Windows Insider Preview และอัพเดต Windows 10 ก่อน และดาวน์โหลด AdBlock กับ AdBlock Plus ได้เลย

ที่มา - Engadget